หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 14 วันที่ 24 ต.ค. 56

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 14 วันที่ 24 ต.ค. 56

“ไอ้คนหยาบช้า หลอกหากินบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน แกกล้ามาลามปรามปีนเกลียวกับฉันงั้นรึ!”

“ก็แกอยากมาหลอกหลอนผัวแกกับนังเมียน้อยทำไม ตายไปแล้วยังคิดว่าเขาจะรักแกลงอีเรอะ ตอนเป็นเขายังกลืนไม่ลง ตายแล้วนี่ใครเขาจะหอมซากผีของแก”

ลูกศิษย์อาจารย์คงสองคนที่นั่งอยู่หูตาเหลือกเปิด ประตูหนีออกไป ส่วนอติเทพกับอรวีนั่งมองตาค้างตกใจสุดขีด ถูกพิมพิลาสชี้หน้าด่าว่ากล้าเอาหมอผีมาจับตนหรือ ถูกอาจารย์กำข้าวสารเสก ท่องคาถาอย่างเร็วแล้วซัดใส่พิมพิลาสจนเธอร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดสาหัส อาจารย์คงไม่สะใจ เอาน้ำมนต์สาดใส่อีก คราวนี้เกิดควันฟู่เหมือนเนื้อสดถูกน้ำกรด

พิมพิลาสกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ท้าอาจารย์คงว่าแน่จริงอย่าใช้อาคม ให้มาสู้กันตัวต่อตัวด้วยบุญบารมี อาจารย์คงไม่เล่นด้วย เสกเชือกไปพันกายพิมพิลาสที่พุ่งเข้ามาจะเล่นงาน เชือกกลายเป็นงูเหลือมสีทองรัดร่างพิมพิลาสทันที


ในที่สุด วิญญาณพิมพิลาสถูกจับใส่ขวด ได้แต่ร้อง “จักร...ช่วยย่าด้วย...” แต่ถูกอาจารย์คงใช้จุกผ้ายันต์สีดำปิดฝาขวดผนึกแน่นทันที!

ooooooo

หลังจากช่วยญาณินจนปลอดภัยแล้ว สุคนธรสขอนอนเป็นเพื่อนญาณินกับกรรัมภา ป้าออขอนอนด้วยอีกคน แต่พอนอนจริงๆ ญาณินก็อดคิดเป็นห่วงติณห์ไม่ได้ สุคนธรสก็คาดเดาไม่ออกว่าสมคิดจะเอา อย่างไรต่อไป

แต่เพราะพรุ่งนี้ยังต้องเตรียมรับศึกหนัก สุคนธรสบอกให้รีบนอนเอาแรงไว้ก่อนเชื่อว่าสมคิดต้องตามมาเอาคืนพวกเราแน่ๆ และถ้าพวกเรายังเดี้ยงกันคนละนิดละหน่อยอยู่แบบนี้เราจะเสร็จมันแน่

“ป้าว่าเรามาช่วยกันสวดมนต์ให้พระพุทธคุณคุ้มครองคุณติณห์กันเถอะค่ะ” ป้าออเสนอ

ทุกคนจึงพนมมือสวดมนต์พร้อมกันติณห์จำต้องเฝ้าเบญจาอยู่ในห้องนอน เขาเป็นห่วง พวกญาณิน คิดจะโทร.ถาม พอย่องออกมาก็เจอกรกฎยืนจ้องเขม็งเลยฝืนยิ้มบอกว่าเบญจาหลับแล้วตนจะกลับห้อง แต่ถ้ามีอะไรให้ตามได้ทันที

แต่ไม่ว่าติณห์จะไปไหนก็ถูกกรกฎตามแจ จนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สบโอกาสเมื่อไม่เห็นกรกฎ ติณห์จึงชวนคุณหลวงหนี

“ฉันไปไม่ได้ ธูปล่ะจุดหรือยัง?” คุณหลวงถาม พอติณห์จุดธูปบอกกล่าว “ผมขอให้วิญญาณของแกรนด์ปาติดตามผมออกไปจากบริเวณนี้ด้วยเทอญ สาธุ” คุณหลวงก็เร่งให้รีบไปก่อนที่พวกมันจะตามมาจับ

