ทองประศรีร้องไห้กระซิกๆอยู่ข้างอาทิจเหมือนเพิ่งถูกข่มขืนไปหยกๆ
ooooooo
ฝ่ายพวกดรุณีมาถึงร้านทองประศรีเห็นปิด
ร้านแล้ว ดรุณีคิดว่าอาทิจไม่น่าวิ่งมาถึงที่นี่ เลยชวนกันกลับกลัวดึกเกินไปคุณย่าจะเป็นห่วง
คุณย่ารออยู่จนสามทุ่มก็ยังกินข้าวไม่ลง น้าแก้วปลอบใจว่า อาทิจไม่ใช่คนวู่วามคงไม่ทำอะไรอย่างขาดสติ และดรุณีเองก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะลุกลามถึงเพียงนี้ เชื่อว่าถ้าอาทิจตั้งหลักได้ก็จะกลับมาเอง คุณย่าอย่าเป็นห่วงมากเลย
คุณย่าคอยจนพวกดรุณีกลับมา เธอบอกว่าช่วยกันตามหาทุกซอกทุกมุมแล้วไม่เจอ อาจเพราะมืดด้วยเลยหายาก บอกคุณย่าว่าพรุ่งนี้จะออกตามหาอีกที ยังไงตนจะต้องพาอาทิจกลับมาหาคุณย่าให้ได้
“ถ้าเขายังอยู่ที่นี่...” คุณย่าเปรยขึ้นเหมือนเสียใจอยู่ลึกๆ ทำให้ดรุณีรู้สึกเหมือนมีอะไรแล่นขึ้นมาจุกแน่นที่คอ...
เมื่อกลับไปห้องนอนตัวเอง ดรุณียังไม่อาจนอนหลับได้ ถามน้าแก้วที่มาดูแลว่า รู้ไหมว่าอาทิจหายไปไหน ตนไม่มีเจตนาให้เรื่องมันบานปลายอย่างนี้เลย กลัวเขาได้รับอันตรายถึงชีวิต น้าแก้วเชื่อว่าอาทิจเป็นคนดีพระท่านต้องคุ้มครอง
ทองประศรียังถอดกางเกงอาทิจไม่สำเร็จ คำมาก็กลับมา เข้าไปด่าทองประศรีว่า พอตนไม่อยู่ก็พาผู้ชายมานอน แต่พอรู้ว่าอาทิจเป็นหลานคุณย่าก็เปลี่ยนเสียง ยุให้จับอาทิจให้ได้ แล้วหันไปข่มขู่อาทิจว่าต้องรับผิดชอบลูกสาวตน ไม่เพียงเท่านั้น ยังสั่งให้ทองประสมเอากระดาษมาให้อาทิจเซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย
อาทิจทั้งเมา ทั้งมึน ปวดหัวรุนแรง แต่เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมเซ็นรับผิดชอบอะไร บอกว่าตนจะกลับบ้านและจะไม่หนีไปไหนด้วย พูดแล้วลุกเดินโซซัดโซเซออกไป สามสาวกับแม่ได้แต่มองไม่กล้าทัดทานแต่อย่างใด
อาทิจกลับไปถึงสวนส้ม อากาศหนาวเย็นในยามดึกและร่างกายที่อ่อนเพลีย ปวดหัวรุนแรง ทำให้เขาทรุดนอนกับพื้น เพ้อ “เราทำอะไรลงไป คุณพ่อ...คุณแม่
คุณย่า...คุณย่าครับ...ผม...ผมขอโทษ” แล้วเขาก็นอนขดตัวหลับไปอย่างโดดเดี่ยวกลางสวนส้ม...
