หน้าเว็บ

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 16

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 16
อรุณศรีมีนัดกับสุพรรณิการ์ที่ร้านกาแฟภายในอาคารออฟฟิศ M Group ตอนช่วงพักกลางวัน หลังจากได้ฟังเรื่องราว สุพรรณิการ์ก็พูดด้วยความพอใจแกมสะใจ

“แกทำถูกแล้วที่ปฎิเสธ ใครแต่งงานมันมันก็โง่แล้ว แล้วไอ้ปรานต์มันว่าไงบ้าง” สุพรรณิการ์ซักอรุณศรี
“ไม่ว่าไง เพราะพูดจบฉันก็กลับบ้านเลย และเค้าก็ไม่โทร.มาอีกเลย”
“ช็อกอ่ะดิ เห็นแกติ๋มๆ หงิมๆ มาตั้งหลายปี ไม่คิดว่าแกจะปฎิเสธ”

“เฮ่อ.. เค้าจะคิดว่าฉันทิ้งเค้าตอนลำบากหรือเปล่า” อรุณศรีแอบสงสาร
“แกไม่ต้องใจอ่อนเลยไอ้แอ๊ว ไอ้ปรานต์ขอแต่งงานเพราะมันหวงก้าง อีกอย่างมันมีคนอื่น แกอย่าลืม และฉันว่า..หญิงใหม่ของมันต้องรวยแหงๆ”
อรุณศรีขมวดคิ้ว สงสัย
“แกรู้ได้ไง”
“อยู่ๆ มันก็มีเงินมาซื้อแหวนให้แกตั้งเป็นแสน และมันก็ยอมรับว่าเค้าเป็นลูกค้า เครื่องเสียงร้านมันถูกซะที่ไหน มีเงินซื้อก็คงจะพอมีเงินเลี้ยงผู้ชาย”
“คิดแล้วก็สงสารผู้หญิงคนนั้น” อรุณศรีถึงกับหน้าเสียทันที
“แกสงสารตัวเองก่อนเหอะ..นี่.. ทางที่ดี แกควรจะนัดคุยกับมันอีกรอบแล้วก็บอกปฎิเสธไปแบบเด็ดขาด มันจะได้ไม่มาตามตื้อ ขอแต่งงานกับแกอีก ไม่งั้นไม่จบแน่” สุพรรณิการ์แนะนำสีหน้าจริงจัง อรุณศรีคิดตามและเห็นด้วย
เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของสุพรรณิการ์
สุพรรณิการ์หยิบขึ้นมาอ่านแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าบอกอรุณศรี
“คุณกริชบอกว่าเดี๋ยวมา”
อรุณศรีแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าสุพรรณิการ์กับกริชชัยสนิทสนมกันตอนไหนถึงขนาดส่งข้อความหากัน อรุณศรีได้แต่เก็บอาการไว้ในใจ
“คุณกริชส่งข้อความหาแกเหรอ” อรุณศรีถามย้ำ
สุพรรณิการ์ส่งข้อความตอบกลับไปหากริชชัย ระหว่างพูดคุยกับอรุณศรีไปด้วย
“ใช่ ฉันส่งข้อความบอกเค้าว่า ฉันมาหาแกตอนพักเที่ยง แล้วเราก็นั่งกินกาแฟกันอยู่ที่ร้านนี้ เค้าก็เลยส่งข้อความกลับมาว่า เดี๋ยวเจอกัน” สุพรรณิการ์พูดพลางเงยหน้ายิ้ม
“แล้วแกส่งกลับไปอีกทีว่าไง” อรุณศรีถาม
“บอกเค้าว่าให้รีบมา เรากำลังคุยกันสนุก” สุพรรณิการ์บอก
“แต่นี่มันจะบ่ายแล้ว ฉันต้องขึ้นไปทำงาน แกก็...อยู่คุยกับเค้าของคนแล้วกัน”
อรุณศรีพูดจบพลางหันไปหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกไปดื้อๆปล่อยให้สุพรรณิการ์นั่งงง
“อ้าวเฮ้ย ไอ้แอ๊วเหลืออีกตั้ง 15 นาที จะรีบไปไหน” สุพรรณิการ์ตะโกนไล่หลังอรุณศรี
“ไปเข้าห้องน้ำ ฉันไปก่อนนะ ” อรุณศรีโกหก
สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วไม่ค่อยเชื่อ
“ไอ้แอ๊วมันเป็นอะไรของมัน” สุพรรณฺการ์บ่น และรีบส่งข้อความกลับไปหากริชชัยทันที
“ภารกิจล้มเหลวเป้าหมายกลับไปทำงานแล้วค่ะ เจอกันวันหลังนะคะ”

