หน้าเว็บ

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 5-6 วันที่ 4 กรกฎาคม 2555

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 5

“เอาเถอะครับคุณย่า คุณณีถนัดจะเรียกผมยังไงก็แล้วแต่สะดวกเถอะครับ อย่าบังคับเธอเลย ถ้าวันหนึ่งผมทำให้คุณณีเรียกผมว่า “พี่” ได้อย่างสนิทใจ เธอจะเรียกเองครับ”

ดรุณีค้อนงอนๆ แต่รู้สึกดีที่เขาไม่ถือโอกาสบังคับตน ส่วนคุณย่าโอบกอดทั้งสองไว้ ยิ้มพอใจที่หลานรักทั้งสองอ่อนข้อและเริ่มญาติดีต่อกัน

น้าแก้วเห็นคุณย่าอารมณ์ดีก็เดาว่าอาทิจอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม คุณย่าร้อยมะลิเสร็จพอดี วางใส่ถาดบอกน้าแก้วว่า

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ทำให้อิ่มใจที่สุดคือการได้คุยกับหลานสองคนพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันอยากให้สวน

คุณย่าอยู่คู่กับคนในครอบครัวจนชั่วลูกชั่วหลานก็เลยขอให้พ่ออาทิจกับแม่ณีปรองดองกันเพื่อรักษาสวนคุณย่าไว้”

แต่คุณย่าก็ปรารภว่า สำหรับอาทิจนั้นไม่มีปัญหาอะไรเพราะชอบทำกินกับผืนดินอยู่แล้ว แต่เขาจะอยู่ที่นี่ได้นานได้ทนหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับดรุณี แต่ดูๆแล้ววันนี้ท่าทีดรุณีก็อ่อนลงมาก ยอมขอโทษอาทิจตามที่สัญญากับตนไว้ น้าแก้วบอกว่าไม่เพียงแค่นั้น ยังซักเสื้อผ้าให้อาทิจด้วย คุณย่าชมว่า

“ข้อดีของแม่ณีคือรู้ตัวว่าทำผิดแล้วยอมรับผิด” น้าแก้วบอกว่าอาทิจคงสบายใจขึ้น คุณย่าเปรยขึ้นว่า “ฉันก็ได้แต่หวัง” แต่พอน้าแก้วถามว่าหวังอะไร คุณย่ากลับบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก เอาไว้ถึงวันนั้นก่อน แล้วแกก็จะรู้เอง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆฉันคงได้นอนตายตาหลับล่ะคราวนี้...”

น้าแก้วมองคุณย่าที่ยิ้มอย่างมีความหวังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า คุณย่าคิดอะไรอยู่...หวังอะไรไว้...

ooooooo

วันต่อมา เมื่อเวทางค์มารู้เรื่องอาทิจขุดกล้วยป่าไปปลูกก็หัวเราะเยาะอย่างขบขันที่นักเรียนเกษตรดูกล้วยป่าไม่ออก ในขณะที่ดาริกาสงสารอาทิจที่วิ่งเตลิดไปด้วยความเสียใจและอับอายจนเป็นไข้ รำคาญเวทางค์ที่เยาะเย้ยอาทิจไม่เลิกเลยชวนดรุณีไปเยี่ยมอาทิจกันดีกว่า

แต่ไม่ทันไปกัน จิ๋วแจ๋วก็วิ่งมาบอกดรุณีว่ามีคนมาหาคุณย่า ทุกคนจึงพากันออกไปหน้าบ้าน เจอสิงห์ทอง คำมาและทองประศรี หน้าตาเอาเรื่องยืนอยู่ ดรุณีถามว่า “มีธุระอะไรหรือจ๊ะ”

สิงห์ทองถามว่าคุณย่าอยู่ไหน ดรุณีบอกว่าไม่อยู่มีธุระอะไรฝากตนไว้ก็ได้ สิงห์ทองถามกวนๆว่าเป็นคุณย่ารึเปล่า

