หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/3
วัชระลงมายืนดูกระโปรงรถตัวเองที่บุบลงไป แล้วก็โวยวาย
“นี่คุณมาทุบกระโปรงรถผมทำไม”
สุพรรณิการ์หันขวับมา แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากทะเลาะกัน
“แล้วคุณมาชนก้นฉันก่อนทำไม โอ้ย..ทำไมวันนี้เจอแต่ผู้ชายงี่เง่าวะเนี่ย”
“อ้าว...”

“แล้วตำรวจหายไปไหนกันหมด ไม่โผล่มาสักที สถานีก็อยู่ใกล้แค่เนี้ยะ มายากเย็นเหลือเกิน ที่ตั้งด่านเก็บเงินหล่ะ ยืนกันแน่นเลย”
“หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานมีความผิดนะคุณ”


“ฉันพูดความจริง ฉันหมิ่นตรงไหน แล้วนี่เป็นอะไร ถึงได้มาออกรับแทนตำรวจ”
“ผมเป็นตำรวจ!!”
“อ๋อ..เหรอ ดีเลย งั้นช่วยเชิญเพื่อนๆคุณมาช่วยเคลียร์หน่อยได้มั้ยคะ คุณตำรวจ ?” น้ำเสียงเธอประชด
“ฉันจะได้ไม่โดนชนบั้นท้ายฟรี แถมคู่กรณีของฉันก็เผ่นแน่บไปแล้ว ช่วยบอกให้รีบมาหน่อยนะคะ เพราะฉันต้องรีบไป”
“ผมก็ต้องรีบไปเหมือนกัน และคู่กรณีที่ชนท้ายรถผมก็หนีไปแล้ว จะว่าไปคุณกับผมก็เหมือนกัน ถือว่าเจ๊า”
“แต่ฉันไม่เหมือนคุณ เพราะคุณผิดที่ขับรถเฉี่ยวฉัน แต่ฉันไม่ผิด ฉันอยู่เฉยๆก็โดนรถปาดหน้า แล้วก็โดนคุณชนบั้นท้าย มันจะเหมือนกันได้ยังไง ถอนคำพูด!!”
“อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย … โอเคๆ ผมถอนคำพูด คุณไม่ผิด ผมผิด ผมรับผิดชอบเอง นี่เบอร์ติดต่อผม ตอนนี้แยกย้ายกันไปก่อน รถติดใหญ่แล้ว มีอะไรโทร.มา ผมไม่หนี” วัชระพูดพลางยื่นนามบัตรให้
สุพรรณิการ์ รับนามบัตรมาและร้องเรียก
“เดี๋ยว !!”
“อะไรอีก” วัชระหันกลับมาด้วยความเซ็ง
สุพรรณิการ์ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเขาและทะเบียนรถไว้ วัชระเห็นก็ตกใจ
“เอ้ย... คุณทำอะไร”
“ถ้าฉันไปเอ็กซเรย์ก้นแล้วมีปัญหา กระดูกแตก กระดูกเคลื่อน ฉันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคุณ” สุพรรณิการ์ใช้นามบัตรชี้หน้า เดินกลับไปที่รถแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้หญิงเหรอวะเนี่ย” วัชระมองตาม พลางบ่นพึมพำออกมา

ที่ห้องจัดเลี้ยง ธีธัชกดอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาทางบีบี
“ดีค่ะ อุอุ ทักไปแล้วนะคะ”
ธีธัชพิมพ์กลับไปอย่างรวดเร็ว ข้อความเข้าที่บีบีสาวหมวย
“ดีครับ งุงิ (^^) ทักกลับไปแล้วนะครับ”
สาวหมวยอ่านแล้วก็ยิ้ม เอ่ยออกมา “น่ารักอ่ะ!!!”
ธีธัชยิ้มรับในอาการระริกระรี้ ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“แฟนโทร.มาเหรอคะ” สาวหมวยรีบทัก
“เพื่อนครับ..ผมยังไม่มีแฟน” ธีธัชหันหน้าจอให้สาวหมวยดู เห็นเป็นรูปวัชระโทร.เข้า
“ดีใจอ่ะ” สาวหมวยยิ้มแฉ่ง ธีธัชยิ้มรับ
“ผมไปคุยกับเพื่อนก่อนนะครับ แล้วค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
ธีธัชยิ้มให้ สาวหมวยแทบละลาย ธีธัชหันหลังกดรับสายวัชระ
“ฮัลโหล”

