หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 11

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 11
เช้าวันต่อมา วัชระนั่งกินอาหารเช้าพร้อมเปิดใจคุยกับแววอย่างเปิดอก บนโต๊ะอาหารภายในบ้าน แต่เอาเข้าจริงๆ วัชระกลับเอาแต่เขี่ยข้าวต้มในชามไปมา สีหน้าของแววเต็มไปด้วยความหนักใจ หลังรู้เรื่องว่าลูกชายตัดสินใจจะยกเลิกงานแต่ง!

“คิดดีแล้วเหรอ”
“จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิด”
“อ้าว” แววเลิกคิ้ว
“แต่มันเป็นความรู้สึก ก่อนหน้านี้ผมตอบไม่ได้ว่าทำไมผมรู้สึกไม่มีความสุข แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว.. ผมกับแหนม..เราสองคนไม่ได้รักกัน”
แววฟังแล้วอดหนื่อยใจแทนวัชระไม่ได้

“แม่เชื่อมั้ย ตั้งแต่แหนมเร่งรัดผมเรื่องแต่งงาน เค้าพูดถึงแต่ “พิธีแต่งงาน” เค้าไม่เคยพูดเรื่อง “ความรัก” กับผมสักคำ ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าแหนมไม่ได้อยากแต่งงานกับผมเพราะความรัก”
“บางคู่แต่งเพราะรักกันยังไม่รอด แล้วนี่ไม่ได้แต่งเพราะรักกัน แล้วมันจะอยู่กันรอดมั้ยเนี่ย” แววว่า
“ผมว่าไม่รอด” วัชระพูดตรงๆ แววถึงกับผงะ
“ผมถึงตัดสินใจยกเลิกงานแต่งงาน ผมอยากจะถอยออกมา ให้เราสองคนมีช่องว่างเรียนรู้กันใหม่ และถ้าผมแน่ใจว่า เราสองคนรักกันเมื่อไหร่ ผมจะแต่งงานทันที”
แววถอนใจเฮือกใหญ่
“เราอยากถอย... แล้วคิดว่าหนูแหนมเค้าจะถอยกับเราหรือเปล่า”

ที่บริเวณบ้านของเนตรนภัสในบ่ายวันเดียวกัน เนตรนภัสสวนสีรุ้งด้วยความไม่เข้าใจ
“ถอยไปไหนคะคุณแม่ ที่ผ่านมาแหนมก็ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไง คุณแม่จะให้ถอยไปถึงไหน”
สีรุ้งและนรีวรรณนั่งตัวลีบ มองตากับปริบๆ สีรุ้งพยายามชี้แจงกับเนตรนภัส
“ก็ถอยมาตั้งหลัก พักให้ผู้ชายเค้าได้คิดบ้าง”
“ใช่ พี่แหนมวิ่งไล่จับพี่วัชมาแต่งงาน เหมือนกับลากหมูมาขึ้นเขียง” นรีวรรณว่า
“นุ้ยเงียบไปเลย พี่ไม่ได้ถาม” เนตรนภัสดุ
“ที่พูดเพราะเป็นห่วง นุ้ยเห็นมาหลายคู่แล้ว ตอนเป็นแฟนก็รักกันดี แต่พอจะแต่งงาน เลิกกันทุกที”
“นี่แกแช่งให้ฉันเลิกกับวัชเหรอ” เนตรนภัสถามนรีวรรณ
“ไม่ได้แช่ง แต่ถ้าพี่แหนมยังเป็นแบบนี้ ไม่รอดแน่”
“นังนุ้ย” นรีวรรณตวาดเสียงดัง
“พอ..พอ..พอ..พอได้แล้ว.. ปัญหาที่มียังไม่มากพอหรือไง ทะเลาะกันอีกทำไมให้ปวดหัว นุ้ยก็พูดกับพี่เค้าดีๆหน่อย แหนมเองฟังน้องบ้างก็ดีนะ” สีรุ้งว่า
“ฟังอะไรคะ คุณแม่ไม่ได้ยินเหรอ ยัยนุ้ยแช่งแหนม” เนตรนภัสโวย
“แต่แม่ว่าน้องพูดถูก”
นรีวรรณรีบพยักหน้ารับ เนตรนภัสโพล่งออกมา
“คุณแม่”
“ลูกของแม่ไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่จับผู้ชายมาแต่งงาน มันเสียศักดิ์ศรี จากอาการของวัชที่แม่เห็นตอนถ่ายรูป มันแย่มาก เค้าไม่ให้เกียรติเรา แหนมจะแต่งงานกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเราทำไมลูก”
นรีวรรณพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของสีรุ้งเต็มที่ แต่เนตรนภัสไม่ยอมรับความจริง
“ไม่จริง แหนมเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เค้าดูดีขึ้น เค้าจะไม่เห็นคุณค่าแหนมได้ยังไง”
เนตรนภัสพูดพลางฉุกคิด
“หรือว่าที่วัชเป็นแบบนี้ เพราะว่า ... มีคนอื่น”
เนตรนภัสตั้งข้อสงสัยและเริ่มคิดซุ้งซ่านไปตามประสาคนไม่มีเหตุผล นรีวรรณกับสีรุ้งมองหน้ากัน อย่างปลงกับนิสัยเนตรนภัส