“ไม่ใช่คุณย่า แต่เป็นหลานคุณย่า เป็นลูกผู้ว่าฯด้วยเว้ย มีอะไรไหม” เวทางค์สะอึกออกไปตวาดถาม

สิงห์ทองนึกว่าเป็นอาทิจ แต่ทองประศรีบอกว่าคนนี้ไม่ใช่อาทิจ เวทางค์สะดุดหูถามว่าทำไมต้องเป็นอาทิจ สิงห์ทองตัดบทว่า ในเมื่อเขาไม่ใช่อาทิจ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยด้วย แล้วทำเสียงเข้มถามดรุณีว่า “ว่าไงคุณย่าอยู่ไหน”

“ก็บอกว่าไม่อยู่ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” วิยะดาเริ่มโมโห

“รู้เรื่องโว้ย แต่ไม่อยากคุยกับเด็ก อยากคุยกับคนแก่หัวหงอกด้วยกัน จะได้พูดทีเดียวจบ บอกมาสิว่า... คุณย่าอยู่ไหน!”

คุณย่าเดินออกมาพร้อมน้าแก้ว มองสามพ่อแม่ลูกหน้านิ่ง ถามเรียบๆแต่น้ำเสียงทรงอำนาจน่าเกรงขามว่า

“ฉันอยู่นี่ มีอะไรก็ว่ามา”

ooooooo

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 6

เจอตัวจริงคุณย่า สิงห์ทองที่ทำผยองพองขนก็สงบลง สุภาพขึ้น ถามคุณย่าว่ารู้เรื่องอาทิจไปเมามาเมื่อคืนนี้แล้วใช่ไหม คุณย่าบอกว่ารู้แล้ว สิงห์ทองชักสีหน้าถามว่ารู้แล้วทำไมถึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่อีก รู้รึเปล่าว่าลูกสาวตนนอนร้องไห้ทั้งคืน

คุณย่าไม่รู้เรื่องที่อาทิจถูกกล่าวหา เพราะเขายังไม่ทันเล่าก็ถูกคุณย่าเรียกให้กินข้าวต้มเสียก่อน สิงห์ทองถามว่าจะให้ตนพูดตรงๆไหม วิยะดาตัดบทว่าจะพูดอะไรก็ว่ามาเลยโยกโย้น่ารำคาญ

“ได้...หลานชายคุณย่าไปกินเหล้าที่ร้านผมแล้วปล้ำลูกสาวผมเมื่อคืนก่อน สุดท้ายบอกจะรับผิดชอบแล้วก็หายหัวไปเลย”

ทุกคนฟังแล้วตะลึงอึ้ง ทองประศรีแผดเสียงร้องไห้โฮๆ คำมารุกทันทีว่า

“คุณย่าเป็นย่า คุณย่าต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ”

คุณย่าบอกว่าเรื่องนี้ตนไม่รู้เรื่อง จะถามอาทิจเอง คำมาท้าว่าแน่จริงให้เรียกมาถามต่อหน้าเลย คุณย่าบอกว่าอาทิจไม่สบาย แต่ไม่ต้องห่วง ตนจะคุยเรื่องนี้กับอาทิจ เอง ให้พวกสิงห์ทองกลับไปก่อน

ดรุณี วิยะดาและเวทางค์หันมองคุณย่าเป็นตาเดียว คุณย่าหันหลังเดินกลับไปที่บ้านพักของอาทิจ เล่าเรื่องสิงห์ทองพาลูกเมียมาโวยวายแล้วถามอาทิจว่ามันจริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า

“ผมผิดครับคุณย่า ผมกราบขอโทษ” อาทิจก้มกราบที่ตักคุณย่า “ผมยอมรับว่าผมเลวที่เมาจนไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่ของผู้หญิงคนนั้นกับน้องๆเข้ามาโวยวายว่าผมข่มเหงลูกสาวเขา”