วัชระเดินดุ่มๆ อยู่หน้างานในโรงแรม ขณะนั้นคนบางส่วนกำลังทยอยกลับแล้ว
“ไอ้ธี ทำอะไรอยู่วะ กว่าจะรับได้ แล้วนี่พวกแกอยู่ไหนหะ”
“ไอ้เนียน มาช้าแล้วยังจะมาทำโวยใส่เพื่อน ฉันต้องเป็นคนโวยใส่แก ไอ้บ้าพลังเลิกโวยวายแล้วเดินมาที่หน้าประตูหนึ่ง ไอ้กริชมันกำลังถ่ายรูปปิดงานอยู่ เออ เจอกัน ให้ไว”
ธีธัชวางสายไป แล้วก็เดินไปหากลุ่มนักข่าวที่กำลังถ่ายรูปอยู่

กริชชัยกำลังถ่ายรูปรวมกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ มีอรุณศรียืนเป็นไม้ประดับอยู่ด้วย อรุณศรียืนห่างจากกริชชัยไป 2 - 3 คน พอถ่ายเซทแรกเรียบร้อย ผู้บริหารชุดแรกก็เดินออกไป
“คุณกริชคะ..ขอรูปคู่กับแอ๊วหน่อยค่ะ จะเก็บไว้เป็นที่ระทึก” เบญลี่ตะโกนขึ้น
“เอ่อ...” อรุณศรีอึกอักๆ ลำบากใจ
เบญลี่วิ่งเข้ามาจัดท่าให้อรุณศรียืนข้างๆ กริชชัย
“แอ๊วขยับเข้ามาหน่อยจ้ะ”
“ขยับเข้ามาอีกหน่อยก็ได้นะ ฉันไม่ใช่คนถือตัว” กริชชัยบอก
“คุณไม่ถือ...แต่อาจะมีคนบางคนไม่พอใจก็ได้นะคะ” อรุณศรีพูดแล้วก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางปรายตาไปทางธีธัชที่ยืนอยู่กับนักข่าว เวลานั้นธีธัชถือมือถืออยู่เตรียมถ่ายรูปให้กริชชัย
“ยิ้มหน่อยครับ ท่านประธาน” ธีธัชบอก
กริชชัยมองตามสายตาอรุณศรีไปเห็นธีธัช แล้วก็มองกลับมาที่อรุณศรี เห็นเธอยิ้มกริ่ม เขาขมวดคิ้วงงๆ คิดในใจ “หมายความว่าอะไรวะ?”
“ยิ้มหน่อยนะคะ” อรุณศรีพูดพลางยิ้มสดใสยืนอยู่เคียงข้างกริชชัย
ด้านกริชชัยทิ้งความงงไปก่อน แล้วก็ยิ้มนิดๆ วางมาดเท่ๆ เบญลี่ถ่ายรูปเก็บไว้ นักข่าวรัวชัตเตอร์ตาม ส่วนธีธัชถ่ายไว้ให้เพื่อน เก็บไว้เป็นบางชอต กล้องถ่ายรูปของธีธัชจับบางขณะของสายตากริชชัยที่มองอรุณศรีด้วยความชื่นชม แต่อรุณศรีไม่เห็น แชะๆๆๆๆ ธีธัชแอบมองอรุณศรีแล้วยิ้มนิดๆที่มุมปาก..ปลื้มมากกกก อย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นเสียงหนึ่งคุ้นๆก็ดังเข้ามากระแทกหู
“มันชอบผู้หญิงคนนี้ชัวร์” วัชระโพล่งขึ้น
“เอ้ย..! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ธีธัชตกใจไม่มีใครรู้ว่า วัชระมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