กริชชัยเดินอยู่บริเวณทางเดินบริษัท มีข้อความจากสุพรรณิการ์เข้ามายังมือถือกริชชัยทันที กริชชัยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ และแอบผิดหวังเล็กน้อย
อรุณศรีเดินโผล่เข้ามาเห็นกริชชัยถึงกับผงะ ขณะที่กริชชัยหัวใจเต้นตูมตามเมื่อพบหน้าอรุณศรี เนื่องจากทั้งคู่ไม่ทันได้ตั้งตัว อรุณศรีเริ่มตั้งหลักได้ก่อน จึงส่งยิ้มน้อยๆ ให้ตามมารยาทแล้วเบี่ยงตัวจะเดินเลี่ยงไป
“อรุณศรี” กริชชัยรีบทักขึ้น
อรุณศรีชะงักเท้าเล็กน้อย หันกลับมา
“คะ”
“เป็นยังไงบ้าง”
“ก็..สบายดีค่ะ ฝ้ายรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟนะคะ” อรุณศรียิ้มแล้วจะเดินเลี่ยงไป
“ผมยกเลิกไปแล้ว” กริชชัยรีบบอก
อรุณศรีสะดุดนิดๆ กริชชัยได้ทีรีบพูดต่อทันที
“ผมมีอีกหนึ่งคำถาม”
“คะ”
“เย็นนี้..คุณว่างหรือเปล่า” กริชชัยถามด้วยกริชชัยหน้าตาจริงและน้ำเสียงเขร่งขรึม
อรุณศรีถึงกับเลิกคิ้วงง ตื่นเต้น แปลกใจ ผสมกัน
“ว่างคะ...ทำไมเหรอคะ”
“ผม..” ยังไม่ทันที่กริชชัยจะพูดขยายความ
เสียงเบญลี่ดังแทรกขึ้นมาอย่างขัดจังหวะพอดี
“บอสคะ บอสสสส มีเรื่องด่วนค่ะ”

กริชชัยจำต้องหยุดพูด หันมาทางเบญลี่ที่วิ่งหน้าตาตื่นมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ
“มิสเตอร์มิตซูชิโอะโทร.มาค่ะ บอกว่าตอนนี้อยู่ประเทศไทย อยากจะขอ มีตติ้งกับบอส เย็นนี้จะปรึกษาเรื่องรถที่จะนำมาโชว์ในงานปีหน้าค่ะ หลังจากมีตติ้งจะบินกลับญี่ปุ่นเลยค่ะ บอสจะคุยเองมั้ยคะ ตอนนี้มิสเตอร์มิตซูชิโอะอยู่ในสายค่ะ”
กริชชัยอึกๆ อักๆ พยักหน้าแทนคำตอบ
“มิสเตอร์มิตซูชิโอะ รอสักครู่นะคะ คุณกริชชัยจะเรียนสายด้วยค่ะ” เบญลี่พูดกับมิตซูชิโอะก่อนจะยื่นสายให้กริชชัย
กริชชัยหันมาทางอรุณศรี
“เย็นนี้คงไม่ได้แล้ว..ผมขอโทษด้วย”
“ค่ะ”
เบญลี่ส่งโทรศัพท์ให้กริชชัยพร้อมๆกับหูผึ่งฟังกริชชัยพูดกับอรุณศรีเรื่องนัดหมายเย็นนี้
“ฮัลโหลมิสเตอร์มิตซูชิโอะ”
กริชชัยรับและคุยโทรศัพท์เดินหายเข้าไปในห้องทำงาน
เบญลี่มองจนกริชชัยเดินลับสายตาไปจึงค่อยๆหันมาถามอรุณศรีด้วยความอยากรู้ทันที
“เย็นนี้มีอะไรเหรอจ๊ะแอ๊ว”
ทว่าอรุณศรีหายไปแล้ว
“อ้าว..เฮ้ย” เบญลี่อุทาน
เบญลี่เห็นอรุณศรีเดินไปไม่ไกลนัก จึงร้องเรียกและวิ่งตามไปประชิดตัวและปาดหน้าอย่างรวดเร็ว
“แอ๊วรอพี่ด้วย แอ๊ว”

