อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 15/2
เย็นวันเดียวกันนั้น เสียงออดดังขึ้นที่หน้าห้องของสุพรรณิการ์ ในขณะที่เธอยังนอนอยู่บนเตียง เสียงออดทำให้สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่นด้วยอาการงัวเงีย รีบคว้านาฬิกาข้างเตียงมาดูเพิ่งจะห้าโมงเย็น
“ใครมาเนี่ย คนจะนอน”
เสียงออดดังอีก สุพรรณิการ์ลุกพรวดออกไปเปิดประตูห้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วก็เจอแต่ความว่างเปล่า สุพรรณิการ์งง มองซ้ายมองขวามีแต่ความว่างเปล่า จนสุพรรณิการ์ต้องขมวดคิ้ว
สุพรรณิการ์กำลังจะกลับเข้าห้อง แต่สายตาสะดุดเข้ากับถุงอาหารที่ห้อยไว้หน้าห้อง ในถุงที่ใส่อาหารมีกระดาษโน้ตติดอยู่ สุพรรณิการ์หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน
“ตื่น กินข้าว แล้วไปทำงานได้แล้ว ผมซื้อข้าวผัดร้านอร่อยมาฝาก ขอบคุณที่ขับรถไปส่ง”
สุพรรณิการ์หันไปมองถุงที่วางอยู่ ข้างในมีกล่องข้าวอย่างดีวางอยู่ สุพรรณิการ์ยิ้มนิดๆ
“นายหน้าหนวดนี่แอบกุ๊กกิ๊กกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย”
สุพรรณิการ์หันไปมองที่หน้าห้องกริชชัย ประตูห้องปิดสนิท สุพรรณิการ์ยิ้มออกมานิดๆ เป็นความรู้สึกดีๆที่
ค่อยๆงอกงามขึ้นอย่างหนักแน่น
ภายในห้องกริชชัย วัชระกำลังรื้อข้าวของเพื่อหยิบเอาของส่วนตัวออกมาจากลังเพื่อวางเรียงบนชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น วัชระหันไปหยิบโทรศัพท์มาดู หน้าจอขึ้นชื่อ “แหนม” วัชระคิด..แล้วก็ตัดสินใจกดปิดเครื่อง ไม่รับ วันนี้ขอความเป็นส่วนตัว
วัชระโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งลงที่โซฟาอย่างไม่สนใจใยดี แล้วหันมาจัดสรรพสิ่งในกล่องมีทั้งหนังสือนิยายสืบสวนสอบสวน ตำราเกี่ยวกับศิลปะการป้องกันตัว ยิงปืน และถึงของรักของหวงมากคือ แผ่นเสียงเก่าๆ ของวงสุนทราภรณ์ วัชระหยิบแผ่นซีดีของสุนทราภรณ์ฉบับอัดจากแผ่นเสียงเก่าชุด “๘๔ ปี ครูเอื้อ สุนทรสนาน (ยุคต้น)” วัชระยิ้มๆ กับตัวเองด้วยความคุ้นเคยแล้วลุกไปที่เครื่องเสียง
แผ่นซีดีชุดเดียวกับวัชระวางข้างเครื่องเล่นของสุพรรณิการ์ เธอใส่แผ่นเข้าไปในเครื่องแล้วกดเล่นเพลง “พรพรหม” ที่ขับร้องโดยเอื้อ สุนทรสนานและเพ็ญศรีพุ่มชูศรี เสียงอินโทรของเพลงบรรเลงขึ้นอย่างคึกคักแทรกด้วยเสียงครูดของแผ่นเสียงเก่าที่แฝงไว้ด้วยความคลาสสิคและสวยงาม
สุพรรณิการ์หันไปหยิบกล่องข้าวที่วัชระซื้อมาฝาก แล้วก็ตักกินอย่างมีความสุข