เพราะกลัวสตาร์ตรถเสียงดังจะทำให้ใครๆตื่น ติณห์จึงให้คุณหลวงขึ้นนั่งในรถแล้วตัวเองเข็นรถออกไป คะเนว่าไกลพอแล้วจึงขึ้นรถสตาร์ตขับออกไปทันทีโล่งใจว่าหนีพ้นแล้ว

หารู้ไม่! กรกฎโผล่มามองรถติณห์ที่ขับไปจนลับตาแล้วสะบัดคอกรึ๊บๆ หักนิ้วกร๊อบๆ อย่างมันมือ!

ooooooo

ก๊องยังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์ในโลกนี้อย่างจริงจัง ไตรรัตน์บอกว่าให้ปริ๊นต์ออกมาเลย เพราะเราต้องรู้ให้ได้ว่าอาคมที่เบญจาใช้มาจากแหล่งไหนกันแน่

ไตรรัตน์บอกสุคนธรสว่า จะเอาข้อมูลเกี่ยวกับไสยศาสตร์ต่างๆ ในโลกมาให้เธอดูเพื่อเอาไปเทียบเคียงกับวิชาชั่วต่างๆที่สมคิดเอามาทำกับพวกเรา

สุคนธรสสงสารเห็นใจไตรรัตน์ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับพวกตนด้วย แต่ไตรรัตน์กลับมองว่า ติณห์เป็นเพื่อนตนและสมคิดก็เป็นศัตรูของบ้านตน พวกเธอต่างหากที่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ พวกนี้เพราะมาช่วยตน บอกสุคนธรสว่า

“ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อสู้ข้างๆกันผมไม่กลัวอะไร ทั้งนั้น”

ทั้งสองกอดกันอย่างซึ้งใจ และค่อยๆ จูบกันด้วยความรัก...

กรรณายังอยู่ที่บ้านพงอินทร์ เธอเข้าครัวทำอาหารเช้าเตรียมกินกัน แต่จู่ๆก็มีโทรศัพท์จากน้ำหนึ่งเรียกพงอินทร์ไปพบบอกว่าเจอเรื่องน่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับการตายของพิมอรที่บ่งชี้ว่าช่อเพชรคือคนที่เกี่ยวข้องอย่างมาก พงอินทร์รีบออกไปทันที กรรณามองอาหารสอง ที่บนโต๊ะที่บรรจงทำสุดฝีมือเซ็งๆ

ooooooo

ติณห์ขับรถพาคุณหลวงมาถึงบริษัทซิกซ์เซ้นส์ ญาณินกับป้าออมองตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ติณห์กับญาณินโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ

ต่างถามอาการและสภาพของกัน ญาณินบอกว่าตนดีขึ้นแล้ว ถามว่าเขามาได้ยังไง แล้วคุณแม่เขาล่ะ หันเห็นคุณหลวงถามว่าไปโดนอะไรมา!

“สถานการณ์มันเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะรับไหวแล้ว...ผมเลยตัดสินใจ ต้องออกมาก่อนแล้วค่อยไปช่วยมัม อยู่แบบนั้นทุกอย่างมันจะแย่ลง ผมเหมือนถูกมัดแขนมัดขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ที่สำคัญผมเป็นห่วงคุณมากเหลือเกิน”

“ฉันก็ห่วงคุณ ติณห์...ไอ้หมอสมคิดมันน่ากลัว มันจะฆ่าใครเมื่อไหร่ก็ได้”

“ผมโอเค...ที่รัก ยิ่งผมได้มาอยู่กับคุณแบบนี้ยิ่งโอเค ญาณิน คุณคงไม่รู้ว่า ผมคิดถึงคุณแค่ไหน ยิ่งได้รู้ว่าคุณมีอาการเหมือนเกือบจะตายไปแล้ว ผมก็แทบจะเป็นบ้าไม่เอาแล้วนะญาณิน ผมจะไม่ยอมให้เราแยกจากกันอีกแล้ว พอ กันที ผมไม่เอาอีกแล้ว”

