หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 10/2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 10/2
เช้าวันต่อมา ภายในสตูดิโอของร้านเวดดิ้ง เนตรนภัสอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย ส่วนวัชระอยู่ในชุดสูทสุดเท่ ทั้งสองคนกำลังถ่ายรูปแต่งงาน สีหน้าของวัชระเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะเสียงถอนหายใจเป็นระยะๆ ของวัชระ เริ่มทำให้เนตรนภัสอารมณ์หงุดหงิด

“ถอนหายใจทำไม แค่ถ่ายรูป ทำหน้ายังกะจะตาย” เนตรนภัสถาม
“ก็ผมไม่ชอบ ผมบอกแหนมไปแล้ว”
“ทำอะไรที่มันไม่ชอบ เพื่อแหนมสักครั้งไม่ได้หรือไง แหนมยังทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อวัชตั้งเยอะ ไปนั่งเซ็งตอนวัชกินเหล้ากับเพื่อนเงี้ยะ ไปลุยป่ากับพวกออฟโรด ซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปต่างจังหวัดจนผิวเสียอย่างเนี้ยะ แหนมยังทำได้เลย แค่ถ่ายรูปเพื่อแหนม ทำได้หรือเปล่า”


“โอเคๆ ผมทำหน้าร่าเริงก็ได้” วัชระพูดพลางฉีกยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“พอหรือยัง?”
“ยัง ต้องร่าเริงแบบนี้อีก 5 ชุด”
“5 ชุด” วัชระย้ำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่..ชุดนี้แค่ชุดแรก เราต้องถ่ายอีก 5 ชุด แล้วแหนมจะเลือกชุดที่ดีที่สุด” เนตรนภัสพยักหน้าไปทางราวเสื้อผ้าที่แขวนเสื้อผ้าในชุดบ่าวสาวที่มีอยู่อย่างมากมาย
ราวเสื้อผ้า วัชระเหลือบไปเเห็นชุดนานาชาติแขวนอยู่ วัชระหันมาถามเนตรนภัส
“ผมต้องใส่ชุด...เกาหลีด้วยเนี่ยนะ”
“ใช่แล้วก็ต้อง “โกนหนวด” ด้วย”
วัชระถึงกับผงะที่เนตรนภัสบอกว่าต้องโกนหนวดด้วย
“ไม่มีทาง!! ผมไม่มีวันจะโกนหนวด แล้วใส่ชุดเกาหลีถ่ายรูปเด็ดขาด ผมเป็นตำรวจสายสืบ ไม่ใช่บอยแบนด์ จะได้เดินหน้าหล่อใสเข้าไปจับโจร อันนี้ผม..รับไม่ได้จริงๆ”
เนตรนภัสสุดทน ลุกพรวดขึ้นมา
“ โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ทำ”
สีรุ้งซึ่งนั่งทั้งอายและเครียดอยู่ด้วย พอได้ยินลูกสาววี้ดก็เงยหน้าขึ้นมามอง สัญญาณบางอย่างบอกสีรุ้งว่าเห็นท่าจะเกิดเรื่องไม่ค่อยดีในไม่กี่นาทีข้างนี้แน่นอน
“แค่โกนหนวดมันจะอะไรนักหนา แหนมจ่ายเงินเพื่อจะถ่ายรูปนี่ไม่ใช่ถูกๆ นะ จ่ายไปตั้งเป็นแสน!! วัชแค่โกนหนวดทำไม่ได้หรือไง”
เนตรนภัสพูดเรื่องเงิน วัชระรู้สึกเหมือนถูกข่มต่อหน้าคนอื่น
“ทำไม่ได้!! ถึงมันจะเป็นเงินของแหนม แต่มันไม่ได้เป็นความต้องการของผม “ วัชระสียงเข้ม
เนตรนภัสหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“วัช”
สีรุ้งต้องรีบเข้ามาแทรกเป็นกรรมการระหว่างเนตรนภัสกับวัชระทันที
“คุณลูกขา...แม่ว่า...เราใจเย็นๆกันก่อนดีกว่านะคะ ค่อยๆ คุยกัน คุณช่างภาพคะ ขอพักแป๊บนึงก่อนนะคะ ถ้าพร้อมแล้วเราค่อยถ่ายกันต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ” สีรุ้งคุยกับทีมงานของเวดดิ้งสตูดิโอพลางยิ้มแห้งๆ
สีรุ้งหันมาทางเนตรนภัส
“แหนม...มาพักก่อนลูก”
เนตรนภัสจ้องหน้าวัชระเขม็งด้วยความโกรธ ไม่ยอมไปนั่งพักผ่อนตามที่สีรุ้งบอก จนสีรุ้งต้องออกแรงฉุดลากเอาตัวเนตรนภัสให้ออกห่างจากวัชระไปจนได้
“แหนม...ไปลูก”
ทีมงานค่อยๆ พากันสลายตัวไป หลังจากที่สีรุ้งและเนตรนภัสออกไปจากสตูดิโอ ในห้องนั้นเหลือวัชระอยู่คนเดียว วัชระค่อยๆ ทรุดตัวลงอยู่ท่ามกลางฉาก และอุปกรณ์มากมาย
วัชระหันไปมองบรรยากาศรอบตัว เห็นของประกอบฉากที่แสนจะอบอวลไปด้วยความสุขของการแต่งงาน แต่ช่างขัดแย้งกับความรู้สึกของวัชระ ณ เวลานี้เหลือเกิน

