หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 10/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง
และแล้วหลังจากวันนั้นเนตรนภัสและวัชระก็เป็นเงาของกันและกัน
บนถนนริมทะเล วัชระขี่มอเตอร์ไซด์โดยมีเนตรนภัสนั่งซ้อนท้าย มือของเนตรนภัสค่อยๆโอบมากอด
รอบเอววัชระค่อยๆแนบหน้าเข้ากับไหล่กว้างด้วยความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทั้งคู่นั่งรถโต้ลมอย่างมีความสุข

บนห้างสรรพสินค้า วัชระและเนตรนภัสเดินซื้อของ เนตรนภัสจ่ายเงิน พนักงานส่งถุงมา วัชระก็รีบรับมาถือ และเดินถือถุงของพะรุงพะรังให้กับเนตรนภัสอย่างมีความสุข

วัชระและเนตรนภัสคุยโทรศัพท์คุยออดอ้อนกันทั้งเวลาเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน อย่างมีความสุข

วัชระกับเนตรนภัสไปกินข้าวกันตามร้านต่างๆ เมื่อเนตรนภัสพาวัชระไปตามร้านอาหารหรูๆ วัชระนั่งตัวลีบๆ แต่ก็ยังยิ้มมีความสุข เมื่อวัชระพาเนตรนภัสไปกินตามร้านอาหารประเภท ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว วัชระนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความถุกใจ เนตรนภัสกลับนั่งตัวลีบๆ ออกจะขยะแขยงเล็กน้อย แต่เนตรนภัสก็ยังทนได้ และฉีกยิ้มให้อย่างมีความสุข

และในวันหนึ่ง เนตรนภัสพูดกับวัชระด้วยอาการน่ารัก สดใส
“ถึงวัชจะไม่ได้ประกาศว่าจีบแหนมอย่างเป็นทางการ แต่แหนมขอประกาศว่า..เราสองคนเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ”
“ครับผม” วัชระตะเบ๊ะรับอย่างเข้มแข็ง นตรนภัสยิ้มสดใสอย่างมีความสุขมากมาย

ความสุขในช่วงหลายปีแรกก็หดหายไป ทันใดนั้นเสียงเนตรนภัสก็แผดเข้ามาตัดภาพความทรงจำแสนหวานของวัชระในทันที
“นี่ไม่ใช่การสอบถาม หรือ เจรจา แต่เป็นการ “แจ้งให้ทราบ” วัชจะต้องแต่งงานกับแหนมภายในปีนี้”
เสียงคุกคาม และเต็มไปด้วยคำบงการของเนตรนภัสต่างจากใบหน้าอันสดใสร่าเริงของเนตรนภัสในอดีตอย่างสิ้นเชิง
“วัชจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และงานแต่งงานของเราจะต้องเริ่ดที่สุด”
“งานกลางคืนก็จัดในโรงแรมบรรยากาศเทพนิยาย วัชเป็นเจ้าชาย แหนมเป็นเจ้าหญิง น่ารักจะตาย ทำไมวัชไม่ชอบ”
“มันแพง”
“ก็แหนมมีเงินจ่าย เท่าไหร่แหนมก็จ่ายได้ วัชจะเดือดร้อนทำไม”
“แหนมต้องยอมเสีย “ความโสด” และ “ความสุข” วัชเสียสละแค่ย้ายงานทำให้แหนมไม่ได้หรือไง”
“แหนมไม่เข้าใจ ทำไมวัชต้องหายไป มีอะไรก็พูดกันตรงๆ”
“ผมไม่ชอบให้แหนมบังคับ.. ยิ่งคุณวุ่นวายกับชีวิตผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้คุณ”
“แค่นี้ใช่มั้ย แหนมฟังตามที่คุณต้องการ เป็นอันเคลียร์จบ”

“ทำอะไรที่มันไม่ชอบ เพื่อแหนมสักครั้งไม่ได้หรือไง แหนมยังทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อวัชตั้งเยอะ”
และประโยคเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“แค่โกนหนวดมันจะอะไรนักหนา แหนมจ่ายเงินเพื่อจะถ่ายรูปนี่ไม่ใช่ถูกๆนะ จ่ายไปตั้งเป็นแสน !! วัชแค่โกนหนวดทำไม่ได้หรือไง”

เสียงของช่างภาพดังแทรกเข้ามาในภวังค์ของวัชระ
“เจ้าบ่าวครับ”
วัชระหลุดจากภวังค์ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวและหันมาทางช่างภาพ
“คุณเจ้าบ่าวมองหน้าเจ้าสาวแล้วยิ้มนะครับ..ผมขอมองแบบหวานๆ มองด้วยความรัก..มีเท่าไหร่แสดงออกมาให้หมดเลยนะครับ”
“ครับ” วัชระพยักหน้ารับ หันหน้ามาทางเนตรนภัส
“โอเคนะครับ... พร้อมนะครับ” เสียงช่างภาพดังขึ้นก่อนลั่นชัตเตอร์
วัชระมองเนตรนภัสที่อยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับเนตรนภัสที่มองวัชระพร้อมกับมีรอยยิ้มประดิษฐ์ฉายอยู่บนใบหน้างามของเธอ
“เจ้าสาวดีแล้วนะครับ..สวยครับ..เจ้าบ่าวขอยิ้มหน่อยครับ..แสดงความรักออกมาทางสายตาหน่อยครับ”

