ในห้องพักของธีธัช กรกนกยืนกอดอกแล้วก็พูดเสียงเข้มๆ นิ่งๆ
“ไม่ต้องมาพูดวกไป วนมา บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า ธีไปโดนใครตีหัวมา กรพยายามจะถามหลายวันแล้ว ธีก็เลี่ยงไม่ตอบสักที”
ขณะนั้นธีธัชนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ยืนแหวกแผลอยู่หน้ากระจก มองกรกนกที่หน้าตาขึงขังจริงจัง แล้วก็วางมือจากหัวตัวเอง หันมาตอบ
“ก็บอกแล้วไงว่า เด็ก”
“เด็กที่ไหน เด็กใหม่ หรือว่า เด็กเก่า”
“ไม่ใช่เด็กแบบนั้น แต่เนี่ยเด็กจริงๆ เด็กบ๊องส์ น้องไอ้กริช “
กรกนกคลายมือจากการกอดอก
“คุณกริชเป็นลูกคนเดียว มีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ลูกของป้า แต่อายุน้อยกว่าก็เลยเป็นน้อง เป็นสัตวแพทย์ สติไม่ค่อยดี สงสัยจะอยู่กับหมากับแมวมากไปหน่อย อ้อ แล้วดันบอกว่าจะทำให้ผมยอมสยบแทบเท้า จะเป็นแฟนผมให้ได้ เหอะ! รอให้น้ำท่วมหลังเป็ดซะก่อนเถอะ” ธัชพูดไปแต่งตัวไป
ธีธัชบ่นไปอย่างไม่คิดมาก แต่กรกนกกลับฉุกคิด
“ก็น่ารักดี แต่เพี้ยน กรไม่ต้องหึงเลยนะ ผมไม่มีวันจะสนใจยัยเด็กบ๊องนี่หรอก ไม่ต้องห่วง”
ธีธัชพูดด้วยความมั่นใจแล้วก็หันไปแต่งตัวต่อ
กรกนกยืนครุ่นคิด ถึงคำพูดของธีธัชที่บอกว่าไม่ต้องห่วง แต่เธอกลับรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
สุพรรณิการ์กำลังคุมเด็กทำความสะอาดเพื่อเตรียมเปิดร้านสาดสุรา รถธีธัชแล่นเข้ามาจอดเทียบ กรกนกลงจากรถ สุพรรณิการ์หันไปเห็นพอดี ธีธัชลดกระจกลง
“คืนนี้ผมมารับนะ”
กรกนกพยักหน้ารับ ธีธัชยิ้มกว้างสดใส
สุพรรณิการ์ชะงัก ทันทีที่เห็นธีธัช
สุพรรณิการ์นึกอยากจะหาคำตอบให้อรุณศรีที่เข้าใจว่า กริชชัยเป็นเกย์ และธีธัชเป็นคู่ขา ทันทีที่สุพรรณิการ์ถาม กรกนกก็ตอบด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ธีไม่ได้เป็นเกย์ค่ะ กรการันตีได้ล้านเปอร์เซ็นต์”
สุพรรณิการ์ยิ้มโล่งอก
“ที่จริงฝ้ายก็คิดว่าไม่ได้เป็นค่ะ แต่เพื่อนฝ้ายมันคิด”
“แล้วคุณฝ้ายกับเพื่อนรู้จักธีได้ยังไงคะ”
“คือ เพื่อนสนิทฝ้ายทำงานอยู่ที่บริษัทของเพื่อนเค้าน่ะค่ะ คนที่ชื่อ กริชชัยน่ะค่ะ”
“อ๋อ คุณกริช รู้จักค่ะ คุณกริช ธี แล้วก็วัช เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น”
สุพรรณิการ์สะดุดกับชื่อที่กรกนกเรียก “วัช”
“วัช ใช่นายตำรวจชื่อวัชระ หรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ คุณฝ้ายก็รู้จักเหรอคะ”
“จริงๆ ก็ไม่อยากรู้จักหรอกค่ะ แต่มันจำเป็น แล้วก็จำใจ ช่างนายหน้าหนวดเถอะค่ะ เรากลับมาเรื่องคุณ...”