สถานการณ์ที่ด้านนอกสตูดิโอถ่ายภาพ เนตรนภัสทิ้งตัวนั่งด้วยความหงุดหงิด
“แหนมไม่เข้าใจ ทำไมวัชต้องขัดใจแหนมไปซะทุกเรื่อง แค่ถ่ายรูป แค่โกนหนวดมันจะอะไรกันนักกันหนา”
สีรุ้งพยายามจะปลอบใจ และอธิบาย
“แหนมก็อย่าไปข่มเค้านักสิลูก ผู้ชายเค้าไม่ชอบให้ผู้หญิงออกคำสั่งให้ทำโน่นทำนี่หรอกนะ”
“ที่แหนมต้องสั่ง เพราะวัชไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเค้ารู้ว่าต้องทำอะไร แหนมก็ไม่อยากสั่งหรอกค่ะ เมื่อยปาก”
“ถึงเค้าไม่รู้ เราก็ต้องมีวิธีบอกเค้าดีๆ ไม่ใช่ไปตะหวาดแว้ดๆ ต่อหน้าคนอื่น ถ้าเค้ายอมทำมันก็เหมือนเค้าไม่มีศักดิ์ศรี โดยเฉพาะเรื่องเงิน แหนมไปพูดแบบนั้น มันก็ยิ่งไปกันใหญ่”
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ ค่าถ่ายรูปตั้งเป็นแสน วัชไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”
“ ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะเอามากดเค้า” สีรุ้งเหนื่อยใจ
“โอ้ย…เป็นผู้หญิงนี่มันน่าน้อยใจจริงๆ ต้องคอยเป็นผู้ตาม ออกคำสั่งให้ทำโน่นทำนี่ก็ไม่ได้ รวยกว่าก็ไม่ได้อีก น่าเบื่อ”
เนตรนภัสโพล่งออกมาด้วยความเซ็งสุดๆ สีรุ้งมองด้วยความเป็นห่วง

