อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 15
เมื่อกริชชัยกลับมาถึงห้องพัก ก็พบเพียงกระดาษโน้ตของลำเภา ซึ่งแปะติดข้างฝาไว้ ด้วยความที่รู้จักนิสัยของลำเภาเป็นอย่างดี จึงไม่ค่อยไว้วางใจนัก และลึกๆ ในใจ ไม่คิดว่า ลำเภาจะเดินทางกลับบ้านตามที่บอกไว้ กริชชัยกดโทรศัพท์มือถือโทร.หาลำเภาทันที
เสียงจากโทรศัพท์ “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้...”
กริชชัยกดวาง แล้วก็คิดอยู่สักครู่ก่อนที่จะโทร.หาธีธัช
“น้องแกอยู่นี่แหละ กำลังแรงเลย” ธีธัชบอก
“กำลังแรงคืออะไร” กริชชัยถาม
ลำเภานั่งหน้าแบ๊วทำหน้าเป็นปนน่ารักอยู่ที่หน้าร้านสาดสุรา จนธีธัชแอบมองด้วยความหมั่นไส้
“ก็แรงๆ อ่ะช่างเหอะว่าแต่แกโทร.มาหาฉันทำไม” ธีธัชไม่รู้จะอธิบายกับภาพที่เห็นอย่างไร
“ก็โทร.มาเรื่องเภานี่แหละ” กริชชัยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไอ้ธีแกบอกเภารีบกลับบ้านเลย ถ้าไม่กลับ ฉันจะไปรับเดี๋ยวนี้”
ธีธัชยิ้มรับถือเป็นโอกาสเหมาะ
“ได้เลยเพื่อน..จัดให้ “
ธีธัชรีบวางสายพร้อมกับยิ้มนิดๆ ขณะที่ยังเป็นกังวลอยู่
ธีธัชกำลังตั้งท่าจะเดินไปหาลำเภา แต่สาวบิ๊กอายจับแขนไว้
“จะไปไหนอ่ะคะ”
“ไปดูน้องสาวเพื่อน”
“ คนไหนอ่ะคะ” สาวบิ๊กอายสงสัยอย่างมีจริต
“คนที่สติไม่ค่อยดีอ่ะ เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวบีบีไปบอกนะ”
ธีธัชยิ้มหวานแล้วเดินไปหาลำเภาเลย
“อ้าว ไหนบอกว่าไม่รู้จักอ่ะ งงนะเนี่ย”
หลังสาวบิ๊กอายรำพึงกับตัวเอง ก็นั่งแอ๊บแบ๊วอยู่ที่โต๊ะต่อไป
แก้วคอกเทลในมือหนุ่มตี๋โต๊ะข้างๆ ถูกส่งมาให้ลำเภาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์
“แก้คอแห้งครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ลำเภายิ้มรับแก้วคอกเทล
“แบร์รี่ครับ”
“ลำเภาค่ะ”
“ชื่อน่ารัก เหมือนหน้าเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีที่รู้จักครับ” หนุ่มตี๋พูดพลางชูแก้วขึ้นมาชนกับแก้วของลำเภา
“ยินดีด้วยค่ะ”
หนุ่มตี๋ยกแก้วขึ้นดื่มพลางส่งสายตาเจ้าชู้ ลำเภากำลังจะยกแก้วดื่ม ธีธัชพุ่งเข้ามาคว้าแก้วไว้ทันที ธีธัชยืนถือแก้วอยู่หน้าเข้ม หนุ่มตี๋หันมามองหน้าธีธัชด้วยความไม่พอใจ
“พี่เป็นไรเนี่ย”
“เป็นแฟนค่ะ” ลำเภาตอบแทน
“อ้าว...”