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ต๊อดไปพบอาทิจนอนขดตัวอยู่ในสวนส้ม รีบให้อึ่งกับพันพากลับไปที่ห้อง แล้วรีบไปบอกคุณย่า ทั้งคุณย่า น้าแก้วและดรุณีต่างยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
คุณย่ารีบไปที่ห้องนอนอาทิจที่บ้านพัก พบเขายังนอนหนาวสั่นปากซีดไข้สูงและเพ้อตลอดเวลา คุณย่าโผเข้าหาด้วยความเป็นห่วง สงสาร
อาทิจเพ้อขอโทษแม่ไม่ขาดปาก เพราะจิตใต้สำนึกของเขายังจำคำสอนของแม่ได้เสมอ ทั้งเรื่องการรักษาศีล 5 โดยเฉพาะคือเรื่องดื่ม แม่สอนว่า “แม่ขอให้ลูกดื่มอย่างมีสติ ให้ใจเราเป็นนายเหล้า ไม่ใช่ยอมให้เหล้าเป็นนายเรา รับปากแม่ได้ไหม”
เวลานั้นเขารับปากแม่ว่า “ครับคุณแม่ ผมจะอยู่ห่างมันให้มากที่สุดครับ” แต่วันนี้เขาผิดคำสัญญาที่ให้กับแม่ ยิ่งเมื่อนึกถึงคำข่มขู่ให้รับผิดชอบต่อทองประศรีที่ถูกกล่าวหาว่าเขาข่มขืนขณะเมา อาทิจก็ยิ่งรู้สึกผิดจนเพ้อตลอดเวลา
เมื่อเริ่มได้สติและเห็นคุณย่ามานั่งเฝ้าอยู่ อาทิจเอ่ยอย่างอ่อนล้า “ผมขอโทษ...” แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
คุณย่าตกใจ เอามืออังหน้าผากแล้วบอกดรุณีให้รีบโทรศัพท์ตามหมอ หันไปถามอึ่งกับพันว่าเช็ดตัวให้อาทิจบ้างหรือยัง ทั้งสองบอกว่ายังเพราะไม่กล้า กลัวเขาชัก คุณย่าจึงจะเช็ดตัวให้เอง สั่งต๊อดให้รีบติดไฟต้มน้ำ
เช็ดตัวให้อาทิจแล้ว คุณย่าบอกอึ่งกับพันให้เอาผ้าคลุมตัวอาทิจ แล้วบอกอึ่งกับพันให้ไปทำงานได้แล้ว แต่ให้ต๊อดแวะไปบอกดรุณีให้ทำข้าวต้มกับไข่เจียวมาให้อาทิจด้วย
พอต๊อดบอก ดรุณีโวยวายว่าทำไมต้องเป็นตน โบ้ยว่าน่าจะเป็นน้าแก้ว โยนกลองให้จิ๋วแจ๋ว แต่จิ๋วแจ๋วต้องไปดูแลอาหารให้คนงาน น้าแก้วหว่านล้อมว่า
“ไปต้มข้าวต้มให้พี่เขาเถอะค่ะคุณณี ถ้าคุณณีรู้สึกผิด การทำอาหารให้ก็นับเป็นการขอโทษที่ดีนะคะ”
“ได้...หนูจะทำ แต่ไม่ใช่หนูรู้สึกผิดอะไรกับนายอาทิจนะคะ หนูแค่ไม่อยากรู้สึกผิดถ้าต้องขัดคำสั่งคุณย่าเท่านั้น”
พูดแล้วลุกเดินเชิดออกไป น้าแก้วถอนใจแต่ก็อดยิ้มไม่ได้กับอารมณ์ที่จะเอาชนะคะคานกับอาทิจของดรุณี
ooooooo
หมอมาตรวจอาทิจแล้วบอกให้ต้องพักผ่อน 3–4 วัน ยาฆ่าเชื้อต้องกินให้หมด ส่วนยาตัวอื่นถ้าไม่มีอาการแล้วก็หยุดกินได้
คุณย่าให้น้าแก้วไปส่งหมอ อาทิจมองคุณย่าด้วยแววตาร้อนผ่าว พิษไข้ทางกายแม้จะรุนแรงแต่ก็ยังน้อยกว่าพิษที่ค้างอยู่ในใจมากมายนัก...เขาบอกคุณย่าว่ามีเรื่องที่ต้องสารภาพผิด คุณย่าเข้าใจว่าเป็นเรื่องหน่อกล้วย บอกว่า การที่เราไม่รู้เรื่อง เรื่องอะไรมันไม่ใช่ความผิด
“คุณย่าครับ...มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น...มัน...”
