หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1
บ่ายวันนั้นภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูที่แสนทันสมัยแห่งหนึ่ง เวทีขนาดไม่ใหญ่มากตรงเบื้องหน้านั้นถูกออกแบบเพื่อโชว์โครงสร้างของเหล็ก อันบ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายที่มั่นคง เปิดเผย พร้อมกับมีสัญลักษณ์ “M Group” ติดตระหง่านอยู่อย่างเรียบ แต่ดูเท่ และแฝงความหรูอยู่ในตัว
เสียงดนตรีเทคโนจังหวะสนุกสนานทันสมัยดังกระหึ่ม กระชั้นถี่เร่งเร้าอารมณ์ผู้คน แดนเซอร์สาวในชุดนักบิดมอเตอร์ไซค์สุดเก๋ไก๋ เกือบสิบคนวิ่งออกมาเต้นตามจังหวะอย่างแข็งขัน แฝงและเจือปนความเซ็กซี่เล็กๆ อยู่ในโชว์ชุดนั้น


ด้านล่างของเวทีเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงแบบคอกเทลขนาดกลาง แขกเหรื่อหนุ่มสาวหน้าตาดี ในชุดทันสมัย เดินไปมาอยู่ในงาน ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่วัยตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป จนถึงหนุ่มใหญ่วัย 50 ปี แต่ละคนล้วนดูมีฐานะแทบทั้งสิ้น ขณะที่สาวๆ ในงานแต่งตัวเซ็กซี่ดูดี มีชาติตระกูลยืนอยู่เป็นกลุ่มๆ
หลังการออกเสตปจากบรรดาแดนเซอร์สาวเสร็จสิ้นและวิ่งเข้าหลังเวที เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟกลางเวทีสว่างขึ้น “อรุณศรี” ยืนอยู่ในชุดราตรีสวยสง่า ความสวยคมของอรุณศรีทำให้หนุ่มๆ ในงานถึงกับนิ่งงัน หันมามองเป็นตาเดียว เสียงดนตรีเฟดเบาลง อรุณศรีพูดต้อนรับผู้มาร่วมงานผ่านไมค์ไร้สาย
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร “เอ็ม กรุ๊ป” ผู้นำเข้ายานยนต์ที่ตอบสนองความฝันของผู้ที่รักความเร็ว และลุ่มหลงในความงามของนวัตกรรมยานยนต์”
ผู้คนในงาน มองไปที่อรุณศรีเป็นตาเดียว อรุณศรีตรึงคนในงานได้อย่างอยู่หมัด ในความนิ่งของผู้คนในห้องนั้น มีชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่เดินอยู่... เขาคือ “กริชชัย” ที่อยู่ในชุดสูทเรียบเก๋ เดินผ่านผู้คนไปยืนมองอรุณศรี
กริชชัยมองไปบนเวที ด้วยแววตาที่นิ่งขรึม แฝงไว้ด้วยความพึงพอใจ และแอบมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ชื่นชมในใบหน้าคม สวย มีเสน่ห์ ฉายประกายโดดเด่น
“เอ็มกรุ๊ปถือกำเนิด เติบโต และยืนหยัดอยู่ในวงการมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ” อรุณศรีกล่าวต่อ

