อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 11/2
ที่ห้องของกริชชัยภายในบ้านลำเภา กริชชัยกำลังใช้ผ้าคลุมภาพวาดของอรุณศรีเพื่อเตรียมขนย้ายไปอยู่ที่คอนโด ลำเภายื่นหน้าเข้ามาในห้องนอนแล้วถามขึ้น
“พี่กริชไปขอเป็นเพื่อนเนี่ยนะ เป็นเพื่อนทำไม ทำไมไม่ขอเป็นแฟน”
“กลัวเค้าปฎิเสธ”
“พี่กริช ป๊อดอ่ะ…ไม่ใจเลย”
“เราเองก็ควรจะทำตัวป๊อดเหมือนพี่บ้าง ไม่ใช่จะกล้า ก๋ากั่นไปซะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนายธี”
“หมาใหญ่ของเภาน่ะเหรอ” ลำเภาลอยหน้าไม่สนใจคำพูดกริชชัย
“ยังไม่เลิกเรียกว่ามันเป็นหมาอีก ไม่น่ารักเลย รู้หรือเปล่า”
“แล้วทีเค้าดูถูกว่าเภาต้องเป็นแฟนกับหมา มันน่ารักยังไง”
“หม่ามี๊พูดถูกมั้ย” ลำเภาหันไปถามเป็นต่อ กับพอใจที่มาช่วยกริชชัยเก็บของ
สุนัขแสนรู้ทั้งสองแสดงอาการว่าเห็นด้วย ลำเภาหันไปยิ้ม
“เห็นมั้ย เป็นต่อ พอใจ ยังเห็นด้วยเลย พี่กริชก็ต้องเห็นด้วยกับเภา”
“อ้าว..พี่ไม่ใช่หมาของเภานะ”
“ถึงไม่ใช่ก็ต้องเห็นด้วย เพราะคนที่ผิดไม่ใช่เภา แต่เป็นผู้ชายเจ้าชู้ ปากพล่อย อย่างนายธี อยากมาทำปากดีกับเภา มันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ว่าแล้วก็โทร.หาหน่อยดีกว่า”
กริชชัยผงะ หันขวับมา
“จริงดิ”
ธีธัชกำลังยกน้ำหนักอยู่ในชุดเสื้อกล้ามเซ็กซี่ในฟิตเนส มีสาวแท้ สาวเทียม เก้ง กวาง บ่าง ชะนี มองกันตาเป็นมัน
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือธีธัชก็ดังขึ้น ธีธัชหยิบมาดู ขึ้นชื่อ “ยัยหนูตะเภา”
“ยัยหนูตะเภา จะโทร.มากวนประสาทอะไรอีกเนี่ย” ธีธัชบ่นอุบ
ระหว่างที่ธีธัชคิดจะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ดี สุดท้ายธีธัชก็ตัดสินใจรับ
“ว่าไง ยัยหนูตะเภา”
ลำเภาคุยโทรศัพท์กับธีธัชหน้าตาเฉย
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องไปทำงาน”
“ฉันไม่ใช่กรมแรงงาน โทร.มาแจ้งทำไมไม่ทราบ” ธีธัชตอบอย่างกวนๆ ใส่ลำเภา
ลำเภาสวนกลับไปเหมือนเดิม
“เป็นแฟนกัน วันหยุดก็ต้องเจอกัน ทำเป็นลืมไปได้ พรุ่งนี้ว่างพาไปกินข้าวด้วย เดี๋ยวส่งชื่อร้านกับแผนที่ไปให้ สี่โมงเย็นเจอกันที่ร้าน แค่นี้นะ มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
ลำเภาพูดจบก็วางสายไปเลย ธีธัชถึงกับอ้าปากค้าง
“เฮ้ย อะไรวะ พูดเอง เออเอง สรุปเอง แล้วก็วางไปเลย ยัยหนูตะเภานี่เล่นไม่เลิกนะ..(คิด) แต่ก็ดี..พรุ่งนี้เจอกัน จะได้คุยให้เด็ดขาดไปเลย ขืนปล่อยไว้ หญิงหายหมด”
อรุณศรีและสุพรรณิการ์นัดปรานต์มายังสวนอาหารแห่งหนึ่งในตอนกลางวัน ทั้งสามคนนั่งอยู่ในมุมที่เป็นส่วนตัว เมื่อปรานต์มาถึงก็เริ่มบ่นในทันที
