หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 7/4

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 7/4
จุ๊บแจง อาชา ขวัญข้าว แต่งชุดไทยงดงามกันทั้งสาม รุ้งระวียืนแยกมา ทั้งหมดถือร่มบังแดด ร่มของอาชาเป็นลูกไม้สวยงาม ทั้งๆที่แต่งราชปะแตน
“ลำบากลำบนเหลือเกิน แต่งชุดไทย ร้อนตับแตก แล้วนี่ต้องลงไปในสระบัวอีก” อาชาบ่นอุบ
ขวัญข้าวหน้าหงิก
“นั่นซิ นี่ยังดีนะ ที่ได้กางร่ม ไม่งั้นผิวฉันหมองหมด”
อาชาจิกตามอง
“มีอะไรให้หมองอีกเหรอเจ๊ ดำจนเป็นเหนี่ยงแล้ว”
“ที่พวกเราต้องลำบากเนี่ย อยากรู้นักอีหน้าไหนมันเป็นคนต้นคิด” จุ๊บแจงบ่นเซ็งๆ
ขวัญข้าวมองไปที่ รุ้งระวี

“จะหน้าไหน มันก็ต้องหน้า นังฝรั่ง น่ะซี้”
ขวัญข้าว จุ๊บแจง จวงใจ อาชา ปรายตามองไปทางรุ้งระวีแล้วหัวเราะพร้อมกัน ทูนอินทร์กำลังช่วยจัดแสงอยู่กับอินทรเห็นรุ้งระวีโดนรุมก็เดินมาหา
“ไหวไหมรุ้ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่อยากให้งานเสร็จ จะได้เลิกยุ่งกับคนพวกนี้ เสียที”
“อดทนนะ”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์หันไปสั่งทุกคน
“อ้าว...ทุกคน ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลงเรือเลยนะครับ”
“พร้อมแล้วค่ะ เชิญลงเรือเดี๋ยวนี้”
จี่หอยต้อนทุกคนลงเรือ ขวัญข้าวและอาชาลงเรือลำเดียวกัน จุ๊บแจงแยกไปอีกลำ รุ้งระวีก้าวลงเรือของตน ทีมงาน พนักงานพาเรือทั้งสามลำไปกลางสระ อาชาตัวสั่นหันไปหาหนุ่มทีมงาน
“โอย...กลัวจัง ว่ายน้ำไม่เป็นน่ะ หนุ่มแน่น อย่าให้พี่ตกน้ำนะ ถ้าพี่ตกไปเธอต้องกอดพี่แน่นๆอย่าให้พี่จม”
“กอดแน่นๆนั่นแหละครับ ตายทั้งคู่”
อาชาอึ้งไป เรือลอยมากลางบึง ดรายไอซ์ลอยควันฟูฟ่อง
“แจง กระแทกเรืออีฝรั่งเลย” ขวัญข้าวยุ
“จัดให้ค่ะ”
จุ๊บแจงหันหัวเรือไปชนกับเรือรุ้งระวี จนเอียงไป ทีมงานชายต้องช่วยกันจับ
“ว้าย มาชนฉันทำไม” รุ้งระวีโวยวายอย่างตกใจ
“ก็ดันช้าทำไมล่ะยะ”
ทูนอินทร์ตั้งกล้องภาพนิ่งริมฝั่ง แล้วพูดโทรโข่ง
“เอาเรือของรุ้งนำมาข้างหน้า ลำเดียว”
อาชา จุ๊บแจงและขวัญข้าวไม่พอใจ
“ได้ยังไงวะ ให้เรือเราอยู่ข้างหลัง เราก็เป็นแค่ตัวประกอบนัง ฝรั่งมันน่ะซี” อาชาโวย
จุ๊บแจงโกรธ
“โวยเลยพี่ม้า”
“อย่า คุณอิทธินั่นแหละที่ต้องการแบบนั้น โวยไปเสียเวลาเปล่าเป็น ตัวประกอบกันไปเถอะ”

