อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 11 วันที่ 17 ต.ค. 56
เบญจา เดินห่างออกไปจนลับตาคนแล้วจึงลดมือถือที่แกล้งทำเป็นมีคนโทร.เข้าลง ทันใดชายโทรมๆ คนนั้นก็มายืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว เบญจาหันขวับพึมพำตกใจ“ในที่สุด...คุณก็มา!” ชายคนนั้นหัวเราะน่ากลัว เดินเข้ามาจ้องหน้าเบญจา สมคิดนั่นเอง!
สภาพสมคิดเหมือนนักโทษแหกคุกแต่แววตาดูเหี้ยมกว่าเดิม เดินเข้ามาพูดเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวว่า
“ฉันต้องมา ก่อนที่แกจะถลำลึกมากไปกว่านี้!” เบญจาถามว่าตนทำอะไรผิด ตนทำตามแผนทุกอย่าง “แกหลงเพื่อนไอ้ไตรรัตน์ศัตรูฉันจนหัวปักหัวปําน่ะเหรอแผน!”
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียแผนที่เราวางไว้นี่คะ แค่หนูได้ค้นพบสิ่งที่หนูไม่เคยเรียนรู้มาก่อน นั่นก็คือความรัก”
เบญจาอึ้ง พอเริ่มได้สติก็นึกระแวงขึ้นมา เป็นห่วงกระเป๋าที่ทิ้งไว้ให้ผีตายโหงเฝ้าอยู่ กลับไปหาติณห์บอกว่าตนลืมรายชื่อลูกค้าไว้ที่ห้องต้องรีบกลับไปเอา ติณห์ตกใจแกล้งอ้อนให้กินอาหารด้วยกันก่อนตนอุตส่าห์ลงมือทำเอง
“พี่ทานไปก่อนพลางๆ เดี๋ยวหนูไปเอารายชื่อเสร็จแล้วจะตามมาค่ะ” พูดแล้วเดินอ้าวไปเลยทำเอาติณห์เป็นห่วงญาณินจับใจ ไม่รู้ว่าญาณินออกจากห้องเบญจาแล้วหรือยัง...
ooooooo
จิตญาณินเร่งค้นในกระเป๋าเบญจา เธอตะลึงเมื่อพบเอกสารมากมายมีทั้งพาสปอร์ต ไอดีการ์ดหลายใบ ทุกใบเป็นหน้าเบญจาแต่ชื่อและสัญชาติต่างกัน
เมื่อคลำในกระเป๋าอีก เจอไอ้งั่งสองตัวประกบกัน บอกคุณหลวงว่า
“มันเป็นไอ้งั่งที่เบญจาใช้ทำเสน่ห์ใส่ติณห์ให้หลงค่ะ”
พลันเหตุการณ์ก็ตึงเครียดเมื่อคุณหลวงได้ยินเสียงคนเดินมา เชื่อว่าเป็นเบญจาเร่งญาณินรีบเก็บของใส่กระเป๋าไว้ตามเดิม ญาณินรีบเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าแข่งกับเวลาที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกที ติณห์ที่ตามหลังเบญจามาก็ลุ้นระทึก
ประตูห้องเปิดผัวะ! เบญจาก้าวเข้ามาหยุดกวาดตามองทั่วห้องอย่างสำรวจแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ มองไปที่มุมห้องเห็นวิญญาณผีตายโหงยังโอบบังกระเป๋าใบนั้นอยู่ แม้ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่แววตาเบญจายังระแวง
