ไตรรัตน์ถูกจับมัดไว้กับเสากลางบ้าน แต่ก็ยังอาละวาดโวยวายไม่หยุด เห็นทุกคนที่รายล้อมเป็นผีที่จะมารุมทำร้ายตน ณัฐเดชบอกกำนันว่าเราไม่รู้จะแก้อย่างไรเพราะไม่รู้ว่าไตรรัตน์โดนอาคมอะไร
“พิษผงวิญญาณหลอน” กำนันบอก แล้วอธิบายว่า “มันเป็นวิชาไสยดำของพ่อหมอผีในชนเผ่าโบราณที่ใครโดนเป่าผงเข้าไปแล้ว จะถูกฝังการหลอนลงไปในหัว จนกระทั่งเสียสติและบ้าไปเลย”
“ศาสตร์ลี้ลับแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในโลก” ญาณินเอ่ย
กำนันอธิบายถึงผู้ที่ถูกผงพิษนี้อย่างละเอียดจนติณห์กับณัฐเดชถามว่า กำนันคงจะรู้ว่านอกจากกำนันแล้วยังมีใครที่มีวิชานี้ติดตัวบ้าง กำนันบอกว่าหมอสมคิด ญาณินถามว่าแบบนี้แสดงว่าเบญจาก็เป็นอีกคนที่มีวิชานี้ กำนันพยักหน้ายอมรับว่า
แต่สุคนธรสเชื่อว่าไสยศาสตร์ทุกอย่างมีทางแก้อาถรรพณ์เสมอ เธอนึกถึงยันต์เกราะเพชรที่ให้ติณห์ไว้ คิดว่าอาจจะช่วยได้ แต่เมื่อนำมาทำพิธีและเอาไปแปะที่หน้าผากไตรรัตน์ เขาแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ที่หน้าผากมีควันออกมาเหมือนเนื้อสดๆที่ถูกเหล็กร้อนนาบ!
กำนันบอกให้เอาออกเสียเพราะใช้ไม่ได้ผล พอ สุคนธรสเอายันต์เกราะเพชรออก ไตรรัตน์ก็ตาลอยแล้วสลบไป
“ทำไมคะกำนัน ยันต์เกราะเพชรที่ว่าป้องกันคุณไสยได้ทุกชนิดถึงช่วยอะไรนายไตรไม่ได้” ญาณินถาม
“ยันต์มีไว้ป้องกันคุณไสย แต่เมื่อคุณไสยเข้าตัวไปแล้ว คงช่วยอะไรไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนมาหาวิธีเอาคุณไสยออกมา ขืนเอายันต์เข้าไปสู้อาจปลุกให้ของต่อต้านจนร่างคนที่มีของอยู่ลมปราณแตก สติฟั่นเฟือน จิตวิปลาสไปเลยก็ได้”
สุคนธรสฟังแล้วยิ่งเสียใจที่เครื่องรางของขลังที่ตนมีอยู่กับตัวช่วยอะไรไตรรัตน์ไม่ได้เลย เธอร้องไห้ สิ้นหวังจนณัฐเดชต้องบอกให้ใจเย็นๆเชื่อว่าเธอต้องมีวิธีช่วยไตรรัตน์ได้ให้ไปนั่งพักก่อน อย่าเป็นอะไรไปอีกคนเพราะมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยไตรรัตน์ได้
เบญจาตามหาติณห์แต่เช้า เข้าไปหาที่ห้องทำงานไม่เจอถามพนักงานก็ไม่มีใครรู้ ถามทนายสมชาติก็ไม่รู้ เบญจาด่ากราดว่าทำไมไม่มีใครรู้สักคน ทนายสมชาติแนะให้โทร.หา เธอบอกว่าไม่ได้เอาโทรศัพท์มาจึงใช้ มือถือของทนายสมชาติโทร. ติณห์รับสายบอกว่าตนกำลังยุ่ง
ทนายสมชาติถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน ติณห์ปดว่ากำลังซื้อของอยู่ในตัวเมือง ถ้าไม่มีอะไรด่วนเดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันแล้ววางสายเลย
ญาณินถามติณห์ว่ามีอะไรหรือ เขาบอกว่าทนายสมชาติโทร.มาตามไม่มีอะไร ญาณินเชื่อว่าเบญจาเป็นคนใช้ให้ทนายสมชาติโทร.มากกว่า
เบญจาเองก็ไม่เชื่อตามที่ติณห์บอก เชื่อว่าติณห์ต้องไปอยู่กับญาณินแน่ๆ พูดอาฆาตว่า “เอาซี้...นังตัวดี!” จากนั้นก็เอามือถือมากดเปิดรูปถ่ายคู่ของตนกับติณห์ส่งออกไปเป็นชุดๆ แล้วยิ้มสะใจสุดๆ
ooooooo
ระหว่างที่พวกญาณินกำลังช่วยไตรรัตน์นั้น พงอินทร์ก็ขับรถไปหาบ้านช่อเพชรตามที่อยู่ในบัตรประชาชน ในรถมีกรรณาคอยดูเส้นทางและแผนที่ ส่วนเนตรสิตางศุ์กับหมอวรวรรธนั่งอยู่เบาะหลัง
จู่ๆกรรณาที่มีหน้าที่ดูทางและหาบ้านก็ร้องขึ้น “จอดๆๆๆ จอดเลย” พงอินทร์เบรกเสียจนทุกคนหัวคะมำ กรรณาชี้ให้ดูบ้านช่อเพชร เป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆสภาพบ้านทรุดโทรมอยู่ริมทะเลเหมือนทิ้งร้างมานานแล้ว แต่กรรณาบอกว่าไหนๆมาถึงที่แล้ว ในบ้านน่าจะมีหลักฐานช่วยให้เราตามตัวช่อเพชรได้ ฉะนั้นเราต้องลุย!
เมื่อทั้ง 4 เข้าไปในบ้าน ลมเย็นๆ พัดผ่านไปวูบหนึ่ง จนเสื้อผ้าและผมของทุกคนปลิวสะบัด เนตรสิตางศุ์เอามือลูบแขนบอกหมอว่า “ลมเย็นยะเยือกแบบนี้ ใช่เลยหมอ”
กรรณาเองก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบางอย่างมีเสียงครางของวิญญาณจนต้องเหล่มอง เธอสะกิดบอกเนตรสิตางศุ์ว่าให้ถอดแว่นออก เนตรสิตางศุ์ไม่ถอดกลัวเห็นผี
“ต้องได้เห็นแน่ๆ เพราะกำลังยืนครางอยู่ข้างหลังฉันตอนนี้” กรรณาบอก ทำเอาทั้งสามสะดุ้งโหยง กรรณาเร่งให้เนตรสิตางศุ์ถอดแว่น ตนอยากรู้ว่าผีอยู่ที่ไหน
พอเนตรสิตางศุ์ถอดแว่น เธอตกใจร้องว้าย เพราะเห็นผู้หญิงผูกคอตายอยู่ที่ต้นลำพูด้านหลัง พลันร่างหญิงคนนั้นก็เริ่มกระตุกและคอเริ่มขยับ ลืมตาขึ้นขยับปากเหมือนจะพูดอะไร กรรณาหันมองทันที ได้ยินเสียงหญิงคนนั้นพูด...
“เพชร...พลอย...กลับมาหาแม่แล้วเหรอลูก ฮือๆๆ” น้ำตาหญิงคนนั้นไหลออกมาเป็นสายเลือด
หมอวรวรรธกับพงอินทร์ช่วยกันทุบกุญแจบ้าน ในขณะที่สองสาวยืนฟังเสียงและมองสภาพรอบบ้านกรรณาบอกว่าเสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนนั้นเงียบไปแล้ว เนตรสิตางศุ์ก็ไม่เห็นร่างที่ผูกคอตายแล้ว
ระหว่างนั้นกรรณาฉุกคิดถามเนตรสิตางศุ์ว่าเพชรกับพลอยที่วิญญาณพูดถึงหมายถึงช่อเพชรหรือเปล่า?
