หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 8/2

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 8/2
อินทรยังถ่ายรูปอยู่ เสียงกรี๊ดดังมาจากในบ้าน ทุกคนหันไปมอง
“เสียงผีเปรตที่ไหนมันร้อง” อิทธิถาม
“ดังมาจากในบ้านน่ะค่ะ”
“เสียงแจงนี่”
เสียงโครมครามข้าวของแตกเปรื่อง
“เสียงยายฟ้าใสด้วย”เมธร้องบอก
“อะไรนะ ฟ้าใสอยู่ในบ้านเหรอ” อิทธิหันไปถาม
“ครับ” เมธพยักหน้ารับ

อิทธิ จี่หอย มะปราง อินทร มธ วิ่งกรูกันไปที่บ้าน เหลือแต่ทีมงาน ขณะเดียวกันในบึง รุ้งระวี อาชา ขวัญข้าว มองไปที่บ้านอย่างสงสัยเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่ หนุ่มแน่น เอาเรือกลับเข้าฝั่งเดี๋ยวนี้” อาชาหันไปบอกทีมงาน
“เดี๋ยวจะต้องถ่ายต่อนะครับ “
“เอาเถอะน่า กลับเข้าฝั่ง นังฟ้าใสมาอาละวาดที่นี่ ต้องไปดู“
ทีมงานดันเรือกลับเข้าฝั่ง เหลือแค่เรือของรุ้งระวีลำเดียว รุ้งระวีชะเง้อมอง สงสัยเหมือนกัน

ในห้องนอน จวงใจและจุ๊บแจงเข้ารุมฟ้าใส แต่แล้วกลับถูกฟ้าใสยันโครมเข้าทั้งคู่ ร่างทั้งคู่กระเด็นไปกระแทกตู้อย่างแรง ฟ้าใสเข้ามาคร่อมร่างจวงใจ แล้วตบซ้ายขวาเมามัน
ขณะเดียวกันทูนอินทร์ที่กำลังกรูกันเข้ามาในบ้าน พบทูนอินทร์ที่กำลังออกมา
“ทูน มีเรื่องอะไรกัน”เมธถาม
“ตัวแม่ตบกันครับ ขึ้นไปดูกันเอาเองก็แล้วกัน”
อิทธิ มองทูนอินทร์อย่างไม่พอใจมากที่พาฟ้าใสเข้ามาในกองถ่ายของตน ทั้งๆที่อยู่คนละค่ายกัน แต่ก็วิ่งตามทุกคนขึ้นไปชั้นบน เหลือทูนอินทร์หัวเราะขำลำพัง
อาชาและขวัญข้าวขึ้นฝั่ง ทั้งสองรีบตรงไปที่บ้าน รุ้งระวีอยู่ในเรือลำพัง
“คุณรุ้งจะขึ้นฝั่งก่อนรึเปล่าครับ” ทีมงานถาม
“ไม่ละ ฉันรออยู่ในเรือนี่แหละ”
ทีมงานแยกไป เหลือเพียงเรือของรุ้งระวีลำเดียว คำรณแอบอยู่ใต้ใบบัว เห็นว่าจังหวะปลอดคนพอดี รีบดำน้ำลงไป คำรณโผล่ขึ้นมาข้างกราบเรือ รุ้งระวียังมองไปทางบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มทีมงาน คำรณยิ้มย่ามใจที่ไม่มีมองมาทางตน

ทุกคนวิ่งเข้าไปในห้องนอนทูนอินทร์ พบว่าฟ้าใส จวงใจ และจุ๊บแจงกำลังฟัดกันนัวเนีย หัวยุ่งกระเซิงไปหมด
“เฮ้ย อะไรกัน แยกที”
เมธ อินทรเข้าแยกฟ้าใสออกมา จี่หอยและมะปรางช่วยดึงจวงใจ อิทธิกระชากร่างจุ๊บแจงออกมา
“เข้ามาบ้านฉัน ยังจะมาก่อเรื่องอีกเหรอ” เมธตวาด
“นังนี่มันหาเรื่องฟ้าก่อนนี่คะ” ฟ้าใสโต้
“หาเรื่องเหรอ แกนั่นแหละที่ตบฉันก่อน” จุ๊บแจงโวย
“แล้วใครที่ด่าฉันก่อนสาดเสียเทเสีย”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น จวงพาแจงออกไปได้แล้ว” อิทธิสั่ง
“เดี๋ยว คุณอิท มันทำร้ายจวงกับแจงนะคะ คุณไม่ช่วยเราเลยเหรอ”
“ช่วยซี ช่วยให้กลับกรุงเทพเร็วขึ้นไง ออกไปทั้งคู่”
จวงใจมองอย่างแค้น แล้วพาจุ๊บแจงออกไป อิทธิหันไปบอก
“ขอโทษนะฟ้าใส เด็กของผมมันทำเกินกว่าเหตุ”
“ยังดี ที่คุณยังยุติธรรม ไม่เข้าข้างเด็กคุณ”
“ผมยุติธรรมเสมอ”
อิทธิออกไป พร้อมจี่หอยและมะปราง
“แต่อย่านึกว่าฉันจะเป็นธรรมกับเธอ ยายฟ้า กลับได้แล้ว ทร พาแม่นี่ไปส่งที่รถเลย”
“ครับ”
สองชายจับแขนฟ้าใสพาออกไป