คุณย่าถามว่าจริงไหม เขาบอกว่าตนเมาจำอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่าตอนนั้นปวดหัวจนแทบจะระเบิด คุณย่า ถามว่าแล้วจะเอาอย่างไร เพราะพ่อแม่เขามาโวยวายให้รับผิดชอบลูกสาวเขา เขาคงไม่ยอมปล่อยเราแน่

อาทิจเสียใจมากที่ผิดสัญญากับแม่เรื่องเหล้า เพียงครั้งเดียวก็ก่อเรื่องให้คุณย่าต้องเดือดร้อนไปด้วยขนาดนี้ บอกคุณย่าว่าถ้าเขามาทวงคำตอบอีกเมื่อไหร่ ตนจะคุยกับเขาเอง บอกคุณย่าอย่าร้อนใจกับเรื่องนี้อีกเลย แล้วจะพาคุณย่าไปส่ง คุณย่าบอกไม่ต้องเพราะดรุณีเดินมาแล้ว อาทิจจึงขอตัวไปรดน้ำผักเพราะเว้นไปหลายวันแล้ว

คุณย่ามองตามอาทิจไปด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ดรุณีรู้สึกตัวเองผิดอย่างมหันต์ที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องบานปลายถึงขนาดนี้

ดรุณีเปรยๆกับคุณย่าว่าถ้าอาทิจไม่เมา เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ พูดอย่างรู้สึกผิดว่า

“เขาคงเสียใจเรื่องที่หนูก่อไว้มากก็เลยไประบายเอากับเหล้า หนูขอโทษนะคะคุณย่าที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องเป็นแบบนี้” คุณย่าบอกว่าไม่เคยได้ยินอาทิจโทษเธอ “ก็เพราะเขาไม่โทษนี่ล่ะค่ะ ที่ทำให้หนูรู้สึกผิด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้หนูจะไม่ก่อเรื่องแบบนี้”

“ใจเย็นๆก่อนเถอะ เรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้” คุณย่ากอดดรุณีไว้อย่างปลอบใจ

ooooooo

ฝ่ายคำสิงห์กับคำมา กลับถึงบ้านก็วางแผนกันจะให้ยรรยงเป็นคนไปเจรจากับคุณหญิง ยรรยงคุยโวว่าให้เจ้าหน้าที่อย่างตนไปเจรจา ยังไงก็ไม่เสียเปรียบ ไม่มีใครกล้ามาเบ่งใส่ด้วย ยิ่งมีคลิปฉาวด้วย เชื่อว่าพวกมีหน้ามีตาในสังคมอย่างนี้ต้องยอมเพราะกลัวเสียชื่อเสียง

ตุ๊สอดขึ้นว่าถ้าอาทิจไม่ยอมแต่งก็ให้ขอค่าเลี้ยงดูค่าเสียหายจากคุณหญิงสักล้านสองล้าน เงินแค่นี้

ขนหน้าแข้งท่านไม่ร่วงหรอก ยรรยงเห็นด้วย เสนอว่าถ้าอาทิจไม่ยอมแต่ง มาแต่งกับตนทีหลังก็ได้

ทองประศรีเหยียดปากใส่โพล่งออกไปว่าไม่...ตนอยากให้ลูกได้ดี ถูกสิงห์ทองด่าว่า ขอให้เขายอมแต่งด้วยก็ดีแล้ว ยังไม่ทันได้คืบจะเอาศอกเสียแล้ว

ooooooo

เพราะรู้สึกตัวเองผิดมากที่เป็นต้นเหตุทำให้อาทิจต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ ดรุณีจึงเอาใจใส่ดูแลเขาด้วยความเป็นห่วงเห็นใจอย่างเต็มใจ นอกจากเอาข้าวปลาอาหารไปส่งที่แปลงผักแล้ว ยังจัดยาให้ เห็นห้องรกก็จัดห้องให้จนเรียบร้อยสวยงาม