แผ่นซีดีชุดเดียวกันหมุนติ้วอยู่ในเครื่องเล่นของวัชระ เสียงเพลงดังอวลอยู่ในห้อง เสียงของครูเอื้อที่ร้องคู่กับเพ็ญศรีล้อไปกับเพลงที่กลิ่นอายของเพลงไทยเดิม
ช.รักประคอง น้องนางไม่ห่าง เลยชื่นประทิน รำเพยหอมเอย ผมนางพรางดม
ญ.หอมกลิ่น บุปผาลอยลมใช่ประทิน กลิ่นผมพี่ขา อย่าดม ผสมไป
วัชระเดินไปหยิบกาแฟร้อนๆมาหนึ่งแก้ว แล้วหย่อนลงนั่งที่ริมหน้าต่าง หลับตาฟังเพลงอย่างมีความสุข
สุพรรณิการ์อารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงเพลงโปรด กินข้าวไป เดินไปอยู่ในห้อง เพลงพรพรหมถูกบรรเลงและขับร้องเรื่อยเข้ามาถึงท่อนดนตรีเร็ว สุพรรณิการ์เดินตามจังหวะประหนึ่งกำลังเต้นลีลาศอยู่คนเดียว
ช.แม้ได้ดอม คงหอม ซาบซ่า
ญ.หอมไม่นาน ขี้คร้าน คลาย
ช.น้องอย่าแคลง อย่าแหนง อย่าหน่าย
ญ.ลิ้นผู้ชาย สุดหมายอาลัย
วัชระแฟนพันธุ์แท้สุนทราภรณ์นั่งขยับขาเป็นจังหวะเพลง พลางขยับปากร้องตามทว่าไม่ได้ออกเสียง
“พี่รัก สลักใจ พรหมประทาน มาให้พี่ก็รัก ดังดวงใจน้องเอย จงให้ แอบอิง “ วัชระขยับปากไปตามเสียงเพลง
สุพรรณิการ์กินข้าวไป ร้องตามไปด้วยในท่อนผู้หญิง แสดงความเป็นแฟนตัวจริงไม่น้อยไปกว่าวัชระ
“พูดแต่ปาก ยากหลาย มักกลายเป็นลม น้อยหรือว่า เป็นเพราะ พระพรหม ฝืนใจข่ม ไม่ท้วงติง” สุพรรณิการ์ขยับปากตามเพลง
ขณะที่วัชระนั่งฟังเพลงสบายอารมณ์และสุพรรณิการ์เต้นรำอยู่คนเดียวในห้องด้วยความชำนาญ
ช.เจ้าอย่า อาลัย พี่นะปอง ใจจริงหมายหลัก พักพิงเจ้ารัก พี่จริง หรือไร
ญ.น้องเป็นหญิง พูดจริง รักจริง
ช.ขอเชย ยอดหญิง อย่ากริ่งหัวใจ
ญ.รักอย่า เร่าร้อน จงผ่อนฤทัย
ช.ขอเพียง ลูบไล้ ด้วยใจภักดี
ญ.อย่าเพิ่ง ชม มันจะตรม นะพี่ โปรดถนอม จอมชีวีถึงวัน ถ้าพี่ อย่าอาวรณ์
จังหวะของเพลงราวกับว่าทั้งสองคนกำลังเริงร่าอยู่ในโลกใบเดียวกัน เพียงแต่คนหนึ่งนั่งร้องเพลง อีกคนร้องไปเต้นรำไป
ช.(ญ.ตาม) คอย
ช.(ญ.ตาม) ชื่นใจ
ช.(ญ.ตาม) พระพรหมท่านให้ เรามา
ช.(ญ.ตาม) บุญ
ช.(ญ.ตาม) ช่วยพา
ช.(ญ.ตาม) สองเราจึงมา รื่นรมย์
ญ.(ช.ตาม) ยอม
ญ.(ช.ตาม) อดใจ
ญ.(ช.ตาม) ถึงวันคงได้ ชื่นชม
ญ.(ช.ตาม) คง
ญ.(ช.ตาม) ไม่ตรม
ญ.(ช.ตาม) เพราะว่า พระพรหมให้พร
ทั้งวัชระและสุพรรณิการ์มีความสุขอยู่ในโลกที่เหมือนกัน มีเพียงกำแพงบางๆกั้นไว้และยังไม่ถูกเปิดมาเจอกัน
ญ.น้องรู้นะรักเรา จะเศร้าอาวรณ์ น้องกลัว รักมาพาซ่อน พี่ก็ช้อน ดวงใจภิรมย์
ช.โธ่พุ่มพวง ช่างหวง กระไร เจ้าจะให้ ใครชม ขอพี่ภิรมญ์ ชื่นชมสมใจ