ขณะเดียวยกันนั้น คำรณที่ซุ่มอยู่ข้างกราบเรือรุ้งระวี ขยับตัวทำให้เกิดเสียงน้ำกระเพื่อมข้างเรือ รุ้งระวีหันมามอง คำรณหลบวูบ แล้วตัดสินใจผลักเรือให้พลิกคว่ำทันที
“กรี๊ด!”
รุ้งระวีตกน้ำ เสียงตู้มใหญ่ คำรณว่ายน้ำหนีทันที ทีมงานชายหันมามอง รุ้งระวีจมดิ่งลงในสระ ทีมงานชายร้องกันเอะอะ
รุ้งระวีพยายามตะเกียกตะกายในน้ำ และร่างกลับจมดิ่งลงไป ทูนอินทร์หันมองตามเสียงร้องทันที
“รุ้ง”
ทูนอินทร์วิ่งไปที่บึง จังหวะเดียวกับที่เมธและอินทร พาฟ้าใสออกมาจากบ้าน
“อะไรอีกน่ะ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ เตือนแล้วไม่ฟัง บอกแล้วว่าต้องเกิดเหตุเรือล่มหนสอง”
“เรือล่ม”
เมธและทรวิ่งไปที่บึง ฟ้าหัวเราะสะใจ

ทูนอินทร์วิ่งมาที่บึง ทีมงานกำลังงมหารุ้งระวี
“รุ้งล่ะ”
“จมหายไปครับ”
ทูนอินทร์กระโดดลงสระทันที เมธและอินทรวิ่งมาถึง
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น”
“คุณรุ้งจมน้ำครับ”
ขณะเดียวกันที่ใต้น้ำ รุ้งระวีดำดิ่งลงไปก้นสระ กำลังจะหมดสติ ทูนอินทร์ว่ายตามลงมา เห็นร่างของเธอ จึงเข้ารวบ แล้วพาทะยานขึ้นไปบนพื้นน้ำ
เมื่อทูนอินทร์พารุ้งระวีขึ้นมาเหนือน้ำ เธอหมดสติไปแล้ว ทีมงานชาย เข้ามาช่วยประคองร่างทั้งคู่กลับเข้าฝั่ง คำรณอยู่ใต้ใบบัว แอบมองอยู่ โล่งอกที่รุ้งระวีไม่เป็นอะไร รีบหลบไปที่สระอีกด้านบนฝั่ง รุ้งระวีสำลักน้ำออกมา คืนสติ ทูนอินทร์มองอย่างดีใจ