พอดีสองหนุ่มงัดประตูสำเร็จ สองสาวจึงผลักประตูเข้าไป ภายในมืดจนต้องใช้ไฟฉาย มีกลิ่นอับเหม็น ที่พื้นมีฝุ่นหนาเป็นนิ้ว และตามเพดานมีหยักไย่ห้อย เป็นม่าน หมอวรวรรธบอกว่า แบบนี้คงไม่มีคนอยู่มาเป็นสิบๆปีแล้ว
ทันใดนั้น มีเสียงดังโครมเหมือนของหนักๆหล่นลงมาที่ชั้นสองมีเสียงผู้ชายแผดร้องและเสียงกรี๊ดของผู้หญิง แต่ชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้ยิน กรรณาวิ่งขึ้นไปทันทีพงอินทร์วิ่งตามขึ้นไป หมอวรวรรธจูงมือเนตรสิตางศุ์ที่ยืนตะลึงอยู่วิ่งขึ้นไปด้วย กรรณาสะดุดหุ่นโชว์เสื้อผ้าขาวโพลนวางกองเต็มไปหมด
มีหุ่นสองสามตัวมีรอยเลือดกระเซ็นติดอยู่ พงอินทร์กับหมอเชื่อว่ารอยเลือดนั้นต้องเกิดจากบาดแผลฉกรรจ์แน่ๆ สองหนุ่มพูดกันไม่ทันขาดเสียง กรรณาก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันของชายหญิง เนตรสิตางศุ์ก็เห็นชายหญิงกำลังตบตีกัน
ooooooo
กรรัมภากับจุนจีไปสืบเรื่องพิมพิลาสที่หน้าคฤหาสน์ เห็นอติเทพขับรถออกไป จุนจีบิดมอเตอร์ไซค์ตามทันที
อติเทพขับรถไปจอดที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เด็กโบกรถมาโบกและกันที่ให้อย่างมีสิทธิพิเศษ จุนจีบิดรถมาจอดห่างจากรถของอติเทพเล็กน้อยแล้วรีบตามเข้าไป เห็นอติเทพเดินไปขึ้นลิฟต์ที่มีอยู่เพียงตัวเดียว ทั้งสองจึงวิ่งขึ้นบันไดแทน
จุนจีพยายามวิ่งขึ้นไปให้ทันเห็นว่าอติเทพขึ้นไปชั้นไหน วิ่งถึงชั้นสามเขาก็ยังไม่ออกจากลิฟต์ กรรัมภาวิ่งไม่ทันจุนจี ปลุกเร้าใจ “แก้ม...อดทน ไอเลิฟยู...ไป” คว้ามือกรรัมภาลากขึ้นไปด้วยกัน
พอถึงชั้นสี่ เห็นอติเทพออกจากลิฟต์ ทั้งสองหยุดกึกก้มหน้างุดแต่เหงื่อเปียกโชก ทั้งสองจับตาสังเกตอติเทพจึงรู้ ว่ามาขอยืมเงินจากเฮียกุ่ย รับรองว่าจะเอามาใช้คืนพร้อม ของเก่า ดอกเท่าไรก็พร้อมจ่าย เฮียกุ่ยถามว่าเขากำลังจะรับมรดกก้อนโตไม่ใช่หรือ เมื่อไรล่ะ?