หน้าบริษัทเอ็มกรุ๊ปตอนเย็น พนักงานแต่ละฝ่ายทยอยกลับบ้าน กริชชัยเดินเข้ามาที่แผนกอรุณศรี มองกวาดไปทั่วแผนก ทันใดนั้นเสียงเบญลี่ก็ดังขึ้น
“แอ๊วกลับไปค่ะบอส” เสียงเบญลี่พูดขึ้นอย่างรู้ใจเจ้านาย
กริชชัยชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมาแบบมีฟอร์ม
“นานหรือยัง”
“ไม่นานค่ะ บอสจะให้เบญลี่โทร.ตามมั้ยคะ”
ไม่เป็นไร กริชชัยรีบบอก
“โทร.ตามได้นะคะ เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี๊นี้เองค่ะ โทร.เลยนะคะ” เบญลี่ ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ด้วยความกุลีกุจอ
กริชชัยไม่สนใจ เดินออกไปที่หน้าบริษัทแล้ว
“บอสจะให้บอกว่าอะ.” เบญลี่เงยหน้าขึ้น ทว่ากริชชัยหายไปแล้ว
“อ้าว .บอสคะ บอสฮะ..บอสดิสแอพเพียร์ไปแล้ว”
เบญลี่มองเลิ่กลั่กและเริ่มเอะใจ
“วันนี้บอสมาแปลก ปกติถ้าทักเรื่องแอ๊วจะไม่ยอมรับ แต่วันนี้..ยอมรับว่ามาหายัยแอ๊วเฉยเลย หรือว่า..บอสจะ..จะ..จะ..” เบญลี่คิดในใจพลางหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี
เบญลี่คิดและยิ้มคนเดียวไป เหมือนคนสติไม่ค่อยดี พนักงานหนุ่มหล่อแผนกอื่นเดินผ่านมาพอเห็นเบญลี่ยิ้มอยู่คนเดียวก็ขำกันคิกคัก..เบญลี่หันไปเห็นพอดีพลางนึกว่าผู้ชายยิ้มให้ เบญลี่หันไปยิ้มอ่อยให้สุดฤทธิ์ ผู้ชายถึงกับ
งง หุบยิ้มแล้วก็เดินห่างไปอย่างระแวง เบญลี่หุบยิ้มด้วยความหงุดหงิด
“อาไร เดินหนีทำไมยะ มู้ดดี้อ่ะ อารมณ์เสีย”
เบญลี่สะบัดบ๊อบใส่ด้วยความไม่พอใจ
กริชชัยเห็นอรุณศรียืนรออยู่ที่หน้าบริษัท เพียงพักเดียว รถของปรานต์แล่นเข้ามาจอดเทียบ ปรานต์รีบวิ่งลงมาจากรถ เปิดประตูให้อรุณศรี อรุณศรีมองหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เมื่อวานทะเลาะยังกะจะเลิกกัน วันนี้มาหวานขนาดนี้เลยเหรอ”
“นี่แค่เกริ่นๆ ที่เหลือหวานกว่านี้อีกร้อยเท่า” ปรานต์ ผายมือพร้อมกับกล่าว
“ เชิญครับ คุณอรุณศรี”
อรุณศรีมองหน้าปรานต์พลางแอบระแวงแต่ก็ยอมขึ้นรถไป อยากรู้ว่าปรานต์จะทำยังไงต่อ เป็ฯจังหวะเดียวกับที่กริชชัยเดินมาเห็นพอดี กริชชัยมองไม่วางสายตาด้วยความเป็นห่วง
ปรานต์หันมาเห็นกริชชัยจึงได้ทียิ้มเยาะเย้ย กริชชัยไม่ยอมหลบสายตาปรานต์ ปรานต์ยักไหล่ใส่อย่างกวนๆแล้วก็เดินไปประจำที่คนขับ ก่อนจะขับออกไป
กริชชัยคิดถึงตอนกลางวันที่ปรานต์เดินควงแสดงความหวานกับเกียวในห้างสรรพสินค้า จึงยืนมองตามรถของปรานต์ตาละห้อยด้วยความเป็นห่วงอรุณศรี