“รุ้ง รุ้งเป็นยังไง”
“เกิดอะไรขึ้น”
“คุณตกน้ำ เรือมันพลิกคว่ำ”
“มี มีคนแกล้งพลิกเรือ”
“อะไรนะ”
เมธและอินทรมองหน้ากัน
“มีคนแกล้งพลิกเรือ”
“ใครรุ้ง”
“ไม่ทราบ แต่เรือถูกผลักให้คว่ำ คนในสระ”
เมธสั่งทีมงานทันที
“เฮ้ย ตามดูให้ทั่วสระ มีใครแอบลงมาในสระบ้าง”
“ครับ”
ทีมงานวิ่งไปดูที่สระอีกด้าน
“พารุ้งไปพักในบ้านก่อนดีกว่า”
ทูนอินทร์อุ้มรุ้งระวีขึ้น แล้วพาเข้าบ้านไป
“ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้วะ” เมธถอนใจ
“ผมว่าคนแกล้งรุ้ง ต้องพวกนักร้องในค่ายนั่นแหละ” อินทรออกความเห็น
เมธพยักหน้าเห็นด้วย ทีมงานตะโกนจากอีกฟากของสระ
“พี่เมธครับ พี่ทร ทางนี้”
ทั้งสองตรงไปอีกด้านของสระ ทีมงานชี้ให้ดูรอยเท้า และพื้นที่เปียกย่ำเป็นทาง แต่รอยไปสุดที่กองใบไม้
“นี่ครับ รอยเท้าคน เดินออกไปทางสวนกล้วยนั่นน่ะครับ”
“สำรวจดูให้ทั่ว”
ทีมงานแยกย้ายกันไป ขณะเดียวกันที่ใต้พุ่มไม้ คำรณกำลังใส่เสื้อผ้า แล้ววิ่งหลบไปทางสวน แล้วต้องชะงักเพราะฟ้าใสที่หัวยังกระเซิง หน้ายังช้ำ ยืนรออยู่แล้ว
“วิ่งหนีใครมาเหรอ”
“เปล่าครับ”
“ตัวเปียกเชียว ลงสระมาละซี”
“ผมไม่ได้ลง”
“จะให้เชื่อไหม”
ฟ้าใสหยิบเศษแหนเขียวที่ไหล่คำรณออกมา
“เศษแหนคงติดมาตอนผมหลับอยู่ในสวน”
ฟ้าใสสวนทันที
“ไม่ต้องมาอ้าง ฉันได้ยินทั้งหมดที่แกพูดกับนังจวงเมื่อกี้ ก่อนลงมือจัดการล่มเรือนังฝรั่ง”
คำรณตาเป็นประกายวาวขึ้นทันที หยิบมีดพกออกมา ถูกับสันมือเป็นขู่
“หวังว่าคุณคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่งั้น...”
ฟ้าใสกลับยิ้มชอบใจ
“จะเชือดฉันเหรอ”
ขาดคำ ฟ้าใสจับมือคำรณ แล้วค่อยๆปลดมีดออก มาถือไว้เอง คำรณอึ้งไปกับท่าทีของฟ้าใส “มีดแค่นี้ อย่านึกว่าฉันกลัว แต่ฉันชอบนะที่นายขู่ฉันแบบนี้ รับรองฉันไม่บอกใครหรอก เพราะนายกับฉัน น่าจะร่วมมือกันได้ งานหน้าฉันอาจจะเรียกใช้นายแทนนังจวงมันก็ได้นะ”
พูดจบ ฟ้าใสปามีดไปปักต้นไม้เบื้องหลังคำรณ แล้วจากไป คำรณมองตามแล้วยิ้มนิดๆ ออกมา ถูกใจฟ้าใสไม่ใช่น้อย

ที่ห้องโถงกลางบ้าน อิทธิยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน สีหน้าเครียด
“ต้องมีคนแกล้งรุ้งแน่ๆ เพราะมีรอยเท้าผู้ชายขึ้นจากน้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม”
“หมายความว่าคุณอิทธิเชื่อแม่ฝรั่ง ว่าพวกเราเป็นตัวการ จ้างคนมาล่มเรืองั้นเหรอครับ” อาชาถาม
“ใช่ ผมเชื่อ เพราะเรื่องแกล้งรุ้ง เป็นงานถนัดของพวกคุณ”
“เราเพิ่งมาถึงนะคะ เราจะจ้างใครไม่ทราบ” จวงใจย้อน
“เราไม่ใช่คนพื้นที่ จะไปรู้จักไอ้โจรแถวไร่นี่ได้ยังไง” ขวัญข้าวเสริม
อิทธิมองไปที่คำรณ ซึ่งดูหน้าสงสัยที่สุด
“นายอยู่ที่ไหนตอนเกิดเหตุ”
“ผมแอบไปงีบในสวน”
“เห็นใครบ้างรึเปล่า”
“เห็นแต่คนงานครับ แล้วก็....”
“อะไร”
“เห็นคุณฟ้าใสมาเดินใกล้บึงน้ำด้วย”
จุ๊บแจงไม่รู้เรื่องกับจวงใจและคำรณนัดแนะกันไว้ เข้าข้างคำรณทันที
“งั้นใช่แล้ว ต้องนังฟ้าต่ำแน่ๆ ที่มันจ้างคนมา เพราะมันบอกว่ามันมาก่อนเราตั้งนาน”
อาชา จวงใจ ขวัญข้าวส่งเสียงสนับสนุน อิทธิ เมธ อินทรมองหน้ากัน ขณะเดียวกัน เสียงรถแล่นมา
“คุณรุ้งกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ” อินทรบอกทุกคน