ทีมงานดึงเรือของอาชา ขวัญข้าวและจุ๊บแจง ไปด้านหลัง คำรณซุ่มอยู่ริมบึงอีกด้าน ถอดเสื้อออก เหลือกางเกงว่ายน้ำรัดรูปค่อยๆย่องลงน้ำ แฝงตัวอยู่ใต้ใบบัว มองมายังกลุ่มเรือที่ลอยอยู่ เขาค่อยๆลอดใต้ใบบัวเข้าไปใกล้กลุ่มเรือ

เรือทั้งสามลอยได้จังหวะ นักร้องทั้งสี่ยิ้มสวยให้กล้อง ทูนอินทร์กดชัตเตอร์ถ่ายภาพนิ่ง อินทรกดอีกกล้องคนละมุม ทีมงานแยกขึ้นฝั่งทั้งหมดเพื่อไม่ให้ร่วมเฟรม

อิทธิ จี่หอย จวงใจ ดูการถ่ายอยู่ ทูนอินทร์และอินทรกำลังขะมักเขม้น จวงใจมองดูไปที่เรือรุ้งระวีอย่างลุ้นๆ คำรณแอบใต้ใบบัว ได้จังหวะดำน้ำลงไปทันทีตรงไปใต้ท้องเรือ จับท้องเรือรุ้งระวีกระแทกอย่างแรง เรือเอียงวูบ รุ้งระวีร้องกรี๊ดลั่น
เมื่อเรือเอียงวูบ รุ้งระวีร้องกรี๊ดลั่น เรือไปกระแทกเข้ากับเรือของจุ๊บแจง ทำให้จุ๊บแจงพลอยเสียหลักไปด้วย
“กรี๊ด!”
จุ๊บแจงร้องลั่น เรือของรุ้งระวีกลับประคองตัวไว้ได้ ส่วนเรือจุ๊บแจงกลับเป็นฝ่ายพลิกเสียเอง ร่างของจุ๊บแจงกลิ้งตกน้ำไป อาชา และขวัญข้าวร้องกันเอะอะ ขณะเดียวกันที่บนฝั่ง ทุกคนร้องเอะอะ
“ช่วยซี ไปช่วยแจงเร็ว คุณอิทธิ” จวงใจโวยวาย
อินทรรีบบอก
“ไม่ต้องตกใจครับ ทีมงานช่วยไว้แล้ว”
ทีมงานชายรีบลงน้ำไปช่วยจุ๊บแจง แล้วประคองเธอขึ้นฝั่ง จุ๊บแจงร้องไห้โฮ ขณะเดียวกัน คำรณโผล่ขึ้นเหนือน้ำ หลบอยู่หลังใบบัว โมโหที่แผนไมได้ผล
“ทำไมเป็นอย่างนี้วะ”
หลังต้นไม้ ฟ้าใสแอบดูอยู่ ยิ้มชอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รุ้งระวีนั่งมองจุ๊บแจงที่ร้องไห้โฮอย่างตกใจ จวงใจ จี่หอย มะปราง พากันเข้ามาดูแล
“เมื่อกี้ใครแกล้งพลิกเรือฉัน” รุ้งระวีหันขวับไปถามขวัญข้าว กับอาชา
“พูดดีๆนะยะ เรือเราอยู่ห่างตั้งขนาดนี้ ถ้าฉันพลิกเรือแกได้ มือฉันต้องยาว เป็นมือแม่นากแล้ว” ขวัญข้าวย้อน
“อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ นังฝรั่งหน้าเงือก” อาชาโต้
รุ้งระวีพยายามระงับอารมณ์ ขณะที่บนฝั่ง จุ๊บแจงโวยวายลั่น
“นังฝรั่งมันแกล้งแจง ฮือ มันตั้งใจให้เรือแจงพลิกคว่ำ”
“คุณอิทธิไม่ได้นะคะ ต้องเอาเรื่อง” จวงใจโวยวาย
อิทธิรำคาญ
“ไม่มีใครแกล้งใครทั้งนั้นละ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด แล้วมาถ่ายใหม่”
“ไม่ถ่ายแล้ว ถ้าถ่ายก็ต้องถ่ายคนเดียว ไม่ขอเป็นตัวประกอบให้นังฝรั่งมันหรอก” จุ๊บแจงบอกอย่างไม่พอใจมาก
อิทธิตวาดอย่างไม่ยอม
“งั้นก็ไม่ต้องถ่าย เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับกรุงเทพไปเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณอิท โฮ”
จุ๊บแจงร้องไห้หนักขึ้น เมื่ออิทธิไม่ใยดี
“ไป แจง ไปอาบน้ำก่อนค่อยว่ากัน”
จวงใจรีบแทรก พาจุ๊บแจงไปกลับไปที่บ้าน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทูนอินทร์มองไปที่รุ้งระวี ที่ยังลอยเรืออยู่ เห็นเธอส่ายหน้าอย่างโมโห
อาชาตะโกน
“เอาไงครับคุณ อิท”
“ถ่ายต่อ”
“เหลือแค่สามคนเนี่ยนะคะ” ขวัญข้าวร้องถาม
“ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื้อกี้ได้รูปแจงไปครบแล้ว ถ่ายต่อเลย”
ขวัญข้าวหันขวับมามองรุ้งระวี
“เบื่อ ต้องมาถ่ายกับนังฝรั่งเมียน้อย หน้าด้าน เบื่อจริงๆ”
รุ้งระวีสุดจะทน
“คุณอิท ขอพักก่อนค่ะ”
“มีอะไรรึเปล่ารุ้ง ผมอยากให้ถ่ายต่อ”
“ยังไม่ถ่ายค่ะ ขอพักก่อน เพราะถ้ายังนั่งอยู่ในเรือแบบนี้ มีสิทธิ์เรืออีกลำต้องล่มแน่ๆ”
“หมายความว่ายังไงยะ ขู่จะล่มเรือฉันงั้นเหรอ” ขวัญข้าวโต้
“ใช่ ขู่จะจมเรือแกทั้งลำ เพราะฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้ว แล้วถ้ายังปากมากไม่เลิก ไอ้ด้ามพายแหละที่มันจะฟาดปากแกนังดำตับเป็ด ส่วนแกฉันจะกระทุ้งด้วยหัวพาย สุดลิ่มทิ่มประตูเลย นังกะเทยจรจัด”
ขวัญข้าวและอาชาอ้าปากค้างที่ถูกด่า รุ้งระวีหยิบพายมาฟาดโครมลงน้ำ จนน้ำสาดเข้าเต็มหน้า ทั้งสองร้องกรี๊ดกร๊าด
“พาพี่กลับเข้าฝั่ง”
รุ้งระวีหันไปบอกทีมงานที่อยู่ใกล้ ทีมงานจึงช่วยกันดึงเรือรุ้งระวีกลับไปทันที
“มันว่าฉันดำตับเป็ด“ ขวัญข้าวหันมาบอกอาชา
“แต่มันว่าฉันกะเทยจรจัด มันแปลว่าอะไรเจ๊”
“ไม่รู้ แปลไม่ออก แต่คงไม่ใช่คนดีหรอก”
อาชา ขวัญข้าวร้องโอดโอย
“พาฉันขึ้นฝั่งด้วย ต้องแต่งใหม่หมด ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เร็วซี”
อาชาหันไปอ้อนทีมงานหนุ่มๆ
“ไม่กล้าแตะด้ามพายแล้ว กลัว หนุ่มแน่นช่วยพี่ด้วย”
“โอ๊ย มีแต่เรื่อง” ขวัญข้าวโวยวาย
ทูนอินทร์และอินทรมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างขำๆ มองรุ้งระวีที่กำลังขึ้นฝั่งอย่างนิยมชมชอบในความกล้าของเธอ