“มีอะไรรึเปล่า?” ติณห์เข้ามากอดเบญจาจากข้างหลังจนเธอสะดุ้ง เธอบอกว่าไม่มีอะไรขอไปหยิบรายชื่อลูกค้าก่อน แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักทำเป็นค้นหา
ติณห์ถอนใจโล่งอกที่ญาณินออกจากห้องไปได้ทัน
ooooooo
ที่บริษัทซิกซ์เซ้นส์...กรรณา สุคนธรส และเนตรสิตางศุ์กำลังประชุมกันเครียดเรื่องที่กรรณาได้รับโทรศัพท์ขู่ฆ่ากลางดึก แล้วกรรณาก็เลียนเสียงที่ได้ยินให้ทุกคนฟัง
ก๊องได้ฟังกลัวจนหดขาขึ้นบนโซฟาบอกว่าต้องเป็นเสียงผีแน่ๆ กรรณาบอกว่าตนไม่เคยมีประสบการณ์ผีโฟนอินหามาก่อน สุคนธรสติงว่า เดี๋ยวนี้มันทันสมัยอาจเป็นไปได้ที่จะมีผีสมาร์ทโฟน ผีอินเตอร์เน็ต ผีสามจี กรรณาถามว่าถ้าเป็นอย่างที่เพื่อนๆว่า แล้วจะเป็นผีใครล่ะที่โทร.มาขู่ตน
“ผียัยช่อเพชรรึเปล่า?” เนตรสิตางศุ์เอะใจ กรรณาติงว่าช่อเพชรยังไม่ตาย “ถ้างั้นไม่ใช่ผีที่ไหนหรอก อาจเป็นยัยช่อเพชรนี่แหละที่พยายามจะทำมาหลอกผีแก”
สุคนธรสเห็นว่าเป็นไปได้ หมอวรวรรธบอกว่าผีขู่ฆ่ายังไม่น่ากลัวเท่าคนขู่ฆ่า เสนอให้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานดีกว่า
ขณะนั้นเอง ณัฐเดชกับพงอินทร์เดินเข้ามา เพราะกรรณาโทร.บอกเขาว่าถูกขู่ฆ่า พงอินทร์เสนอว่าเราชิงเป็นฝ่ายรุกก่อนมันกันเถิด ณัฐเดชถามว่าอยากรู้ที่อยู่ของช่อเพชรใช่ไหม พลางหยิบกระดาษออกมาให้ดู กรรณาคว้าไปก่อนเพื่อน
“ที่อยู่ตามบัตรประชาชน อยู่ที่ประจวบฯ! ขอบคุณค่ะพี่ณัฐ เก่งจริงๆ เลย สืบแป๊บเดียวก็ได้มาแล้ว”
ทันใดนั้นเอง มือถือของสุคนธรสดังขึ้น พอเห็นว่าญาณินโทร.มา เธอทำเสียงให้ทุกคนเงียบ แล้วกดเปิดโฟนให้ทุกคนได้ยิน บอกญาณินว่ามีอะไรพูดมาเลย พี่ณัฐก็อยู่ที่นี่ด้วย
“วันนี้ฉันแอบเข้าไปค้นห้องยัยเบญจา รู้ไหมว่าฉันเจออะไร บัตรประชาชน พาสปอร์ตของยัยเบญจาเป็นสิบๆเลย หน้าตาเป็นคนเดียวกันหมด แต่ชื่อที่อยู่ไม่เหมือนกันเลย” ณัฐเดชถามว่าได้เอาเอกสารพวกนั้นออกมาด้วยหรือเปล่า “เปล่าค่ะ ณินแอบถอดจิตเข้าไป เอาอะไรออกมาไม่ได้เลย”
ญาณินเล่าต่อว่า ตนยังเจอไอ้งั่งตาแดงสองตัวซ่อนอยู่ในกระเป๋าของเบญจาด้วย เนตรสิตางศุ์ถามว่าไอ้งั่งเป็นใคร