เวลาต่อมา วัชระ กริชชัย และธีธัชนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยงที่เลิกราไปแล้ว ด้านหลังทีมงานกำลังเก็บฉาก เก็บของ กริชชัยถอดสูทเหลือแต่เสื้อเชิ้ต พับแขน ธีธัชยังอยู่ในชุดหนังเท่ ฟิต เฟิร์ม ส่วนวัชระอยู่ในชุดสบายๆ หล่อเซอร์ติดโหด สามหนุ่มสามสไตล์นั่งคุยกันอยู่ในอิริยาบถสบายๆ
จังหวะนั้นธีธัชงัดโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดรูปให้สองหนุ่มดู เป็นรูปตอนกริชชัยหันมามองอรุณศรีพร้อมกับยิ้มกริ่มที่มุมปาก แววตา ฉายแววปลื้มอย่างเห็นได้ชัด
“ชัดปะ?...แววตาแกออกขนาดนี้ ถ้าพวกฉันไม่รู้ ไม่ต้องมาเรียกว่าเพื่อนเว้ย”
“แกรู้ได้ยังไง” กริชชัยถามน้ำเสียงเนียนๆ แอบแปลกใจ แต่ไม่เปิดเผยท่าที
“ใช่..ขนาดฉันเดินมาทีหลัง มองปร๊าด...เดียวฉันก็รู้แล้ว” วัชระพูดพลางยื่นหน้ามาถาม “นานยังวะ”
“ก็..ตั้งแต่เค้าเริ่มเข้ามาทำงาน” กริชชัยสารภาพกับสองเพื่อนซี้
“แล้วพวกฉันจะรู้มั้ยว่าเค้าเริ่มงานเมื่อไหร่ ไม่ได้อยู่ฝ่ายบุคคลเว้ย” ธีธัชว่า
“ก็เกือบปี”
“โหย....” วัชระกับธีธัช ร้องขึ้นพร้อมกัน
“แล้วแกได้ทำอะไรบ้างยัง” วัชระถาม
กริชชัยส่ายหน้าแทนคำตอบ
“โหย..” วัชระ ธีธัช พูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
“อ่อนว่ะ นี่แกอย่าไปบอกคนอื่นว่าเป็นเพื่อนฉันนะเว้ย แอบชอบผู้หญิงเกือบปีไม่ทำอะไรเลย เสียชื่อฉันหมด” ธีธัชบอก
“ไม่บอกว่าเป็นเพื่อนแกก็ดีแล้ว เพราะถ้าบอกไปคนที่จะเสียชื่อก็คือมัน” วัชระพยักพเยิดมาทางกริชชัย
“อ้าว...” ธีธัชร้อง
“ไอ้กริช แกจะรออะไร? จีบเลย! ลุย!” วัชระสั่งลุย ตามประสาคนใจร้อน
“ไม่ได้ ฉันจีบเค้าไม่ได้” กริชชัยว่า
“ทำไมวะ” ธีธัช กับวัชระหันมาถามกริชชัยขึ้นพร้อมกัน
กริชชัยทำหน้าอึดอัดใจ
“จะบอกไงดีวะ”