ย้อนไปเมื่อ 10 เดือนก่อนภายในบริษัทเอ็มกรุ๊ป กริชชัยอยู่ในชุดลำลอง สวมเสื้อยืดเก๋ๆ และกางเกงยีนส์ ในมือถือสมุดสเก็ตภาพอยู่หลวมๆ เขาเดินอยู่มุมหนึ่งของอาคารในชั้นที่ 5 ซึ่งระเบียงที่เปิดโล่ง เขามองลงไปเห็นสวนและน้ำพุ เขารีบเดินด้วยความรีบร้อน และในจังหวะที่เลี้ยวออกมาจากมุมตึก เขาชนเข้ากับหญิงสาวคนนั้นอย่างจัง … โครม !!
“เฮ้ย....” / “ว้าย...”
กริชชัย ร้อง ในขณะที่ฝ่ายหญิงร้องขึ้นพร้อมกัน
จังหวะนั้นสมุดสเก็ตภาพของกริชชัยที่ถืออย่างหลวมๆ หล่นลงที่พื้นดังตุ๊บ เขาเงยหน้ามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า... ผู้หญิงตรงหน้าเขาคือ คุณป้าผมม้า แว่นหนาเตอะ
“ขอโทษครับ” กริชชัยขอโทษด้วยความสุภาพ
ระหว่างนั้น สมุดสเก็ตถูกลมพัดจนเปิดออก เผยให้เห็นภาพสเก็ตรูปรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์มากมาย ซ้อนๆอยู่ในสมุด ลมพัดมาอีกระลอกกระดาษภายในแฟ้มปลิวกระจายอย่างรวดเร็วเสียงดังฟึ่บ !!!
“เฮ้ยยยย” !! กริชชัยตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
เขารีบวิ่งเก็บรูป โดยมีป้าแว่นรีบช่วยเก็บด้วยความร้อนรน
ภาพสเก็ตรูปรถบางส่วนปลิวลงมาที่สวนเบื้องล่าง อรุณศรีซึ่งเดินพออยู่ที่บริเวณนั้นพอดี เอื้อมมาหยิบภาพที่ปลิวมาลงมาตรงหน้า เธอแอบทึ่งในความสวยของภาพสเก็ตนั้น อรุณศรีกวาดตามองเห็นมีมีอีกหลายรูปปลิวกระจายอยู่มากมาย เธอจึงรีบเก็บด้วยความกระตือรือร้น
กริชชัยโผล่หน้ามาจากระเบียง เห็นอรุณศรีในชุดทำงานทะมัดทะแมง กำลังวิ่งเก็บรูปอยู่ก็แปลกใจ เขาเพ่งมองพิจารณาไปถึงสัดส่วนที่เซ็กซี่ ใบหน้าคมเข้ม แววตาจริงจัง ขนาดเพ่งมองจากด้านบนยังสะกดเขาได้ขนาดนี้ เขามองเธอวิ่งเก็บภาพที่ลอยอยู่ตามแรงลม จนอดเปรียบกับนางฟ้าที่กำลังวิ่งไล่เก็บดอกไม้ที่ลอยอยู่ในสรวง
สวรรค์ไม่ได้
“นี่ค่ะคุณ...” กริชชัยรู้สึกตัว ออกอาการสะดุ้งนิดๆ รีบหันมา ก็เห็นป้าแว่นยื่นรูปให้
“ขอบคุณมากครับ”
รับรูปจากป้าแว่นแล้วกริชชัยก็รีบวิ่งลงบันไดไปเพื่อจะไปเก็บภาพข้างล่างและตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาวที่มีน้ำใจคนนั้น
ทางด้านอรุณศรียังวิ่งเก็บภาพมาถึงบริเวณน้ำพุ มองแล้วก็ตัดสินใจก้มลงถอดรองเท้า ขณะที่กริชชัยวิ่งลงมาตามบันไดจากชั้น 4 มาชั้น 3 ก็แวะชะโงกหน้ามองหญิงสาว แล้วก็ตกใจ
“เฮ้ย...” กริชชัยเห็นเธอถอดรองเท้าลุยลงไปในน้ำพุ เพื่อเก็บภาพสเก็ตที่ลอยอยู่ในน้ำ ก็อดทึ่ง อึ้ง และประทับใจผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขารีบวิ่งลงบันได หวังจะไปช่วยและกล่าวคำขอบคุณ
อรุณศรีขึ้นจากน้ำ เงยหน้าเห็นมีภาพสเก็ตอีกแผ่นหนึ่งติดอยู่ที่ต้นไม้
กริชชัยที่วิ่งจากชั้น 3 ลงมาที่ชั้น 2 แล้วแวะชะโงกดูอีกที
“เฮ้ยย...”
กริชชัยตกใจร้องอีกรอบ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นปีนอยู่บนต้นไม้ เพื่อเก็บภาพสเก็ตอย่างตั้งใจ เขาประทับใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และยืนมองแล้วยิ้มด้วยความลืมตัว
พอรู้สึกตัวก็รีบวิ่งต่อมาจากที่ชั้น 2 ลงมาที่ชั้น 1 และรีบวิ่งตรงไปที่สวนทันที

กริชชัยวิ่งพรวดมาถึงสวน แล้วก็กวาดสายตามองซ้ายมองขวา เห็นสวนว่างเปล่า ไม่มีหญิงสาวคนนั้นอยู่แล้ว มีเพียงรปภ.ที่กำลังวางกระดาษภาพสเก็ตแผ่นที่เปียกน้ำไว้ที่ม้านั่ง ส่วนแผ่นที่แห้งถูกวางรวมกันอยู่อย่างเรียบร้อย
กริชชัยรีบวิ่งตรงมาทางรปภ. แล้วถามขึ้นอย่างร้อนรน
“ผู้หญิงคนที่เก็บภาพพวกนี้อยู่ไหน ?”