“ไม่นานหรอกเฮีย รอแค่ลายเซ็นอะไรนิดๆหน่อยๆ เท่านั้นแหละ นะๆๆ เฮียขอด่วนๆ อีก 2 ล้านเถอะ”
เฮียกุ่ยคิดอยู่นาน กรรัมภากับจุนจีหลบหลังเสาแอบถามกันว่าอติเทพจะเอาเงินไปทำอะไรมากมาย จุนจี บอกว่างานนักสืบสนุกแบบนี้เอง มิน่าเธอถึงชอบ กรรัมภาขึงตาใส่บอกว่าตนทำไม่ใช่เพราะสนุกแต่ต้องการช่วยกันจับฆาตกรที่ฆ่าคุณย่าเขา จุนจีทำหน้าเหี้ยมหันมอง
อติเทพคำรามในคอ “คนเลว จะต้องได้รับกรรม”
ooooooo
กรรัมภาและจุนจี บิดมอเตอร์ไซค์ตามรถของ อติเทพมาจนถึงลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ครู่เดียวก็มีรถโฟร์วีลคันโตเข้ามาจอดเทียบ
ชายสูทดำคนหนึ่งลงจากรถตรงไปที่รถอติเทพ เขาเปิดกระจกรถยื่นซองใส่เงินที่เพิ่งเอาจากเฮียกุ่ยให้
“อ่ะ...บอกกู๋ด้วยว่าฉันคำไหนคำนั้น นี่สองล้านตามที่บอก”
“โอเค...กู๋ก็ฝากมาบอกเหมือนกันว่านี่แค่ดอกนะ เงินต้นน่ะยังไม่ได้เลยกู๋รออยู่” ชายคนนั้นเอ่ยหลังจากดูเงินแล้ว
อติเทพหน้าเสีย แต่เมื่อชายคนนั้นกลับไปขึ้นรถที่สตาร์ตรออยู่ สีหน้าอติเทพก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างไม่พอใจ
กรรัมภากับจุนจีซ่อนอยู่หลังเสามุมหนึ่ง กรรัมภาใช้มือถือถ่ายคลิปไว้
“นายอติเทพกู้เงินรอบตัวเลยเหรอเนี่ย” จุนจีพึมพำ กรรัมภาพึมพำว่ามันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
ขณะทั้งสองยังซุ่มดูอยู่นั้น อติเทพลงจากรถปิดประตูล็อกแล้วเดินไปทางหลังห้างอย่างหงุดหงิด ทั้งสองรีบตามแต่เกือบเสียท่า เมื่อจู่ๆอติเทพก็หยุดแล้วเดินย้อนกลับมา ทั้งสองต้องทำทีชะโงกดูหนังสือพิมพ์ที่ลุงคนหนึ่งกางอ่านอยู่ ทำทีขอดูโปรแกรมหนังเอาหนังสือพิมพ์บังหน้า พออติเทพเดินผ่านไปจึงขอบคุณลุงคนนั้นแล้วรีบตามไป
อติเทพเดินผ่านบ้านเก่าๆตึกโทรมๆทะลุไปเข้าประตูที่มีการ์ดคุมอยู่อย่างเข้มงวด ทั้งสองได้ยินชายสองคนเดินบ่นกันออกมา คนหนึ่งสบถว่า “แม่ง...วันนี้ดวงโคตรกุดโดนรวบหมดตูด” อีกคนพูดกลั้วหัวเราะว่า “เห็นออกมาทีไรก็พูดอย่างนี้ทุกที แล้วก็หันกลับมาเล่นตลอด” คนแรกทำเสียงมั่นใจว่า “โหย...ต้องชนมันได้สักวันสิวะ ต้องได้กันบ้างละโว้ย”
ฟังชายสองคนแล้ว กรรัมภากับจุนจีได้คำตอบทันทีว่า ที่นี่คือบ่อน!
ooooooo
กรรณา เนตรสิตางศุ์และหมอวรวรรธกับพงอินทร์ กำลังตื่นเต้นตึงเครียดกับปรากฏการณ์ที่บ้านร้างของ ช่อเพชร
กรรณากับเนตรสิตางศุ์เห็นและได้ยินผู้หญิงชื่อไพลินทะเลาะกับผู้ชายชื่อแมน จับความได้ว่าคืนนี้แมนจะไปนอนกับผู้หญิงที่ไพลินเรียกว่า “อีแม่ม่าย” ถูกแมนย้อนเอาว่าตนจะไปนอนกับใครก็เรื่องของตน ขุดคุ้ยไพลินขึ้นมาด่าว่า
“แกนั่นแหละอีไพลิน อีผู้หญิงหลายใจ! แกหนีฉันไปอยู่กับไอ้ต้อยทีนึง ไอ้หมายทีนึง ไอ้ดวงสองที ไปมั่วกับใครมาบ้างก็ไม่รู้ พอท้องก็ไม่มีใครรับ แกถึงได้ซมซานกลับมาหาฉัน ให้ฉันรับเป็นพ่ออีพิมพลอย อีหน้าไม่มียางอาย!”