ญาณินกอดติณห์แน่นร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ คุณหลวงกับป้าออยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลื้มปีติกับทั้งสอง

ooooooo

พงอินทร์รีบไปพบน้ำหนึ่งที่ร้านกาแฟตามนัด น้ำหนึ่งเปิดมือถือให้ดูหน้าจอ บอกว่านี่คือเบอร์ของช่อเพชรติดต่อมาเมื่อคืน

เห็นพงอินทร์ตื่นเต้น น้ำหนึ่งเล่าว่า “เธอพยายามถามเรื่องโจ้และอยากจะคุยกะโจ้ เธอบอกให้หนึ่งโทร.หาเธอทันทีที่เจอโจ้” พงอินทร์บอกให้เธอโทร.เลย น้ำหนึ่งจึงกดโทร. พอปลายสายรับ เธอบอกว่าให้คุยกันเลย แล้วยื่นมือถือให้พงอินทร์

“คุณช่อเพชร...” พงอินทร์พูดได้แค่นั้น ปลายสายก็พูดแทรกขึ้นว่า

“คุณพงอินทร์ ฉันรู้ว่าคุณตามหาตัวฉันอยู่ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามากนัก ขอให้คุณตั้งใจฟัง ฉันกำลังอยู่ในอันตรายต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งหนึ่งไม่อาจเปิดเผยตัวได้ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับนายแผนยุทธกับ

คุณพิมอรพี่สาวคุณ ที่อยากจะบอกคุณ...ภายในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ฉันจะรอพบคุณ แค่นี้ก่อนนะคะ” แล้วเสียงก็ขาดหายไปเลย

น้ำหนึ่งถามว่าเธอวางสายไปแล้วหรือ พงอินทร์พยักหน้างงๆ น้ำหนึ่งถามว่าคุยกันอย่างไรเล่าให้ตนฟังได้ไหมพงอินทร์มองน้ำหนึ่งแล้วถอนใจ...

ที่แท้ เป็นแผนของน้ำหนึ่ง เธออัดเสียงตัวเองที่ดัดให้คล้ายช่อเพชรพูดใส่เครื่อง เมื่อโทร.เข้าจึงตอบรับอัตโนมัตินั่นเอง!

พงอินทร์รีบโทร.บอกหมอวรวรรธบอกว่ามีเรื่องด่วน ตนกำลังจะไปพบช่อเพชร อีกครึ่งชั่วโมงมาเจอกัน หมอวรวรรธขอให้เขาถ่วงเวลาไว้สักนิด ตนจะรีบไปแล้วบอกเนตรสิตางศุ์ว่า

“ผมจะไปช่วยคุณโจ้พงอินทร์สืบคดีพี่สาวเขานะ มีผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเมียน้อยของพี่สาวเขา และอาจจะเกี่ยวข้องกับการตายของคุณพิมอรด้วยติดต่อมา”

แต่พอออกไปถึงรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ เจอสุพิชชามาแย่งกุญแจรถ แกล้งไม่ให้เขาไปไหนยื้อแย่งกันจนเสียหลักเซซบเหมือนกอดกัน ทำให้เนตรสิตางศุ์ไม่พอใจ หมอ เลยต้องวกกลับไปง้อตามเคย

ooooooo

พงอินทร์ไปถึงชุมชนเปลี่ยวข้างทางรถไฟ บริเวณที่เดินเข้าไปเป็นพงหญ้ากว้างรกร้าง มีซอยตัดไปมาแต่ไม่พบผู้คนเลย

เดินเข้าไปยืนดูสภาพแล้วโทร.หาหมอวรวรรธ ปรากฏว่า หมอไม่รับสาย พงอินทร์จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเอง เดินไปจนถึงบ้านร้างเก่าๆ หลังหนึ่ง บ้านเงียบสงัดเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย เขาจึงส่งเสียง

“มีใครอยู่ไหมครับ”