เวลาต่อมาภายในห้องสอบสัมภาษณ์ อรุณศรีกำลังพูดถึงสมรรถนะของรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมี “เบญลี่” และพนักงานอีกสองคนนั่งฟังและคอยให้คะแนน เธอพูดอย่างคล่องแคล่ว บุคลิกดี สวย สง่า และน่ามอง
กริชชัยยืนดูอยู่ที่นอกห้องด้วยความสนใจ กริชชัยยิ้มแอบเจ้าเล่ห์ และหยิบโทรศัพท์มือถือมากดข้อความแล้วส่งไปให้เบญลี่ทันที
จังหวะนั้นมือถือเบญลี่มี 1 ข้อความเข้ามา “ 1 ข้อความ จาก คุณกริชชัย” เบญลี่ปรายตามอง ตอนแรกไม่สนใจ แต่พอเห็นชื่อก็รีบหยิบมาเปิดอ่านอย่างกุลีกุจอ พออ่านแล้วก็งง มองซ้ายมองขวา แต่ไม่เจอเจ้าของข้อความ เบญลี่หันมาถามอรุณศรีที่นั่งรอสัมภาษณ์อยู่ตรงหน้า ในน้ำเสียงแอบงงเล็กน้อย
“เมื่อครู่ มีรปภ.แจ้งว่าคุณวิ่งเก็บกระดาษอยู่ในสวน”
เบญลี่พูดไปขณะเดียวกันก็รู้สึกงงๆ กับข้อความที่กริชชัยใคร่รู้และส่งมาให้ถาม
อรุณศรีฟังแล้วเลิกคิ้ว รู้สูกแปลกใจ เพราะมันไม่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ในตอนนี้แต่อย่างใด

“เราอยากรู้เหตุผลว่า..คุณวิ่งตามเก็บกระดาษพวกนั้นทำไม” เบญลี่ถาม
กรรมการอีกสองคนก็หันมามองด้วยความงง เบญลี่ทำหน้าใส่คิดในใจว่า
‘อย่ามางง..เพราะฉันก็งงเหมือนกันย่ะ’
อรุณศรีคิดแล้วก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันเสียดายค่ะ เพราะรูปพวกนั้นมันสวยมาก คนวาดคงจะตั้งใจวาดมันขึ้นมา ถึงฉันไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่ฉันคิดว่าเค้าคงไม่อยากให้มันเสียหาย”
กริชชัยที่ยืนแอบฟังอยู่ มองหน้า ดูแววตาอรุณศรี ด้วยสัญชาตญาณ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก
“ฉันก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ และทำให้ดีที่สุดค่ะ !”
อรุณศรีพูดต่อระบายยิ้มที่ริมฝีปาก ในอาการสบายๆ กริชชัยซึ่งแอบฟังอยู่ แอบยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว เบญลี่เหลือบไปเห็นกริชชัยพอดี
“ท่านคะ !!” เบญลี่เรียกขึ้น
อรุณศรีแปลกใจหันไปตามสายตาของเบญลี่ แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว อรุณศรีแปลกใจนิดๆ พลางคิดในใจว่า “ท่านไหน ?” ที่เบญลี่โพล่งขึ้น

กริชชัยดึงความคิดตัวเองกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง ภายในโรงแรม เขายังยืนอยู่ที่มุมเดิม เขามองอรุณศรีที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยแววตาชื่นชมเหมือนเดิม อรุณศรียืนสวยสง่างามอยู่บนเวที และพูดต่อ
“และในวันนี้..ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างสำคัญของพวกเราชาวเอ็มกรุ๊ป”
ขณะที่กริชชัยยืนฟังอยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่จัดอีเว้นท์เดินมาหาและกล่าวเชิญให้เข้าประจำที่ กริชชัยพยักหน้ารับกระชับสูทและเดินตามไป
“ก้าวที่เราภาคภูมิใจ และถือเป็นก้าวใหม่ที่จะพาเอ็มกรุ๊ปก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง” เสียงอรุณศรีที่ยังคงแนะนำบริษัทอยู่บนเวทีดังขึ้น
“ขอเชิญทุกท่านพบกับประธานกรรมการบริหารคนใหม่ ทายาทรุ่นที่ ๓ แห่งอาณาจักรเอ็มกรุ๊ป คุณกริชชัย พงษ์โภคิน !!” อรุณศรีพลางผายมือไปด้านหลัง และเดินเลี่ยงลงข้างเวที
เสียงปรบมือดังกระหึ่ม พร้อมๆ กับเสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์คันโตเกือบ ๑๐ คัน ที่สตาร์ทขึ้นพร้อมกัน กระหึ่มไปทั้งฮอลล์ ช่างภาพ นักข่าว ตั้งกล้องเตรียมพร้อมฟึ่บฟั่บ !!
รถมอเตอร์ไซค์คันโตสุดเก๋ เท่ โคตรๆ ค่อยๆ ทยอยเคลื่อนขึ้นมาบนเวที อย่างสุดอลังการ เสียงดนตรีกระหึ่มชวนฮึกเหิม รับกับภาพรถแต่ละคันที่ค่อยๆ เคลื่อน และคลี่ตัวออก..เผยให้เห็นกริชชัยที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด เปิดตัวอย่างเท่...
กริชชัยอยู่ในชุดสูทพอดีตัว เสริมบุคลิกนิ่งให้ยิ่งดูเท่สมกับเป็นผู้บริหารยุคใหม่ ช่างกล้องภาพนิ่งและช่างกล้องโทรทัศน์กระหน่ำถ่ายกันอย่างเต็มที่ แสงแฟลชวูบวาบไปทั้งงาน
จังหวะนั้นอรุณศรีเดินลงมาจากเวทีไปสมทบกับเบญลี่ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งข้างเวที ขณะกำลังเดินอรุณศรีเห็นสาวๆ ที่ยืนอยู่ในงานมองกริชชัยด้วยความชื่นชม กรี๊ดกร๊าดอย่างแรง จนเธอแอบอึ้งในความแรงของสาวๆ
เบญลี่กำลังถ่ายรูปกริชชัยผ่านมือถือด้วยความปลาบปลื้มชื่นชม
“ต๊ายยย..เจ้านายเท่มวาก...” เบญลี่กรี๊ด
“พี่เบญลี่ !!” อรุณศรีทัก เบญลี่หันตามเสียงแต่ไม่สนใจ พลางกล่าวว่า
“เดี๋ยวก่อนแอ๊ว .. นาทีนี้อย่าเพิ่งกวน พี่ขอเก็บรูปท่านประธานก่อน ส่วนเธอไว้ทีหลัง”
อรุณศรียิ้มๆ พลางส่ายหน้า .. คิดในใจ “เอาเข้าไป”

อรุณศรีหันไปมองกริชชัยที่เวที เขายืนอยู่ข้างๆ รถที่จอดดับเครื่องเรียงอยู่อย่างสวยงาม บรรดานายแบบที่ทำหน้าที่ขี่รถลงมายืนอยู่ข้างๆ เหมือนเป็นบอดี้การ์ดล่ำบึ้ก เสริมให้กริชชัยดูเท่หนักขึ้นไปอีก ห้วงเวลานั้นอรุณศรีสังเกตเห็นว่าบรรดาสาวๆ ทั่วทั้งงานกำลังจับจ้องมองกริชชัยตาเป็นมัน
“ท่านประธานขาโหด..ฮอตเหมือนกันแหะ..” อรุณศรีพึมพำกับตัวเอง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