“มันเป็นเครื่องรางมหาเสน่ห์ศาสตร์ของเขมรโบราณ ยัยเบญจาคงพยายามใช้ไอ้งั่งตาแดงสองตัวนี้แหละทำเสน่ห์ผูกมัดคุณติณห์ให้ลุ่มหลงมัน” คำอธิบายของสุคนธรส ทำให้ทุกคนมองหน้ากันอย่างวิตก
ooooooo
สมคิดที่คุยอยู่กับเบญจา จู่ๆเขาก็ปามีดสั้นปักใส่แมงมุมยักษ์ตรึงกับต้นไม้ แล้วเดินไปดึงมีดออก ดูแมงมุมยักษ์ยิ้มเหี้ยมพูดกับเบญจาว่า
“ต่อให้แกเก่ง มีพิษสงรอบตัวยังไง แกก็จะตายอย่างง่ายๆ แบบไอ้แมงมุมตัวนี้ แกดันมีจุดอ่อนให้พวกมันรู้ แล้วโดนมันล่อให้หลงทาง”
“หนูเสียใจ”
“อย่ามาพูดคำว่าเสียใจให้ฉันได้ยิน แกต้องไม่รู้จักคำว่าเสียใจเบญจา! จำเอาไว้นะ แกต้องไม่มีจุดอ่อน แกถึง จะไม่แพ้ใครในโลกนี้...ฉันคงปล่อยให้แกมาทำงานที่นี่คนเดียวนานเกินไป แกก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจ หลงผู้ชาย จนชะล่าใจ”
สมคิดเอามือลูบที่คมมีดจนมีดบาดนิ้วเลือดซิบ เขาเอานิ้วเปื้อนเลือดป้ายที่ปากเบญจา เบญจาเลียเลือดกินเข้าไปแล้วคุกเข่าลง สมคิดหัวเราะหึๆในลำคอ พลันก็เห็นทนายสมชาติเดินมาแต่ไกล สมคิดจึงถอยเข้าป่าหายไป
ทนายสมชาติเดินมาเจอเบญจา บ่นว่าหาเสียตั้งนานที่แท้อยู่นี่เอง ถามว่าเมื่อกี๊คุยกับใคร เบญจาหันขวับมองอย่างไม่พอใจบอกว่าเปล่า พอทนายสมชาติยืนยันว่าเห็น ก็ถูกเบญจาเสียงแข็งจ้องอย่างดุร้าย ทนายพูดเสียงอ่อยว่าตนคงตาฝาดไปเอง
เบญจาเดินไปฉุนๆ ทนายสมชาติมองตามแล้วเหลือบเห็นซากแมงมุมยักษ์ที่พื้น รู้สึกแปลกใจแต่ไม่ติดใจ
ooooooo
ติณห์แอบขึ้นรถของรีสอร์ตที่พานักท่องเที่ยวออกไปทัวร์ ติณห์ลงจากรถที่ถนนเลียบแม่น้ำทำทีโบกมือขอบคุณนักท่องเที่ยวและเชื้อเชิญให้กลับมาเที่ยวอีก
พอลับตาคน ติณห์ก็วิ่งลงป่าข้างทาง วิ่งๆๆๆไปยังจุดที่นัดหมายกับญาณินไว้เพื่อรับไปบ้านพักกำนันพงษ์ที่ทุกคนรอเขาอยู่ที่นั่น
เมื่อพบกันที่บ้านกำนันพงษ์ เพื่อนเก่าเกลอรักต่างทักทายหยอกล้อกัน ณัฐเดชรวบรัดตัดบทคุยเป็นการเป็นงานว่า
“ติณห์! ทางเดียวที่จะสืบประวัติเบญจาได้คือต้องเอาเอกสารในกระเป๋าใบนั้นออกมาให้ได้”
ติณห์ตกใจถามว่าไม่เสี่ยงเกินไปหรือ เพราะเบญจาเหมือนหยั่งรู้ทุกอย่างจนบางครั้งตนคิดว่าเป็นปีศาจด้วยซ้ำ แต่พอณัฐเดชย้อนถามว่า แล้วคิดว่าทุกวันนี้ชีวิตของมิรันตีไม่เสี่ยงหรือ เพราะเบญจากำลังควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาอยู่