จัดยา รินน้ำใส่แก้วแล้วเขียนข้อความทิ้งไว้ว่า “กินยา แล้วดื่มน้ำให้หมดแก้ว” พออาทิจกลับมาถึงก็กินยาดื่มน้ำแล้วทิ้งตัวลงนอนหลับไปทันที

“จะลืมตาดูสักนิด ขอบคุณสักหน่อยก็ไม่ได้ สะอาดเรี่ยมอย่างกับอยู่บนสวรรค์ขนาดนี้” ดรุณีแอบดูอยู่บ่นกับตัวเองแล้วเข้าไปห่มผ้าให้เขา มือไปถูกตัวอาทิจ แล้วสะดุ้งเพราะตัวร้อนมาก บ่นอย่างเป็นห่วงว่า



“ทำไมตัวร้อนจี๋อย่างนี้ล่ะ บอกแล้วว่าอย่าออกไปตากแดด เห็นไหม ไข้ขึ้นอีกจนได้”

ดรุณีเช็ดตัวให้เพื่อลดไข้ อาทิจเพ้อ ไขว่คว้าเอามือเธอไปกุม เพ้อถึงแม่ ดรุณีปลอบเบาๆ ว่าไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร เขากุมมือเธอเข้าไปแนบแก้ม แล้วเบียดตัวขึ้นนอนหนุนตักเหมือนทำกับแม่ตอนที่ตัวเองไม่สบาย

ดรุณีใจเต้นแรง ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก อาทิจเพ้อถึงแม่ พ่อ และน้องๆ แสดงความรักความห่วงใยและสุดท้ายเพ้อว่าจะไปรดน้ำผักเพราะไม่ได้รดมาหลายวันแล้ว ทำให้ดรุณีรับรู้ว่า หัวใจเขามีแต่พ่อแม่น้องๆ คุณย่าและงาน เธอค่อยๆ จับเขาให้นอนตามเดิม พลันก็ชะงักเมื่อเขาเพ้ออีก...

“ผมไม่ต้องการแย่งอะไรไปจากคุณ คุณเกลียดผมมากเลยเหรอคุณณี”

ดรุณีนิ่ง ตื้อไปทั้งสมอง มองอาทิจที่ปากแห้งผาก หน้าแดงเพราะพิษไข้ แม้ว่าตัวเองจะไม่เป็นไข้แต่ความรู้สึกจากที่ได้ยินเขาเพ้อ ทำให้เหมือนจับไข้ไปด้วย...

สามเกลอเป็นห่วงอาทิจ บอกไพฑูรว่าจะไปเช็ดตัว หุงข้าวและซักผ้าให้อาทิจ มากลางทางเจอเกร็งที่จะมาดูแลอาทิจเช่นกัน เลยไปด้วยกัน ไปถึงบ้านพักเจอดรุณีเปลี่ยนเสื้อให้อาทิจเสร็จและกำลังติดกระดุมเม็ดสุดท้ายพอดี เกร็งถามดรุณีว่ามาทำอะไรหรือ ดรุณีชี้แจงเก้อๆ เขินๆ ว่ามาจัดยาให้ จัดยาอย่างเดียวจริงๆ แล้วรีบขอตัวกลับ

ระหว่างที่ทั้งสี่ช่วยกันดูแลอาทิจอยู่นั่นเอง จิ๋วแจ๋วก็หน้าตื่นมาบอกว่า พ่อทองประศรีมาเอาเรื่องอาทิจอีกแล้ว สามเกลอจะไปรับหน้าแทน อาทิจบอกว่าไม่ต้อง ตนจะไปเอง

ooooooo

บ่ายนี้ ประเวทย์ วิไลลักษณ์ วิยะดา และเวทางค์ มาติดตามข่าวอาทิจ เจอสิงห์ทองพาทองประศรีและยรรยงมาอาละวาดพอดี ประเวทย์ออกไปรับหน้า แต่พอดีอาทิจมาถึง เขาซักถามทองประศรี 3 ข้อเพื่อพิสูจน์เหตุการณ์ในคืนนั้น