อาทิจไม่ทันพูดจบ ดรุณีก็เอาข้าวต้มกับไข่เจียวจักรพรรดิเข้ามา คุณย่าเลยบอกให้ลุกขึ้นมากินข้าวต้มก่อน
แล้วดรุณีก็เซ็งสุดๆ เมื่ออาทิจลุกไม่ขึ้น คุณย่าก็ให้มาช่วยประคอง อาทิจกินไม่ถนัดก็บอกให้ป้อน
เธอตักข้าวต้มร้อนๆป้อนก็ถูกคุณย่าบอกให้เป่าก่อน
เธอก็เป่าพรวดๆจนข้าวต้มกระเด็นไปติดหน้าอาทิจ คุณย่าส่งผ้าให้เช็ด เธอก็เช็ดพรืดๆแล้วป้อนใหม่โดยไม่ยอมมองหน้า ทำให้ช้อนกับปากไปกันคนละทิศละทาง จนอาทิจต้องอ้าปากไล่งับช้อนทุลักทุเล
ป้อนเสร็จคุณย่าถามอาทิจว่าอร่อยไหม พออาทิจบอกว่าอร่อย คุณย่าก็สั่งดรุณีให้ทำมาทุกมื้อจนกว่าอาทิจจะหาย ดรุณีเซ็งจนอยากจะกลั้นใจตายเสียตรงนั้นเลย
ข่าวอาทิจข่มขืนทองประศรีไปถึงหูประเวทย์เพราะนายอำเภอโทร.มาบอกด้วยเกรงเรื่องจะกระทบกระเทือนถึงผู้ว่าฯและคุณย่า
วิยะดาไม่เชื่อว่าอาทิจจะหน้ามืดขนาดนั้น ส่วนเวทางค์สะใจเพราะเท่ากับกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ ตนจะได้จีบดรุณีได้อย่างไร้คู่แข่ง
ooooooo
อาทิจป่วยครั้งนี้ ดรุณีถูกคุณย่าสั่งให้ดูแลเขาทุกอย่าง ตั้งแต่เช็ดตัวจนซักเสื้อผ้าให้ เมื่ออาทิจแข็งแรงขึ้น คุณย่าเรียกทั้งสองมานั่งซ้ายคนขวาคน อบรมว่า
“เราสองคนเป็นคนที่ย่ารักมาก ถึงจะเป็นหลาน
แต่ย่าก็รักเหมือนลูก หวังจะปลูกฝังให้เป็นหลักเป็นฐานมั่นคงต่อไป เราสองคนเป็นรุ่นสุดท้ายปลายแถวแล้ว
ต้องช่วยกันเก็บและกวาด แบ่งงานแบ่งหน้าที่กันสองคนเมื่อย่าเป็นอะไรไป”
“คุณย่าอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” ดรุณีใจคอไม่ดี
คุณย่าบอกว่า เราต้องยอมรับความจริงว่าคนเราไม่อาจอยู่ค้ำฟ้าได้ บอกอาทิจว่า
“พ่ออาทิจเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็จริง แต่ย่าก็เห็นแก่พ่อของหลานที่ไม่ได้อะไรจากย่าเลยนอกจากเงินที่ขโมยไปเท่านั้น ลูกคนอื่นๆเขาได้กันจนตั้งเนื้อตั้งตัวได้หมดแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าพ่ออาทิจทำตัวดี ก็จะได้ส่วนที่พ่อเราเขาจะได้แทน ส่วนแม่ณี...ย่าเลี้ยงมากับมือ ย่าก็รักเหมือนลูก”
ดรุณีโผกอดคุณย่าพูดน้ำตาคลออย่างซาบซึ้งว่า “หนูก็รักคุณย่าค่ะ”
คุณย่าสั่งเสียว่า ย่าตายอยู่กับใครคนนั้นก็จะได้ทรัพย์สมบัติที่เหลืออยู่ไปดูแล คุณย่าชี้แจงว่า
“มันไม่ใช่เงินทองมหาศาล แต่มันเป็นที่ดินทำกินซึ่งถ้าเราดูแลดีๆมันก็จะอยู่กับเราต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน เวลานี้ย่าก็เห็นแต่เราสองคนที่จะช่วยกันปกป้องดูแลคนในบ้านและคนงานให้อยู่เย็นเป็นสุขแทนย่าได้ ย่าขอให้เราสองคนปรองดองกันหน่อยได้ไหม ย่าขอร้อง แม่ณีก็อย่าอิจฉาพี่เขาเลย ถึงย่าจะแบ่งสมบัติให้พี่เขาไปแล้ว ในส่วนที่เป็นของเราจะกินไปจนตายก็ไม่หมด”
ดรุณีทำหน้างอนๆ บอกว่าตนไม่ได้อิจฉาอาทิจ แค่กลัวคุณย่าจะรักเขามากกว่าตนเท่านั้น อาทิจจึงเอ่ยขึ้นว่า
“คุณย่าครับ รักผมให้น้อยกว่าคุณณีสักนิดหนึ่งก็ได้ครับ ให้คุณณี 99% ผมขอแค่ 1% ก็พอ”
เห็นทั้งสองอ่อนข้อให้กัน คุณย่าบอกดรุณีให้ขอโทษอาทิจเรื่องหน่อกล้วยป่าเสีย ดรุณีจำใจยกมือไหว้แบบขอไปที กระชากเสียง “ขอโทษ” คุณย่าอบรมเรื่องมารยาทอีกเล็กน้อยแล้วกำชับว่า ต่อไปให้เรียกอาทิจว่าพี่ เพราะตัวเองเป็นน้องแล้วมาเรียกเขาว่า “นายอาทิจ” มันไม่เหมาะ ทำเอาดรุณีแทบจะร้องไห้ออกมาทำท่าจะโต้แย้ง อาทิจสงสารเลยตัดบทว่า
“เอาเถอะครับคุณย่า คุณณีถนัดจะเรียกผมยังไงก็แล้วแต่สะดวกเถอะครับ อย่าบังคับเธอเลย ถ้าวันหนึ่งผมทำให้คุณณีเรียกผมว่า “พี่” ได้อย่างสนิทใจ เธอจะเรียกเองครับ”
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 5 วันที่ 3 กรกฎาคม 2555
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์