วัชระมองเนตรนภัสและพยายามจะแสดงความรักออกมา ตามที่ช่างภาพต้องการ ทว่าวัชระกลับโพล่งออกมาอย่างสุดจะทน
“ผมทำไม่ได้ ผมขอโทษ”
วัชระลุกออกจากฉาก แล้วก็เดินออกจากสตูดิโอท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน
เนตรนภัสตะลึงและตกใจอย่างคาดไม่ถึง สีรุ้งหันไปทางเนตรนภัส
“แหนม”
เนตรนภัสระเบิดเสียงกรี๊ดออกมาอย่างดังลั่นเวดดิ้งสตูดิโอแห่งนั้น

เย็นวันนั้น อรุณศรีและสุพรรณิการ์อยู่ในชุดออกกำลังกาย ยืนคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องเล่นโยคะ
“แกจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย” สุพรรณิการ์พูดด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้ปรานต์มันทำกับแกขนาดนี้ แกยังไม่เลิกกับมันอีกเหรอ ? อยู่ๆ โทร.มายืมเงิน แกไม่ให้ยืม ผิดอีก .. ไอ้ปรานต์มันชั่ว ส่วนแก...ก็... ดีเกิ๊น” สุพรรณิการ์พูดต่อ
อรุณศรีไม่เถียงสักคำ ยอมรับด้วยความเหนื่อยใจ
“แล้วนี่มันติดต่อมาหรือยัง “
“ตั้งแต่โทร.มาเมื่อคืนวันเสาร์ พอฉันไม่ได้โอนเงินไปให้ ก็หายไปเลย”
“หายไปสามวัน สองคืน ก็ดี...ถ้ามันไม่ติดต่อมา แกไม่ต้องติดต่อหามันนะ เนียนๆ เลิกกันไปเลย”
สุพรรณิการ์มองหน้าอรุณศรีแล้วนึกถึงกริชชัย
“แกเนี่ยนะ จมปลักอยู่กับไอ้ปรานต์อยู่ได้ คนดีๆ อย่างคุณกริชมาเสนอตัวขนาดนี้ ทำไมไม่สน”
อรุณศรีส่ายหน้าไม่เห็นด้วย สุพรรณิการ์ยังพูดต่อไป
“แล้วนี่ไปทริปด้วยกันมาเป็นไงบ้าง มีอะไรคืบหน้าบ้าง”
สุพรรณิการ์ถามด้วยแววตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้ อรุณศรีชะงักนิดๆ แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วตอบออกไป
“ไม่มี...ฉันบอกแล้วไงว่าระหว่างฉันกับเค้า...มันไม่มีอะไรจริงๆ”
สุพรรณิการ์มองหน้าอรุณศรีเสียงจริงจัง
“แกคิดว่ามันไม่มีหรือ ไม่อยากยอมรับว่ามันมี”
อรุณศรีอึ้ง แต่สุพรรณิการ์ก็ยังคงพูดต่อไป
“ฉันรู้ว่าแกเป็นคนรักเดียวใจเดียว แกไม่อยากทำผิดกับไอ้ปรานต์ แต่การยอมรับความจริงมันไม่ใช่ความผิด และความจริงก็คือ คุณกริชเค้าสนใจแก”
สุพรรณิการ์ย้ำอย่างหนักแน่น อรุณศรีนิ่ง เถียงไม่ออก
อาจารย์ไมเคิล สอนโยคะเดินออกมา
“ห้องพร้อมแล้ว เชิญทุกคนเข้ามาได้”

หน้าห้องโยคะ ไมเคิลกำลังสอนให้ทำท่าต่างๆ อรุณศรี และสุพรรณิการ์ทำตามที่เทรนเนอร์บอก
ขณะที่อรุณศรีทำตามท่าที่ไมเคิลสอนนั้น แต่สมองอีกซีกก็นึกถึงสิ่งที่สุพรรณิการ์เพิ่งจะพูดเมื่อสักครู่
“แกคิดว่ามันไม่มีหรือ ไม่อยากยอมรับว่ามัน มี ฉันรู้ว่าแกเป็นคนรักเดียวใจเดียว แกไม่อยากทำผิดกับไอ้ปรานต์ แต่การยอมรับความจริงมันไม่ใช่ความผิด และความจริงก็คือ คุณกริชเค้าสนใจแก”