ความรู้สึกขณะนั้นเหมือนมีใครจ้องเขาอยู่ แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใคร ที่แท้พิมอรตามมาเตือนน้องชายให้รีบออกไปจากที่นี่ แม้พงอินทร์จะไม่รับรู้ แต่ก็สังหรณ์ใจบางอย่างจึงรีบออกจากตรงนั้นไป

ขณะกำลังออกไปนั้น พงอินทร์ถูกวัยรุ่นสองคนตรงเข้ามาจะทำร้าย เขาวิ่งหนีมันไล่ตามอย่างมุ่งร้าย พอวิ่งไปถึงทางแยกกลับมีวัยรุ่นอีกสองคนมาดัก! พงอินทร์ ถูกวัยรุ่นทั้ง 4 ไล่ไปจนมุมในตรอกตัน เขาซุกตัวหลบเงียบกริบ ระหว่างนั้นมือถือเขาดังขึ้น ดูหน้าจอเป็นสายจากน้ำหนึ่ง เขากดทิ้งทันที

พวกวัยรุ่นทั้ง 4 ใช้ไม้หน้าสามฟาดไปตามที่ต่างๆ ที่คาดว่าพงอินทร์จะซ่อนอยู่ พอเห็นพวกมันเดินห่างออกไปพงอินทร์ลุกวิ่งสุดฝีเท้าไปอีกซอยหนึ่ง พวกมันไล่ตามใช้ไม้หน้าสามฟาด มีท่อนเหล็กลอยมาฟาดใส่จนล้มกลิ้ง

พงอินทร์ถูกทำร้ายสาหัส พิมอรได้แต่ร้องไห้ที่ช่วยน้องไม่ได้

พวกวัยรุ่นรุมทำร้ายพงอินทร์จนสะบักสะบอม แล้วหัวหน้ามันก็สั่งลูกน้อง และปรามพงอินทร์ก่อนเดินออกไปว่า

“เอาแค่นี้ก่อน แต่คราวหน้า ถ้าเอ็งยังเสือกมาวุ่นวายเรื่องของคุณช่อเพชรอีกรับรองได้ว่าเอ็งไม่ได้กลับไปนอนบ้านอีกต่อไป ไปเว้ย!”

คนที่เป็นหัวหน้าเตะเสยหน้าพงอินทร์อีกทีก่อนเดินไป ทำให้พงอินทร์ถึงกับสลบอยู่ตรงนั้น

แก๊งวัยรุ่นพวกนั้น เดินไปรับค่าจ้างจากน้ำหนึ่งแล้วแยกย้ายกันไป

ooooooo

ขณะที่ติณห์กับญาณินต่างดีใจมีความสุขที่ได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนั้น วิญญาณคุณหลวงกลับกำลังจะสลาย

ติณห์เห็นคุณหลวงยืนโงนเงนร่างพร่าเลือน เขาถามคุณหลวงว่าเป็นอะไร ทำไมร่างเหมือนทีวีจะดับ

“ใช่...ดูเหมือนวิญญาณฉันใกล้จะหมดพลังแล้ว โอ๊ะ!” คุณหลวงเข่าอ่อนทรุดลง

“วิญญาณคุณหลวงกำลังจะโดนสลายพลังงาน ต้องรีบให้ยัยรสช่วย ไม่อย่างนั้นวิญญาณคุณหลวงจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด ต้องหลงอยู่ในความมืด ติดอยู่ระหว่างภพภูมิไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์” ญาณินบอก

ทุกคนช่วยกันทำพิธีบริกรรมคาถา สุคนธรสใช้ปลายธูปที่เป็นถ่านดำ ขีดเขียนชื่อคุณหลวงลงในกระดาษแล้วยื่นให้ญาณิน

“เร็ว! รีบเผาแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้วิญญาณคุณหลวง ก่อนที่วิญญาณคุณหลวงจะถูกทำลายพลังไปเสียก่อน”

ญาณินรับไปเอาไฟแช็กจุดแต่ไม่ติด วิญญาณคุณหลวงจางลงทุกที ทุกคนยิ่งตึงเครียด ญาณินจึงเสนอติณห์ว่า

“ติณห์คะ คุณเป็นหลาน คุณลองตั้งใจอธิษฐานแล้วลองจุดดูเองซีคะ”