“ทำไมต้องนัดมาร้านอาหารด้วย คุยที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้ไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ ถ้ามีคนอยากได้เงินจนหน้ามืดทำร้ายฉัน มันจะไม่มีคนช่วย ตอนไม่ร้อนเงินยังไม่น่าไว้ใจ จนตรอกแบบนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้” สุพรรณฺการ์เชิดหน้าอย่างเหยียดใส่ปรานต์
ปรานต์มองสุพรรณิการ์ด้วยความแค้น อรุณศรีทำหน้าลำบากใจ สุพรรณิการ์พูดต่อทันที
“แล้วนี่จะเอาเงินไปทำอะไร ตั้งเยอะแยะ เล่นบอลหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่ได้เล่น! ฉันเอาเงินไปลงทุน นี่...จะให้ยืมเงินก็ไม่ต้องมาถามโน่นถามนี่ เรื่องมากจริงๆ” ปรานต์ทำเสียงเขียวใส่
“เงินตั้งหลายแสน ไม่ใช่พันสองพัน ถ้าไม่ให้ถามก็กลับไปเลย ไม่ให้ยืม”
ปรานต์กัดฟันกรอด..พยายามจะระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด อรุณศรีเกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่จึงเตือนเพื่อน
“ฝ้าย...พอเถอะ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”
สุพรรณิการ์มองหน้าปรานต์ด้วยความหมั่นไส้ แต่หันมาเห็นหน้าอรุณศรีแล้วก็ใจอ่อน ยื่นเอกสารส่งให้ปรานต์
“นี่สัญญาเงินกู้ เซ็นซะ แล้วก็เอาเงินไป” สุพรรณิการ์ควักซองเงินขึ้นมาชูล่อตา ราวกับจะเยาะเย้ย
ปรานต์มองซองเงินด้วยแววตาเป็นประกาย ปรานต์รีบก้มหน้าอ่านสัญญา
“ยัยทอมเขี้ยว นี่เธอคิดดอกเบี้ยฉันด้วยเหรอ”
สุพรรณิการ์อ้าปากยังไม่ทันจะพูด อรุณศรีพูดสวนแทนเพื่อน
“ปรานต์เรียกฝ้ายให้ดีๆหน่อย อย่าหยาบคายให้มันมากนัก ฝ้ายเป็นเพื่อนแอ๊ว เค้าอุตส่าห์เห็นใจให้ยืมเงินนะ”
“ห้ยืม แต่ก็คิดดอก จะต้องเรียกดีๆทำไม ถ้าให้มาฟรีๆไม่ต้องคืนเมื่อไหร่ จะเรียก คุณฝ้ายให้ดู”
สุพรรณิการ์มองเหยียด
“ฝันไปเถอะ สี่แสนสำหรับคำว่าคุณฝ้ายมันแพงเกินไป แต่สี่แสนแล้วทำให้เพื่อนฉัน ตาสว่าง.. ฉันยอม”
ปรานต์สะอึกหันมามองอรุณศรี แต่อรุณศรีไม่อยากสบตาปรานต์ จึงเฉไฉเลื่อนปากกาให้มาปรานต์
“ปรานต์รีบๆ เซ็น จะได้รีบเอาเงินไปให้ที่บริษัท นัดเค้าไว้หกโมงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็สายหรอก”
ปรานต์เริ่มหวาดหวั่นในใจอย่างแรง แต่ด้วยความกังวลเรื่องเงินเลยต้องทิ้งเรื่องอื่นไว้ก่อน หลังเซ็นชื่อในสัญญากู้เงินเป็นที่เรียบร้อยจึงส่งคืนสุพรรณิการ์
สุพรรรฺการ์หยิบสัญญาขึ้นมาดูอย่างละเอียด ก่อนจะส่งซองเงินให้ ปรานต์รีบรับมาเปิดซองนับเงินทันที
สุพรรณิการ์มองด้วยแววตาเหยียดๆ ส่วนอรุณศรีมองปรานต์ด้วยความสังเวชใจ
ประตูร้านอาหารถูกเปิดออก ปรานต์รีบเดินออกมา อรุณศรีเดินตามออกมาส่ง
ปรานต์หันกลับไปมองเพื่อให้แน่ใจว่าห่างจากสุพรรณิการ์แล้วจึงถามอรุณศรี
“ยัยทอมเขี้ยว มันบอกว่าจะทำให้แอ๊วตาสว่าง...แปลว่าอะไร”