เมธ อิทธิ อินทร ออกมารับรุ้งระวี ที่ลงมาจากรถ หน้าตายังซีดเซียว ทูนอินทร์ประคองเธอลงมา ตามด้วยจี่หอยและมะปราง อิทธิมองทูนอินทร์ที่ใกล้ชิดรุ้งระวีอย่างไม่พอใจ
“เป็นไงรุ้ง”
“ทานยาแล้วค่ะ ดีขึ้นแล้ว”
อิทธิรับรุ้งระวีมาประคองจากทูนอินทร์
“ผู้ร้ายสารภาพหรือยังครับ”
“งานนี้บางทีไม่ใช่พวกเรา แต่อาจจะเป็นคนของทางคุณ”
“ใครครับ”
“ฟ้าใส “
“ผมว่าไม่น่าใช่”
“ทำไม จะปกป้องอดีตเมียงั้นเหรอ”
ทูนอินทร์ขึ้นทันที
“ผมมีเหตุผล แล้วไม่ใช่เรื่องความเป็นอดีตเมียด้วย”
“งั้นเหรอ แล้วที่คุณปล่อยให้ยายฟ้าใสเข้ามาในกองถ่ายของผมคุณมีเหตุผลไหม รู้อยู่ว่ายายฟ้าใส อยู่ค่ายเสี่ยดำรง คู่แข่งกับค่ายผม คุณยังให้เข้าเพ่นพ่านได้ อย่างนี้ความลับรั่วไหลหมด”
“ผมไม่ทราบเรื่องค่าย ใครเป็นคู่แข่งกับใคร แล้วถึงทราบ ผมก็ไม่สน”
“เอ๊ะ พูดอย่างนี้มัน”
“เอาน่า ผมว่าค่อยๆพูดกันดีกว่า ใส่อารมณ์กันทั้งคู่ ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกครับ”
ทูนอินทร์เข้าไปในบ้าน อินทร จี่หอย มะปรางพารุ้งระวีตามเข้าไป อิทธิหันมาบอกเมธ
“ฉันอาจจะจบจ็อบกับนายเท่านี้นะเมธ บอกตามตรงฉันไม่ชอบหน้านายทูนอินทร์คนนี้ งานก็ดีหรอก แต่นิสัยไม่เข้าตาว่ะ”
“แล้วแต่คุณก็ละกัน”
อิทธิเข้าบ้าน เมธเดินตามเข้าไป ทูนอินทร์และรุ้งระวียืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ที่กำลังคุยแซ่ดเรื่องฟ้าใส รุ้งระวีมองทุกคน มาหยุดที่คำรณที่จ้องเธออย่างไม่หวั่น จนเธอต้องหลบสายตา
“มันต้องนังฟ้าใสแน่ๆ” จวงใจออกความเห็น
“ผมไม่คิดว่าฟ้าใสจะเกี่ยวข้องเรื่องนี้”
ทูนอินทร์บอก
“ทำไมคะ” รุ้งระวีหันไปถาม
“เพราะฟ้าใสเป็นคนเตือนผมเองเรื่องเรือล่ม เธอพูดเป็นนัยๆว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ และหนึ่งในพวกคุณนั่นแหละคือคนวางแผน”
จวงใจหันไปสบตากับคำรณ สงสัยว่าฟ้าใสรู้ได้ยังไง แต่แกล้งถาม
“แหม เลือกที่จะเชื่ออดีตภรรยางั้นเหรอ”
“เรื่องฟ้าใสเคยเป็นภรรยาผม ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะครับ กรุณาอย่าเอามายุ่ง ตอนนี้ที่ผมแน่ใจ คือพวกคุณทั้งสี่ อ้อ คงรวมนายด้วย...ที่เป็นผู้ต้องสงสัย นายชื่ออะไร”
คำรณมองไปทางรุ้งระวี ไม่อยากบอกชื่อเต็มกลัวรุ้งระวีจำได้
“คำครับ”
รุ้งระวีขนลุก
“ทำหน้าที่อะไร”
“ผมขับรถให้คุณจวง”
จวงใจรีบพูด
“นายคำไม่เกี่ยว แล้วพวกเราก็ยังยืนยัน ว่าคนที่น่าสงสัยคือนังฟ้าต่ำเมียคุณ”
อาชา จุ๊บแจง และขวัญข้าวแย่งกันพูด
“เห็นด้วย”
“นังนี่แน่นอน มันตบแจง”
“นังนี่มันโรคจิต”
รุ้งระวีสุดจะทน ตวาดเสียงดัง
“หยุดทุกคน”
ทุกคนเงียบเสียงไป
“นับแต่วันแรกที่ฉันมาถึงเมืองไทย ฉันสงสัยและตั้งคำถามมาตลอด ทำไมคนไทยที่นี่ ไม่เหมือนคนไทยที่แอลเอ ฉันไปอยู่ที่นั่นในฐานะเด็กกำพร้า แต่คนไทยที่นั่น แม้แต่ฝรั่ง เลี้ยงดูต้อนรับฉันราวกับฉันเป็นลูก เป็นญาติเขาแท้ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนไทยที่นี่ ที่มีแต่ความรังเกียจ ความอิจฉา คิดทำร้ายทั้งๆที่เราแทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้าคุณคิดว่าฉันแย่งชื่อเสียง บทบาท หรือแม้แต่ตำแหน่งของพวกคุณไป ฉันก็ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ทุกคนเงียบกันไป จุ๊บแจง ขวัญข้าว อาชา เจื่อนกันไป มีเพียงจวงใจที่ยังเชิ่ดหน้าและมองรุ้งระวีด้วยหางตา