ธีธัชบวางแก้วไว้บนโต๊ะแล้วทำเสียงเข้ม
“กลับบ้านได้แล้ว พี่ชายเธอโทร.มาตาม ไปก่อนนะน้อง พลาดแล้ว เสียใจด้วย” ธีธัชพูดพลางคว้าข้อมือของลำเภา แล้วหันไปหยิบเสื้อมายัดใส่หน้าอกของลำเภา ลากลำเภาออกไปจากร้าน ปล่อยทให้หนุ่มตี๋มองตามตาละห้อย
สุพรรณิการ์มองตามลำเภาและธีธัชด้วยความงง.. กรกนกยืนนิ่ง อึ้ง มองตามธีธัชและลำเภาด้วยความคับแน่นอยู่ในอก สุพรรณิการ์มองด้วยความเห็นใจ
“คุณกร”
กรกนกหันมาแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ ไม่พูด ไม่ตอบก่อนหันหลังไปทำงานต่อ สุพรรณิการ์เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะเกรงจะไปกระทบกระเทือนใจกรกนก..ได้แต่มองด้วยความเห็นใจ
กรกนกลับหลังสุพรรณิการ์แววตาเศร้าเลื่อนลอย กรกนกเปิดก๊อก ปล่อยน้ำลงที่อ่างล้างจานข้างหน้า เหมือนสายน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูอยู่ในใจ
รถธีธัชเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านลำเภา ธีธัชหันขวับมาที่ลำเภา
“ทีหน้าทีหลัง ฉันไม่ช่วยเธอแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่รู้หรือไงผู้ชายที่มาเที่ยวกลางคืนแล้วเอาเหล้ามามอมผู้หญิงแบบนี้ มันต้องการอะไร”
“รู้”
“รู้แล้วยังไปรับเหล้ามันมาเนี่ยนะ นี่..ผู้ชายคนอื่น เค้าไม่ได้จะใจดี ขำๆ เหมือนฉันหมดทุกคนหรอกนะ ผู้ชายพวกนั้น ถ้าได้ มันก็ เอา”
“เป็นห่วง...หวง..หรือว่า...หึง”
ธีธัชชะงัก เมื่อถูกลำเภายิงหนึ่งดอก
“ ฉันทำตามหน้าที่เพื่อนของพี่ชายเธอ ถ้าไอ้กริชมันไม่โทร.มาฉันก็คงไม่สนใจ” ธีธัชเสียงเข้ม
ลำเภามินหน้าแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน
“ขำอะไร” ธีธัชถามอย่างร้อนตัว ยิ่งธีธัชโวยวายมากเท่าไหร่ ลำเภาก็ยิ่งขำมากขึ้น
“ฉันถามว่าขำอะไร”
“ขำคนไม่ยอมรับความจริง”
ธีธัชจุกอีกรอบ..อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“ขอบคุณที่มาส่ง..แล้วก็ ฝันดีนะจ้ะ...คุณแฟน“
ลำเภาลอยหน้าลอยตาทิ้งท้ายอย่างกวน ก่อนจะลงจากรถ ธีธัชตอบโต้ไม่ทัน ลำเภาเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว ธีธัชได้แต่ตะโกนไล่หลัง
“ใครเป็นแฟนเธอ ยัยหนูตะเภา ยัยหนูตะเภา”
ลำเภายักไหล่ไม่สนใจที่จะต่อปากต่อคำ ก้าวเดินเข้าตัวบ้าน ก่อนจะปิดประตูบ้านลำเภาก็หันมาแล้วก็ทำท่าส่งจูบแสนเซ็กซี่ให้ธีธัช
ธีธัชมองชะงักแต่ก็เผลอยิ้มออกมานิดๆ ในความทะเล้น หนึ่งอึดใจ ทันทีที่รู้สึกตัวก็รีบหุบยิ้มทำเก๊ก ไม่แคร์ ไม่สน ไม่หวั่นไหว แล้วขับรถออกไปทันที แสงไฟจากท้ายรถธีธัชหายเข้าไปในความมืด
ไฟหน้ารถแท็กซี่คันที่วัชระนั่งมาสาดมาที่หน้าร้านสาดสุรา ขณะนั้นไฟในร้านค่อยๆถดับลงทีละดวง เวลาตีสอง ร้านปิดแล้ว ผู้คนทยอยออกจากร้านเหล้า
วัชระเดินฝ่าฝูงชนมาเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าละเหี่ยใจอย่างเห็นได้ชัด
สุพรรณิการ์หันมาเห็นพอดี จึงเขม่นตามองด้วยความแปลกใจ
“นายหน้าหนวดมาทำอะไรตอนตีสอง”
วัชระเดินเข้ามาในร้าน สุพรรณิการ์เดินมาถาม
“นี่คุณ..มาทำอะไรตอนนี้ ร้านปิดแล้ว”
“ไอ้ธีอยู่หรือเปล่า”
“กลับไปตั้งแต่หัวค่ำ”
สุพรรณิการ์ มองวัชระตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า
“แค่ไปส่งแฟน โทรมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” สุพรรณิการ์พูดต่อ
“ไม่มีอารมณ์ตลก”
“โอเค๊ .. ไม่มีอารมณ์ตลกงั้นก็ เชิญจริงจังตามอัธยาศรัย ฉันไปปิดร้านก่อน ไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะไม่มีอารมณ์จะเครียด” สุพรรณิการ์พูดพลางจะหันหลังไป
“เดี๋ยว.”