ที่ร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่งในเวลาค่ำๆ อรุณศรีกับปรานต์ นั่งทานอยู่ด้วยกัน บนโต๊ะมีจานเนื้อ หมูสไลด์แผ่นบางน่ากินมากวางไว้ ปรานต์เอื้อมมือมาแล้วก็หยิบกิมจิมาวางไว้ที่หน้าอรุณศรี
“อันนี้ของที่รักจ้ะ”
อรุณศรีหันไปมองกิมจิหนึ่งถ้วยโตของตัวเอง แล้วมองเนื้อกับหมูสไลด์จานยักษ์ แล้วก็เงยหน้ามองปรานต์
“แล้วนี่อ่ะ” อรุณศรีถาม
“ก็ของปรานต์ไง”
“เฮ้ย” อรุณศรีร้อง
“แอ๊วลดความอ้วนอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ก็ดึกแล้ว กินผักนั่นแหละดีแล้ว กิมจิร้านนี้อร่อยนะ รับรองว่าแอ๊วต้องชอบ !!”
“รับรองทั้งปี” อรุณศรีคีบกิมจิกินแบบเซ็งๆ
“บอกตามตรงนะแอ๊ว ปรานต์ไม่ชอบให้แอ๊วทำงานนี้เลย เป็นพริตตี้แบบเก่าก็ดีแล้ว รับเป็นจ๊อบๆ ไม่ต้องมาตอกบัตร ทำงานหลังขดหลังแข็ง กลับก็ดึก” ปรานต์บ่นเรื่อยเปื่อย
“แต่พริตตี้มันไม่มั่นคง แอ๊วอยากทำงานประจำมีเงินเดือนตายตัว มั่นคงดี ไม่ต้องลุ้น”
“คอยดูนะ...ถ้าปรานต์รวยเมื่อไหร่ ปรานต์จะไม่ให้แอ๊วทำงาน ปรานต์จะเลี้ยงเอง รออีกหน่อยนะแอ๊วนะ...ฐานะมั่นคงเมื่อไหร่ รับรองปรานต์จะไปขอแอ๊วกับพี่โอบทันทีเลย”
ปรานต์ยิ้มกว้าง ตามประสาผู้ชายปากเปราะ พูดไปเรื่อย อรุณศรีฟังแล้วก็ปลง ไม่ตื่นเต้นยินดี เพราะได้ยินมานานแล้ว อาการของเธอออกจะเฉื่อยด้วยซ้ำ
“อีกแล้วเหรอ? ปรานต์จำได้มั้ยว่าเราคบกันมากี่ปีแล้ว”
“ก็..ตั้งแต่เรียนจบมหาลัย.. สาม..สี่ปีแล้ว” ปรานต์กินไปพูดไป
“อืมม์..ปรานต์รู้หรือเปล่าว่าพูดแบบนี้มากี่ครั้ง” อรุณศรีถาม
“ก็ทุกครั้งที่เราเจอกัน..เพราะปรานต์อยากให้แอ๊วมั่นใจว่าปรานต์ไม่ลืม” ปรานต์ยิ้มแฉ่งอย่างภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัว
“แต่ก็ไม่เคยทำได้...” อรุณศรีพูดด้วยน้ำเสียงเบาแทบเป็นบ่นคนเดียว
“แอ๊วว่าไงนะ?” ปรานต์ถาม
“รีบกินเหอะ จะไหม้หมดแล้ว ไม่รีบกิน แอ๊วจะแย่งกินให้หมดเลย” อรุณศรีเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแถมขู่ด้วยความหมั่นไส้
“เฮ้ย...ไม่ได้นะ มีแต่มันทั้งนั้น แอ๊วกินก็อ้วนแย่เลย กินผักไปแหละ ดีแล้ว ส่วนพวกนี้ ปรานต์จัดการเอง !!”
ปรานต์พูดจบก็หันไปกินเนื้อย่าง หมูย่าง อย่างมีความสุข เธอมองกิมจิตรงหน้าอย่างเบื่อๆด้วยความเซ็ง

เวลาเดียวกันนั้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม ธีธัช วัชระ และกริชชัยยังคงสนทนากันต่อไป บนโต๊ะมีเครื่องดื่มมึนเมาวางอยู่
“ที่แกไม่จีบ เพราะเค้าบอกว่ามีแฟนแล้วเนี่ยนะ” วัชระเลิกคิ้วถาม
“ป๊อดว่ะ!! นี่ฉันจะบอกให้นะ ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว เค้ายังเลิกกันได้ กะอีแค่แฟนกลัวไรวะ” ธีธัชว่า
“กลัวทำให้คนอื่นเสียใจ” กริชชัยบอก
“โหยย...” ทั้งธีธัชและวัชระร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไอ้พระเอก!! แกจะพระเอกไปไหนหะ? พระเอกมากๆ ระวังจะแก่ตายแบบโดดเดี่ยวเหี่ยวแห้งนะเว้ย” วัชระกระเซ้า
“ฉันว่า..ที่เค้าบอกว่ามีแฟน อาจจะไม่จริงก็ได้ เค้าอาจจะอยากเช็คเรตติ้ง สร้างกระแสไรงี้” ธีธัชแสดงความเห็น
“ถูก! เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมาก จีบเลย” วัชระยุ
“ไม่ต้องรอ ลุยอย่างเดียว” ธีธัชสนับสนุนอีกแรง จนกริชชัยต้องรีบเบรก
“นี่ๆ แกสองคนพอเลย ไม่ต้องมายุ เรื่องของฉัน ฉันจัดการเอง แกสองคนเอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ อีกคนก็คั่วคนโน้นทีคนนี้ที ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน” กริชชัยหมายถึงธีธัช
“ส่วนอีกคนก็กลัวแฟน!!” ประโยคนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากวัชระ
“ใคร..ใคร ใครกลัวแฟน” วัชระสะดุ้ง ถึงกับโวยวายกลบเกลื่อน เมื่อถูกกริชชัยพูดแทงใจดำ