อิทธิ เข้ามาหารุ้งระวีพร้อมจี่หอย และมะปรางที่ต่างยิ้มชอบใจ
“หนูด่าได้สะใจเจ๊มาก” จี่หอยบอกอย่างสะใจ
อิทธิปรามๆ
“รุ้ง ใจเย็นๆ”
“เย็นไม่ไหวแล้วค่ะ ถ้าจะทำงานด้วยกันแล้วกลั่นแกล้งกันแบบนี้ รุ้งขอทำงานคนเดียวดีกว่า”
“มันเป็นภาพพจน์ของบริษัทนะ ที่ศิลปินทุกคนต้องรักและสามัคคีกัน”
“ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นนี่คะ”
“แต่ภาพต้องออกมาเป็นอย่างนั้น”
“คงเป็นความชำนาญของคุณ ถนัดในการสร้างภาพลวง แม้แต่ประวัติส่วนตัวของรุ้ง”
รุ้งระวีสะบัดไป
“รุ้ง เดี๋ยว”
“ขออยู่ลำพังสักพักเถอะค่ะ”
รุ้งระวีแยกไปทางสวน อิทธิส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ
“เจ๊หอย ดูแลทางนี้ด้วย”
“ค่ะ”
อิทธิเดินกลับไปที่บ้าน ทูนอินทร์มองตาม