สุพรรณิการ์หันมา เลิกคิ้วถาม
“ผมขอเบียร์สักสองสามกระป๋องแล้วนั่งอยู่ข้างนอกนี้สักพักได้หรือเปล่า”
วัชระทำหน้าเซ็ง สุพรรณิการ์แอบเห็นใจ
“ไม่ได้..เพราะตอนนี้มันหลังตีสองแล้ว ตำรวจ เค้าห้ามขายของมึนเมา แต่ด้วยความเวทนาฉันจะให้สักหนึ่งกระป๋องก็แล้วกัน เค้าห้ามขายแต่ไม่ได้ห้ามแจก” สุพรรณิการ์ยิ้มกวน
“ใจดีกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย” วัชระยิ้มตามนิดๆ
“ไม่ใช่แค่ใจ แต่ฉันยังมีอะไรดีๆอีกมาก ที่คุณไม่รู้” สุพรรณิการ์จงใจยื่นหน้าเข้ามาบอก
กรกนกกำลังเคลียร์ของในตู้แช่เชคสต็อค สุพรรณิการ์เดินมา
“ น้ำสลัดของคุณโอบหมดแล้วนะคะ จะสั่งเพิ่มมั้ยคะ” กรกนกถาม
“เพิ่มค่ะ ลูกค้าชอบหลายคน ล็อตหน้าสั่งมา 50 ขวดเลยก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ”
กรกนกรับคำแล้วก็หยิบโทรศัพท์มากดเข้าไปแปะในเฟซบุคของโอบบุญ กรกนกกด แล้วก็ยิ้มๆ
ก่อนจะเงยหน้ามาบอกสุพรรณิการ์ที่กำลังเชคเงินในลิ้นชักอยู่
“คุณโอบบอกว่าจะเอามาให้พรุ่งนี้นะคะ”
สุพรรณิการ์เงยหน้ามองอย่างแปลกใจ)
“ทำไมพี่โอบตอบมาเร็วจัง คุยกันตอนไหน”
“อ๋อ..คุยกันทางเฟซบุคน่ะค่ะ กรแปะถามไว้ คุณโอบก็ตอบมาเลยค่ะ”
สุพรรณิการ์หลิ่วตาถาม
“พี่โอบ - เฟซบุ๊ค - ตีสอง สามอย่างนี้มันดูไม่ค่อยเข้ากันเลยนะคะ มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ”
กรกนกยิ้มร่วน
“ไม่มีค่ะ แค่เพื่อนกันน่ะค่ะ”
สุพรรณิการ์พยักหน้ารับ กรกนกหันไปหยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน
“กรเชคของแล้วก็รวบรวมบิลไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานคุณฝ้ายแล้วนะคะ กรกลับก่อนนะคะ”
สุพรรณิการ์ยิ้มรับ
“พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
กรกนกเดินออกไป สุพรรณิการ์มองตาม และยังอดคาใจเรื่องโอบบุญ ที่กรกนกว่าเป็นเพื่อนไม่ได้
“พี่โอบกับคุณกร คุณกรกับคุณธี คุณธีกับลำเภา เฮ่อ..ยังไงกันวะเนี่ย”
กรกนกเดินไปทักทายและร่ำลา วัชระโบกมือแมนๆให้หนึ่งที กรกนกเดินออกจากร้านไป วัชระ
ยกเบียร์กระป๋องขึ้นซด สุพรรณิการ์ส่ายหน้า
“นี่ก็อีกคน...ทำไมคนที่มีความรักนี่มันวุ่นวายแบบนี้เนี่ย”
สุพรรณิการ์ส่ายหน้าแล้วก็หอบกล่องเงินขึ้นไปเคลียร์ที่ห้องทำงาน วัชระยังนั่งครุ่นคิด จิตตก อยู่ที่หน้าร้าน ลูกค้าที่เดินไปมาอยู่หน้าร้านค่อยๆบางตาลงเรื่อยๆและหายไปจนหมด
สุพรรณิการ์ปิดบัญชีเรียบร้อย ก็บิดขี้เกียจอย่างแรง
“เสร็จซะที”
สุพรรณิการ์หันไปที่หน้าร้านพบว่า วัชระยังนั่งอยู่ในทำแหน่งเดิม และไม่มีทีท่าว่าจะกลับ
“เฮ้ย..นายหน้าหนวด นี่ยังไม่กลับอีกเหรอเนี่ย”
วัชระนั่งเบื่ออยู่ที่เดิม จู่ๆสุพรรณิการ์ก็มาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ วัชระปรายตามามองนิดๆ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย” สุพรรณิการ์ถามเข้าประเด็น