อาทิจบอกให้เล่ารายละเอียดที่กล่าวหาว่าเขาข่มขืน ถามว่าแล้วทำไมน้องสาวสองคนของเธออยู่ในเหตุการณ์จึงไม่ช่วยพี่สาวตัวเอง และถามว่าใครเป็นคนถอดกางเกงของตน

ทองประศรีกล้อมแกล้มเล่าเข้าข้างตัวเอง แต่พอพูดถึงกางเกง อึ่งก็แทรกขึ้นว่า กางเกงอาทิจรัดเปรี๊ยะจนพวกตนสองคนช่วยกันดึงแทบตายจึงถอดได้ แล้วทองประศรีถอดได้ยังไง ทองประศรีอ้างว่าอาทิจถอดเอง

ทองประศรีตอบคำถามของอาทิจแบบกล้อมแกล้มกลืน สิงห์ทองจึงให้ยรรยงเอารูปมายืนยันว่า เป็นรูปที่ทางทองประศรีเอามาเป็นหลักฐานในการแจ้งความ คุณย่าดึงรูปไปดูแล้วอึ้ง บอกพวกสิงห์ทองว่า

“ฉันจะคุยกับคนในครอบครัวก่อน แล้วจะติดต่อกลับไป”

เมื่อเอารูปไปดูกันแล้ว มีความรู้สึกเดียวกันว่า ทุกรูปอาทิจนิ่งไม่รู้สึกตัว ประเวทย์บอกว่าดูรูปแล้วพอจะมีทางออกอยู่ เขาชี้แจงว่า ถ้าอาทิจไม่อยากแต่งงานอยู่กินกับคนที่ไม่ได้รักกันมาก่อนก็ให้ลองเจรจาจ่ายค่าเสียหาย ถ้าทางโน้นพอใจก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมก็คงต้องสู้กันในศาล คุณย่าที่นิ่งไปนาน เอ่ยขึ้นว่า

“ย่าไม่เคยดูถูกหรือแบ่งแยกคนที่ฐานะความเป็นอยู่...ย่าไม่ชอบครอบครัวนี้เพราะเขาเห็นแก่ตัว ยอมเป็นนายหน้าพานักลงทุนต่างชาติมากว้านซื้อที่นาจากพวกชาวนาด้วยกัน...บางคนก็โดนโกงซึ่งหน้าเพราะไม่รู้หนังสือ ที่ย่าเกลียดที่สุดก็คือการที่เขาไม่รู้จักคุณค่าของผืนดิน คนที่ไม่สำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน สุดท้ายก็จะไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่ที่จะให้ยืนหายใจ”

อาทิจขอเวลาอีกวันสองวันคิดดูว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี เขาไหว้ขอโทษประเวทย์ที่ทำให้ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ยืนยันว่า “ผมรับรองครับว่าจะทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสบายใจ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

วิไลลักษณ์ที่มีแผนจะกันอาทิจไปจากดรุณีเพื่อให้เวทางค์แทรกเข้าไป ทำทีขอไปโทรศัพท์ข้างนอก อ้างว่าในห้องสัญญาณไม่ดี แต่ที่แท้ต้องการตามไปคุยกับอาทิจ

วิไลลักษณ์ขอให้อาทิจเห็นแก่ประเวทย์ เห็นแก่คุณย่า เห็นแก่พ่อเขาที่เป็นข้าราชการว่า ถ้าลูกหลานมีประวัติด่างพร้อยย่อมกระทบความเชื่อถือของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาแน่ และถ้าเรื่องถึงศาล ทั้งพ่อเขาและประ– เวทย์ก็ต้องถูกเชิญไปให้ปากคำ จะกลายเป็นจุดบอดในชีวิตราชการ เพราะหลังจากนั้นก็ต้องถูกจับตามองและเพ่งเล็งตลอดเวลา