“ธี ธีธัชค่ะ”
“นั่นน่ะค่ะ ตกลงว่าคุณธีธัชไม่ได้เป็นเกย์ แล้วเค้า เป็นแฟนของคุณกรหรือเปล่าคะ”
กรกนก ไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถามนี้
อรุณศรีคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน รู้สึกงงกับสิ่งที่สุพรรณิการ์กำลังพูดถึงธีธัชผู้ชายของกรกนก
“เป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุด แปลว่าอะไร”
สุพรรณิการ์คุยโทรศัพท์กับอรุณศรีอยู่ในห้องทำงานชั้นบนร้านสาดสุรา
“ก็เกือบจะเป็นแฟน แต่ยังไม่ใช่ไง ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน แต่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าเพื่อนได้ แต่ก็ยังไม่ใช่แฟน”
“โอ้ย..ซับซ้อนอ่ะ เอาเหอะ เค้าจะเป็นอะไรกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน แกจะโทร.มาเล่าให้ฉันฟังทำไมเนี่ย”
“ก็แกจะได้เลิกคิดว่าเจ้านายแกเป็นเกย์ไง”
“ฝ้าย ฉันว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้เหอะ เค้าจะเป็นเกย์หรือไม่เป็น คุณกริชเค้าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน”
“ไม่จริง”
อรุณศรีสวนทันควัน
“จริง แกเจอเค้าแค่ครั้งเดียว แกจะไปรู้อะไร ฉันเจอเค้าทุกวัน มันไม่มีอะไรจริงๆ เลิกพูดเหอะ ฉันจะนอนแล้ว .. อ้อ แล้วเรื่องค่ารักษาพยาบาล แกจะเอาเท่าไหร่ก็รีบบอกมา ฉันจะทำเรื่องเบิกให้ แค่นี้นะเพื่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
สุพรรณิการ์จำต้องวางสายตามอรุณศรีไป แต่ยังแอบครุ่นคิดว่า ทำไมคืนนี้อรุณศรีถึงได้เสียงเครียดนัก
อรุณศรีหยิบสมุดบัญชีเงินฝากมาเปิดดูด้วยสีหน้าเครียด เพราะเงินในบัญชีมีอยู่แค่สองแสนกว่าบาท
อรุณศรีคิดถึงคำพูดปรานต์ที่บอกว่า
“จริงๆปรานต์ก็ไม่อยากกวนแอ๊ว มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ยืมไม่นานนะ แค่สองสามเดือนพอบริษัทปันเงิน ปรานต์ก็เอามาคืนแล้ว ปันผลครั้งนี้ได้ไม่ต่ำว่าสองล้าน! ปรานต์ก็กะว่า ถ้าได้เงินปันผลครั้งนี้ ก็จะเอามาดาวน์บ้าน บ้านของเราสองคนไงแอ๊ว”
อรุณศรีถอนหายใจเบาๆ พลางพูดกับตัวเอง
“ระหว่างคนดี กับคนโง่ เราจะเลือกเป็นอะไร”
เช้าวันต่อมา ที่ร้านเวดดิ้ง ทั้งวัชระและเนตรนภัสนั่งอยู่ในร้านสีหวาน แวดล้อมด้วยนักจัดงานแต่งงานมืออาชีพ แต่วัชระกลับโพล่งออกมาตรงๆ หลังจากที่ฟังคอนเซ็ปต์งานแต่งงาน
“ผมไม่เลือกทั้งสองอย่าง”
เนตรนภัสหันมาจ้องหน้าวัชระด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ทำไมคะ แหนมว่าคอนเส็ปท์ที่คุณโตโต้บอกมามันก็ดีออก งานกลางวันจัดที่สวนของโรงแรมเป็นสวนแบบอังกฤษ แขกมางานก็เป็นคอนเส็ปท์รอแยล แอสคอต (Royal Ascot) ใส่หมวกเก๋ๆ มาดูม้าแข่ง ผู้ดีมาก”