วันนั้นเป็นวันที่อรุณศรีมาเริ่มงานเป็นวันแรกที่บริษัทเอ็มกรุ๊ป และพบกับเบญลี่ ทั้งคู่เดินคุยกันไป
“พี่ชื่อเบญลี่เป็นเลขาท่านประธาน แล้วหนู....”
“แอ๊วค่ะ ..” อรุณศรีแนะนำตัว อย่างเป็นกันเอง
“โอเค..น้องแอ๊วเป็นพนักงานคนแรกที่เข้ามาทำในตำแหน่งประชาสัมพันธ์พิเศษ เรื่องรายละเอียดการทำงานพี่จะค่อยๆ บอก วันนี้วันแรกคงยังไม่มีอะไรมาก ไป..พี่จะพาไปที่โต๊ะ”
“ค่ะ”
เบญลี่เดินนำอรุณศรีไปตามทาง โดยไม่รู้ว่ากริชชัยเดินออกมาทางด้านหลัง และมองตาม วันนี้เขาอยู่ในชุดสูท ดูเท่ ขรึม ต่างจากเมื่อตอนที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อย่างสิ้นเชิง
กริชชัยมองตามอรุณศรีด้วยความสนใจไม่วางตา อรุณศรีรู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันขวับมาตามสัญชาตญาณ เธอเห็นกริชชัยยืนมองอยู่ เขามองด้วยสายตานิ่งๆ แอบอมยิ้มนิดๆ ไม่พูดไม่จาแล้วก็เดินไป อรุณศรีมองตามงงๆ คิดในใจ “ใครเนี่ย?”

ครู่ต่อมาอรุณศรีนั่งอยู่ในห้องประชุมกับพนักงานอีก 3 - 4 คน สักพักเธอรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง ไม่ใช่ใครอื่น กริชชัยนั่นเองยืนมองอยู่ แต่ทันทีที่สบตากัน เขากลับหันหน้าหนีและเดินไป อรุณศรีขมวดคิ้วอย่างงงๆ พลางพึมพำออกมา “ใครเนี่ย!!”

เช้าวันหนึ่งขณะที่อรุณศรีเดินกำลังจะเข้าออฟฟิศ เธอรับรู้ด้วยสัญชาติญาณว่า มีคนมองอยู่ ทันทีที่หันไปเธอก็พบกับกริชชัยนั่งกินกาแฟอยู่ที่ร้านกาแฟหรูหน้าที่ทำงาน เมื่อเธอสบตา เขากลับก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ อรุณศรีขมวดคิ้วพูดกับตัวเอง ”อีกแล้วนะ”
เวลาต่อมาอรุณศรีกำลังซ้อมการพรีเซนต์รถยนต์รุ่นใหม่อย่างตั้งใจ รู้สึกมีคนมอง หันไปเห็นกริชชัยมองมาจากชั้นบน ครั้นเมื่อเธอสบตาเขากลับหันหน้าหนีแล้วก็เดินไปอีก อรุณศรีถึงกับกอดอกแสดงท่าทีไม่พอใจ