หน้าร้านอาหารหรูในยามค่ำคืน มีผู้คนนั่งและยืนรออยู่หน้านร้านเป็นจำนวนมาก อรุณศรีกับปรานต์ยืนรออยู่ด้วย ในมือปรานต์ถือบัตรคิวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“ทำไมคนมันเยอะนักวะ ตั้งคิวที่ 55”
ปรานต์เดินไปถามพนักงานด้วยความหงุดหงิด
“คุณครับ ตอนนี้คิวที่เท่าไหร่แล้ว”
“คิวที่ 12 ค่ะ”
“12 ! โห..แล้วของผม 55 จะได้กินวันนี้มั้ยเนี่ย” ปรานต์เสียงดัง
รุณศรีรู้สึกอายที่ปรานต์เสียงดังในที่สาธารณะ รีบมาดึงปรานต์ไป
“ปรานต์..ไปกินร้านอื่นก็ได้ ถ้าไม่อยากรอก็ไม่ต้องรอ”
“ไม่ได้ ร้านนี้กำลังดัง อร่อยด้วยนะ ปรานต์ชอบมาก ปรานต์เลยอยากพาแอ๊วมากิน มันกำลังฮิตมากเลยนะ ดูดิคนต่อคิวเพียบเลย”
“ปรานต์ชอบ..ปรานต์อยากพาแอ๊วมากิน...แล้วถามสักคำหรือเปล่าว่าแอ๊วอยากกินมั้ย” อรุณศรีพูดพลางถอนหายใจ
ปรานต์อ้าปากจะอธิบาย ทว่าอรุณศรีตัดบททันที
“ถ้าปรานต์ชอบ ปรานต์ก็รอไปแล้วกัน แอ๊วกลับไปกินก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอยดีกว่า”
อรุณศรีพูดจบก็หันหลังเดินไปคนเดียว ปล่อนให้ปรานต์ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น
“อ้าว..แอ๊ว..แอ๊ว อย่าเพิ่งไปสิแอ๊ว”
ปรานต์ร้องตะโกนอย่างลืมตัว คนแถวนั้นหันมามอง ปรานต์รู้ตัวรีบหุบปากและเดินตามอรุณศรีไปด้วยความ
เสียดาย
อรุณศรีเดินหน้าง้ำออกมาที่ลานจอดรถ ปรานต์รีบเดินตามมา
“แอ๊วหยุดคุยกันก่อนสิ” .
อรุณศรียังคงเดินต่อไปไม่หยุด ปรานต์จึงวิ่งมาดักที่หน้าอรุณศรี
“แอ๊วเดินหนีปรานต์ทำไม ปรานต์อุตส่าห์พยายามจะทำดีเพื่อแอ๊วนะ”
“ขอบคุณนะปรานต์ ที่อุตส่าห์ทำดีเพื่อแอ๊ว .. แต่ถ้ามันลำบากนัก ไม่ต้องทำก็ได้นะ มันช้าไปแล้ว”
ปรานต์ชะงัก)ทันที
“พูดแบบนี้ มันไม่ใช่แอ๊วเลยนะ รู้หรือเปล่าว่าแอ๊วแปลกไปมาก”
“ปรานต์เองก็แปลกไปเหมือนกัน ทำอะไรลับหลังไว้ ไม่ต้องมาทำดีกลบเกลื่อน” อรุณศรีพูดและมองหน้า
ปรานต์อึกอักเฉไฉ
“แอ๊ว..เรื่องผู้หญิงนั้นน่ะ แอ๊วเข้าใจผิดนะ”
อรุณศรีเลิกคิ้ว ไม่เชื่อโคตรๆ กำลังจะอ้าปากเถียง ปรานต์รีบพูดขึ้นก่อน
“โอเค..ปรานต์คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงอื่น แต่เค้าเป็นลูกค้า ปรานต์ไม่รู้ปฎิเสธเค้ายังไง เค้ามาเอง แต่ปรานต์ไม่ได้รักเค้า ปรานต์รักแอ๊วคนเดียว”
อรุณศรีมองหน้าปรานต์ แววตาไม่ได้ตื่นเต้นแม้แต่น้อย ปรานต์ได้ทีรีบหยิบกล่องแหวนออกมา
“แอ๊ว...เราแต่งงานกันเถอะนะ “
อรุณศรีมองแหวนแต่งงานที่อยู่ในมือปรานต์
“แต่งงาน “ อรุณศรีทวนคำ
“ใช่ ผมขอคุณแต่งงาน เราคบกันมานานแล้ว นานเกินไปด้วยซ้ำ ถึงเวลาต้องแต่งกันซักที” ปรานต์น้ำเสียงจริงจัง