ภายในห้องพักของสุพรรณิการ์ตอนกลางวัน อรุณศรีพาโอบบุญมาเสนอฝากขายน้ำสลัด ขวดน้ำสลัดถูกวางอยู่บนโต๊ะอาหาร สุพรรณิการ์ตักสลัดกินแล้วเคี้ยวอย่างพิจารณา
อรุณศรีนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ สุพรรณิการ์ โอบบุญยืนรอฟังผล สุพรรณิการ์กินแล้วตอบเสียงเครียด
“พี่โอบ… น้ำสลัดมัน ...”
โอบบุญหน้าเริ่มเครียด เพราะคิดว่าคงจะไม่ถูกปากสุพรรณิการ์
“อร่อยมากกก” สุพรณิการ์บอก
โอบบุญและอรุณศรียิ้มโล่งอก สุพรรณิการ์พูดต่อ
“ฝ้ายรับมาลงไว้ที่ร้านนะคะ พรุ่งนี้พี่โอบเอามาส่งให้ที่ร้านสัก 20 ขวดก่อนแล้วกัน ฝ้ายจะบอกให้คุณกรผู้จัดการร้านเตรียมค่าของไว้ให้”

วันรุ่งขึ้น โอบบุญลงจากรถ พร้อมกับถือถุงซึ่งภายในบรรจุขวดน้ำสลัดที่สุพรรณิการ์สั่งมาขายที่ร้าน โอบบุญมองเข้าไปในร้านสาดสุราในขณะที่ร้านยังไม่เปิดบริการแก่นักเที่ยว ในร้านมีเพียงกรกนกคนเดียวเท่านั้นที่กำลังจัดร้านให้เข้าที่เข้าทางเพื่อเตรียมบริการในตอนค่ำ
กรกนกพูดกับโอบบุญด้วยใบหน้า และน้ำเสียงที่เป็นมิตร สดใส เซ็กซี่ตามสไตล์
“ฉันนี่แหละค่ะ ... ชื่อ กร”
โอบบุญมองกรกนกอย่างตะลึงในความน่ารัก
“ผมนึกว่าคุณกร...จะเป็นผู้ชายซะอีก แบบว่า.. ธนากร หรือ นิติกร ทำนองนั้น” โอบบุญยิ้มกว้าง
“เมื่อก่อนก็ใช่ค่ะ... แต่ตอนนี้ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว” กรกนกพูดหน้าตายแกล้งทำเสียงห้าวใส่โอบบุญ
โอบบุญหุบยิ้มทันที
“ผ่าตัดแปลงเพศ จริงดิ “ โอบบุญย้ำเพื่อความแน่ใจ และมองกรกนกอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะเชื่อในสิ่งที่กรกนกอำเล่น
“ล้อเล่นค่ะ”
โอบบุญขำ กรกนกยิ้ม
“เชื่อนะเนี่ย”
“ทำไมคะ ฉันเหมือนกระเทยมากเหรอคะ”
“ผมว่าก็ใกล้เคียง เสียงใหญ่ๆ สวยเว่อร์ๆ แบบนี้ ใช่เลย”
โอบบุญแอบหยอด กรกนกยิ้มเขินแล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียน
“คุณฝ้ายบอกกรว่า คุณโอบจะเอาน้ำสลัดมาให้ “
“อ้อ ใช่ครับ นี่ครับ 20 ขวด วันหมดอายุแปะอยู่ใต้ขวดนะครับ” โอบบุญว่าพลางยื่นถุงใส่ขวดน้ำสลัดให้
“เดี๋ยวกรเอาไปแช่ก่อนนะคะ รอแป๊บ เดี๋ยวเอาค่าของมาให้”
“ครับ”
กรกนกถือถุงสลัดเข้าไปหลังร้าน โอบบุญมองตามเพราะรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก..
โอบบุญเบนสายตาจากมุมต่างๆของร้านเหล้า มาห็นกระเป๋าสะพายของกรกนกที่วางอยู่โดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นสายตาก็สะดุดเข้ากับโทรศัพท์มือถือของกรกนกที่เปิดหน้าเฟซบุคทิ้งไว้
โอบบุญเห็นหน้าเฟชบุคของกรกนก เขาเอียงหน้าอ่านชื่อบนเฟซบุคแล้วก็ยิ้มๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดเข้าเฟซบุคของตัวเอง

กรกนกเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับซองเงิน โอบบุญยืนรออยู่ ด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเป็นมิตร และจริงใจ
“นี่ค่ะ ค่าน้ำสลัด” กรกนกส่งซองเงินให้
“ขอบคุณครับ” โอบบุญรับซองเงินมาพร้อมรอยยิ้ม
กรกนกยิ้มรับนิดๆ และกำลังจะหันไปทำงานต่อ โอบบุญเรียกขึ้น
“เอ่อ..คุณกรครับ”
“มีคนอยากเป็นเพื่อนกับคุณ... ช่วยกดรับไว้หน่อยนะครับ” โอบบุญพูดพลางยิ้มอายๆ
กรกนกแปลกใจนิดๆ งงๆ
“ผม..ไปก่อนนะครับ แล้ว..เจอกันใหม่” โอบบุญรีบขอตัวกลับก่อน
โอบบุญเดินออกไปจากร้านด้วยอาการเขินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กรกนกมองตาม ก่อนจะหันกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู หน้าเฟชบุคขึ้นว่ามีคนขอเป็นเพื่อนเข้ามาอีกหนึ่งคน แล้วก็ยิ้ม
กรกนกกดเข้าไปดู คำร้องขอเป็นเพื่อน เห็นรูปโอบบุญอยู่ในชุดเชฟกวนๆ เท่ๆ ใช้ชื่อ OB(iwan) กรกนกยิ้มนิดๆและคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะกดรับ “ยืนยัน” รับเป็นเพื่อน พร้อมรอยยิ้ม

โอบบุญเดินมาถึงรถ เสียงเตือนถึงเคลื่อนไหวในเฟซบุคดังขึ้น โอบบุญรีบหยิบมาดู หน้าจอขึ้นว่า “OB(iwan) เป็นเพื่อนกับ Gonkanok Naviriya”
โอบบุญยิ้มกว้าง...ด้วยความดีใจ โอบบุญมองเข้าไปในร้าน แววตาเป็นประกาย หัวใจชุ่มฉ่ำ กดพิมพ์
ข้อความยุกยิกๆ แล้วกดแปะที่หน้าวอลล์
เสียงเตือนดังจากมือถือกรกนก กรกนกหยิบมาดู เป็นคอมเม้นท์ของโอบบุญขึ้นว่า
“เจอครั้งแรกดีใจเจอครั้งต่อไปดีใจมากกว่า ยินดีที่รู้จักครับ”
กรกนกอ่านแล้วก็ยิ้มไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะกรกนกมีคนมาจีบบ่อย แต่คนนี้กรกนกรับรู้ได้ถึงความแปลก

ปรานต์วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ ปรานต์หน้าตาหงุดหงิดบอกบุญไม่รับ
“แอ๊วนะแอ๊ว..แฟนหายไปสองวัน ไม่โทร.ตามสักนิด ข้อความก็ไม่ส่ง เงินก็ไม่ให้ มันยังไงกันแน่” ระหว่างที่ปรานต์เริ่มคิดหวาดระแวง เสี่ยนิวก็เดินเข้ามาในห้องทำงานปรานต์
“ปรานต์ ผมเห็นออร์เดอร์คิวรถตู้เจ๊เกียวที่ระยองแล้วนะ คุณทำดีมาก”
ปรานต์ยิ้มรับอย่างภูมิใจ
“นี่ผมยังไม่ได้แสดงฝีมือเท่าไหร่เลยนะ แค่คุยกันแป๊บเดียว พี่เค้าก็สั่งของมาแล้ว พูดก็พูดนะ ถ้ามีเวลา ผมทำยอดได้มากกว่านี้เท่าตัวเลย” ปรานต์โม้หน้าตาเฉย
เสี่ยนิวแอบหมั่นไส้เล็กน้อย
“ก็ดี .. แต่ยอดนี้ไม่รวมกับเงินที่คุณยังไม่ได้ให้ผมนะ ไงคุณก็รีบหามาให้หน่อยแล้วกัน”
ปรานต์หุบยิ้มทันที
“ผมขอวันศุกร์นี้นะ พอดีมีเรื่องต้องใช้เงิน” เสี่ยนิวพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
ปรานต์หน้าเครียดและเริ่มคิดและนึกถึงอรุณศรีในทันที
“วันศุกร์... อีก 2 วัน จะไปเอามาจากไหนวะ ตั้ง 4 แสน”

อรุณศรีนั่งประชุมอยู่ในห้องประชุมเล็กของบริษัท M Group กริชชัยสรุปการทำงานอย่างอารมณ์ดี
“ทริปวังน้ำเขียว ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ลูกค้าพอใจกับการเดินทางมาก ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกัน เป็นอย่างดี”
เบญลี่ยิ้มรับกว้าง พนักงานยิ้มรับด้วยความภูมิใจ อรุณศรียิ้มรับนิดๆ กริชชัยเริ่มพูดต่อ
“งานใหญ่ต่อไปของบริษัทเราคืองาน แบงคอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัล รถที่ใช้โชว์ในงานจะมาส่งเย็นนี้ ผมอยากจะให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์” กริชชัยหันหน้ามาทางอรุณศรี อรุณศรีตั้งใจฟัง

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 11
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์