“โอเค” ติณห์รับไม้ขีดจากกรรณาแล้วพนมมืออธิษฐาน “บุญกุศลที่ผมได้สะสมตั้งแต่อดีตตลอดจนถึงปัจจุบัน และบุญกุศลของผมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตขอส่งบุญทั้งหมดนี้ให้แก่คุณตาผมด้วยเถิด”

ติณห์จุดไม้ขีดติด เผาชื่อคุณหลวงทิ้งลงไปในขัน ปรากฏว่า วิญญาณคุณหลวงหายไปแล้ว! สุคนธรสเร่งให้ทุกคนรีบกรวดน้ำ เผื่อกุศลที่พอมีจะช่วยรวบรวมวิญญาณคุณหลวงกลับมาทัน

ขณะที่ทุกคนกรวดน้ำนั้น สุคนธรสก็พนมมือสวด–มนต์เรียกวิญญาณไปด้วย กรวดน้ำจนหมดขัน ยังไม่มีวี่แวววิญญาณคุณหลวง ทุกคนหมดหวังนั่งเศร้าเสียใจ

“เฮ้ย...เศร้าอะไรกันไอ้ติณห์ หนูณิน” คุณหลวงทักเสียงแจ่มใส ทุกคนหันมอง ภาพคุณหลวงค่อยๆชัดขึ้น... ชัดขึ้นคุณหลวงหัวเราะร่า “ฮ่าๆๆ ฉันกลับมาแล้วว่ะ...ไอคัมแบ็กว่ะ ฮ่าๆๆ”

คุณหลวงขอบใจทุกคนที่ช่วยตนได้กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะติณห์ที่แบ่งบุญให้ตนแล้วบอก “ไอเลิฟยูที่สุด จุ๊บๆ” ติณห์ตอบ “ไอเลิฟยูทู จุ๊บๆ” พูดบอกคุณหลวง แต่ปากหันไปจุ๊บญาณินแทน เลยถูกเพื่อนฮิ้วกันจนเขิน

ooooooo

เมื่อติณห์เล่าเรื่องที่สมคิดกำลังครอบงำมิรันตีและใช้เบญจามาก่อกวน ทั้งหมดจึงประชุมวางแผนแก้ปัญหา

ไตรรัตน์กับติณห์มีความเห็นตรงกันว่า สมคิดเหมือนงูพิษที่ถูกเราตีหลังหักแต่ไม่ตาย มันจึงกลับมาแก้แค้นแบบเก่งกว่าเดิมและจัดหนักกว่าเดิม

สุคนธรสและกรรัมภาเชื่อว่า เบญจาได้รับการถ่ายทอดวิชาจากสมคิดมาอย่างดีแถมเป็นคนที่มีซิกซ์เซ้นส์เหมือนพวกเรา คุณหลวงบอกว่าวิชาของมันแปลกมาก เหมือนมันเอาวิชาไสยศาสตร์ของทุกสาขามาประยุกต์ใหม่และมันยังมีวิชาเก่าๆแบบระดับบูรพาจารย์ ชนิดที่ไม่มีใครสู้มันได้ด้วย

“วิชาหลวงลุงทุกสิ่งอย่าง ฉันได้งัดออกมาประลองกะมันจนแทบจะหมดไส้หมดพุงแล้ว” สุคนธรสเอ่ย ก๊องถามว่าเอาตำรวจมาจับเลยไม่ได้หรือ

“ถ้าตำรวจเป็นคนธรรมดาๆไม่มีคาถาอาคม เชื่อแน่ว่าทำอะไรมันไม่ได้ แต่ที่สำคัญมันมีตัวคุณมิรันตีคุณแม่ของติณห์เป็นตัวประกันด้วย” ญาณินชี้

ปรึกษากันแล้ว ลงความเห็นร่วมกันว่า ต้องช่วยมิรันตีให้ออกจากเงื้อมมือพวกมันก่อนแล้วค่อยแจ้งตำรวจจากนั้นก็ปิดประตูตีแมว เอาคุณหลวงไปจัดการมันเลย แต่ต้องทำทุกอย่างอย่างเร็วที่สุด