“นี่เป็นคำขอแต่งงาน หรือว่าเป็นการบังคับ”
“ก็...ขอไง..ปรานต์ขออยู่เนี่ย แล้วนี่ก็แหวนแต่งงาน ปรานต์เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มี มาซื้อให้แอ๊วเลยนะ”
อรุณศรีมองแหวนวงที่ปรานต์ถืออยู่ในมือ
“เท่าไหร่”
“เกือบสองแสน” ปรานต์ตอบด้วยความภูมิใจ
อรุณศรีมองหน้าปรานต์แล้วบอกว่า
“เอาไปขาย แล้วก็เอาเงินไปคืนฝ้ายซะ”
“แต่..นี่มันแหวนแต่งงานของเรานะ”
“เคลียร์หนี้ฝ้ายหมด และเคลียร์เรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปได้เมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยเรื่องแต่งงานกัน !ส่วนสินสอดมันต้องไม่ใช่แค่แหวนวงเดียว ค่าตัวแอ๊วมันมากกว่านี้ .. เคลียร์ทีอย่างนะปรานต์ แล้วค่อยคุยกัน”
อรุณศรีหันหลังกำลังจะเดินไป ปรานต์ยังไม่ยอม จะอ้าปากเกลี้ยกล่อม อรุณศรีหันมาสรุปอีกที
“ไม่ต้องไปส่งนะ แอ๊วกลับเองได้”
อรุณศรีหันหลังแล้วเดินไป ปรานต์ได้แต่ยืนอึ้งค้างด้วยความผิดหวังเกินคาด สักพักความผิดหวังก็เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น ปรานต์ปิดกล่องแหวนด้วยความฉุนเฉียวพลางกัดฟันกรอดในใจนึกถึงกริชชัย
ภายในห้องพักในคอนโด กริชชัย ธีธัชและวัชระนั่งคุยกันอยู่ในห้อง กริชชัยถามย้ำธีธัชอีกครั้ง
“แกจะให้ฉันเสียบเนี่ยนะ”
“ใช่ จังหวะอ่อนไหวแบบนี้แหละ แจ่ม ถ้าแกเข้าไปตอนนี้นะ รับรองเลิกกันชัวร์”
“จะดีเหรอ” กริชชัยถามย้ำ
“อ้าว เค้าเลิกกันมันก็ต้องดีกับแกอยู่แล้ว”
วัชระกำลังทำหน้าที่ชงเครื่องดื่มส่งให้เพื่อนในค่ำคืนนี้ ระหว่างที่กำลังทำหน้าที่ไปก็ฟังธีธัชยุยงกริชชัยไปด้วย
“แล้วมันจะดีกับอรุณศรีเค้าเหรอ” กริชชัยถามธีธัช
“ดีดิ แกบอกเองว่าแฟนเค้ามีปัญหาทั้งเรื่องเงิน แล้วนี่ยังเรื่องผู้หญิงอีก แต่แกเรื่องเงินก็ไม่มีปัญหา เรื่องหญิงยิ่งไม่ต้องห่วง ถ้าเค้ามาคบกับแกมีแต่ดีกับดี” ธีธัชบอกกริชชัย
กริชชัยคิดหนัก วัชระมองด้วยความเข้าใจ
“แกรู้สึกผิดอ่ะดิ เหมือนฉันเลย ฉันก็รู้สึกผิดกับแหนมเหมือนกัน”
ธีธัชกับกริชชัยหันมาทางวัชระอย่างไม่เข้าใจ
“คุยเรื่องไอ้กริชอยู่ดีๆ มาเรื่องแหนมได้ไงวะเนี่ย กรูหล่ะงง” ธีธัชว่า
“มันเรื่องเดียวกัน” วัชระพูดหน้านิ่ง
“ยังไงวะ” กริชชัยถามเพียงความกระจ่าง
“ก็เป็นความรู้สึกของคนที่กลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึงไง ลอยคออยู่แบบครึ่งๆกลางๆ รอให้หน่วยกู้ชีพส่งฮอมาช่วย” วัชระบอก