ขณะที่อรุณศรีกำลังนั่งเขียนสคริปต์ ข้างๆ ตัวมีหนังสือเครื่องยนต์มากมายวางอยู่ อรุณศรีเขียนแล้วไม่ถูกใจก็ขยำๆ ปาทิ้งแต่ไม่ลงถังขยะ ซึ่งข้างๆ ถังมีกระดาษที่ปาไม่ลงถังตกเกลื่อนกลาด สักพักกริชชัยก็เดินมายื่นมือออกเหมือนจะหยิบกระดาษใส่ถังให้ แต่ไม่.. เขากลับหยิบถังขยะขึ้นมา แล้วก็วางไว้ข้างๆ อรุณศรีแทน
อรุณศรีชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง เขายืนอยู่ในระยะกระชั้นชิด อรุณศรีเลื่อนเก้าอี้ถอยออกมาเล็กน้อย..เพราะไม่แน่ใจว่า เขาที่ยืนตรงหน้าคนนี้เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า
กริชชัยเห็นกิริยาของเธอแล้วขำ แต่พยายามจะกลั้นยิ้ม สองคนสบตากัน อรุณศรีลุ้นว่า ชายหนุ่มตรงหน้าจะพูดอะไรหรือเปล่า แต่แล้วเขากลับไม่พูด แค่มองหน้าชั่วหนึ่งอึดใจแล้วก็เดินไป อรุณศรีมองตามด้วยความงง และความอดทนของเธอก็สิ้นสุด
“เดี๋ยวค่ะ..อย่าเพิ่งไป!!” อรุณศรีลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นมา
กริชชัยหยุดตามสั่ง อรุณศรีเดินมาเผชิญหน้า กอดอก
“คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” อรุณศรีถามแบบตรงไปตรงมา
“ทำไมผมต้องมีปัญหากับคุณ” กริชชัยตอบแกมถามกลับ
“ฉันเห็นคุณแอบมองฉันมานานแล้ว...คุณ...คิดอะไรหรือเปล่า”
อรุณศรีจ้องมองเขาเขม็งขณะถาม กริชชัยถึงกับสะอึก หน้าแดงวาบ พูดไม่ออก อึ้ง...และเสียงหัวใจเต้นแรง
“ถ้าคุณมีปัญหาอะไร คุยกันตรงๆ ก็ได้นะคะ แอบมองฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือถ้าคุณจะคิดอะไรที่มัน..เอ่อ..อย่างนั้นน่ะ”
กริชชัยขมวดคิ้วงงเล็กน้อย แต่อรุณศรีพูดต่อ
“ฉันขอบอกก่อนเลยนะว่าฉัน..มีแฟนแล้ว” อรุณศรีจงใจย้ำให้น้ำหนัก 3 คำหลัง
“ขอบคุณที่บอก” กริชชัยพยายามควบคุมน้ำเสียง ไม่ให้ตื่นเต้น และรีบชี้แจงว่า
“และผมขอโทษ ถ้าทำให้คุณรู้สึกว่าโดนคุกคาม แต่ทุกอย่างที่ผมทำ..ผมทำตามหน้าที่”
อรุณศรีคลายวงแขนออกจากกอดอก มาเป็นท้าวเอว
“หน้าที่อะไรคะ? อย่าบอกนะว่าคุณมีตำแหน่งเป็นกล้องวงจรปิดของบริษัท” อรุณศรีพูดกวนๆ
แต่ยังไม่ทันที่กริชชัยซึ่งอ้าปากกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเสียงเบญลี่ก็ดังขึ้นและรีบวิ่งถลาเข้ามา
“ท่านประธานคะ!!! ท่านประธาน... เชิญท่านประธานที่ห้องประชุมได้เลยค่ะ”
อรุณศรีถึงกับสะอึกทันที
“หะ ท่านประธาน” อรุณศรีมองจ้องหน้ากริชชัยอีกที อย่างไม่แน่ใจ
“ใช่..ผมเอง..กริชชัย พงษ์โภคิน ซีอีโอของที่นี่” กริชชัยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมพูดต่อ
“ส่วนคุณ...อรุณศรี ไตรสถาพร เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์พิเศษ”
อรุณศรีหน้าเจื่อนลงทันใด พลางพูดเบาๆ ว่า “โห..เต็มยศ”
“เดี๋ยวคุณเข้าประชุมด้วย ในงานเลี้ยงเปิดตัวผม.. คุณมีงานสำคัญต้องทำ”
“เอ่อ...ค่ะ”
อรุณศรีถึงกับหน้าจ๋อยนิด คอตก..พลางคิดในใจ “ซวยจริงเว้ย”
กริชชัยเดินนำไป เบญลี่หันมาลากอรุณศรีให้เดินตามไปด้วย

ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม อรุณศรียังยืนอยู่ที่เดิม สายตาเธอมองเขาผู้เป็นเจ้านายด้วยแววตากระอักกระอ่วนใจ และยังใจหายไม่เลิกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 เดือนก่อนที่ย้อนกลับมาในหัวเมื่อครู่นี้
บนเวทีขณะนั้นกริชชัยยืนอยู่อย่างเท่.. กริชชัยยืนอยู่ที่โพเดียม..เสียงดนตรีเงียบลง กริชชัยพร้อมจะพูด ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงรอฟังอยู่อย่างใจจดจ่อ เมื่อเขากำลังอ้าปากจะพูด ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ตื้ด.... !!
“เฮ้ย...!!” กริชชัยชะงัก
เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ .. วิถีของเสียงใกล้กับตัวเขามาก กริชชัยปรายตามาที่ต้นเสียง
ก็เห็น ธีธัช ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ในชุดหนังอย่างเท่ ผิวขาวเด้ง โดดเด่นกว่าคนอื่น ยืนรวมกับหนุ่มๆ บอดี้การ์ด ธีธัชยืนอยู่ใกล้กริชชัยมากที่สุด ระหว่างนั้นธีธัชยิ้มหล่อหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าเวที โดยไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ยังดังอยู่
กริชชัยตัดสินใจถอยห่างจากไมค์ เบี่ยงหน้ามาทางธีธัช กัดฟันเรียกด้วยความเซ็ง
“ไอ้ธี!!”
ธีธัชหันมาทำหน้างงๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง..ตื้ด...! ธีธัชสะดุ้งนิดๆ เพิ่งรู้ตัวจึงรีบตะปบมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทันที แล้วก็กดปิดเสียง !! ธีธัชยิ้มแห้งๆ...แหะๆ .. รู้สึกผิดนิดหน่อย แล้วก็ปั้นหน้ายิ้มให้สาวๆ ต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
สาวๆ หน้าเวทีขำคิกคัก กริชชัยหันหน้ากลับมาที่โพเดียมพยายามทำอารมณ์ไม่ให้เซ็ง..และเริ่มกล่าว
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้”