“ใช่...ไม่งั้นมัมเสร็จแน่” ติณห์เห็นด้วย

ระหว่างนั้นคุณหลวงถามว่าทำไมมาคราวนี้ไม่เจอกุมาริกาเลย กรรัมภาเล่าว่า พักนี้กุมาริกาไม่ค่อยอยู่ให้ใช้งาน แต่เวลาตนไปปฏิบัติการมักชอบมาก่อกวนขัดขวาง และมีท่าทีแปลกไปด้วย คุณหลวงเลยร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเลย

ooooooo

อรวีอยู่ในสภาพขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สะดุ้งผวาตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าตื่นหรือฝัน โดยมีกุมาริกาติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ขณะอรวีกำลังสับสนนั่นเอง สมชายโทรศัพท์มาตามถามว่าบ่ายโมงแล้วทำไมยังไม่มาทำงาน อรวีรีบลุกแต่งตัวไปทำงาน ก่อนออกไป เธอเปิดลิ้นชักหยิบรูปใบหนึ่งออกมาดู เป็นรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผูกหางเปียยืนจูงมือผู้หญิงที่เป็นแม่ ที่น่าตกใจคือ เด็กหญิงในรูปนั้น หน้าเหมือนกุมาริการาวกับเป็นคนคนเดียวกัน

“ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้” อรวีร้องไห้พึมพำออกมาอย่างหวาดกลัว

ขณะอรวีขับรถไปทำงานนั้น กุมาริกานั่งอยู่เบาะหลังไปด้วย ระหว่างทางเธอขับรถชนหญิงบ้านนอกคนหนึ่งที่ถือนามบัตรเหมือนหาบ้านตามที่อยู่ในนามบัตรนั้น

อรวีลงไปดู เธอตกใจผงะเมื่อหญิงคนนั้นคือแม่ตัวเอง! ทั้งสองโผกอดกันร้องไห้โฮ

เมื่อพากันกลับขึ้นมาที่คอนโด แม่ลูกต่างรำพึงรำพันถึงความหลังกันอย่างเศร้าเสียใจ อรวีขอโทษที่ตนทิ้งแม่มาเป็น 10 ปีโดยไม่ได้กลับไปหาเลย พูดอย่างสำนึกผิดที่คิดแต่จะหนีความลำบากในชนบทมาหาความสบายในกรุงเทพฯ

“แต่แกก็สบายกว่าอยู่กับแม่จริงๆ ดูแกตอนนี้สิ แกสวยขึ้น มีคอนโดอยู่สุขสบาย แกมีอนาคตอย่างที่แกฝันไว้แล้ว แม่ดีใจกับแกด้วย”

“หึ...อนาคตเหรอ อนาคตที่เป็นเมียน้อยเขาน่ะสิ แถมยังต้องตกกระไดพลอยโจนร่วมมือทำความชั่วกับนายอติเทพจะโกงสมบัติคนอื่นเขาด้วย” จู่ๆอรวีก็เงียบไป แล้วถามว่า “หนูถามจริงๆ แม่ หนูเคยมีพี่น้องกับเขาไหม”

แม่จึงเล่าความจริงให้ฟังว่า เธอมีฝาแฝดแต่แฝดพี่ตายไปตั้งแต่เกิด อรวีพึมพำว่า

“มิน่า...หนู...หนูคงไม่ได้ประสาทหลอน ที่เห็นผีเด็กมาเรียกหนูว่าน้อง แล้วทำไมฝาแฝดเขาต้องมาหาหนูตอนนี้ด้วยล่ะแม่...ทำไม”

แม่ร้องไห้เมื่อเล่าว่าได้เอาร่างของแฝดพี่ที่ตายให้หลวงปู่ไปทำพิธีที่วัด ป่านนี้คงไปผุดไปเกิดแล้วกระมัง

“เกิดอะไรล่ะแม่ หนูนั่งหัวโด่อยู่นี่ไง แต่ก็ดีแล้วที่แม่คิดอย่างนั้นแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนู” กุมาริกาเอ่ยแต่ไม่มีใครได้ยิน