“แม่ม !! แอปแต็กโคตรๆ บอกตรงๆนะผู้กอง ผมฟังไม่รู้เรื่องว่ะ” ธีธัชโพล่ง
กริชชัยขำอย่างฮา
วัชระทำหน้าอย่างเซ็ง
“ก็แปลว่า..จะจีบเค้ามันก็ไม่กล้า จะเลิกชอบเค้ามันก็ทำไม่ได้ ก็เลยต้องอยู่เฉยๆรอให้เค้าเลิกกับแฟนก่อน แล้วค่อยลุยไง” กริชชัยกับธีธัชอ๋อขึ้นทันที
ธีธัชหันมาทางกริชชัย
“ไง สรุปว่าแกจะไม่ทำอะไร นั่งรอหน่วยกู้ภัยที่ไอ้วัชมันว่าหรือเปล่า” ธีธัชถาม
กริชชัยใช้เวลาครู่หนึ่งในการคิดก่อนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ ! ฉันรอมานานแล้ว ลุยเลยดีกว่า”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ” วัชระ ธีธัชร้องออกมาพร้อมกัน
“จริง ฉัน..จะจีบอรุณศรี” กริชชัยพูดน้ำเสียงจริงจัง
เป็นจังหวะที่เสียงเพลงจากเครื่องเล่นเข้ามาสอดรับอย่างหนักแน่น ฮ฿กเหิม ประหนึ่งว่า กริชชัยกำลังจะไปกู้โลกฉะนั้น
คืนเดียวกัน อรุณศรีก็กำลังปรึกษากับโอบบุญอยู่ภายในบ้านเหมือนกัน
อรุณศรีตอบหน้าเมื่อยๆ
“จริงอ่ะ”
โอบบุญคุยไป ทำน้ำสลัดใส่ขวดไปด้วย
“จริง..ฉันว่า แกกับไอ้ปรานต์กำลังจะเลิกรักกันแล้ว”
อรุณศรีคิดตาม ขณะเดียวกันก็กำลังเอาผักจิ้มน้ำสลัดไปด้วย
“แอ๊วว่า..แอ๊วก็ยังรักอยู่นะ”
โอบบุญหันมาถามด้วยความไม่เข้าใจ
“รักแล้วทำไมไม่แต่ง”
“ก็..ไม่มั่นใจ”
“ไม่มั่นใจอะไร”
“ก็..ไม่มั่นใจว่าจะรับกับปัญหาได้มั้ย ทั้งเรื่องเงิน เรื่องผู้หญิง บางที ปรานต์ก็เหมือนคนแปลกหน้าที่แอ๊วไม่รู้จัก แอ๊วว่าเค้าโกหก หลอกลวง คนรักกันควรจะยืนอยู่บนความจริงใจ ไม่ใช่อยู่บนความระแวง”
โอบบุญมองหน้าอรุณศรีแล้วถามตรงๆ
“แค่นี้เหรอที่ทำให้แกไม่แต่ง”
อรุณศรีพยักหน้า
“แน่ใจนะว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าของรถสปอร์ตที่เทียวรับเทียวส่ง” โอบบุญว่า
อรุณศรีคิดไม่ถึงว่าโอบบุญจะสนใจเรื่องอขงกริชชัยด้วย เล่นเอาอรุณศรีถือผักค้างแต่เมื่อตั้งหลักได้จึงตอบแบบเหนียมๆ
“คุณกริชชัยน่ะเหรอ ..ไม่เกี่ยวกับเค้าหรอก เค้าก็แค่อยากเป็นเพื่อน”
โอบบุญเอาน้ำสลัดใส่ถุงผ้าเรียบร้อย เตรียมไปส่ง
“แล้วถ้าเค้ามาบอกว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน..แกจะว่าไง”
อรุณศรีแอบคิดตาม แต่ไม่กล้าแสดงออกนอกหน้า
โอบบุญพูดยิ้มๆ แล้วพูดระหว่างเดินออกไป “ฉันเอาน้ำสลัดไปส่งก่อนนะ ปิดบ้านไปเลย ไม่ต้องรอ”
โอบบุญเดินออกจากบ้านไปทิ้งให้อรุณศรีนั่งอยู่กับคำถามของพี่ชายที่วนเวียนไปมาอยู่คนเดียว
“แล้วถ้าเค้ามาบอกว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...แกจะว่าไง??”