ภาพของกริชชัยลอยเข้ามาในความคิดของอรุณศรี
กริชชัยพยายามเข้ามาอยู่ใกล้ๆ วนเวียนไปมา ตั้งแต่แอบมอง ... ตามไปกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ... เดิน
ตามตอนสำรวจโรงแรม ... แอบมองตอนทำงาน .. ออกตัวเรื่องเนตรนภัสด้วยอาการเขินๆ ... ตอนซื้อบะหมี่
มาให้ .. ตอนขับรถมาทำงานด้วยกัน .. ตอนถามเรื่องเงิน .. ตอนมองด้วยความเป็นห่วง และสุดท้ายตอนที่
ร้องเพลงอยู่บนเวที และมองมาด้วยสายตาที่แสนอ่อนโยน

อรุณศรีเกี่ยวตัวไว้กับผ้า และปล่อยให้ตัวแกว่งไปมาเหมือนอยู่บนชิงช้า อรุณศรีจะสัมผัสได้ถึงอิสระแห่งการเคลื่อนไหว
ทุกคนในห้องแกว่งไปมาอยู่ในท่าเดียวกัน คนในคลาสทั้งหัวเราะ และส่งเสียงออกมาอย่างสนุกสนาน
อรุณศรีหัวเราะออกมาในขณะที่ร่างกายกำลังเหวี่ยงโยนไปมากลางอากาศ เหมือนได้ปลดปล่อย ปลดล็อกความคิดบางอย่าง
อรุณศรีนึกถึงตอนที่กริชชัยมองมาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีๆ ในท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย อ่อนโยน แสนจะน่ารัก

สุภาษิตยิวกล่าวไว้ว่า
“Three things can’t be hidden : coughing, poverty and LOVE”
“3สิ่งที่ไม่สามารถถูกปิดบังไว้ได้ คือ การไอ ความยากจน และ.... ความรัก”

ที่ห้องพักในโรงแรม ปรานต์เปลือยอกโดยมีผ้าเช็ดตัวพันกายอยู่หลวมๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง นอนหอบด้วยความเหนื่อยที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมทางเพศ โดยมีเกียวนอนแนบข้างด้วยใบหน้าพริ้มเปี่ยมสุข
“ถามหน่อยสิ บริการลูกค้าแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า”
“ไม่ครับ พี่..เป็นคนแรก” ปรานต์ยิ้มตอบ
“ปากหวาน เชื่อนะเนี่ย” เกียวยิ้มกว้าง
“เชื่อเถอะครับ เพราะมันเป็นความจริง”
เกียวยิ้มมีความสุข ปรานต์ยิ้มรับ
เกียวหันไปดูนาฬิกา
“อุ้ยตายแล้ว..นี่สองทุ่มแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ นี่รู้หรือเปล่า เราอยู่ในห้องมาสองวันแล้วนะ และถ้าจะให้ดี..” เกียวยิ้มพราว “คืนนี้น่าจะอยู่ต่ออีกสักคืน ขับรถกลับดึกๆมันอันตราย กลับพรุ่งนี้เช้าดีกว่า..ปลอดภัยกว่ากันเยอะ”
“ถ้ามันเป็นความต้องการของพี่ ผมก็..โอเค” ปรานต์ตอบพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่...ต้องการอยู่แล้วจ้ะ”
เกียวยิ้มกว้างเมื่อเจอคารมของปรานต์ก็มั่นใจตามประสาคนรุ่นใหญ่ ฝ่ายปรานต์ก็มั่นใจว่า เจอถังข้าวสารขนาดใหญ่ จึงพร้อมกระโจนลงอย่างเต็มที่

ห้องพักในคอนโดฯของกริชชัยตกแต่งจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อย เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย
“แกว่าอะไรนะไอ้วัช...ฉันขอช้าๆ ชัดๆ อีกสักที” กริชชัยทำหน้าตาตกใจ
ทั้งกริชชัยและธีธัชชะงักด้วยกันทั้งคู่ ขณะที่กริชชัยกำลังแกะพลาสติกออกจากทีวี และธีธัชกำลังยกโต๊ะเล็กมาตั้งกลางห้อง
“อีกทีดิ ฉันได้ยินไม่ถนัด แกบอกว่าแกตัดสินใจว่ายังไงนะ”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานระหว่างฉันกับแหนม” วัชระพูดหน้าเหนื่อยๆ
“เฮ้ย” ทั้งกริชชัยและธีธัชร้องอย่างตกใจขึ้นพร้อมกัน
“ฉันรู้ใจตัวเองแล้ว...ฉันทำใจแต่งงานกับแหนมไม่ได้จริงๆ”
วัชระพูดด้วยความเศร้า เพราะเป็นการตัดสินใจที่ตัวเองก็ไม่ได้มีความสุข กริชชัยพิงตัวบริเวณข้างกำแพงมองวัชระด้วยความเห็นใจ ธีธัชเองก็พูดไม่ออก ถึงจะเชียร์ให้วัชระเลิกกับเนตรนภัส แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ใจหาย

วัชระยืนเครียดอยู่กลางห้อง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ชายหนุ่มก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว!!
จบตอน 10
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 10/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์