“เลิกเรียกฝ้ายแบบนั้นได้แล้ว ฝ้ายไม่ใช่ทอม” อรุณศรีชักสีหน้า
“มันแอ๊บไว้น่ะสิ .. ปรานต์ขอเตือนเลยนะ ยัยเนี่ยไม่น่าไว้ใจ มันต้องอยากได้แอ๊วแน่ๆ”
อรุณศรีร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ปรานต์ พูดทุเรศ แอ๊วกับฝ้ายเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอย่างที่ปรานต์คิด แอ๊วจะกลับกับฝ้าย ไม่ต้องมารับนะ ขี้เกียจรอ”
อรุณศรีพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าร้านไปเลย ปรานต์ยังมองตาม ด้วยแววตาไม่วางใจ.. ปรานต์เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของอรุณศรี จนแอบหวั่นไหวในใจลึกๆ
อรุณศรีเดินกลับมานั่งลงข้างๆ สุพรรณิการ์ด้วยความเหนื่อยใจ
“ฉันว่า..ถ้าแกแต่งงานกับไอ้ปรานต์เมื่อไหร่ แกกับฉันได้เลิกคบกันแน่”
“ทำไม”
“แกก็รู้ว่าฉันกับไอ้ปรานต์ เกลียดกันขนาดไหน คุยกันได้ไม่เกินสิบนาที นี่ถ้ามันไม่อยากได้เงินฉัน มันคงไม่ทนฟังฉันด่านานขนาดนี้ ถ้าแกแต่งกับมัน ฉันคงคบกับแกไม่ได้”
“ฉันไม่เข้าใจ ในเมื่อฉันยังเป็นเหมือนเดิม เป็นคนเดิม ทำไมแกถึงคบกับฉันไม่ได้”
“แกแน่ใจเหรอว่าจะเหมือนเดิม เป็น “แฟน” กับเป็น “เมีย” มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้แกอาจจะเมินมัน เลือกฉัน แต่พอแต่งไปแล้ว มันคงไม่ง่าย .. เอาเข้าจริงๆ ระหว่าง "เพื่อน” กับ “ผัว” ไม่ว่าใครก็ต้องเลือกอย่างหลัง ฉันก็จะเป็นคนที่โดนเฉดหัวออกจากชีวิตแก”
อรุณศรีครุ่นคิดด้วยความหนักใจและยิงคำถามยากใส่เพื่อนรัก
“แล้วแกคิดว่า..ถ้าฉันแต่งงานกับปรานต์จริงๆ มันจะอยู่กันรอดมั้ย”
สุพรรณิการ์ได้แต่ยักไหล่เพราะไม่อยากตอบ ได้แต่สงสารอรุณศรีจับใจ
เมื่อกลับถึงคอนโดห้องพัก สุพรรณิการ์วางซองสัญญาเงินกู้และกระเป๋าไว้บนโต๊ะ พลางครุ่นคิด
“เราจะทำยังไงให้แอ๊วมันเลิกยุ่งกับไอ้ปรานต์”
สุพรรณิการ์ตาวาวนึกถึงกริชชัยขึ้นมาได้ จึงพุ่งตรงไปกดออดที่ห้องกริชชัยทันที
ประตูห้องกริชชัยเปิดออก คนที่ออกมาเปิดประตูไม่ใช่กริชชัย แต่เป็นวัชระ เขามองหน้าสุพรรณิการ์ด้วยความแปลกใจ
“ผมอยู่ของผมเงียบๆ ไม่ได้ทำเสียงเอะอะรบกวนสักนิด”
“ฉันรู้หรอกน่า ฉันไม่ได้จะมาด่าอะไรสักหน่อย ที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องจะถาม”
วัชระรอฟัง
“คุณกริชอยู่หรือเปล่า “
“ไม่อยู่ไปทำงาน “
“ดี จะได้คุยกันสะดวกๆ หน่อย”
สุพรรณิการ์เดินเข้าไปในห้องกริชชัย วัชระร้อง
“อ้าว เฮ้ยคุณ..ผมยังไม่ได้เชิญ”
สุพรรณิการ์ตะโกนบอกวัชระ
“รีบปิดประตู ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
วัชระงง ทำได้แต่ขมวดคิ้ว
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 11/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์