อรุณศรีคิดแล้วก็ท้อใจไปเอง ด้วยความเจียมตัว
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
อรุณศรีคิดแล้วก็กลุ้ม ถอนหายใจเสียงดังออกมา
“เฮ่อ” !!
ธีธัชและวัชระนอนเมาหลับไปอย่างหมดสภาพอยู่ในห้องกริชชัย เหลือเพียงแต่กริชชัยที่เดินไปเดินมา
ครุ่นคิด
“จะจีบยังไงดีวะ” กริชชัยบ่นกับตัวเองอย่างพึมพำ ยิ่งเห็นสภาพเพื่อนที่เมาหลับไร้สภาพยิ่งกลุ่มและหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก
“พึ่งพาไม่ได้สักคน”
กริชชัยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง
ยามดึกมากที่ร้านสาดสุรา ผู้คนบางตาเนื่องจากร้านใกล้เลิกเต็มที โอบบุญเดินเข้ามาในร้านด้วยรอยยิ้มพร้อมๆกับวางถุงผ้าใส่ขวดน้ำสลัดที่โต๊ะ โอบบุญยืนยิ้มกว้างดีใจที่ได้เจอกรกนกอีกครั้ง
“50 ขวดตามสั่ง แล้วนี่ ... พิเศษสำหรับคุณกรครับ สลัดน้ำใสกลิ่นกุหลาบ” โอบบุญส่งอีกถุงหนึ่งซึ่งแยกไว้ต่างหากให้กรกนก
กรกนกเลิกคิ้วเหมือนไม่แน่ใจกับกลิ่นที่โอบบุญพูดถึง
“กลิ่นกุหลาบเนี่ยนะคะ”
“ครับ พอดีผมเข้าไปอ่านในเฟซ คุณเคยเขียนบอกไว้ว่าชอบดอกกุหลาบ ผมก็เลยเอากลีบกุหลาบไปตากแห้ง แล้วก็เก็บมาต้มเหมือนทำน้ำชา แล้วก็กรองน้ำอีกที เหลือแต่น้ำกลีบกุหลาบบริสุทธิ์ แล้วก็เอาต้มกับน้ำตาลเล็กน้อย ก่อนจะเอามาผสมกับบัลซามิค น้ำมันมะกอก งาคั่ว แล้วก็ปรุงรสอีกเล็กน้อย”
โอบบุญอธิบายขั้นตอนวิธีทำให้กรกนกฟัง จนกรกนกเห็นภาพที่โอบบุญบรรจงทำน้ำกุหลาบด้วยตัวเอง
“แล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้ครับ”
โอบบุญยื่นขวดน้ำสลัดให้กรกนก
“ลองชิมดูนะครับ มีอยู่ 3 ขวดบนโลก แต่ถ้าชอบผมทำมาให้อีกครับ สูตรนี้สงวนลิขสิทธิ์สำหรับคุณกรคนเดียว” โอบบุญยิ้มกว้าง
“ ขอบคุณมากนะคะ” กรกนกยิ้มอย่างเอ็นดู
“ด้วยความยินดีครับ” โอบบุญยิ้มรับ
กรกนกหันมาหยิบถุงน้ำสลัด 50 ขวดที่วางอยู่
“กรเอาของไปเก็บในครัวก่อนนะคะ”
“ผมยกไปให้เองครับ” โอบบุญกุลีกุจอรีบยกเข้าครัวไปไปพร้อมกับถุงใส่น้ำสลัด
กรกนกหยิบขวดน้ำสลัดกุหลาบขึ้นมาดู ข้างขวดมีกระดาษพริ้นท์รูปกลีบกุหลาบที่ดูเหมือนหัวใจแปะอยู่ กรกนกยิ้มนิดๆ น่าเอ็นดู
โอบบุญค่อยๆเดินออกมาจากครัวแอบมอง พอเห็นว่ากรกนกยิ้มอยู่ ก็ยิ้มตามอย่างมีความสุข กรกนกเห็นรูปหัวใจ...แล้วก็พาลคิดถึงธีธัช.. เธอคงไม่มีวันได้อะไรแบบนี้จากธีธัชแน่ๆ
กลางวันวันต่อมา ธีธัชทิ้งตัวลงนอนที่โซฟา ยังมีอาการแฮ้งค์จากการดื่มตั้งแต่เมื่อคืน