วัชระทำหน้าเอือม
“งานกลางคืนก็จัดในโรงแรมบรรยากาศเทพนิยาย วัชเป็นเจ้าชาย แหนมก็เป็นเจ้าหญิง น่ารักจะตาย ทำไมวัชไม่ชอบ”
“แต่มันแพง” วัชระเสียงเบา
เนตรนภัสปรายตาไปที่วัชระ
“ก็แหนมมีเงินจ่าย เท่าไหร่แหนมก็จ่ายได้ วัชจะต้องเดือดร้อนทำไม”
วัชระเบือนหน้าหนี เนตรนภัสหันมาพูดกับทีมงาน
“สรุปว่าแหนมชอบทั้งสองแบบนะคะ ทั้งงานกลางวันและงานกลางคืน เอาตามแบบนี้เลย ส่วนเรื่องทำวีทีอาร์ประวัติความรักของเราสองคนก็เริ่มได้เลยนะคะ แหนมขอตรวจบทด้วย”
“เมื่อกี๊แหนมว่าไงนะ จะทำอะไร”
“ก็ทำตำนานความรักของเรา เอาไว้ฉายให้คนในงานดูไง”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ เรื่องของเราสองคนทำไมต้องไปโพนทะนาให้คนอื่นรู้ด้วย แหนมไม่เขินเหรอ อยู่ๆ ก็เอาเรื่องส่วนตัวไปโชว์ให้คนอื่นดู ผมไม่เอานะ ผมอาย หน้าผมบาง”
“เราก็ทำให้มันเก๋ๆ ก็ได้ แขกมางานเรา เค้าก็ต้องอยากรู้เรื่องของเรา” เนตรนภัสสวนทันที
“อยากรู้ขนาดนั้นเลย” วัชระเสียงกวน
“แล้วต้องถ่ายตอนที่เรานอนด้วยกันให้เค้าดูด้วยหรือเปล่า เขาก็คงจะอยากรู้เหมือนกัน”
วัชระพูดประชดเนตรนภัสหน้าตึง
“วัชเป็นอะไร แหนมพูดอะไร ชอบอะไร วัชก็ขัดไปหมดทุกอย่าง พอ วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน แหนมไม่อยากทะเลาะกับวัชมากไปกว่านี้อีกแล้ว ฤกษ์ไม่ดี”
ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวคิดไปกันคนละทาง มองคนละมุม พนักงานร้านเวดดิ้งเริ่มมองหน้ากัน ก่อนจะค่อยๆทยอยแยกย้ายกันไปคนละทาง
เนตรนภัสคว้ากระเป๋าเดินกระแทกส้นรองเท้าลงกับพื้นอย่างไม่พอใจและออกจากร้านไปทันที วัชระได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มองสิ่งต่างๆ ในงานวิวาห์ด้วยความกลัดกลุ้มใจ
สุพรรณิการ์กำลังนอนอย่างมีความสุขในยามกลางวัน เสียงเจาะเพดานทะลุมาเข้ามาในห้องนอนจน สุพรรณิการ์ต้องคว้าหมอนมาปิดหู หลังเสียงเจาะเพดานเงียบไป เสียงตอกตะปูดังสนั่นถี่ยิบก็ตามมาติดๆ สุพรรณิการ์เอาผ้ามาคลุมทับหมอนที่อุดหูอยู่ เสียงเจาะเพดานดังขึ้นมาอีกรอบ
สุพรรณิการ์นอนไม่ได้ ต้องกระเด้งตัวขึ้นมา พร้อมกับโวย
“โอ้ย จะมาเจาะอะไรกันตอนนี้วะ ห้องไหนเนี่ย”
ที่คอนโด “สามเหลี่ยม สามมุม” ของกริชชัย วัชระกำลังเจาะเพดานทำที่ห้อยกระสอบชกมวย
วัชระเจาะเสร็จพอดี ขยับตรวจเช็คความเรียบร้อย
สุพรรณิการ์นั่งหน้าเครียดจนเสียงสว่านเงียบไป ถึงได้ยิ้มออก
“ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นได้เจอกันแน่” สุพรรณิการ์บ่นอุบ