รุ้งระวีเดินมาสงบสติอารมณ์บริเวณต้นไม่ใหญ่ในสวน ฟ้าใสเดินมาเบื้องหลัง เสียงฝีเท้าดังขึ้น รุ้งระวีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“บอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว”
ฟ้าใสยิ้มหยัน
“ไงจ๊ะ แม่ฝรั่งขี้วีน”
รุ้งระวีหันขวับมามอง
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“อ้าว...นี่บ้านฉันนะ ผัวฉันก็อยู่ที่นี่ทั้งคน”
“คนไหนล่ะ”
“คนที่เป็นเจ้าของบ้าน และตอนนี้เธอกำลังใช้เสน่ห์ราคาถูก ล่อลวงเขาไปเป็นของตัวเองไง”
“ถ้าหมายถึงคุณทูน ไม่ต้องใช้เสน่ห์หรอกค่ะ แค่เสียงร้องเพลงของฉัน คุณทูนก็วิ่งมาหาฉันแล้ว เอ...เหมือนครั้งที่คุณทูนเขาหลงเสียงเธอเลยนี่ เรื่องของเรานี่มันเหมือนฉายหนังซ้ำจังเลยนะคะ”
“แต่ของฉันฉายก่อน เป็นของแท้ดั้งเดิม ไม่ใช่หนังเลียนแบบอย่างหล่อน”
“เรื่องของเธอกับคุณทูน ฉายจบไปนานแล้วนี่คะ แล้วจบแบบเศร้าสลด ปนสมเพช แต่ของฉันเพิ่งเริ่ม และ...ประสบความสำเร็จกว่าเธอเยอะ”
รุ้งระวีจะแยกไป ฟ้าใสจับมือเธอไว้
“จะไปไหนล่ะ พูดกันให้รู้เรื่อง นังฝรั่งลูกเมียเช่า”
รุ้งระวีอึ้งไป มองหน้าฟ้าใสอย่างไม่ให้อภัย
“อึ้งไปเลยซี้ อย่านึกว่าไม่รู้ประวัติ ที่แกอ้างว่ากำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ ไปอยู่กับป้าที่แอลเอตั้งแต่ห้าขวบ ตอแหลชัดๆ หน้าอย่างแก มีแม่กับเขา ก็ต้องเป็นอีตัวโสโครก ได้กับไอ้ทหารฝรั่งชั้นต่ำจนออกมาเป็นนังเลือดพันทางอย่างแก”
“อย่าเรียกแม่ฉันอย่างนั้น”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ โถ ยังนับถือว่าเป็นแม่อยู่น่ะซี เลิกเถอะ คนที่มันมีสำนึกของความเป็นแม่น่ะ มันไม่ทิ้งลูกมันตั้งแต่ห้าขวบหรอก”
“หยุดพูด”
“ดูซี้ แกมีชื่อเสียงขนาดนี้ โชว์หนังหน้าแกออกทุกสื่อ แม่แกไม่ยักโผล่หน้ามาแสดงตัว ก็หมายความว่าแม่แก มันคงติดโรคเน่าตายไปแต่ไหนแต่ไรแล้ว จุดจบนางโส ฮ่ะ ฮ่ะ”
รุ้งระวีโกรธจัด ตบหน้าฟ้าใสอย่างแรงจนเซไป เธอก้าวเข้าไปด้วยสีหน้าดุร้ายจนฟ้าใสกลัว ถอยกรูด รุ้งระวีกระชากแขนไว้ น้ำตารื้นเต็มตา
“ไม่ต้องหนี ฉันไม่ให้ใครมาล่วงเกินแม่ฉันแบบนี้ ฉันจะบอกให้นะ แม่ฉันเป็นนักร้อง อาชีพที่มีเกียรติ ที่ฉันร้องเพลงได้ทุกวันนี้เพราะแม่ฉันสอน แล้วแม่ก็ไม่ได้ทิ้งฉันไปตั้งแต่ห้าขวบ ฉันอายุเจ็ดขวบแล้ว แม่ถึงส่งฉันไปเมืองนอก จำไว้”
“แล้วทำไมแม่แกถึงทิ้งแกไปล่ะ”
รุ้งระวีอึ้ง พูดไม่ออก
“มันก็มีเหตุผลเดียว แม่แกเขาเบื่อ ที่ต้องเลี้ยงลูกหน้าฝรั่งอย่างแก ไอ้ลูกที่พ่อ มันไม่ใยดี”
“ไม่จริง”
“เพราะแกนั่นแหละ ที่ทำให้ไอ้พ่อฝรั่งทิ้งแม่แกไป”
“กรี๊ด ไม่จริง”
รุ้งระวีบีบคอฟ้าใสอย่างแรง แล้วเขย่าร่าง
“ปล่อย กรี๊ด!”
ฟ้าใสพยายามปัดป้อง แต่รุ้งระวีขาดสติเสียแล้ว ทั้งสองล้มลงไปกับพื้น ฟ้าใสร้องกรี๊ด ประสานกับเสียงกรีดร้องปนสะอื้นของรุ้งระวี
ทูนอินทร์ อินทร จี่หอย มะปรางวิ่งเข้ามา
“รุ้ง”