ทันใดนั้นมือถือวัชระก็ดังขึ้นมาทันที..ของเค้าแรงจริงๆ วัชระหยิบมาดู ที่หน้าจอเห็นหน้า “เนตรนภัส” และขึ้นว่า “ที่รัก” กำกับชื่อโทรเข้า
“ไม่รับ!! ยังไม่อยากคุย!!” วัชระกดปิดเสียง แล้วก็คว่ำหน้าโทรศัพท์ลงทันที
“โอ้โหยยยยยย..โหดว่ะ” คราวนี้ ทั้งกริชชัยและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกันบ้าง
“ใครบอกไอ้วัชกลัวแฟน..ดูซะก่อน เข้มมากๆ!!!” ธีธัชแดกดัน
ทั้งธีธัชและกริชชัยหัวเราะขำกันคิกคัก วัชระทำนิ่งเนียน..หยิบแก้วเครื่องดื่มมาดื่ม ทำเข้ม ทั้งที่ในใจแอบหวั่นคิดในใจว่า “กรูจะโดนบ่นมั้ยเนี่ย?”

ที่บ้านของเนตรนภัส หญิงสาวอยู่ในชุดที่พร้อมจะออกจากบ้าน เธอกดวางสายด้วยความหงุดหงิดที่วัชระไม่รับสาย
“วัช!!! ทำไมไม่รับสาย!!”
เนตรนภัสกระหน่ำกดอีกไม่หยุดยั้ง
“เจอสักร้อยมิสคอลล์ ดูสิจะรับหรือเปล่า” เนตรนภัสกดต่อไปเรื่อยไม่ยอมหยุด
ที่มุมหนึ่งของบ้าน นรีวรรณนั่งกดบีบีอยู่ เหมือนไม่สนใจ แต่แอบฟัง แอบดูกิริยาของพี่สาวตลอดเวลา จังหวะนั้นเองที่ สีรุ้ง ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามา มองเนตรนภัสแล้วก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“แหนมจะออกไปไหนลูก” สีรุ้งถาม
“ไปกับวัชค่ะ” เนตรนภัสน้ำเสียงหงุดหงิด
“ ยังติดต่อผู้ชายไม่ได้เลย แน่ใจเหรอว่าจะได้ไป” นรีวรรณโพล่งขึ้นมา ขณะที่มือยังกดบีบีอยู่
“นุ้ย! พี่ไม่ได้ถาม ไม่ต้องออกความเห็น เอาหัวจุ่มไว้ในบีบีนั่นแหละ ไม่ต้องเงยหน้ามายุ่งเรื่องคนอื่น” เนตรนภัสเสียงเขียวปั๊ด
“ตามจิกผู้ชายมากๆ ระวังจะโดนทิ้ง!!” นรีวรรณยังกดบีบี พูดด้วยน้ำเสียงไม่แคร์พี่สาว
“นังนุ้ย!!” เนตรนภัสฟังน้องสาวแล้วปรี๊ดแตก
“พอแล้วๆ พี่น้องกันแท้ๆ จะมาทะเลาะกันทำไม แหนมใจเย็นสิลูก ขึ้น ‘นัง’ กับน้องได้ยังไง” สีรุ้งร้องห้าม
“แม่ไม่ได้ยินที่มันพูดเหรอคะ? มันแช่งให้วัชทิ้งแหนม” เนตรนภัสไม่ยอม
“นุ้ยไม่ได้แช่ง..ก็แค่พูดความจริง ด้วยความเป็นห่วง” นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีแล้วพูดกวนด้วยความห่วงพี่สาว
“ห่วงตัวเองก่อนเหอะย่ะ จะเบญเพศอยู่แล้ว ยังไม่เคยมีแฟนสักคน โคม่านะเนี่ย!!”
พอถูกเนตรนภัสแดกดัน นรีวรรณถึงกับหน้าตูม แอบเคือง เพราะโดนจี้ใจดำ สีรุ้งส่ายหน้า เนตรนภัสเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
“ส่วนเรื่องของฉันกับวัช ..ไม่ต้องห่วง เพราะคนอย่างวัชไม่มีทางจะทิ้งฉัน เราสองคนรักกัน ไม่ได้รักธรรมดา แต่รักกันมาก...” เนตรนภัสลากเสียงยาว
“ทำให้เค้ารับโทรศัพท์ให้ได้ก่อนเหอะ ก่อนจะคุย” นุ้ย หรือนรีวรรณแขวะเอาคืน
“กรี๊ดดดด..นังนุ้ย นังน้องบ้า!! แกโดนฉันแน่!!” เนตรนภัสปรี๊ดอีก พุ่งไปหาน้องสาวเพื่อลุย
“ไปดีกว่า... ไม่อยากโดนคนหลงตัวเองทำร้าย” นรีวรรณหันมาพูดก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
“อย่าหนีนะ...กลับมานี่เลย เด็กบ้า!”
สีรุ้งมองเนตรนภัสแล้วก็ส่ายหน้า เนตรนภัสหันกลับมาแล้วก็คว้าโทรศัพท์มาโทรอีก
“วัชนะวัช..ไม่รับสายแล้วยังไม่โทร.กลับอีก บ้าจริงๆ” เนตรนภัสยังกดโทรต่อ
“แหนม..ดึกแล้ว แม่ว่าอย่าออกไปเลยนะลูก ไว้เจอกันพรุ่งนี้ก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะแม่ แหนมอยากเจอวันนี้ แหนมก็ต้องได้เจอวันนี้ และเดี๋ยวนี้ !!!”
ว่าแล้วเนตรนภัสก็เดินถือโทรศัพท์กระฟัดกระเฟียดออกไปโทรข้างนอกด้วยความเอาแต่ใจ สีรุ้งมองตามแล้วก็รำพึงกับตัวเอง
“นี่มันเป็นความผิดของฉันใช่มั้ย... ที่ตามใจจนลูกเป็นแบบนี้ !!”
ทางด้านเนตรนภัสยังยืนกดโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด แล้วตัดสินใจกดอีกเบอร์
“ดูสิ..จะแก้ตัวยังไง”

