อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 4 วันที่ 30 มิถุนายน 2555
เมื่อไล่ให้ไปอาบน้ำกัน คุณย่าเอาชุดของคุณปู่ไปให้อาทิจเปลี่ยน พอดรุณีมาเห็นก็อ้อนว่าตนก็อยากใส่ชุดของคุณย่าบ้าง คุณย่าเลยไปเอามาให้ใส่อาทิจในชุดเสื้อม่อฮ่อมกางเกงเลเดินมาหาคุณย่า ทั้งคุณย่าและน้าแก้วมองตะลึงอึ้งเพราะเขาเหมือนคุณปู่เหลือเกิน คุณย่าเอาจดหมายจากทางบ้านให้อาทิจ เขาอยากเปิดอ่านตอนนั้นใจแทบขาด แต่ก็ยับยั้งชั่งใจเอาใส่กระเป๋าและไปเก็บส้มตามคำชวนของคุณย่า
พอต๊อด อึ่ง และพันเห็นอาทิจกับดรุณีก็พากันอุทานว่า ดรุณีสวยน่ารัก อาทิจก็หล่อตะพึดตะพือ เกร็งเข้ามาทักว่า
“เห็นคุณหนูกับคุณอาทิจใส่ชุดนี้แล้วเหมือนย้อนเวลากลับไปเห็นคุณปู่กับคุณย่าทำงานด้วยกันเมื่อตอนลุงยังเด็ก...เหมือนมาก”
อาทิจอาศัยเวลาพักกลางวันหามุมสงบไปนั่งอ่านจดหมายจากทางบ้าน ดรุณีพูดเหน็บกับน้าแก้วว่า คงเป็นจดหมายแฟนถึงต้องหลบไปอ่าน เพราะกลัวคุณย่ารู้ แล้วบรรยายข้อเสียของการมีแฟนว่า
“การมีแฟนทำให้ไม่มีสมาธิ สะเพร่า เลินเล่อ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะมัวฝันถึงแฟน”
พอน้าแก้วบอกว่า นั่นเป็นจดหมายจากทางบ้านไม่ใช่แฟน เพราะตอนคุณย่าเอาให้ตนอยู่ด้วย ดรุณีเลยจ๋อยไป
ooooooo
อาทิจอ่านจดหมายของพ่อกับแม่อย่างมีความสุข มีกำลังใจที่จะทำให้ความฝันของตนและความหวังของพ่อแม่เป็นจริง ยิ่งเมื่อได้อ่านที่น้องๆแต่ละคนเขียนต่อท้ายจดหมายของพ่อกับแม่ อาทิจก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาอยากจะบอกกับทุกคนเหลือเกินว่า ทุกตัวอักษรนั้นมีความหมายต่อเขามากมายเพียงใด
บ่ายจัด คุณย่านอนพักผ่อนให้น้าแก้วกับจิ๋วแจ๋วนวดให้ที่บ้าน จิ๋วแจ๋วบอกว่า เย็นนี้อาทิจจะเอาผักลงปลูกที่แปลง ตนขออนุญาตคุณย่าไปช่วยอาทิจได้ไหม น้าแก้วบอกว่าไม่ต้องขอหรอก เพราะทุกคนต้องไปช่วยอาทิจอยู่แล้ว
ดรุณีสวนขึ้นทันควันว่าตนไม่ไป เพราะต้องดูหนังสือเตรียมสอบและดูแลคุณย่า เพราะคุณย่าปวดเนื้อปวดตัวไม่ค่อยสบาย เธอพูดไม่ทันขาดคำ อาทิจก็คลานเข้ามาหาคุณย่า ขอให้ไปลงผักต้นแรกเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย
ดรุณีกันท่าทุกทางเพื่อไม่ให้คุณย่าไป จนคุณย่าขัดขึ้นว่า ให้อาทิจไปทำงานต่อเถอะ แล้วย่าจะไป ดรุณีงอนตุปัดตุป่องหาว่าคุณย่าไม่เห็นความหวังดีของตน คุณย่าเลยบอกว่า ถ้าอยากอ่านหนังสือย่าก็ไม่ว่า ย่าไปกับน้าแก้วกับจิ๋วแจ๋วเองก็ได้
“เชิญคุณณีอ่านหนังสือตามสบายนะคะ” น้าแก้วย้ำ ดรุณีเลยยิ่งกระฟัดกระเฟียดที่ไม่มีใครเข้าข้างตนเลยสักคน
ตกเย็น คุณย่าไปปลูกผักต้นแรกลงในแปลงให้อาทิจเพื่อเป็นสิริมงคล คำอวยพรของคุณย่าลึกซึ้งกินใจจนทุกคนน้ำตาคลอ โดยเฉพาะอาทิจถึงกับก้มกราบแทบเท้าคุณย่าเมื่อได้รับพรว่า
“...ย่าขอให้พ่อเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ว่าจะไปตกอยู่ที่ใด ก็มีแต่นำพาความอุดมสมบูรณ์ ความงดงามไปสู่ที่นั่น นะพ่อนะ”