แมนถีบไพลินล้มไปชนหุ่นโชว์เสื้อผ้าล้มกระจาย ขู่ว่าถ้าไม่อยากตายอย่ามายุ่งเรื่องของตน หยามหน้าว่า
“ฉันจะไปรับสายใจมาอยู่ที่บ้าน ให้มาดูแลฉัน แกก็อยู่ของแกไป ไว้วันไหนฉันมีอารมณ์อยากจะกินของเก่าขึ้นมา ฉันจะเรียกแกมาล้างชามเอง ฮ่ะๆๆ”
นี่คือจุดเดือดที่ทำให้ไพลินคว้ากรรไกรแทงพุงแมนจนมิด แมนล้มลงพอเขาดึงกรรไกรออกเลือดก็พุ่งกระฉูดไปโดนหุ่นโชว์เสื้อสองสามตัวที่หมอวรวรรธเห็นตอนเข้ามา
แมนตายเพราะถูกไพลินแทง ส่วนไพลินผูกคอตายที่ต้นลำพูหลังบ้านหนีความผิด
ขณะทั้งสี่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวในบ้านนี้อยู่นั้น ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงผู้หญิงตะคอกถามสำเนียงจีน
“พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่!”
ทุกคนหันมองเห็นหญิงวัยราว 60 คาดผ้ากันเปื้อนยืนถือตะกร้าใส่ผักหวานยืนชี้หน้าด่าอยู่นอกรั้ว
“ไอ้เด็กพวกนี้เนี่ย งานการไม่มีทำรึไง อยากจะมาลองดีท้าพิสูจน์ผีอีกล่ะสิ เตือนไว้ก่อนนะ ว่าที่นี่เฮี้ยนมากนะเว้ย ไอ้วัยรุ่นกลุ่มที่แล้วเจอผีหลอกวิ่งหนีเสียป่าราบ สติสตังเสียจนไปกระโดดคลองซี้ไปสองคนแล้ว”
พงอินทร์เห็นหญิงคนนั้นพูดถึงคนในบ้านนี้อย่างคุ้นเคย เลยบอกว่าพวกตนไม่ได้มาท้าพิสูจน์ผีที่ไหน แต่มาหาเพื่อนชื่อช่อเพชร หญิงคนนั้นทำท่ารู้จัก กรรณาเลยผสมโรงว่า ตนเป็นเพื่อนช่อเพชร ถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
หญิงคนนั้นจึงพาไปนั่งที่ร้าน “เตี๋ยวเรือเจ๊แดง เจ้าเก่า” ที่ริมคลอง ทุกคนจึงรู้ว่าแกชื่อเจ๊แดง เป็นเจ้าของร้าน แต่พอถามเรื่องช่อเพชร แกก็ทำลีลายกเมนูขึ้นโบกพัด ทั้งสี่เลยสั่ง เล็กแซบแดงซ่า 4 ถึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับคนในบ้านนั้นว่า
“บ้านนังเพชรน่ะ มันร้างมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว คนแถวนี้น่ะกลัว เขาเรียกกันว่าบ้านผีสิง ไม่มีใครกล้าเฉียดเข้าไปใกล้ แต่ฉันไปเก็บผักหวานผักตำลึงแถวนั้นบ่อยๆก็เลยไม่กลัว”
เจ๊แดงเล่าอีกว่าแมนกับไพลิน พ่อกับแม่ของเพชรตายในบ้านนี้ เพชรกลับบ้านเห็นพ่อแม่ตายก็ช็อก ดีที่ญาติห่างๆมารับไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ ส่วนพลอยน้องสาวต่างพ่อที่สติไม่สมประกอบไม่มีใครเอา ถูกทิ้งอยู่ในบ้านนี้จนเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์มาเอาตัวไปรักษา ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย
“แล้วช่อเพชรล่ะเจ๊ ไปอยู่กับญาติแล้วไม่เคยกลับมาบ้านเกิดอีกเลยเหรอ” กรรณาเจาะไปที่เป้าหมาย
เจ๊บอกว่ากลับมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง มาดูบ้านเห็นว่าอยากจะขายแต่ก็เงียบไปไม่เห็นมาทำอะไร หมอวรวรรธถามว่าเขามาคนเดียวหรือมากับใคร?