ทูนอินทร์ดึงร่างรุ้งระวีแยกมา รุ้งระวีร้องไห้สะอื้น ทูนอินทร์กอดเธอไว้ ขณะทิ่อินทรจับร่างฟ้าใสยึดไว้
“แม่คนนี้มาได้ยังไงคะเนี่ย” จี่หอยถามไม่พอใจ
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าให้อยู่ในบ้าน ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านแถวนี้” ทูนอินทร์ตวาด
“นี่ก็บ้านฟ้านี่คะ ทำไมจะเพ่นพ่านในบ้านตัวเองไม่ได้”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ ทร พาฟ้าใสกลับไป”
“กลับเจ๊ เลิกบ้าได้แล้ว”
อินทรดึงฟ้าใสออกไป ทูนอินทร์หันมองฟ้าใสอย่างเป็นห่วง
“รุ้ง เป็นยังไงบ้าง”
“ขอพักสักครู่เถอะค่ะ”
“งั้นไปพักในบ้านก่อนเถอะค่ะ”
ทูนอินทร์พารุ้งระวีกลับไปที่บ้าน จี่หอยถอนใจเฮือก
“ปราง มันอะไรกัน นังฟ้ามืดมันพูดเหมือนมันยังเป็นเมียคุณทูนอยู่”
“นั่นซีคะ แล้วพี่รุ้งเป็นอะไรคะ ทำไมสติแตกขนาดนั้น”
“ต้องสืบแล้วละ”
ทั้งสองรีบตามไป