วัชระยังนั่งอยู่ที่เดิมในสตูดิโอ คำพูดของเนตรนภัสยังดังก้องอยู่ในหู
“แค่โกนหนวดมันจะอะไรนักหนา แหนมจ่ายเงินเพื่อจะถ่ายรูปนี่ไม่ใช่ถูกๆ นะ จ่ายไปตั้งเป็นแสน!! วัชแค่โกนหนวดทำไม่ได้หรือไง”
วัชระส่ายหน้านิดๆ ด้วยความเครียด ประตูห้องสตูดิโอถูกเปิดออก สีรุ้งเดินนำเนตรนภัสเข้ามา
สีรุ้งพยักหน้าให้เนตรนภัส วัชระเงยหน้ามอง เนตรนภัสถอนใจนิดๆ ก่อนจะเดินไปหาวัชระ
“แหนม...ขอโทษ...ที่พูดไม่ดี”
วัชระฟังแล้วกลับไม่รู้สึกถึงความหมายของคำว่าขอโทษแม้แต่น้อย เพราะมันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของวัชระดีขึ้น
“เรื่องโกนหนวด ถ้าไม่อยากโกนก็ไม่ต้องโกน แหนมไม่อยากบังคับ”
ทั้งเนตรนภัสและวัชระต่างก็เงียบไป สีรุ้งเห็นต่างคนต่างเงียบก็พูดแทรกขึ้น
“ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ถ่ายรูปกันต่อแล้วกัน ถ่ายเสร็จจะได้รีบกลับบ้าน”
สีรุ้งเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ พร้อมกับส่งเสียงเรียกทีมงานให้มาทำงานต่อ
“ถ่ายต่อได้เลยค่ะ”
ทีมงานเริ่มทยอยเข้ามาในสตูดิโอ เนตรนภัสกับวัชระยืนอยู่ที่เดิมต่างคนต่างหันหน้าไปกันคนละทาง
เนตรนภัสไม่มองหน้าวัชระเพราะสุดจะเซ็ง วัชระไม่มองหน้าเนตรนภัสเพราะไม่สบายใจ
“ยิ้มหน่อยค้าบ” ช่างภาพตะโกนบอกเนตรนภัสและวัชระ
วัชระและเนตรนภัสนั่งอยู่บนโซฟาที่เซตไว้อย่างสวยงาม พออยู่หน้ากล้องเนตรนภัสทำอารมณ์ดีได้ง่าย
กว่าวัชระที่ยังยังเก้อๆ ทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ
“เจ้าสาวขยับข้างนิดหนึ่งครับ…ดีครับ...สวยมากครับ ยิ้มหน่อยนะครับ” ช่างภาพบอกบิ้วท์เป็นระยะ
เนตรนภัสยิ้มหวาน..อย่างมีความสุขเพื่อถ่ายรูป
วัชระหันมายิ้มแห้งๆ กับกล้อง
“ขอยิ้มสดใสๆ หน่อยครับ”
สีรุ้งนั่งอยู่มุมเดิม…ในใจก็แอบลุ้น ขอให้มันผ่านไป จะได้ไม่ต้องอับอายให้มากไปกว่านี้
ช่างภาพรัวไปหนึ่งชุด แล้วก็เงยหน้ามาสั่ง
“เจ้าบ่าว เจ้าสาว หันมามองหน้ากันหน่อยครับ”
เนตรนภัสขยับตัวหันมาทางวัชระและมองหน้าด้วยแววตาเปี่ยมสุข

วัชระค่อยๆ หันหน้ามามองเนตรนภัสที่อยู่ในชุดเจ้าสาว แล้วจู่ๆ ความทรงจำในอดีตเมื่อ 5 ปีก่อน ก็ย้อนกลับมาในห้วงความคิดของเขา