“มันมากับผู้ชายคนนึง นั่งรถคันใหญ่บะละฮึ่ม โก้ซะไม่มี ท่าทางผู้ชายคนนั้นคงจะรวยมาก” แต่พอพงอินทร์ถามว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เจ๊บอกว่า “นังเพชรมันบอกนะแต่เจ๊จำไม่ได้ นังเพชรมันคุยว่าผัวมันเป็นถึงด็อกเตอร์ด้วย”
เรื่องเข้าเค้าขึ้นทุกที แล้วทุกคนก็ยิ่งตื่นเต้นเมื่อเจ๊บอกว่าตนมีรูปถ่ายด็อกเตอร์คนนั้นด้วย ตนถ่ายไว้เผื่อเอามาติดโฆษณาในร้านว่ามีด็อกเตอร์มากินก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่ แล้วลุกไปหยิบมาให้ดู
พอทุกคนเห็นรูปต่างมองหน้ากันอึ้ง เพราะในรูปมีแผนยุทธยืนคู่กับช่อเพชรที่พวกตนไม่เคยเห็นหน้าและเจ๊แดงยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ กรรณาถามย้ำว่า เจ๊แน่ใจหรือว่านี่คือสามีของช่อเพชร
“ไม่รู้ซิ...ก็นังเพชรมันบอกแบบนี้ มันบอกว่าไอ้หนุ่มคนนี้แหละ ด็อกเตอร์ผัวมัน”
ooooooo
ระหว่างที่ทุกคนรอกำนันพงษ์คิดหาวิธีรักษาไตรรัตน์นั้น มีเสียงข้อความจากมือถือติณห์ดังขึ้น เขา กดดูแล้วหน้าเสีย เพราะมีแต่รูปคู่ระหว่างเขากับเบญจาที่ใกล้ชิดกระทั่งกำลังจะจูบกัน
ติณห์ไม่อยากให้ญาณินเห็นจึงเก็บมือถือ ญาณินเห็นผิดสังเกตเมื่อขอดูไม่ได้ก็แย่งไปกดดู พอเห็นรูปในมือถือญาณินโกรธมาก ถามว่านี่หรือที่ติณห์บอกว่าไม่มีอะไร!
ญาณินเดินหนีไปอย่างไม่พอใจมาก ติณห์ต้องตามชี้แจง ตามง้ออยู่นาน เธอจึงยอมฟังคำชี้แจง
“คุณฟังผมนะ ตลอดเวลาที่ผมต้องอยู่ที่รีสอร์ต ผมไม่เคยนอนหลับเลย ผมจะตื่นมาพร้อมกับความทุกข์ทุกเช้าเพราะต้องคิดว่าวันนี้ผมจะทำอย่างไรต่อไปกับเบญจา ทุกครั้งที่ผมทำเป็นสนิทสนมกับเบญจาเหมือน ...เอ่อ...คนที่รักชอบกัน ก็จะมีหน้าของคุณลอยมาเตือนสะกิดใจผมอยู่ตลอด ผมไม่เคยไขว้เขวหรือแม้แต่จะเผลอใจนอกใจคุณไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว”
ญาณินจึงเข้าใจและเห็นใจเขา ติณห์กอดเธอไว้อย่างดีใจ
ooooooo
ที่รีสอร์ตติณห์...วันนี้มีแขกพิเศษระดับมหาเศรษฐีใช้ชื่อว่า รอบบี้ คิดส์ จากไมอามี่ อเมริกา มาขอเข้าพักเรือนเอกซ์คลูซีฟ
ทีแรกมิรันตีก็ไม่ยอมให้เข้าพักอ้างว่าห้องยังไม่เรียบร้อยและถ้าเสร็จเรียบร้อยตนต้องประเดิมก่อน แต่พอเห็นแขกพิเศษที่มาอย่างมหาเศรษฐีแถมยังหล่อล่ำมาดดี ดวงตาที่คมกริบระริกด้วยแววเสน่หา จนมิรันตีไปต้อนรับถึงกับระทวย...