รุ้งระวีออกจากโถงไปพร้อมกับกลุ่มทูนอินทร์
“ได้ยินแล้วนะ คงจะมีสำนึกกันบ้าง”
อิทธิว่าแล้วเดินตามออกไป ขวัญข้าวหันมามองกลุ่มของตน
“ยายแจง แกใช่ไหมเป็นคนก่อเรื่อง” ขวัญข้าวถาม
“หนูเปล่า หนูตบกับนังฟ้าใสอยู่บนบ้าน อย่าลืม”
“งั้นเจ๊ใช่ไหม” อาชาหันถามจวงใจ
“ฉันก็ตบกับนังฟ้าหลัวอยู่บนบ้านเหมือนกัน พอเถอะเรื่องนี้ นังฟ้าหลัวนั่นแหละตัวการ แจง กลับเถอะ นายคำออกรถ”
“ครับนาย”
จวงใจ จุ๊บแจง คำรณเดินออกไปทันที เพราะไม่ต้องการตอบคำถามอะไรอีก
“เลยไม่รู้เลยฝีมือใคร เอ๊ะ หรือผีน้ำ” ขวัญข้าวเซ็ง
“อย่าพูดซี บ้านนี้ยิ่งเก่าๆ มืดๆอยู่”
อาชามองไปรอบๆอย่างระแวง ทั้งสองมองซ้ายมองขวาอย่างหวั่นๆ

คำรณยกกระเป๋าทั้งของจวงใจและจุ๊บแจงตรงมาที่รถ
“นายคำ ที่นายทูนพูดหมายความว่ายังไง นังฟ้าใสมันรู้เรื่องเหรอ” จวงใจตามมาถาม
“เธอแอบเห็นน่ะครับ”
“ตายละซี แล้ว...ทำไมนายรู้”
“เธอมาบอกผมเองว่า เธอแอบเห็นแต่บอกด้วยว่าเธอไม่ปากโป้งอยู่แล้ว”
“ไม่น่าพลาดเลยเรา”
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เธอคงทำอย่างที่พูด แต่ถ้าไม่ทำผมนี่แหละจะขู่ให้เธอกลัวเสียเอง”
“ทำได้จริงนะ”
“สั่งมาเถอะครับ ผมทำให้นายได้ทั้งนั้น”
จวงใจชักเคลิ้ม เมื่อคำรณยิ้มมองตาเป็นประกาย จุ๊บแจงเดินมาบ่นพึม ทั้งสองแยกจากกัน
“โอ๊ย! จมน้ำเมื่อกี้ ต่างหูก็หาย สร้อยก็หาย หายหมดเลย”
จุ๊บแจงขึ้นรถ จวงใจเดินตาม คำรณยิ้มให้ก่อนปิดประตูรถ แล้วขึ้นที่นั่งคนขับ

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 8/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์