หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/2
เวลาเดียวกันนั้นวัชระนั่งอยู่ในรถ กดวางโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมไอ้ธีมันไม่รับสายวะ? หลีหญิงชัวร์”
วัชระส่ายหน้าโยนโทรศัพท์ลงที่เบาะข้างๆ ตัว แล้วก็ชะเง้อมองไปข้างหน้า ด้วยความหงุดหงิด
“ติดอะไรเนี่ย ? คนยิ่งรีบๆอยู่”

บนถนนในเวลานั้น... รถสามสี่คันข้างหน้าเปลี่ยนเลนส์ออกขวา พอรถเคลื่อนพ้นออกไป วัชระขับเลื่อนเข้ามาเห็นว่ามีรถสปอร์ตสีดำราคาแพงจอดอยู่ มีรถกระบะจอดเทียบ เปิดไฟฉุกเฉินทั้งคู่


ที่หน้ารถสปอร์ตคันนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในชุดดำทั้งชุด รูปร่างผอมบาง ผิวขาวจั๊วะ ผมสั้น เธอคือ สุพรรณิการ์ กำลังท้าวเอวด่าชายฉกรรจ์ที่เป็นคนขับกะบะร่างใหญ่ล่ำอยู่อย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันไม่ผิด ฉันอยู่เลนฉัน คุณนั่นแหละเบียดเข้ามาเห็นๆ” สุพรรณิการ์เสียงดัง
“ก็เปิดไฟขอทางแล้ว นึกว่าให้ ผมก็เสียบเข้ามาสิ ไม่คิดว่าจะไม่มีน้ำใจ” ชายฉกรรจ์เจ้าของรถกะบะเถียง
“อ้าวววว พูดงี้ได้ไง เล่นแทรกเข้ามาแบบไม่มีมารยาท เปิดไฟระยะประชิดแบบนี้ ใครจะไปมองเห็น โธ่เอ๊ย พูดออกมาได้ว่าไม่มีน้ำใจ ยังกะตัวเองมีนักนี่ ทำผิดแล้วยังจะมายืนว่าคนอื่น ขอโทษสักคำก็ไม่มี!!”
วัชระมองกิริยาและได้ยินเสียงโต้เถียงถึงกับอึ้ง พลางคิดว่า
“โห...ผู้หญิงหรือผู้ชายวะเนี่ย? แรง!!”
ในจังหวะที่วัชระมองและเคลื่อนรถไป ความก๋ากั่นของสุพรรณิการ์ก็สะกดสายตาของวัชระโดยไม่รู้ตัว

บนเวทีในห้องจัดเลี้ยง กริชชัยพูดปิดทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น
“ในฐานะประธานกรรมการบริหารของเอ็มกรุ๊ป ผมจะพาทุกคนเดินหน้าต่อไป และเราจะเดินไปด้วยกัน..ขอบคุณครับ” กริชชัยพูดสรุปอย่างสวยงาม เสียงปรบมือดังกึกก้อง
กริชชัยหันไปรับขวดแชมเปญจากอรุณศรีที่เดินขึ้นมา เขาเขย่าๆ ขวดแชมเปญ และเปิดดังป๊อก ฟองแชมเปญพุ่งกระจาย วินาทีนั้นเองเสียงดนตรีก็รับอย่างสนุกสนาน กริชชัยรินแชมเปญลงบนแก้วที่วางเรียงไว้อย่างสวยงาม เสียงปรบมือ เสียงดนตรียังดังคึกคัก
ธีธัชซึ่งหันหลังให้เวที รีบหยิบโทรศัพท์มาดู
“ใครโทร.มาวะ ? ... ไอ้วัช!!”

วัชระกำลังจะเบี่ยงรถออกจากอุบัติเหตุ แต่ยังมองเธอคนนั้นอย่างไม่วางตา เสียงของสุพรรณิการ์ยังปะทะคารมกับชายฉกรรจ์เจ้าของรถกะบะไม่หยุด
“ตอนแรกฉันว่าจะไม่เอาเรื่อง ต่างคนต่างซ่อม จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ปากแบบนี้ก็รอตำรวจแล้วกัน ประกันไม่ต้องแล้ว” สุพรรณิการ์พูดเสียงดัง
วัชระค่อยๆ เบี่ยงรถเข้ามาในเลนเดิม เคลื่อนรถไปพลางมองหญิงสาวไปด้วย แอบตื่นเต้น และลุ้นว่า เรื่องของผู้หญิงคนนี้จะจบลงอย่างไร
“ปากเก่งเหลือเกิน นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงโดนต่อยไปนานแล้ว” ชายฉกรรจ์ว่า
“อ้าววววว พูดงี้ก็แจ่มดิ..คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาต่อยเฉยๆ มีมือเว้ย สวนเป็น ไม่เชื่อก็ลองดูดิ” สุพรรณิการ์พูดพลางถลกแขนเสื้อ แล้วเดินเข้าหาคู่กรณี
วัชระถึงกับอึ้งกับความก๋ากั่นของเธอคนนั้น ในจังหวะนั้นเองรถของวัชระก็แฉลบเข้าไป เฉี่ยวเข้าที่ก้นของสุพรรณิการ์ดัง ตึง!! สุพรรณิการ์หันขวับมาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!!” วัชระอุทานอย่างตกใจรีบเหยียบเบรกเอี๊ยด ตามมาด้วยเสียงโดนชนท้าย โครม!! เขาผงะไปข้างหน้า “เฮ้ย!!”
วัชระหันไปดูที่ท้ายรถ เห็นว่ารถคันหลังที่ขับชนรถตัวเองรีบเบี่ยงและชิ่งหนีไปแล้ว
“อ้าว..เฮ้ย ชนแล้วหนีเลยเหรอวะ”
วัชระหันขวับกลับมาที่สุพรรณิการ์ เห็นเธอยืนเท้าเอวมองมาด้วยแววตาพิฆาต ก็ถึงกับหน้าเสีย
“ซวยแล้วกรู” วัชระบ่นอุบ
สุพรรณิการ์ทุบลงที่หน้ารถของวัชระอย่างแรง หน้ารถยุบลงไปตามแรงกดเสียงดังซวบ!!
“ขับรถประสาอะไรหะ” สุพรรณิการ์โวยวาย
“เฮ้ย...แรงคนหรือว่าแรงควายวะเนี่ย”

วัชระมองรถที่ยุบลงแล้วก็โพล่งขึ้นมาอย่างฉุนๆ
ทางด้านสุพรรณิการ์ยืนจ้องวัชระเขม็งด้วยความไม่พอใจอย่างแรง เวลานั้นคู่กรณีชายฉกรรจ์รถกะบะถือโอกาสที่กำลังชุลมุนเผ่นขึ้นรถแล้วขับหนีไปจากที่เกิดเหตุทันที สุพรรณิการ์หันมามองแล้วก็ร้องโวยวาย พลางมองตามและท้าวเอวด้วยความเซ็ง

“อ้าวเฮ้ย!! อย่าหนีนะ หยุดมาเคลียร์กันก่อนดิ เฮ้ย..หยุดดิเว้ย!!”

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์