สุพรรณิการ์กำลังล้มตัวลงนอน ทันใดนั้นก็มีเสียงชกกระสอบทรายตุ๊บตุ๊บดังขึ้น
สุพรรณิการ์กระเด้งตัวขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้หงุดหงิดอย่างสุดๆ
“โอ้ย อะไรกันวะเนี่ย”
สุพรรณิการ์โกรธจัด เงยหน้ามองขึ้นไปยังตำแหน่งของเสียง
สุพรรณิการ์ยืนกดออดหน้าห้องต้นเสียงอย่างกระหน่ำ เสียงออดดังสนั่นแข่งกับเสียงชกกระสอบของวัชระ สักพักประตูห้องก็เปิดออก
วัชระเดินออกมาเปิดประตูห้องในสภาพเหงื่อโซมกาย ไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงยืดขอบเอวต่ำ
สุพรรณิการ์ถึงกับยืนมองด้วยความอึ้งไปชั่วขณะ อ้าปากจะด่า แต่ไม่มีอะไรหลุดออกมา
วัชระมองหน้าแล้วก็ถามขึ้น
“มีอะไร”
เสียงดังห้าว แห้ง แล้งน้ำใจของวัชระ ทำให้สุพรรณิการ์ถึงกับหมดอารมณ์ตื่นเต้น
“นี่พูดจากับผู้หญิงให้มันดีๆหน่อย”
“อ้าว ผู้หญิงเหรอ นึกว่าทอม”
“ฉันไม่ได้เป็นทอมย่ะ”
“ไม่ใช่ก็ควรจะทำตัวให้มันนุ่มนวลหน่อย ตกลงมากดกริ่ง มีอะไร”
“ฉันจะนอน เงียบๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
“นี่มันเที่ยงนะคุณ จะนอนไปถึงไหน”
“ฉันเพิ่งจะเข้านอน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ฉันคนทำงานกลางคืน ไม่ได้นอนเหมือนคุณนี่”
“ทำงานกลางคืน” วัชระมองสุพรรณิการ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“สารรูปแบบนี้มีคนมาใช้บริการด้วยเหรอ “ วัชระพูดต่อ
สุพรรณิการ์โมโห
“ไอ้นายหน้าหนวด นายคิดว่าฉันทำงานอะไรหะ ฉันเป็นเจ้าของร้านเหล้าย่ะ ไม่ได้ทำงานอย่างว่า ทุเรศ สกปรก ต่ำ”
“โห มาเป็นชุด หูแทบรับไม่ได้ ทีหลังไม่อยากให้เข้าใจผิด ก็พูดให้มันกระจ่างหน่อย แล้วจะบอกให้นะว่าผมทำเสียงเบากว่านี้ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล”
“แต่มันรบกวนสิทธิส่วนบุคคลของฉัน”
“ก็ช่วยไม่ได้”
วัชระปิดประตูห้องไปไม่สนใจ สุพรรณิการ์รีบตะโกนสวนออกไป
“นี่คุณ นายหน้าหนวด นายวัชระ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน นายวัชระ”
วัชระไม่สน ล็อคประตูใส่กลอนทันที ตามมาด้วยเสียงชกมวยชุดใหญ่ สุพรรณิการ์สุดจะแค้นเคืองใจ ได้แต่กัดฟันกรอด ทำอะไรไม่ได้
สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงุด เสียงชกมวยยังดังต่อเนื่อง
“คอยดูนะ ฉันจะต้องแก้แค้นนายให้ได้ นายหน้าหนวด”
วัชระกระหน่ำต่อยกระสอบต่ออย่างบ้าคลั่ง สุพรรณิการ์แค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเอาไม้เบสบอลกระทุ้งผนังสู้
วัชระต่อยกระสอบกลับไป ทั้งสองคนด่ากันด้วยเสียงกระทุ้งผนังและ เสียงต่อยกระสอบ วัชระต่อยไปต่อยมาแล้วก็ชักจะฮากับการกระทำของตัวเอง