คุณย่ากอดอาทิจไว้แน่น บอกว่า “นับแต่นี้ไป พ่ออาทิจคือเกษตรกรเต็มตัวแล้วนะ”
อาทิจรับคำด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้น ทุกคนกรูกันไปหยิบผักที่เพาะในตะแกรงแยกย้ายกันไปปลูก มีแต่ดรุณีเท่านั้นที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ถือว่าตนมาดูแลคุณย่าไม่ได้มาช่วยปลูกผัก แต่ดูไปดูมาก็อดไม่ได้เมื่อเห็น
ต๊อดจับผักแรง อึ่งปลูกจนชิดกันเกินไป และพันก็ปลูกไม่เป็นแถวเป็นแนว ขัดใจนักเลยลงมือปลูกเสียเอง
คุณย่าเห็นอาทิจกับดรุณีทำตัวเหมือนขมิ้นกับปูนเจอกันทีไรได้เรื่องทุกที คืนนี้ ปรารภกับน้าแก้วว่า สองคนนี้จะปรองดองกันได้ไหม บอกน้าแก้วว่า
“ฉันเองก็ไม่รู้จะฝากผีฝากไข้กับใคร นอกจากสองคนนี้ แต่มันก็ทะเลาะกันเสียจริง”
น้าแก้วคาดว่าเพราะดรุณีขี้งอนขี้น้อยใจ ตัวเองเคยเป็นหนึ่งของคุณย่า พออาทิจมาก็เลยอิจฉากลัวคุณย่าจะรักอาทิจมากกว่า อีกทั้งอาทิจเป็นคนอัธยาศัยดีไม่ถือตัว ใครๆก็เทใจให้ ดรุณีก็เลยยิ่งระแวง แต่ก็เชื่อว่าอาทิจจะพิสูจน์ความตั้งใจของเขาให้ดรุณีเห็นจนได้ ขนาดน้องผู้หญิงหลายคนเขายังเอาอยู่ นับประสาอะไรกับดรุณีแค่คนเดียว
“มันจะไม่ง่ายก็เพราะความดื้อรั้นของแม่ณีนี่แหละ” คุณย่าอดกังวลไม่ได้
อาทิจอาศัยช่วงเวลากลางคืนตอบจดหมายของพ่อ แม่ และน้องๆ เขาบรรยายความสุขในการทำงานของตนที่ได้รับกำลังใจและการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากคุณย่า ให้สัญญากับทุกคนที่บ้านว่า
“...ผมจะตั้งใจ จะอดทนเพื่อพวกเราทุกคน ฝากความคิดถึงน้องๆทุกคนด้วยนะครับ บอกพวกเขาด้วยว่า พี่อาทิจรักพวกเขาเหลือเกิน...รักและคิดถึงคุณพ่อคุณแม่เสมอ...อาทิจ”
ส่วนดรุณีก็อ่านหนังสืออย่างหนักมุ่งมั่นที่จะเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ จะไม่ทำให้คุณย่าผิดหวัง แต่คุณย่ากลับบอกว่า ท่านไม่ตึงเครียดกับเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ขอแต่ให้เธอทุ่มเทและทำให้ดีที่สุด ถ้าสอบไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะความรู้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยม พูดจากประสบการณ์ของตัวเองว่า
“เราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา เรียนรู้จากการได้เห็นของจริง ได้สัมผัส ได้ลงมือทำ ได้พูดคุยกับคนที่ทำเป็นจริงๆ ซึ่งนั่นสำคัญกว่าการเรียนในห้องสี่เหลี่ยมมากมายนัก”
ดรุณีโผเข้ากอดคุณย่าไว้ด้วยความซาบซึ้งใจในความรัก ความเมตตาที่ได้รับจากคุณย่าอย่างมากมายเสมอมา
ooooooo
ทองประศรีฝันเฟื่องที่จะได้เป็นสะใภ้เจ้า แต่รอแล้วรอเล่าทองใบก็ไม่มาสู่ขอเสียที เลยรวบรัดให้ทองใบมาทาบทามกับพ่อแม่ก่อนก็ได้ ทองใบอ้างว่าตนมาในสภาพพ่อค้าเร่แบบนี้ ขืนไปพูดกับพ่อแม่มีหวังถูกฆ่าตายก่อน
ทองใบใช้ความกะล่อนกล่อมทองประศรีหลอกกินฟรีไปเรื่อยๆ
ส่วนตุ๊ที่เอาอาทิจมาล่อทองประศรีหลอกเซ็นของไปมากมายแล้ว แต่มาวันนี้ทองประศรีไม่แยแส จนตุ๊แปลกใจ เชื่อว่าทองประศรีต้องมีคนใหม่แล้วแน่ๆ ที่กะจะเอาอาทิจมาอ่อยขอเซ็นน้ำมันเซ็นไข่ไปกินเลยอด