ติณห์ถามว่าแล้วจะเอาเอกสารพวกนั้นออกมาเมื่อไร ด้วยวิธีไหน และใครจะเป็นคนไปเอา ทุกคนเงียบมองติณห์เป็นตาเดียว ติณห์เห็นสายตาเหล่านั้นแล้วเข้าใจ รับปากว่าตนจะหาวิธีเอาไอดีการ์ดและเอกสารพวกนั้นออกมาให้เอง
ณัฐเดชบอกว่าต้องเป็นภายในวันนี้ลงมือให้เร็วที่สุด กลัวว่าเบญจาจะไหวตัวทำลายหลักฐานพวกนั้นไปเสียก่อน
“I’ll do my best” ติณห์พยักหน้า ญาณินเตือนด้วยความเป็นห่วงว่าระวังตัวด้วย
ป้าออนึกขึ้นได้ติงว่าญาณินเคยบอกว่ากระเป๋าใบนั้นเบญจาปลุกผีตายโหงเฝ้าอยู่ไม่ใช่หรือ
“ไม่ต้องห่วงค่ะป้าออ รสเตรียมยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปานมาให้แล้ว” สุคนธรสหยิบยันต์เก่าๆออกมายกมือพนมก่อนยื่นให้ติณห์บอกเขาว่า “ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม เมื่อมียันต์เกราะเพชรอยู่กับตัว ไม่ว่าอยู่ในรูปแบบของผ้ายันต์ ตะกรุด หรือรูปแบบใดๆ จะแคล้วคลาด ไม่ตายโหง ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด เมื่อโดนทำอาคม ไสยศาสตร์ทุกอย่างจะสะท้อนกลับไป”
ระหว่างที่ติณห์แว่บไปพบพวกญาณินนั้น มิรันตีกับเบญจาเที่ยวตามหากันให้ควั่ก โทร.หาติดแต่ไม่มีคนรับสาย มิรันตีระแวงว่าติณห์จะไปหลงเสน่ห์ญาณินอีก พูดจิกเบญจาอย่างไม่พอใจว่า
“นายติณห์มันไม่ใช่คนซื่อๆเซื่องๆนะ จะเอามันให้อยู่หมัด ต้องมีทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ลูกล่อลูกชน มันรักยัยบ้านั่นมาก อย่านึกว่ามันจะตัดเยื่อใยได้ง่ายๆ”
“คุณมิรันตีไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ติณห์จะต้องรักหนูมากขึ้นๆๆๆทุกวัน คอยดู!” เบญจาพูดอย่างท้าทาย
พอดีติณห์เดินเข้ามา เขาโผเข้าโอบไหล่อิงหัวกับเบญจาอ้อนน่ารัก มิรันตีถามว่าหายไปไหนมาตามหาเสียตั้งนาน ติณห์บอกว่าเดินดูงานอยู่แถวนี้ ครั้นถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ เขาทำท่าคลำกระเป๋ากางเกง บอกว่าลืมไว้ที่โต๊ะทำงาน
“อย่างอนพี่เลยนะ วันนี่พี่รีบตรวจเช็กงานให้เสร็จเร็วเพราะว่า...คืนนี้พี่มีนัด” ติณห์อ้อน แล้วนัดเบญจาคืนนี้สองทุ่มออกไปดูดาวกัน เบญจาดีใจรับปากทันที
ooooooo
เบญจาแต่งชุดสวยไปรอติณห์ ณ จุดนัดหมาย รอแล้วรอเล่าติณห์ยังไม่มา...