“บ้าพอกันทั้งคู่”
สุดท้ายวัชระก็ระเบิดหัวเราะออกมา ราวกับได้ปลดปล่อยความเครียดที่คั่งค้างมาตลอดเวลาหลายวัน
วัชระหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ แล้วก็เอน็จอนาจกับชีวิตตัวเอง
สุพรรณิการ์โยนไม้เบสบอลทิ้ง ด้วยความเซ็ง แล้วก็กระโดดลงบนเตียงด้วยความแค้น หยิบเอาหมอนมาอุดหูแล้วมุดหัวลงไปในกองผ้าห่ม
ตอนเที่ยงที่หน้าบริษัท M Group พนักงานทยอยเดินออกมาเพราะเป็นช่วงพักกลางวัน เจ้าหน้าที่เงินกู้กำลังแจกใบปลิวให้กับอรุณศรี พลางบอกว่า
“ถ้าน้องต้องการเงินกู้แบบด่วนจี๋ มีที่นี่ที่เดียวนะครับ ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องมีคนค้ำ มีแค่ใบรับรองเงินเดือนอย่างเดียวทำได้เลย น้องทำงานที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นพี่ให้สิบเท่าของเงินเดือน เงินเดือนสองหมื่นเอาไปเลยสองแสน แค่เอาสลิปเงินเดือนมาให้พี่ เซ็นเอกสารอีก ๕ นาที เงินโอนเข้าแบงค์ทันที เร็ว ง่าย สบาย น้องสนใจมั้ยครับ” พนักงานเงินกู้พูดต่อ
อรุณศรีมองดูใบปลิวอย่างลังเล
กริชชัยกำลังจะเดินออกไปหาของกินเหมือนกัน แต่เหลือบไปเห็นอรุณศรียืนอยู่ กริชชัยมองด้วยความแปลกใจเห็นอรุณศรียืนอ่านใบปลิวอยู่ มีพนักงานพยายามจะขายของ และป้ายตัวโตเขียนว่า “เงินด่วน” กริชชัยคิดแล้วก็เดินเข้าไปหา
อรุณศรียังยืนอ่านเอกสารด้วยความลังเล
“น้องสนใจมั้ยครับ” พนักงานถามย้ำอีกครั้ง
อรุณศรีคิด เสียงกริชชัยก็ดังขึ้น
“อรุณศรี”
อรุณศรีสะดุ้งนิดๆ รีบเก็บเอกสารใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมาและเดินเลี่ยงๆออกจากพนักงานขายเล็กน้อย
“คะ”
“ทำอะไร”
“อ๋อ คือ กำลังจะออกไปทานข้าวค่ะ”
“ผมก็กำลังจะไปเหมือนกัน เอ่อ...ไป...” กริชชัยจะออกปากชวนแต่พูดยังไม่จบ
อรุณศรีแทรกอย่างนุ่มนวล
“ฉันมีนัดแล้วค่ะ”
“แฟนเหรอ”
อรุณศรียังไม่ทันตอบ เสียงเบญลี่ก็ดังเข้ามา
“แอ๊ว..ขอโทษทีพี่มาช้าไปหน่อย พอดีติดคุยกับลูกค้า”
เบญลี่หันมาเห็นกริชชัยเข้าพอดี
“อ้าว คุณกริช”
เบญลี่มองหน้ากริชชัยแล้วก็หันมามองหน้าอรุณศรี ด้วยความอยากรู้ กริชชัยจึงรีบบอก
“ผมเห็นอรุณศรียืนรออยู่คนเดียว ก็เลยเดินมาทัก แล้วนี่กำลังจะออกไปทานข้าวกันเหรอ”
อรุณศรียังไม่ทันจะได้ตอบ เบญลี่ก็แทรกอย่างรู้งาน
“ใช่ค่ะ คุณกริชทานหรือยังคะ ไปทานด้วยกันมั้ยคะ”
อรุณศรีตกใจนิดๆ ที่เบญลี่ออกปากชวนกริชชัยและลุ้นรอฟังคำตอบอยู่ ขณะที่กริชชัยกำลังคิดหนักภายในใจว่า “ถ้าไปด้วยจะดีไหมหนอ?”
จบตอนที่ 5
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 5/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์