เป็นคำพูดที่ทำให้อาทิจคิดหนัก ในที่สุดเขาตัดสินใจยอมแต่งงานกับทองประศรีเพื่อปกป้องเกียรติยศชื่อเสียงของผู้ที่เคารพนับถือ

ระหว่างนั้น ดรุณีเฝ้าภาวนาให้อาทิจตัดสินใจให้ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นตนจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเหมือนกัน

ooooooo

เมื่อตัดสินใจแล้ว อาทิจไปบอกคุณย่า ทุกคนตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเลือกออกทางนี้ คุณย่าและน้าแก้วทักท้วงให้คิดดีๆ อาทิจก็ยืนกรานคำเดิม จนคุณย่าถามว่า

“เราจะรักแม่นั่นได้เหรอ หรือคิดว่าอยู่กันไปก็รักกันได้เอง”

“ผมคงรักผู้หญิงคนนั้นไม่ลงหรอกครับ ที่ตัดสินใจอย่างนี้ก็เพราะต้องการจบปัญหาให้ได้ โดยไม่ทำให้ใครต้องร้อนใจเท่านั้นเอง”

“คุณอาทิจลองคิดอีกทีนะคะ ชีวิตทั้งชีวิตนะคะ” น้าแก้วติง

“ชีวิตของผมคงไม่จบที่ผู้หญิงคนนี้หรอกครับ ถึงให้เวลาผมคิดอีกกี่วัน ผมก็คงต้องเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ผมอยากทำงานไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว...คุณย่าจะกรุณาให้คนไปส่งข่าวให้ทางนั้นทราบได้ไหมครับ ให้เขาพาตำรวจมาด้วย ผมตกลงจะยอมความกับเขา แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาต้องทำตามข้อตกลงของผมเหมือนกัน”

คุณย่าได้แต่นิ่งฟัง เพราะรู้แก่ใจดีว่า ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจอาทิจได้แล้ว...

ooooooo

เพียงเช้าวันต่อมา ตุ๊ก็กระดี๊กระด๊าไปแจ้งข่าวนี้แก่ทองประศรี ทั้งบ้านดีอกดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เสียอีก

คำมาเตรียมเป็นเจ้ามือเปิดบ่อนที่บ้านจะใช้ชื่อว่าบ่อน “หลานสะใภ้คุณย่า” ทองประสานเตือนพี่สาวว่าได้ดีแล้วอย่าลืมตนสองคน ตุ๊ก็ย้ำว่า แล้วอย่าลืมพี่ตุ๊น่ะ เพราะยังไงก็เป็นคนแรกที่พาไปดูตัวอาทิจ

“ฉันไม่ลืมหรอกจ้ะ รอให้ฉันได้แต่งงานกับคุณ

อาทิจ ได้เป็นหลานสะใภ้คุณย่าจริงๆเมื่อไหร่ ฉันจะตอบแทน ทุกคนให้เต็มที่เลย”

“งั้นก็รีบไปหาคุณย่ากับคุณอาทิจกันเถอะจ้ะ เอาไอ้ยงไปด้วย คุณย่าท่านสั่งมา” ตุ๊เร่ง

ส่วนอาทิจ วันนี้รีบไปรดนํ้าแปลงผักที่ขาดนํ้าจนเฉากับต๊อด อึ่งและพัน ครู่ใหญ่ดรุณีก็มาตามบอกว่า

“คุณย่าให้มาตาม พวกนายสิงห์ทองมากันแล้ว” ระหว่างเดินกลับไปด้วยกัน ดรุณีถามว่า “นายคิดดีแล้วใช่ไหม”