ที่แท้ติณห์ใช้ยันต์เกราะเพชรเข้าไปขโมยกระเป๋าของเบญจารีบเอาไปให้ณัฐเดชกับไตรรัตน์ที่นัดมารับกลางทาง ระหว่างติณห์หิ้วกระเป๋าไปนั้น เขารู้สึกกระเป๋าหนักขึ้นทุกที...ทุกที...จนเมื่อส่งให้ณัฐเดชกับไตรรัตน์ ทั้งสองถึงกับต้องช่วยกันหิ้วหูกระเป๋าคนละข้างจนตัวเอียง
พอส่งกระเป๋าให้ณัฐเดชกับไตรรัตน์แล้ว ติณห์วิ่งอ้าวกลับไปยังจุดที่นัดกับเบญจาไว้เพราะเลยเวลานัดไปมากแล้ว
ญาณินกับสุคนธรสนั่งสมาธิรวมพลังโดยมีรูปของกำนันพงษ์ที่มีอยู่ในบ้านมาวางประกอบพิธี กำนันพงษ์ที่อยู่ในห้องขังดูนาฬิกาแล้วนั่งขัดสมาธิหลับตาจิตดำดิ่งสู่ภวังค์
ไม่นาน จิตกำนันพงษ์ก็เข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าญาณินกับสุคนธรส สองสาวลืมตาขึ้น ญาณินเอ่ยกับกำนันว่า
“ต้องขอโทษกำนันที่รบกวนให้ถอดจิตมา ณินอยากให้กำนันมารับรู้ด้วยกัน เผื่อกำนันอาจจะรู้จักที่มาของผู้หญิงคนนี้” กำนันบอกว่า ตนก็อยากรู้ว่าเบญจาคนนี้เป็นใครเหมือนกัน พอดีณัฐเดชกับไตรรัตน์ช่วยกันหิ้วกระเป๋าเข้ามา
ณัฐเดชขอเป็นคนเปิดกระเป๋าเอง แต่เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก ญาณินมาลองก็เปิดไม่ออก กำนันบอกว่ากระเป๋าถูกลงอาคมไว้ สุคนธรสจึงนั่งพนมมือท่องคาถาแก้อาคม แต่กระเป๋าก็ยังเปิดไม่ออกอยู่ดี
“หยุดเถอะคุณ ออกแรงไปก็เหนื่อยเปล่า คุณไสย ขั้นเทพแบบนี้ต้องใช้มีดตัดหวายลูกนิมิตอย่างเดียวถึงจะสะบั้นอาคมขาด” กำนันพงษ์บอก แล้วขอแรงผู้ชายเข้าไปหยิบมีดตัดหวายลูกนิมิตที่วางอยู่บนแท่นในตู้ ไตรรัตน์เป็นคนเข้าไปหยิบมา ถือมีดพนมมือไหว้ต่อหน้ากระเป๋า โดยมีจิตกำนันยืนกำกับให้ทำตาม และสุคนธรสก็นั่งสวดคาถาแก้อาคมไปด้วย
ทำพิธีเสร็จ ไตรรัตน์วางมีดลงแล้วจะเปิดกระเป๋า เขารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติในกระเป๋า ราวกับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ภายใน ญาณินร้องห้ามอย่าเปิด แต่ช้าไปแล้ว!
พอกระเป๋าเปิดออก ผงอาคมก็พุ่งใส่หน้าไตรรัตน์เต็มๆ จนเขาผงะล้มดิ้นทุรนทุรายเพราะตาปวดแสบปวดร้อนไปหมด สุคนธรสตกใจรีบเข้าประคองถามกำนันว่านี่มันอะไรกัน!
“ผงอาคม! ยัยเบญจามันวางยาเอาไว้น่ะสิ” กำนันบอก ณัฐเดชถามว่ามีวิธีแก้ไหม กำนันคิดๆ แล้วบอกให้เอาน้ำมนต์มาล้างตา สุคนธรสรีบไปเอาน้ำมนต์ในกระเป๋ามาล้างตาให้ ไตรรัตน์เจ็บปวดจนหมดสติไป สุคนธรสผวากอดไตรรัตน์ร้องไห้ กำนันบอกว่า “ไม่ต้องห่วง เขาแค่สลบไป พาเขาไปพัก รอเขาฟื้นแล้วดูอาการอีกที”