“หยุดก่อนแอ๊ว..คุยกันก่อน” เบญลี่ยิ้มกว้างพลางถามอรุณศรี
“เย็นนี้บอสจะชวนแอ๊วไปไหนเหรอ” เบญลี่ถามต่อทันที
“ไม่รู้ค่ะ” อรุณศรีตอบซื่อๆตามความจริง
“เอาน่า..บอกมาเถอะ แอ๊วก็รู้ว่าพี่ไม่บอกใครอยู่แล้วบอสชวนไปเดทเหรอ” เบญลี่กระแซะจะเอาความจริงให้ได้
“แอ๊วไม่รู้จริงๆค่ะ คุณกริชแค่ถามว่า ‘เย็นนี้ว่างหรือเปล่า’ แล้วยังไม่ได้พูดอะไรต่อ พอดีพี่เบญลี่ก็เดินเข้ามา แอ๊วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณกริชถามทำไม” อรุณศรีสารภาพตามความจริง
เบญลี่ถึงกับตาโตเอาฝ่ามือสองข้างทาบที่ใบหน้า
“Oh my God บอสถามว่า เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” เบญลี่เสียงสูงด้วยความตื่นเต้น
“มันน่าตกใจตรงไหนเหรอคะ” อรุณศรีถาม
“น่าตกใจมาก..เพราะถ้าพี่ไม่มาขัดจังหวะ บอสอาจจะชวนแอ๊วไปเดทก็ได้ พี่นี่จังหวะนรกจริงๆ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ จากน้ำเสียงแล้วแอ๊วว่าน่าจะเป็นเรื่องงานมากกว่า เพราะฟังดูจริงจังมากกก ถ้าจะชวนไปออกเดท คงไม่พูดด้วยน้ำเสียงแบบเมื่อกี๊ พี่เบญลี่น่ะ..คิดมาก” อรุณศรีพูดยิ้มๆ
เบญลี่ขมวดคิ้วไม่เห็นด้วย อรุณศรีรีบพูดตัดบททันที
“แอ๊วไปทำงานก่อนนะคะ”
อรุณศรีเดินไปแล้ว
“พี่คิดมาก หรือว่าเธอคิดน้อยกันแน่ยะ ยัยแอ๊ว”
เบญลี่พึมพำไล่หลังและเริ่มคิดสงสัยว่า กริชชัยคงอยากจะคบหากับอรุณศรีอย่างจริงๆจังๆ

เสียงออดดังรัวที่หน้าบ้านของวัชระ แววรีบวิ่งออกมาจากบ้าน มาใส่รองเท้าด้วยความรีบร้อนก่อนชธโงกออกไปดูหน้าบ้าน
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว ใครนะใจร้อนจริงๆ”
พอแววเห็นเนตรนภัสยืนอยู่หน้าบ้านก็ชะงักอุทานเบาๆ
“หนูแหนม”