“ปวดหัว. สงสัยเมื่อคืนจะฉลองห้องใหม่กับไอ้สองตัวนั้น หนักไปหน่อย มึน”
กรกนกเดินมาหา พร้อมกับแก้วกาแฟ
“กาแฟค่ะ”
กรกนกวางแก้วกาแฟนไว้ที่โต๊ะข้างๆ
“อบใจจ้ะ กรเนี่ยน่ารักที่สุดเลย”
ธีธัชยกกาแฟดื่ม กรกนกมองแล้วก็ถามขึ้นเลียบๆเคียงๆ
“ตกลงว่าคุณวัชกับคุณแหนมเค้ายังจะแต่งงานกันหรือเปล่าคะ”
“ก็คงจะแต่งมั้ง แต่เมื่อไหร่ไม่รู้แหะ ไอ้วัชมันก็ยังอิดออด แต่แหนมไม่มีวันยอมยกเลิกแน่”
“บางที..กรก็อยากเป็นเหมือนคุณแหนมนะคะ”
ธีธัชหันมามองหน้า กรกนกพูดต่อ
“กล้าพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ”
“อย่าบอกนะว่ากร..อยากแต่งงาน”
“ถ้ากร..บอกว่าใช่..ธีจะว่ายังไงคะ” กรกนกแอบลุ้น
“ผมก็จะไม่สนับสนุน”
กรกนกขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“กรก็เห็น คนแต่งงานกันจะมีสักกี่คู่ที่อยู่กันอย่างมีความสุข ผมเห็นเพื่อนผมแต่ละคน แต่งแล้วบ่นทุกคน เหมือนตกนรก ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายเลยนะ โดยเฉพาะผู้หญิงน่าสงสารมาก”
ธีธัชพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า ในขณะที่กรกนกเริ่มหมดความสนใจฟัง ตั้งแต่ประโยคแล้ว
“แต่งแล้วก็ต้องเป็นแม่บ้าน ถ้าสามีไปมีกิ๊ก มีเมียน้อย จะหย่าก็ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นแฟน ไม่พอใจ “เลิก” ง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“ธีพูดแบบนี้..เพราะไม่อยากแต่งงานกับกรใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่..ผมไม่ได้ไม่อยากแต่งงานกับกร...แต่ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงทั้งโลก”
คำพูดของธีธัชเหมือนมีดปักเข้าที่กลางใจกรกนกอย่างแรง
“ผมชอบอยู่แบบนี้ ไม่ต้องแต่ง อยู่เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตแบบนี้แหละ ดีแล้ว มีความสุขดี ไม่เครียด” ธีธัชยิ้มกว้าง
“เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต” กรกนกย้ำประโยคของธีธัช
ธีธัชยิ้มอย่างเปิดเผย ไม่ได้รู้สึกผิดใดๆทั้งสิ้น แล้วก็หันไปดื่มกาแฟต่อ เหมือนเรื่องที่คุยไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทิ้งให้กรกนกนั่งน้ำตาตกอยู่ในใจ
จบตอนที่ 15
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 15/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์