ณัฐเดช สุคนธรส และป้าออ ช่วยกันยกร่างไตรรัตน์เข้าไปพักข้างใน ญาณินจึงไปแหวกกระเป๋าดู เธอผงะตะลึงเมื่อเห็นในกระเป๋าว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย! กำนันบอกว่าเบญจาคงรู้และใช้คาถาย้ายของไปหมดแล้ว
“เราเสียรู้มันจนได้” ญาณินเจ็บใจมาก กำนันพงษ์เร่งว่า
“ยังไงก็ต้องรีบเอากระเป๋าไปคืน ไม่อย่างนั้น ถ้านังเบญจารู้ว่ากระเป๋าหายไป นายติณห์จะเป็นเหยื่ออาคมรายต่อไปของนังเบญจา”
ooooooo
ติณห์ไปหาเบญจาช้ากว่าเวลานัดมาก เขาจึงเอากล้องดูดาวไปด้วย อ้อนว่าอย่างอนนะตนมัวแต่ไปหากล้องดูดาวเดี๋ยวจะให้ดูพระจันทร์ที่สวยที่สุดในโลกเลย
พอเบญจาได้ดูพระจันทร์ผ่านกล้องดูดาวก็ร้องอย่างตื่นเต้นว่าสวยมาก เหมือนกับตนกำลังยืนอยู่บนนั้นเลยทีเดียว
ติณห์พยายามหลอกล่อถ่วงเวลาให้เบญจาดูดาวเพื่อไม่ให้เธอกลับห้องเร็ว แต่เบญจาอ้างว่าง่วง เขาอ้อนจนเธอยอมอยู่ต่อ แต่จู่ๆก็บอกว่าปวดฉี่แล้วลุกกลับเลยบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ติณห์ไม่รู้จะรั้งไว้อย่างไร ได้แต่กระวนกระวายใจ
“ตายละวา...นังปีศาจกำลังกลับไปที่ห้องแล้ว พวกนั้นเอากระเป๋าไปคืนไว้ที่เดิมหรือยัง โธ่ๆๆไอ้ติณห์ นั่งงงอยู่นั่นแหละ รีบตามไปขวางซีวะ ไป!!” คุณหลวงที่มาซุ่มดูอยู่กวักมือส่งสัญญาณให้ติณห์รีบตามไป
ณัฐเดชเป็นคนเอากระเป๋ามาคืนที่ห้องเบญจา เกือบออกจากห้องไม่ทัน ดีที่ติณห์วิ่งตามมาขวางทำให้เบญจาชะงักเสียเวลากู๊ดไนต์กับติณห์ ทำให้ณัฐเดชออกจากห้องไปได้ทัน
ทันทีที่เบญจาเดินเข้าห้อง เธอเดินไปเปิดกระเป๋าดู รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอสะใจที่วางกับดักอาคมได้สำเร็จ แผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ
สุคนธรสเฝ้าไตรรัตน์ทั้งคืน จนรุ่งขึ้นพอไตรรัตน์ รู้สึกตัวก็อาละวาด เห็นสุคนธรสเป็นผี แผดเสียงร้องตะโกนไล่อย่างบ้าคลั่ง กระทั่งกระโจนเข้าบีบคอสุคนธรสเพราะ เห็นว่าเธอเป็นผีจะมาฆ่าตน
กำนันพงษ์เดินทะลุผนังเข้ามา เห็นสุคนธรสกำลังดิ้นให้หลุดจากมือไตรรัตน์ กำนันตกใจบอกว่าผงอาคมออกฤทธิ์แล้ว ทำให้ไตรรัตน์เกิดภาพหลอนและควบคุมสติไม่ได้ เมื่อสุคนธรสพยายามพูดให้ไตรรัตน์รู้สึกตัว กำนันบอกว่า...