หลังจากที่เนตรนภัสก้าวเข้ามาภายในบ้าน แววรีบกุลีกุจอนำน้ำมาเสิร์ฟ วางไว้ที่โต๊ะรับแขก เนตรนภัสหยิบตัวอย่างการ์ดแต่งงานของเธอและวัชระมาวางไว้บนโต๊ะ
“นี่เป็นตัวอย่างการ์ดแต่งงานที่แหนมให้ทางร้านทำมาให้ดูค่ะ”
แววหยิบขึ้นมาดู การ์ดสีชมพูหวานแหซ่วทว่าหรูหรา มีภาพคู่ที่เนตรนภัสถ่ายกับวัชระในสตูดิโอใส่ไว้อย่างสวยงาม ตัวหนังสือเป็นสีทองอร่าม
“แหนมพยายามโทร.หาวัชแล้วไม่ติดเลย ฝากคุณแม่เอาให้วัชดูด้วยนะคะ ถ้าโอเคแหนมจะได้สั่งพิมพ์”
“ด้จ้ะ แม่จะรีบบอกวัชให้นะ แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเค้าเมื่อไหร่ เพราะหมู่นี้วัชเค้าไม่ค่อยกลับมานอนบ้าน”
“แล้วเค้าไปนอนที่ไหนคะ” เนตรนภัสเสียงสูงจนแววถึงกับสะดุ้ง
“แม่..ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ไม่เคยถาม”
“ไปนอนกับผู้หญิงอื่นแน่ๆ คุณแม่คะ..แหนมถามตรงๆเลยนะคะ วัชมีผู้หญิงอื่นหรือเปล่า” เนตรนภัสกัดฟันกรอดซักไซ้ถามแวว
“เอ่อ..แม่ว่าคงไม่มีมั้งจ้ะ” แววตอบว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยความยำเกรง
“คงไม่มี แสดงว่า อาจจะมี ใช่มั้ยคะ”
เนตรนภัสด่วนสรุป แววพูดอะไรต่อไม่ถูก
“แหนมว่าแล้ว วัชเปลี่ยนไปแบบนี้ เพราะต้องมีคนอื่นแน่ๆ ตอนแรกแม่กับน้องสาวแหนมก็เตือน แต่แหนมไม่อยากจะเชื่อ เพราะคิดว่าวัชไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น เสียแรงที่แหนมทั้งไว้ใจ ทั้งเชื่อใจ ทำไมวัชทำแบบนี้กับแหนม..ทำไม!!" สุพรรณิการ์น้ำตาร่วงตีโพยตีพาย
“หนูแหนมๆ ใจเย็นๆ แม่ไม่ได้บอกว่าวัชมีผู้หญิงอื่น แหนมอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะลูก” แววตกใจคาดไม่ถึงจึงรีบส่งทิชชูให้ พลางปลอบใจ
เนตรนภัสพยายามระงับอารมณ์และพูดด้วยน้ำเสียงแข็งเพื่อกลบความหวาดหวั่นในใจ
“แหนมฝากคุณแม่บอกวัชด้วยนะคะ .. ไม่ว่าเค้าจะมีใครก็ตาม แหนมไม่มีวันเลิก และงานแต่งงานของเราจะต้องมีต่อไป” เนตรนภัสเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
แววกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เนตรนภัสหันมาทางแววและย้ำอีกครั้ง
“บอกให้เค้ารีบมาช่วยแหนมเตรียมงานด้วยนะคะ แหนมรออยู่ แหนมกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“จ้ะ สวัสดีจ้ะ” แววรับไหว้แทบไม่ทัน เพราะเนตรนภัสนึกจะไปก็ไป...โดยฉับพลัน
เนตรนภัสลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งให้แววนั่งมึนกับความแปรปรวนของอารมณ์เนตรนภัส แววหัน
ไปมองการ์ดแต่งงานที่วางอยู่ แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบมาดู

วัชระหยิบการ์ดแต่งงานขึ้นดูด้วยแววตาเหนื่อยหน่าย อึดอัดใจ แววเดินมาหา และพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ระคนเห็นใจ
“ยิ่งใกล้วันแต่งงาน เราสองคนยิ่งดูเหมือนคนไม่รักกัน อีกคนวิ่งหนี อีกคนวิ่งไล่ตาม ตกลงยังไงกันแน่” แววถาม
วัชระตอบแววไม่ได้ แววหันมาถามจริงจังด้วยความอยากรู้
“ถามจริงๆ ... เรามีคนอื่นหรือเปล่า”
“ไม่มีครับแม่ ตัดประเด็นนั้นไปได้เลย ไม่มีมือที่สามแน่นอน” วัชระส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“ถ้าไม่มีคนอื่น แล้วทำไมถึงไม่ยอมแต่งงาน .. วัชหนูแหนมเป็นผู้หญิง พ่อแม่เค้าก็มี แล้วเรากับเค้าก็ไม่ใช่เพิ่งจะคบกันผิวเผิน มีอะไรเกินเลยลึกซึ้งกันมาตั้งนาน จะทำอะไรคิดถึงใจเค้าใจเราด้วย” แววเตือนวัชระ
“ที่ผมกลุ้มอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะ คิด นี่แหละครับ ถ้าผมไม่คิด ผมคงจะตัดขาด ทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใยนานแล้ว”
“มันจะมีทางออกดีๆบ้างมั้ย นอกจากวิ่งหนีแบบนี้” แววถาม
“ผมกำลังมองหาอยู่ครับ”
วัชระหยิบการ์ดมาเคาะกับฝ่ามือเพื่อใช้ความคิด..แต่ยังคิดไม่ออกในยามนี้