อาทิจบอกว่าตนไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ ตนปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่ามาพอแล้ว ดรุณีติงว่าถ้าจะใช้เวลาคิดอีกสักนิดก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องจำเป็น

“ยังไม่จำเป็นสำหรับผม สิ่งที่จำเป็นสำหรับผมตอนนี้คือการลุกขึ้นมาทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่สบายใจนัก ผมก็ต้องขอโทษด้วย” ดรุณีงง ถามว่าหมายความว่ายังไง “ผมอาจจะเคยล้ม แต่ผมจะลุกขึ้นมายืนใหม่ให้เร็วที่สุด ขอบคุณที่ทำให้ผมแข็งแกร่ง และรู้รสชาติของชีวิตเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ขอบคุณที่ทำให้ผมจำได้ขึ้นใจว่า กล้วยป่าหน้าตามันเป็นยังไง”

ดรุณีมึน หูอื้ออึง งงว่า ตนพูดถึงเรื่องทองประศรีแท้ๆ วกกลับมาหาตนได้ยังไง...??

ooooooo

อาทิจไปถึง คุณย่านั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นประธาน คนอื่นๆนั่งกระจายรายล้อมที่พื้น คุณย่าเอ่ยขึ้นว่า

“เมื่อมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ก็ตกลงต่อหน้าคุณตำรวจเสียเลยว่า จะเอายังไง”

คุณย่าหันไปทางน้าแก้ว น้าแก้วรีบส่งสมุดบันทึกข้อตกลงซึ่งมีกระดาษก๊อบปี้แทรกไว้ให้ยรรยง บอกว่า ขอให้ทำสำเนาไว้ด้วย จะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย

สิงห์ทองพูดขึ้นก่อนว่า เรียกร้องค่านํ้านม 5 แสนและขอให้จัดการแต่งงานให้ตามความเหมาะสม อาทิจ แย้งทันทีว่าทุกวันนี้ตนยังต้องกินอยู่กับคุณย่า ตนจะเอาที่ไหนมาให้ตั้ง 5 แสน

คำมาเสนอทันทีว่าลดลงหน่อยก็ได้เพราะไม่อยากขายหน้า ตุ๊เจ้ากี้เจ้าการเสนอว่า สี่แสนดีไหม คำมาตกลง อาทิจยืนยันว่าตนไม่มี สิงห์ทองลดลงมาเหลือสามแสนขาดตัว

ไม่ว่าจะลดลงมาเท่าไร อาทิจก็ยังคงยืนยันตามเดิมว่าตนไม่มี ตุ๊เลยกระซิบกระซาบอะไรกับคำมาให้ลดกระหน่ำลงมาเลย ไม่อย่างนั้นมีหวังอดแน่ คำมาแบไพ่ทันทีว่า

“ถ้างั้นค่านํ้านมไม่คิดก็ได้ แต่คุณต้องจัดงานแต่งงานให้นังหนูมันนะ”

อาทิจถามว่าเท่าไร สิงห์ทองตอบทันทีว่า สักแสนสองแสนก็น่าจะพอ

“จะแสนหรือสองแสนผมก็ไม่มีครับ ผมทำงานให้คุณย่าโดยไม่ได้รับเงินเดือน ท่านจ่ายเงินล่วงหน้าให้ครอบครัวผมไว้ ผมมาที่นี่เพื่อทำงานใช้หนี้ท่าน”

ต่อรองกันไปมา ตุ๊เสนอว่า งั้นก็เอาแค่พอรักษาหน้าไม่ให้แตกก็พอ สักห้าหมื่นเป็นไง? ทองประศรีกลัวไม่ได้แต่งลดลงมาเหลือสามหมื่น น้าแก้วก็ยังบอกว่าแพงไป ในที่สุดยรรยงทำบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรอ่านให้ฟังกันว่า

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 5-6 วันที่ 4 กรกฎาคม 2555

โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์