ที่ข้างเวที อรุณศรีซึ่งมองธีธัชอยู่ อดเอียงหน้ามาถามเบญลี่ ทั้งที่ตายังมองบนเวทีอยู่
“โมเดลคนนี้มาจากไหนคะ ? ไม่มีมารยาทเลย เอามือถือขึ้นเวทีแล้วยังเปิดไว้อีก” อรุณศรีถาม เธอหมายถึงธีธัช!
“คนนี้ไม่ใช่นายแบบจ้ะ แต่เป็นเพื่อนสนิทของคุณกริช” เบญลี่บอก
“เพื่อนสนิท”
“มาก...ชื่อคุณธีธัช พี่เห็นหล่อดีเลยเชิญมาเป็นนายแบบกิตติมศักดิ์”
“อ๋อ” อรุณศรีพยักหน้ารับ.. แล้วก็หันไปทางหน้าเวที ขณะที่ธีรัชหว่านเสน่ห์สาวๆ จากบนเวที แต่ข้างๆ เวทีกลับมีเกย์ล่ำรสนิยมดียืนมองด้วยสายตาจิกๆ อยู่
อรุณศรีพยักหน้าพลางเข้าใจไปเองว่า กริชชัยกับธีธัชเป็นคู่เกย์ คู่เลิฟกันอยู่
“เห็นเนี้ยบๆ เฮี้ยบๆ .. ที่แท้ท่านประธานก็แนวนี้นี่เอง”

บนเวทีกริชชัยยังพูดด้วยความมั่นใจ และมีความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม
“แนวทางการทำงานของเราคือ มุ่งมั่นทำงานอย่างมืออาชีพ แต่อยู่ร่วมกันแบบครอบครัว”
ขณะเดียวกับที่ซีอีโอของเอ็มกรุ๊ปกำลังแสดงวิสัยทัศน์อยู่นั้น ธีธัชก็ส่งสายตากวาดไปทั่ว แล้วก็มาสะดุดที่สาวเอ็กซ์ หมวย ไม่สวยจัด ที่มองอยู่ ธีธัชสะดุด หยุดมอง สองคนส่งสายตาให้กัน
“ลูกค้าทุกคนคือเพื่อน คือญาติพี่น้องผู้มีความรักในรถและเครื่องยนต์ เหมือนพวกเรา เอ็มกรุ๊ปคือภาพสะท้อนในทุกๆ ด้านของคนในสังคมปัจจุบัน” กริชชัยพูดต่อ
ธีธัชส่งสายตาให้สาวหมวยอย่างต่อเนื่อง มองและยิ้ม หยอดพอดีๆ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่ลุ่มล่ามแต่ให้รู้ว่าให้ความสำคัญ
จังหวะนั้นที่กระเป๋ากางเกงของธีธัชเห็นชัดว่ามือถือมีแสงสว่างวาบๆๆๆ มีสายเรียกเข้า แต่ไม่มีเสียง
“พวกเราทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีวิต และมีรถในฝันสักคันเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ”
กริชชัยพูดจบธีธัชก็ตบมือนำ คนในงานถึงกับปรบมือตาม กรีดร้อง เป่าปาก หัวเราะด้วยความพอใจ
อรุณศรีเดินมายืนข้างเวที พร้อมกับขวดแชมเปญในมือ เตรียมพร้อมคิวต่อไป กริชชัยยิ้มนิดๆ รับเสียงปรบมือ ธีธัชยังปรบมือเชียร์ออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัด ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือของธีธัชยังมีแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง...หน้าจอเห็นรูปหน้าของ “วัชระ” โชว์ขึ้น พร้อมกับระบุชื่อคนโทรเข้าว่า “ไอ้วัช”
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์