ซองใส่การ์ดแต่งงานถูกร่อนลงมาที่โต๊ะตรงหน้ากริชชัยและธีธัช ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกภายในคอนโด กริชชัยกับธีธัชมองการ์ดด้วยแววตาสงสัย
“การ์ดแต่งงาน ของฉันกับแหนม”
“อ้าว.. ไหนบอกว่าไม่แต่ง” ธีธัชเงยหน้ามองวัชระ
“การ์ดตัวอย่างน่ะ แหนมเอามาให้ฉันดู ถ้าฉันโอเคจะได้สั่งพิมพ์”
ทันทีที่ธีธัชเปิดซองและดึงการ์ดออกมาก็ตะลึง
“โอ้ แม่เจ้า! ปั๊มนูน พิมพ์ทอง สีพิเศษ อลังมั่กๆ”
“ไหนดูดิ” กริชชัยขอดู พลางหยิบการ์ดมาจากมือธีธัช กริชชัยขำทันทีที่เห็ฯภาพคู่ของวัชระกับเนตรนภัส
“แกถ่ายรูปแบบนี้ก็หล่อดีนะเว้ย คุณชายมากๆ”
วัชระส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“ไม่ใช่แค่รูปเดียวนะเว้ย การ์ดที่ทำมีทั้งหมด 5 เซ็ต แต่ละเซ็ตรูปไม่เหมือนกัน มีเซ็ตญาติผู้ใหญ่ ญาติไม่ผู้ใหญ่ เซ็ตเพื่อนเจ้าบ่าว เซ็ตเพื่อนเจ้าสาว และเซ็ตเพื่อนร่วมงาน “
“โห” ธีธัช กริชชัยร้องขึ้นพร้อมกัน
“แหนมจัดหนักขนาดนี้ แกยังยืนยันว่าจะชิ่งอยู่หรือเปล่า” กริชชัยถาม
“ตอบไปก็ละอายใจ... แต่ “ใช่” ฉันยืนยันว่าไม่อยากแต่งงาน”
“แกจะทำยังไง แกจะใช้ยัยหนูตะเภามาแอ๊บเป็นแฟนไม่ได้นะเว้ย แหนมเอาตาย”
กริชชัยเหล่ๆ พลางพูดขึ้น
“เป็นห่วงน้องฉันขนาดนั้นเลย”
“ก็..เพราะเป็นน้องแกไง นี่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนพี่ เฮ้ยไอ้วัช แต่ถ้าแกยังอยากใช้แผนเดิม ฉันขอแนะนำอีกคน” ธีธัชรีบเฉไฉ
วัชระหันมาอย่างสนใจ
“ใครวะ”
“คุณฝ้าย”
วัชระชะงัก..คิดตามที่ธีธัชบอก
“คุณฝ้ายยังโสด ฐานะก็ดี เห็นโหดๆ ฮาๆ รวยเป็นร้อยล้านนะเว้ย บุคลิกแบบนี้ ถึงจะสูสีกับแหนม ยิ่งตอนนี้ปรับลุคใหม่เก๋ไก๋สุดๆ เหมาะจะมาเป็นแฟนแกมั่กๆ” ธีธัชยุ
คำพูดของธีธัชทำให้วัชระแอบคิดและตัดสินใจ
“ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากโดนลำเภาด่าว่าเห็นแก่ตัว เดี๋ยวเกิดไม่พอใจ ไล่ฉันออกจากบ้านซวยกันพอดี”
ธีธัชชะงัก แต่ยังไม่ทันที่ธีธัชจะถามอะไรต่อ วัชระก็หันไปหยิบกุญแจรถเตรียมตัวเดินออกไป พลางโบกมือให้เพื่อน
“ฉันไปก่อนนะ เข้าบ้านดึก โดนเภาบ่นอีก ขี้เกียจฟัง ไปล่ะ”
“เออ โชคดีเว้ย” กริชชัยโบกมือรับ
วัชระเดินออกไป ทิ้งความอยากรู้ให้กับธีธัช
วัชระเดินออกมาหน้าห้องของกริชชัยแล้วอดคิดถึงคำแนะนำของธีธัช วัชระแอบปรายตาไปทางประตูห้องสุพรรณิการ์แล้วก็ส่ายหน้า...พยายามไม่คิด ก่อนจะเดินออกไป