“แล้วคุณล่ะ..เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ ฉันเป็นอะไร” สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วถาม
“ก็อยู่ๆลุกมาแต่งตัวซะ... “สวย” เลย..เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย”
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากสวย สวยแล้วสบายใจดี” สุพรรณิการ์ยิ้มกริ่ม
“เป็นผู้หญิงก็ดีนะ..แค่สวยก็มีความสุขแล้ว”
“แล้วคุณล่ะ..มีแฟนสวยขนาดนั้น ไม่มีความสุขเหรอ”
“ถ้ามีแล้วจะมานั่งตรงนี้เหรอ”
“ถามตรงๆเลยนะ คบแล้วทุกข์แบบนี้ ทำไมไม่เลิก”
“พยายามเลิกแล้ว แต่เค้าไม่ยอม”
วัชระพูดต่อเหมือนมีโอกาสได้ระบายความอึดอัด
“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ดีพอสำหรับเค้า ถ้าผมดีกว่านี้ แหนมคงไม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้ผมทำโน่นทำนี่ ที่ผมทำไม่ได้”
“ ฉันว่า..คุณเลิกฟุ้งซ่านแล้วก็กลับบ้านนอนได้แล้ว ไม่ได้เอารถมาใช่มั้ย นอนไหนเนี่ย เดี๋ยวฉันไปส่ง” สุพรรณิการ์พูดและมองด้วยความเห็นใจ
“ไม่เป็นไร ผมกลับแทกซี่เองได้”
“นี่..นานๆฉันจะใจดีซักที อย่าเล่นตัว ไปได้แล้วก่อนฉันจะเปลี่ยนใจ”
สุพรรณิการ์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินนำไปอย่างห้าวหาญ วัชระมองตามนิดๆ สุพรรณิการ์หันมาแล้วก็กวัก
มือเรียกอย่างผู้ชายที่นิยมทำกัน พลางผิวปากวิ๊วเรียก วัชระมองสุพรรฺการ์แล้วยิ้มนิดๆ
รถสุพรรณิการ์จอดที่หน้าบ้านลำเภา วัชระหันมาขอบคุณ
“ขอบคุณมากที่มาส่ง ขอบคุณที่ให้นั่งหน้าร้าน แล้วก็แถมเบียร์ให้อีกหนึ่งกระป๋อง”
สุพรรณิการ์ยักไหล่พลางบอกว่า
“ไม่เป็นไร ถือว่าฉันติดสินบนเจ้าหน้าที่ก็แล้วกัน ถ้าฉันเดือดร้อนก็อย่าลืมช่วยด้วย”
“ โห..เอางั้นเลยเหรอ”
“ฉันล้อเล่นน่ะ ลงไปได้แล้ว” สุพรรณิการ์พูดพลางโบกมือไล่
“ไป ไป ไป ฉันจะรีบกลับบ้านนอน” สุพรรณิการ์ว่าต่อ
“ไม่ต้องห่วงน่ะ ไม่ไล่ผมก็ลงอยู่แล้ว”
วัชระเปิดประตู ก่อนจะก้าวขาออกจากรถหันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจตรงไปตรงมา
“คุณก็ขับรถดีๆอย่าเพิ่งหลับรู้เปล่า ถึงบ้านแล้วค่อยนอน”
สุพรรณิการ์แอบตื่นเต้นนิดๆกับความห่วงใย แต่ไม่แสดงออกได้แต่พยักหน้ารับ
วัชระก้าวลงลงจากรถไป สุพรรณิการ์ลดกระจกลงพร้อมกับตะโกนตามหลัง
นี่คุณ ฉันว่า..บางทีที่แฟนคุณ เค้ายังไม่อยากเลิกกับคุณ อาจจะเป็นเพราะเค้า..ยังรักคุณอยู่ก็ได้”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง..ก็คงดี ขอบคุณอีกครั้งที่มาส่ง”
วัชระเดินเข้าบ้านลำเภาไป สุพรรณิการ์มองตามแล้วก็คิด “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง..ก็คงดี” แปลว่าอะไรนะ
เช้าวันต่อมา ภาพของกริชชัยที่ไปส่งที่หน้าออฟฟิศและที่บ้าน ทำให้ปรานต์นั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน ในมือถือปากกาแล้วกดเข้ากดออกอย่างใช้ความคิด ปรานต์มองออกไปหน้าร้านขายเครื่องเสียงติดรถยนต์เห็นเกียวเดินเข้ามาพอดี