อินทรผลักฟ้าใสเข้าไปในห้องนั่งเล่น พลางไล่
“กลับไปได้แล้ว”
ฟ้าใสหยิบเอกสารหย่าขึ้นมา
“คุณทูนไม่ให้ฉันกลับหรอก เพราะเขาต้องการเซ็นเอกสารใบนี้”
ฟ้าใสโยนเอกสารตรงหน้า อินทรมองเอกสารแล้วนิ่งไป
ทางด้านรุ้งระวี เข้าไปพักที่ห้องนอน ทูนอินทร์ตามไปนั่งข้างๆอย่างเป็นห่วง
“อย่าไปฟังที่ฟ้าใสพูด เธอแค่ยั่วให้คุณโกรธ”
“แต่มันก็มีความจริงอยู่ด้วย ทำไมแม่ถึงทิ้งฉัน”
“บอกแล้วไงว่าเขาคงมีเหตุผลของเขา”
“คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ฟ้าใสพูด การที่ฉันเกิดมา ทำให้พ่อทิ้งแม่ไป แม่โยนความผิดที่พ่อทิ้งมาให้ฉัน”
“ฟังนะรุ้ง ถ้าแม่ไม่รักคุณ ท่านคงไม่สอนคุณร้องเพลง ไม่พาคุณไปร้องเพลงประกวดจนได้รางวัลมากมาย แล้ว จำได้ไหม วันสุดท้ายที่มาส่งคุณไปกับแหม่ม”
“จำได้ซีคะ”
“แม่คุณเป็นยังไง”
รุ้งระวีนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่แสงหล้าร้องไห้อย่างหนักเมื่อเธอจะเดินทางไปเมืองนอก รุ้งระวีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น
“จริงซี แม่ร้องไห้ใจจะขาดตอนที่จากฉัน”
“เห็นไหม ถ้าแม่ไม่รักคุณ คงไม่ร้องไห้ขนาดนั้น”
“ฉันมันโง่จริงๆ ที่หลงไปกับคำพูดของฟ้าใส”
“มันคือความน้อยใจนั่นแหละครับ กลัวว่าแม่ไม่รัก ต่อไปนี้คุณต้องเชื่อมั่นในตัวแม่ของคุณ ว่าท่านรักคุณมากที่สุดในโลก”
“แล้ว ทำไมแม่ไม่ติดต่อฉันเลย”
“เราจะตามหาตัวท่านให้เจอ ท่านคงมีคำตอบให้คุณทั้งหมด”
รุ้งระวียิ้มอย่างขอบคุณทูนอินทร์
“ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ”
“ยินดีครับ”
“รู้ไหม ยิ่งคุณดีกับฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่ฉันแกล้งคุณตั้งแต่สมัยเด็ก”
“หืม แกล้งผมตั้งแต่สมัยเด็ก ยุคไหนกัน ตอนเด็กเราเคยเจอกันเหรอ”
“เออ หมายถึงสมัยเราเจอกันใหม่ๆน่ะค่ะ”
“โถ...ตอนนั้นยิ่งแกล้ง ก็ยิ่ง...”
ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวี แล้วเกิดเขินขึ้นมาไม่กล้าพูดต่อ
“อะไรคะ”
ทูนอินทร์ลุกแยกไป เพื่อหลบตา
“ไม่มีอะไรครับ”
รุ้งระวีลุกตาม
“บอกมานะ ยิ่งแกล้งก็ยิ่งอะไร”
ทูนอินทร์หันมาช้าๆ
“ก็ยิ่ง รัก”
รุ้งระวีนิ่งงันไป ทูนอินทร์หน้าแดงไปหมดแล้ว
“รักฉันจริงๆนะ”
ทูนอินทร์ไม่มองตา
“ของจริงของแท้ ไม่หลอก ไม่ลวง ไม่ล่วงละเมิดลิขสิทธิ์”
“ไม่พูดเล่น พูดจริงๆ มองตาฉัน แล้วพูดมา”
ทูนอินทร์มองตารุ้งระวี
“ครับ รักจริงๆ”
รุ้งระวียิ้มดีใจ ทั้งสองมองตากัน เลื่อนหน้าเข้าหากัน ทำท่าจะจุมพิต ประตูเปิดเข้ามาพอดี ทั้งสองผละจากกัน
อินทรทรเอะอะ
“พี่ทูน คุณรุ้ง”
“ว่าไง”
“ยายฟ้าใสไม่ยอมกลับ พูดเรื่อง...” อินทรกระซิบทูนอินทร์ “ใบหย่า”
ทูนอินทร์หนักใจ
“รุ้งคุณพักผ่อนนะ รู้สึกดีแล้วค่อยลงไปทำงานต่อ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ พร้อมทำงานแล้ว”
รุ้งระวีออกไปจากห้อง
“ทร ตามรุ้งไป เซ็ทนี้นายเป็นคนถ่ายละกัน”
“ได้ครับ”
ทูนอินทร์จะแยกไป
“เดี๋ยวพี่ ตอนนี้ยายฟ้าใสไปรอพี่อยู่ในห้องนอนแน่ะ”
“ห้องนอนฉัน!” ทูนอินทร์ฟังแล้วโมโหทันที

จบตอนที่ 7

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 7/4
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์