หลังจากวัชระกลับไป กริชชัยกับธีธัชยังอยู่ในห้องพัก กริชชัยยกแก้วน้ำจากโต๊ะรับแขกไปล้างที่อ่างล้านจาน ธีธัชเดินมาเลียบๆเคียงๆถาม
“เฮ้ยไอ้กริช ไอ้วัชมันยังไปนอนที่บ้านเภาอยู่อีกเหรอ”
“อือ...”
กริชชัยชะงักนิดๆ แล้วปรายตามามาถามธีธัชด้วยความสงสัย
“แกถามทำไม”
กริชชัยล้างแก้วเสร็จพอดี หยิบผ้ามาเช็ดมือ แล้วหันมามองหน้าธีธัชรอคำตอบ
“ก็ไม่มีอะไร...ถามไปเรื่อยเปื่อย” ธีธัชเฉไฉแล้วกลบเกลื่อน ด้วยการหันหลังเดินกลับไปที่โซฟา
กริชชัยมองตาม.. ธีธัชแก้เก้อทำเป็นไม่สบตา นั่งโซฟาแล้วก็เหลือบไปเห็นการ์ดแต่งงานของวัชระที่วางอยู่บนโต๊ะ ธีธัชมองเวยแววตาครุ่นคิด

เช้าวันต่อมา ที่หน้าบ้านลำเภา ธีธัชมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน ในมือถือการ์ดแต่งงานของวัชระไว้ อีกมือหนึ่งกดออดหน้าบ้าน เป็นต่อกับพอใจวิ่งพรวดพราดออกมาพร้อมกับส่งเสียงเห่า ธีธัชมองไปยังหมาสองตัวของลำเภา แล้วบอกไปว่า
“รีบเสนอหน้ามาเลยนะ ฉันไม่ใช่โจรหรอกน่า รีบไปตามเจ้านายมาเปิดประตูได้แล้วไป”
ฉับพลันลำเภาก็โผล่ออกมาในระยะประชิด
“คุยกับหมาก็รู้เรื่องด้วยเหรอ”
ธีธัชถึงกับผงะออกไปด้วยความตกใจ ร้อง “เฮ้ย”
ลำเภายืนอยู่ในชุดเตรียมไปทำงาน
“ธะ..เธอมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก่อนใครบางคนจะเริ่มพูดกับหมาไม่ถึงห้านาที”
ธีธัชสะอึกพูดไม่ออก ลำเภาพูดต่อ
“แต่ก็อย่าว่านะ..เป็นหมาเหมือนกัน คุยกันรู้เรื่องก็ไม่แปลก นี่หมาใหญ่ นั่นก็หมาเล็ก”
เป็นต่อกับพอใจเห่ารับ
“ฉันไม่ใช่หมานะ ยัยหนูตะเภา”
ลำเภาไม่สนใจตอบโต้ แต่หันไปสั่งสมุน
“เป็นต่อ พอใจ หม่ามี๊ไปทำงานแล้วนะ เฝ้าบ้านดีๆ ล่ะ”
เป็นต่อกับพอใจวิ่งกลับเข้าบ้านไป