“มาได้จังหวะพอดี” ปรานต์พูดพลางยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์
เกียวส่งซองเงินสีน้ำตาล ภายในบรรจุเงินสองแสนยืนให้ปรานต์พร้อมกับยิ้มจริงใจ
“นี่จ้ะ สองแสน ไม่ต้องรีบเอามาคืนนะ”
ปรานต์ยิ้มกว้าง รับมาด้วยความดีใจ
“พี่เกียวขอบคุณมาก พี่ช่วยชีวิตผมไว้เลยนะครับเนี่ย”
“คนทำมาหากิน พี่สนับสนุนอยู่แล้ว พี่เคยเจอแต่ไอ้ผู้ชายที่มันไม่ทำงานทำการ เกาะพี่กินไปวันๆ พอเห็นปรานต์ทำงานทำการดูแลตัวเองได้ พี่ก็ดีใจ”
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่จำเป็นผมไม่อยากกวนเงินพี่ แต่พอดีที่ร้านเค้าขอเพิ่มทุน ถ้าหาเงินมาให้ไม่ได้ ผมก็จะโดนลดหุ้น ร้านนี้ผมสร้างมากับมือ คนอื่นก็แค่เดินไปเดินมา ผมไม่อยากทำงานฟรีๆ ไม่มีเปอร์เซ็นต์”
“พี่เข้าใจจ้ะ..เอาไปเถอะ แค่สองแสน พี่ชอปปิ้งยุโรปวันเดียวก็หมดแล้ว”
ปรานต์ยิ้มรับด้วยความพอใจ
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่รถนะครับ”
“จ้ะ”
เกียวควงปรานต์ยิ้มหน้าตาสดใส สองคนเดินควงกันอยู่ในห้างท่ามกลางสายตาของสาวๆที่มองปรานต์ ด้วยความเสียดาย เกียวหันไปเห็นสายตาสาวๆ ยิ่งภูมิใจ..ไม่เสียดายเงินสองแสน แม้แต่น้อย
กริชชัยเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับเบญลี่อยู่ในห้างสสรรพสินค้า
“คุณเบญลี่ผมมาถึงแล้วนะ ร้านอาหารอยู่ชั้น 2 ใช่มั้ย”
“ค่ะ ลูกค้าเพิ่งโทร.มาบอกว่าถึงร้านพอดีเลยค่ะ”
“โอเค..เดี๋ยวประชุมเสร็จแล้ว ผมเข้าออฟฟิศเลย”
“รับทราบค่ะ บอส”
กริชชัยวางสายและกำลังจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง ทันใดนั้นสายตาก็พลันสะดุดเข้ากับใครบางคนที่เดินอยู่อีกมุมของห้าง กริชชัยถึงกับสะดุดหยุดมองเห็นเกียวควงมากับปรานต์ ท่าทางหวานแหวว กริชชัยคิดถึงอรุณศรีขึ้นมาทันที ปรานต์กับเกียวเดินควงกันเข้าลิฟท์ กริชชัยได้แต่ยืนอึ้งอยู่
ปรานต์มาส่งเกียวที่รถหรู
“ผมเข้าออฟฟิศเอาเงินไปให้เค้าก่อนนะครับ แล้วก็มีประชุมต่อ เสร็จธุระเรียบร้อยแล้วจะรีบไปหาพี่ที่โรงแรมทันทีเลยครับ”
“จ้ะ”
“อ้อ..พี่ครับ ผมจะปิดมือถือตอนประชุม อาจจะติดต่อไม่ได้สักพัก เรียบร้อยแล้วผมจะรีบโทร.หาพี่นะครับ” ปรานต์พูดอย่างนึกขึ้นได้
“จ้ะ แล้วเจอกันนะ ตั้งใจทำงานล่ะ”
“ครับพี่”
เกียวยิ้มมีความสุข ปรานต์ยิ้มรับ ประตูรถปิดลง รถเกียวแล่นออกไป รอยยิ้มปรานต์ค่อยเปลี่ยนรอยยิ้มบนริมฝีปาก ปรานต์หยิบซองเงินออกมาดูอีกครั้ง
ซองเงินถูกเปิดออก ปรานต์หยิบเงินทั้งปึกออกมา แล้วดึงออกมาประมาณ 5000 ก่อนจะส่งทั้งปึกให้
พนักงาน
“นี่ครับ..แสนเก้าหมื่นห้าพันบาท”
พนักงานรับเงินมา พร้อมกับเลื่อนกล่องที่มีแหวนแต่งงานมาไว้ตรงหน้าปรานต์
“ลองเชคแหวนดูอีกครั้งนะคะ เดี๋ยวดิฉันไปเตรียมใบการันตีเพชรให้ค่ะ”