“ไม่มีประโยชน์ พูดอะไรไป เขาก็จะได้ยินเป็นเสียงหลอน ครอบงำสติเขาไปหมด ฉันจะไปตามคนมาช่วย”
กำนันเดินออกไป พวกณัฐเดช ป้าออ และติณห์เข้ามาเห็นไตรรัตน์กำลังบีบคอสุคนธรสก็เข้าไปช่วย ไตรรัตน์ก็เห็นเป็นว่ากำลังถูกผีดิบรุม สุดท้ายณัฐเดชต้องใช้วิชาการต่อสู้ประจำกายเข้าล็อกและช่วยสุคนธรสออกมาได้ แต่ไตรรัตน์ก็ยังอาละวาด จนกำนันกลับเข้ามาอีกครั้งสุคนธรสถามว่าจะทำอย่างไรดี
“ตอนนี้ฉันยังมืดแปดด้าน ทางที่ดีจับมัดเอาไว้ก่อน ไม่งั้นก็อาละวาดอีก แล้วเราค่อยมาคิดช่วยหาทางแก้กัน”
ooooooo
ส่วนที่บ้านไตรรัตน์ โบตั๋นออกมาอาละวาดเพราะพี่ไตรของตนหายไปนาน เรียกร้องให้เอาพี่ไตรของตนคืนมา อาละวาดจนคนทั้งบ้านกลัว ไม่รู้จะหนีไปไหน สุดท้ายพากันหนีเข้าไปอยู่ในห้องพระ
จนวันรุ่งขึ้นจำเป็นต้องออกมาหาอาหารให้อาม่ากินก่อนกินยา แต่พอเปิดประตูห้องพระออกมาก็เจอเณรป๋องที่เคธี่กับทิพย์พามาให้จับโบตั๋นใส่หม้อ
เจ๊หญิงไม่ยอม เสี่ยจำเริญก็เร่งเจ๊หญิงให้รีบไปดูว่าพวกนั้นทำร้ายวิญญาณลูกเราหรือเปล่า
เณรป๋องท่าทางขยาด เคธี่กับทิพย์จับยัดเขาไปในห้องที่โบตั๋นอยู่ ถูกโบตั๋นเล่นงานเสียจนกระเด็นออกมานอกห้อง เคธี่กับทิพย์ก็ผลักเข้าไปอีก ตะโกนยุเณรป๋อง อยู่หน้าห้องว่า
“สู้มันซิอาจารย์ งัดเอาวิชาอาคมออกมาสู้มัน” ทิพย์ตะโกน
“ลูกก่งลูกกรอก ควายธนู วิญญาณภูตผีที่อาจารย์โฆษณาว่าเลี้ยงไว้เยอะน่ะปล่อยของออกมาสู้มันซิ” เคธี่ยุ
“ไม่มีโว้ย” เสียงเณรป๋องตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว แล้วหันขู่โบตั๋นว่าตนมีพระสมเด็จองค์ละล้าน อย่าเข้ามาเชียว ถูกโบตั๋นด่าว่า
“แกมันดีแต่ห้อยพระ แต่ในใจไม่เคยเคารพ พระที่ไหนจะคุ้มครองคนชั่วอย่างแก” โบตั๋นด่าเณรป๋องว่าเป็นหมอผีปลอม แล้วลอยเข้าบีบคอด่า
“ห้อยพระแต่ดันยกแก้วเหล้าข้ามหัวพระทุกวัน แกตาย!!”
เณรป๋องถูกบีบคอพอดิ้นหลุดก็วิ่งอ้าวออกมา ร้องบอกทุกคนที่หน้าห้องว่า “โกยเถอะโยม!”
โบตั๋นลอยออกมาบีบคอเคธี่กับทิพย์จนทั้งสองกรี๊ดลั่นแล้ววิ่งหนีไป โบตั๋นบอกกับอาม่า อาอี๊ เจ๊หญิง และเสี่ยว่า
“อย่าเอาหมอผีมาไล่หนูเสียให้ยากเลย นี่บ้านหนู... หนูจะอยู่ที่นี่ หนูจะไม่ไปไหน หนูจะรอพี่ไตรอยู่ที่บ้าน”
สิ้นเสียงโบตั๋น ประตูห้องก็ปิดเองปัง!
เจ๊หญิง เสี่ย อาม่า อาอี๊ ต่างยืนน้ำตาคลอด้วยความสงสารโบตั๋น...
ooooooo
อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 11 วันที่ 17 ต.ค. 56
บทประพันธ์โดย:ณารา/ร่มแก้ว/ซ่อนกลิ่น/เก้าแต้ม/แพรณัฐ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3บทโทรทัศน์ : ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์, สุธิสา วงษ์อยู่, เบญจมาศ ดาลหิรัญรัตน์, ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, โรจนินทร์ และ ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2กำกับการแสดง : ตระกูล อรุณสวัสดิ์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ผลิต : ค่ายชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 แนวละคร : คอเมดี้
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันเวลาออกอากาศทุกวันศุกร์ -เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มเวลา 20.15
ติดตามชมสื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