ประตูรั้วบ้านลำเภาถูกเปิดออก ลำเภาเดินออกมาพร้อมกับพูดแบบเนียนๆ
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวเข้างานสาย”
ลำเภาเดินมาที่รถของธีธัช แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งหน้าตาเฉย ธีธัชงงพูดไม่ออก
ธีธัชรีบเดินพุ่งมาเกาะหน้าต่างรถ ฝั่งที่ลำเภานั่งอยู่
“นี่ฉันไม่ได้จะมารับเธอไปทำงาน ฉันมาหาไอ้วัช มันลืมการ์ดแต่งงานไว้ที่คอนโด ฉันเอามาคืนมัน” ธีธัชพูดพลางชูการ์ดแต่งงานซองสีชมพูขึ้น
“ข้ออ้าง..อยากจะมาหาฉันก็ยอมรับมาเถอะ” ลำเภาปรายตาอย่างรู้ทัน
“ใครบอกว่าฉันอยากจะมาหาเธอ” ธีธัชปากแข็งไม่ยอมรับ
“ก็ไอ้เหตุผลที่บอกว่าจะเอาการ์ดมาคืน มันฟังไม่ขึ้น อีกอย่างคุณวัชก็ออกไปทำงานแต่เช้า เห็นบอกว่าตอนเย็นจะแวะเข้าไปจัดของที่คอนโด ถ้าเค้าอยากได้การ์ดคืน เค้าก็กลับไปเอาเอง จะแก้ตัวอะไรอีก”
“ก็..ใครจะไปรู้ว่าไอ้วัชมันจะไปคอนโด ถ้ารู้..ฉันก็ไม่มาหรอก.. เสียเวลา” ธีธัชอึกอักทำหน้า หงุดหงิดกลบเกลื่อน
ลำเภามองด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็ปรายตาไปเห็นว่ามีกุญแจเสียบคาอยู่ที่รถ ลำเภาหันมาถามอีกที
“ตกลงจะไปส่งหรือเปล่า”
“ไม่ ทำไมฉันต้องไปส่งเธอ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ธีธัชพูดพลางยักไหล่กวน
“งั้นฉันไปเองก็ได้”
ธีธัชปล่อยมือจากหน้าต่างยืนขึ้นพร้อมกับพูดกวนๆ โดยไม่ได้มองหน้าลำเภา
“ดี..มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะต้องคอยดูแลเธอ เก่งนักก็ดูแลตัวเองไปแล้วกัน”
ทันใดนั้นรถของธีธัชสตาร์ทขึ้น และแล่นออกไปเลยอย่างคิดไม่ถึง ธีธัชได้แต่ยืนงง
“เฮ้ย!! ยัยหนูตะเภา จะเอารถฉันไปไหน”

ลำเภามองธีธัชผ่านกระจกหลัง ธีธัชวิ่งตาม พลางตะโกนไล่หลัง
“จอดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันบอกให้จอด”
“ยัยหนูตะเภา หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด”
ลำเภายังคงขับรถของธีธัชถอยห่างออกไปจนมองไม่เป็นธีธัชผ่านกระจกหลัง ลำเภายิ้มนิดๆด้วยความสะใจ
ธีธัชวิ่งมายืนหอบดูมองดูรถที่ลำเภาขับหายไป ด้วยความหงุดหงิด
“ยะ..ยะ..ยัยหนูตะเภา ยัยตัวแสบ”
ธีธัชมองตามด้วยความแค้นใจสุดๆ

อรุณศรีกำลังนั่งเขียนข่าวด้วยหน้าตาจริงจัง โดยวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะทำงาน สักพักโทรศัพท์มี
เสียงข้อความเข้า อรุณศรีละสายตาจากงานมาเปิดอ่าน
“ปรานต์ต้องทำยังไงให้แอ๊วเปลี่ยนใจ ปรานต์รักแอ๊วจริงๆนะ”
อรุณศรีถอนใจด้วยความหนักใจ นึกถึงคำพูดของสุพรรณิการ์
“นี่…ทางที่ดี แกควรจะนัดคุยกับมันอีกรอบแล้วก็บอกปฎิเสธไปแบบเด็ดขาด มันจะได้ไม่มาตามตื้อ ขอแต่งงานกับแกอีก ไม่งั้นไม่จบแน่”

อรุณศรีนิ่งคิด..เริ่มจะเห็นด้วยขึ้นมา จึงตัดสินใจกดข้อความส่งกลับไป

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 16
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์