มิรันตีถูกรอบบี้ คิดส์ หว่านเสน่ห์เสียจนเคลิ้ม เบญจาดูอยู่อย่างพอใจ จนเมื่อติณห์กลับมา เบญจารีบไปรับบอกว่าจะพาไปพบแขกพิเศษคนหนึ่ง ติณห์เดินตามเบญจาไปอย่างแปลกใจ
มิรันตีพารอบบี้ คิดส์ ไปชมห้องพัก พูดออกตัวว่ายังไม่เสร็จเรียบร้อย รู้สึกไม่สบายใจที่จะรับแขก
“ไอ้...ทั้งหมดที่คุณกล่าวมา มันไม่เป็นปัญหาเลยนี่ครับ เท่าที่เห็นอยู่นี่ผมรับได้หมด ผมไม่สนใจเรื่องสิ่งของหรอกครับ ผมสนใจ...คน...มากกว่า”
คำหวานและสายตาคมกริบของรอบบี้ คิดส์ ทำให้มิรันตีหัวเราะคิกติงเขินๆว่า
“นี่คือการพูดเล่นสนุกๆใช่ไหมคะ”
“โอ...ผมจริงจัง เป้าหมายของผม ไม่ใช่แค่ความรัก แต่คือรักแท้ แม้ใครจะเคยพูดว่า มันไม่มีจริงหรอก ผู้หญิงชอบผมเพราะผมรวย แต่ผมไม่เชื่อ ผมเชื่อในสัญชาตญาณของผมมากกว่า ผมกำลังตามหาใครบางคนและคนคนนั้น ก็กำลังรอคอยผมอยู่”
รอบบี้ คิดส์ ส่งแก้วไวน์ให้มิรันตี มองด้วยสายตาหวานฉ่ำจนแทบละลายหัวใจมิรันตี ก็พอดีเบญจาพาติณห์เข้ามา
พอติณห์เห็นหน้ารอบบี้ คิดส์ เขาตะลึงงัน ที่แท้คือสมคิดนั่นเอง! แต่ต่างก็ทำเสมือนเพิ่งรู้จักกัน! ทักทายจิกกัดกันไปมา จนมิรันตีบอกว่า
“รอบบี้เขาเพิ่งมาเที่ยวเมืองไทยเป็นครั้งแรกจ้ะลูก ตั้งใจมาเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะ บินมาจากไมอามี่ฟลอริดาเลยนะ เขาเป็นเจ้าของสถานีเคเบิ้ลใหญ่ที่อเมริกาตอนใต้จ้ะ” มิรันตีแนะนำอย่างภูมิอกภูมิใจมาก
ติณห์แอบโทร.เล่าให้ญาณินฟังว่า หมอผีสมคิดมาพักที่รีสอร์ต มาทำท่าเหมือนจะสนใจแม่ตนด้วย
อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 12 วันที่ 18 ต.ค. 56
บทประพันธ์โดย:ณารา/ร่มแก้ว/ซ่อนกลิ่น/เก้าแต้ม/แพรณัฐ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3บทโทรทัศน์ : ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์, สุธิสา วงษ์อยู่, เบญจมาศ ดาลหิรัญรัตน์, ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, โรจนินทร์ และ ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2กำกับการแสดง : ตระกูล อรุณสวัสดิ์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ผลิต : ค่ายชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 แนวละคร : คอเมดี้
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันเวลาออกอากาศทุกวันศุกร์ -เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มเวลา 20.15
ติดตามชมสื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