ooooooo
วิไลลักษณ์ยังหมายที่จะได้สมบัติจากคุณย่า นอกจากพาลูกๆมาใกล้ชิดทำเป็นขยันขันแข็งเอาใจคุณย่า และตัวเองก็มาอ้อนคุณย่าว่าจะออกงานสังคมใหญ่ เอ่ยปากขอยืมเครื่องเพชรชุดใหญ่ใส่ไปงานเพื่อให้สมศักดิ์ศรี คุณย่าบอกว่าชุดใหญ่ไม่มีก็ขอชุดเล็ก คุณย่าบอกว่าชุดเล็กก็ไม่มี แต่จะเอาหีบสมบัติล้ำค่ามาให้ดู
สามแม่ลูกตาโตพากันชะโงกเข้าไปดูหีบสมบัติที่คุณย่าเปิด ปรากฏว่ามีแต่หนังสือเกี่ยวกับการเกษตรที่คุณย่าบอกว่าเก็บสะสมมาตั้งแต่คุณย่ายังสาว บอกว่าจะยืมไปอ่านก็ไม่หวง แต่อ่านเสร็จแล้วต้องเอามาคืน ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจเลย
วิยะดาที่ทำเป็นสนใจการเพาะปลูกก็เพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดฉอเลาะอาทิจเท่านั้น เวทางค์ก็กล้ำกลืนกับการใช้แรงงานแค่รดน้ำผักแปลงเล็กๆก็บ่นว่าทำไมไม่ติดสปริงเกิลหรือทำฝนเทียม ใช้สายยางรดแบบนี้โลว์เทคมาก
แล้วทั้งคู่ก็ถอดใจเมื่ออาทิจจะพาไปดูการทำปุ๋ยชีวภาพ แค่พูดถึงทั้งสองก็แทบจะอ้วกแล้ว สุดท้ายอาทิจเลยต้องไปคนเดียว
ระหว่างทางนี่เอง เขาได้เห็นสวนกล้วยที่เขียวชอุ่มร่มรื่น มีเครือกล้วยห้อยสวยงาม อาทิจก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาทันที
พอกลับมา เขาเสนอคุณย่าว่าอยากทำสวนกล้วย เพราะกล้วยใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น คุณย่าเห็นด้วยเพราะตัวเองก็ชอบกินกล้วยอยู่แล้ว ถามอาทิจว่าแล้วจะไปหาหน่อกล้วยที่ไหน อาทิจบอกว่าไปขุดเอาจากแปลงที่เห็น ขอแค่เอารถไปขนเท่านั้น
ดรุณีหูผึ่ง แต่พอขยับจะพูด น้าแก้วก็พูดดักคอเสียก่อนว่า
“แต่ต้องคิดค่าน้ำมันและค่าเสื่อมสภาพ คุณณีจะพูดอย่างนี้ใช่ไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะทำบัญชีละเอียดเหมือนตอนปลูกผักทุกอย่าง”
คุณย่าบอกให้ทำเลยสนับสนุนเต็มที่ แล้วย่าจะให้เงินเดือนด้วย ดรุณีสะอึกขึ้นมาติงว่าไหนคุณย่าตอบจดหมายคุณลุงไปว่าจะให้อาทิจมาทำงานที่นี่ก็ได้ แต่จะไม่ได้รับเงินเดือนไง
“ใช่ ถ้านั่นเป็นงานที่ย่าทำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทั้งแปลงผักกับสวนกล้วยมันเป็นงานที่พี่เขาทำขึ้นเอง พี่เขาก็ควรจะได้เงินเดือนและผลกำไรจากน้ำพักน้ำแรงของเขาด้วย มันถึงจะยุติธรรม แล้วย่าจะดูให้นะพ่อนะที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่เท่าไหร่”
“ขอบพระคุณครับคุณย่า” อาทิจกราบที่ตักคุณย่า ดรุณีตาร้อนผ่าวทั้งหมั่นไส้อาทิจและน้อยใจคุณย่าระคนกัน
แต่เธอไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่นที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ บอกน้าแก้วที่เข้ามาคุยว่า
“จบมาเมื่อไหร่หนูจะสู้นายนั่นไม่ถอยเลย คอยดู!!!”
ooooooo
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 4 วันที่ 30 มิถุนายน 2555
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุลที่มา ไทยรัฐออนไลน์