รถเนตรนภัสเสีย และจอดนิ่งอยู่กลางซอยแถวบ้าน ทำให้รถในซอยติดกันยาวเหยียด เสียงแตรของรถยนต์คนอื่นๆ บีบกันสนั่นดังลั่นซอย
ขณะนั้น วัชระเพิ่งจะเลิกงาน สวมแว่นกันแดดสีดำเดินอยู่ริมถนนเพื่อกลับบ้าน เสียงแตรที่สนั่นลั่นไปทั่วนั้น ทำให้วัชระต้องมองดูสถานการณ์ และมองหาต้นเหตุ
วัชระเห็นรถเนตรนภัสจอดนิ่งอยู่ เขามองด้วยความแปลกใจ และตัดสินใจเดินไปที่รถคันที่จอดเสียอยู่ทันที ภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับ เนตรนภัสกำลังพยายามสตาร์ทรถด้วยความหงุดหงิด แต่สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด เนตรนภัสตบพวงมาลัยรถด้วยความโกรธ
“โอ้ยเป็นอะไรเนี่ย”
วัชระเห็นแล้วตัดสินใจหันไปยกมือบอกให้รถคันอื่นใจเย็นและตัวเองก็เดินเข้าไปเคาะกระจกรถเนตรนภัสทันที
“คุณ..คุณ”
เนตรนภัสกำลังหงุดหงิด แต่ทันทีพอเห็นวัชระซึ่งหน้าตาดูดีมีน้ำใจก็ลดความอารมณ์ที่ร้อนรนลงเล็กน้อย
วัชระทำมือให้ลดกระจกลง เนตรนภัสตัดสินใจกดลดกระจกลง
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”
เนตรนภัสมองวัชระด้วยความไม่วางใจเพราะวัชระไม่ได้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของตำรวจ วัชระเห็นดังนั้นก็เลยควักบัตรประจำตัวให้ดู
“ผมเป็นตำรวจ”
เนตรนภัสเบาใจลง วัชระพูดต่อ
“ผมว่าหลบเข้าข้างทางก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเข็นไปให้ คุณบังคับพวงมาลัยชิดไปทางด้านโน้นนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เนตรนภัสพยักหน้ารับ
วัชระมองหน้าเนตรนภัสที่พูดขอบคุณด้วยความเขิน วัชระยิ้มรับ ... แอบชื่นชมในความสวยแอบหยิ่ง
นิดๆของเนตรนภัสตั้งแต่แรกเห็น วัชระเข็นรถให้เนตรนภัสชิดข้างทางอย่างมีความสุข

อีกเหตุการณ์ เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตอนกลางวัน เมื่อ 5 ปีก่อน ในช่วงที่วัชระกับเนตรนภัสเริ่มเดทกัน เนตรนภัสซื้อกระเป๋าหนังสะพายข้างอย่างดีให้ เนตรนภัสมอบให้วัชระในร้านอาหารแห่งนี้
“คุณให้ผม”
“ใช่ค่ะ เป็นการขอบคุณที่คุณช่วยเข็นรถให้แหนม”
“แค่นั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณไม่ต้องให้อะไรผมก็ได้”
วัชระจำได้ว่า เขาเลื่อนกระเป๋าใบนั้นคืนให้เนตรนภัส
“รับไว้เถอะค่ะ แหนมอยากให้”
“แต่มันมากเกินไป ที่ผมช่วยคุณมันน้อยกว่าราคากระเป๋าตั้งเยอะ”
“คุณก็ไปเที่ยวกับแหนมเป็นการชดเชยส่วนต่างของราคากระเป๋าสิคะ “
วัชระแปลกใจกับคำพูดของเนตรนภัสแต่แอบตื่นเต้นอยู่ในใจ
“แหนมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก เพื่อนก็ไม่ค่อยมี ถ้าคุณวัชเกรงใจเรื่องกระเป๋า คราวหน้าพาแหนมไปดูหนัง ไปชอปปิ้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัดได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับ..สบายมาก คุณแหนมอยากไปไหนบอกมาเลยครับ ผมยินดีเป็น เพื่อนเที่ยว” วัชระตอบพลางยิ้มกว้าง
เนตรนภัสยิ้มรับด้วยความสดใส ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยความตื่นเต้น และมีความสุข

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 10/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์