พนักงานเดินไปพร้อมกับเงิน ปรานต์หยิบแหวนแต่งงานมาดูแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ คิดถึงอรุณศรี
ภายในบริษัท M Group อรุณศรีรับโทรศัพท์ปรานต์ด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ
“มีอะไร”
ปรานต์เดินอยู่ที่หน้าร้านเพชรในมือมีถุงใส่แหวนเพชรอยู่
“แอ๊วยังไม่หายโกรธปรานต์อีกเหรอ..ปรานต์ส่งข้อความไปขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เมื่อเช้าก็ส่ง กลางวันก็ส่ง เมื่อกี๊ก็ส่ง”
“แค่ข้อความ มันไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ”
“งั้นปรานต์มีของจะทำให้แอ๊วดีขึ้น เย็นนี้เลิกงานแล้วปรานต์จะไปรับที่ออฟฟิศนะ รับรองว่าถ้าแอ๊วเห็นของที่ปรานต์เตรียมไว้ให้ แอ๊วจะต้องอารมณ์ดีชัวร์” ปรานต์ยืนยัน
อรุณศรีอ้าปากจะแย้ง ทว่าปรานต์ไม่รอฟัง รีบตัดบททันที
“ปรานต์รักแอ๊วนะ.. แล้วเจอกันจ้ะ”
ปรานต์หยอดมุกเดิมแล้วก็วางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มมั่นใจ อรุณศรีวางสายตามไป พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“เฮ่อ...จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย”
เนตรนภัสคุยอยู่กับนรีวรรณและสีรุ้งในบ้าน
“เลิกไปเลย” นรีวรรณบอกเนตรนภัส
“แกพูดอะไรของแก ยัยนุ้ย” เนตรนภัสถาม
“ก็พี่แหนมบอกว่าพี่วัช เค้าขอเลิก แล้วพี่แหนมยังจะทนคบกับเค้าต่อไปได้ยังไง เค้าพูดขนาดนี้ เลิกไปเลย”
“เลิกฉันก็โง่สิ ใครๆจะได้เม้าท์ว่าฉันโดนทิ้ง” เนตรนภัสสวนทันที
“แล้วทนคบต่อไปแบบนี้ มันฉลาดตรงไหน “
“นังนุ้ย หุบปากไปเลยนะ นี่แกจะด่าฉันโง่หรือไง”
นรีวรรณส่ายหน้า ไม่อยากจะพูดเพราะพูโปเนตรนภัสก็ไม่ยอมรับฟังเหตุผล สีรุ้งจำต้องเข้ามาเคลียร์ หลังจากทนฟังด้วยความลำบากใจ
“แหนม..น้องไม่ได้ด่า แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพ ลูกสาวแม่ทั้งสวย ทั้งเพียบพร้อมทุกอย่าง แหนมจะไปทนอยู่กับผู้ชายที่เค้าไม่ต้องการเราทำไมลูก”
“วัชเค้ายังต้องการแหนมค่ะแม่ เพียงแต่ตอนนี้เค้ากำลังลังเลเพราะผู้หญิงอื่น” เนตรนภัสเถียง
“ผู้หญิงที่อุ้มหมาใช่มั้ยล่ะ นุ้ยบอกแล้วก็ไม่เชื่อ”
“ไม่ใช่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร แต่แหนมเชื่อว่าต้องมีสักคนที่ทำให้วัชเปลี่ยนไป แหนมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร แหนมจะกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด แล้ววัชก็จะกลับมาเป็นคนเดิม”
นรีวรรณส่ายหน้าไม่เห็นด้วย สีรุ้งทนฟังจนต้องกุมขมับ
เนตรนภัสเชื่อมั่นในเหตุผลของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงที่ทำให้วัชระเปลี่ยนไปคือตัวเธอนั่นเอง
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 15
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์