แม่เห็นอรวีหน้าตาซีดเซียวและมีอาการผวาบอกลูกให้เข้าวัดไปถวายเพลทำบุญทำกุศลชาติหน้าจะได้ไม่ต้องลำบาก และถ้าอยู่กรุงเทพฯ ไม่สบายใจกลับไปขายข้าวแกง กับแม่ก็ได้ อรวีรับปากว่าจะลองปรึกษาพ่อดู เพราะตอนนี้ตนทำงานอยู่กับพ่อ

“หึ...ตามใจ พ่อเอ็งเขาสบายดีซินะ อาชีพทนายก็คงทำให้เขาสุขสบายมากกว่ามาอยู่กับแม่ค้าขายข้าวแกงอย่างแม่ โดยเฉพาะทนายชนิดนั้นตายไปจะตกนรกขุมไหน แม่ไม่กล้าจะคิดด้วยซ้ำ”

“สุขสบายเพราะโกงสมบัติเขากินน่ะซีแม่รู้ไหมว่าหนูกลุ้มใจอยู่เนี่ย พ่อทำแบบนี้ หนูไม่รู้จะช่วยพ่อยังไงเฮ้อ...”

กุมาริกาบ่นกลุ้ม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครรับรู้เหมือนเคย

วิญญาณพิมพิลาสถูกขังอยู่ในขวด แต่ยังพยายามดิ้นรนต่อรองกับอาจารย์คงเพื่อจะหลุดพ้นจากการถูกกักขัง โดยยินดีที่จะจ่ายหรือแม้กระทั่งเอาคอนโดแลกก็ยอม

อาจารย์คงสนใจ ถามว่าแล้วพิมพิลาสจะเอาสิ่งเหล่านั้นมาให้ตนได้อย่างไร

“ฉันติดต่อกับหลานฉันได้ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันบอกเขาให้”

“ติดต่อกับหลานได้ ฮ่าๆๆ ฉันว่าฉันมีวิธีหาเงินได้มากกว่าที่แกบอกมานะ” อาจารย์คงหัวเราะอย่างสะใจแล้วเดินออกไป

ooooooo

อรวีเล่าเรื่องที่ตนกับอติเทพถูกวิญญาณพิม-พิลาสอาละวาดและตนก็ถูกบีบคอจนเกือบตายให้ทนายสมชายฟัง

“ไม่น่าเชื่อว่าผียัยพิมพิลาสจะเฮี้ยนขนาดนี้ หึ...

แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอก ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยัยนี่ก็ร้ายยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก ขนาดฉันทำงานรับใช้นังนี่มาเป็นสิบปีมันยังไม่เคยเห็นความดีฉันเลย ใช้งานทีก็โขกสับจิกหัวใช้ตลอดเวลา เงินเดือนก็ให้แค่หยิบมืออย่างกับขอทานมันกิน หึ...ถึงทีฉันเอาคืนมันบ้างแล้ว” สมชายพูดอย่างอาฆาตแค้น

“นี่แปลว่า ทั้งสองคนร่วมมือกับสามีคุณพิมพิลาสหมดเลยเหรอเนี่ย!” กุมาริกาตกใจอ้าปากค้าง

ขณะนั้นเอง อติเทพพรวดพราดเข้ามาบอกทนายสม– ชายว่าจุนจีสื่อสารกับผีพิมพิลาสได้ อรวีตกใจถามว่าจริงหรือ!

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 14 วันที่ 24 ต.ค. 56

บทประพันธ์โดย:ณารา/ร่มแก้ว/ซ่อนกลิ่น/เก้าแต้ม/แพรณัฐ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3
บทโทรทัศน์ : ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์, สุธิสา วงษ์อยู่, เบญจมาศ ดาลหิรัญรัตน์, ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, โรจนินทร์ และ ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2กำกับการแสดง : ตระกูล อรุณสวัสดิ์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ผลิต : ค่ายชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 แนวละคร : คอเมดี้
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันเวลาออกอากาศทุกวันศุกร์ -เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มเวลา 20.15
ติดตามชมสื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