โทรศัพท์ของธีธัชดังขึ้น ธีธัชหยิบมาดูแล้วก็สะดุ้งนิดๆ
“ไอ้วัช...แม่แกโทรมา” ธีธัชบอก
วัชระเบือนหน้าหนี แอบเซ็ง
“เฮ้ยย..จะเอาไง” ธีธัชถามเร่ง
“ใช่ รีบๆ เคลียร์ ถ้าไอ้ธีไม่รับอีกคน มาถึงฉันแน่ จะให้มันทำไงก็รีบบอก” กริชชัยว่า
“มุกเดิม!” วัชระบอกธีรัช
“แน่ใจ?”
วัชระพยักหน้าเซ็งๆ ธีธัชตั้งหลักนิดๆ แล้วก็กดรับ ก่อนจะตอบไปอย่างพลิ้ว
“แหนม..ไอ้วัชมันออกไปแล้วนะ แยกกันได้สักพักแล้ว เห็นมันบอกว่า..” ธีธัชพูดยังไม่จบ
“โกหก!!!” เสียงเนตรนภัสสวนขึ้นทางปลายสาย
ธีธัชถึงกับผงะ รีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู แล้ววางไว้หน้าวัชระ
“แหนมไม่เชื่อ ไม่ต้องมาช่วยกันแก้ตัวเลย” เสียงเนตรนภัสดังทะลุลำโพง ตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดอย่างแรง
“บอกวัชว่าแหนมรออยู่ที่บ้าน ให้รีบออกมารับเดี๋ยวนี้!! ย้ำ เดี๋ยวนี้!! นาว!!! แค่นี้นะ”

กริชชัยนั่งกอดอกนิ่ง เห็นใจเพื่อนเหมือนกัน แต่ก็แอบสมน้ำหน้า
“ชัดปะ?” ธีธัชหันมาทางวัชระที่หน้าอยู่ในอาการเซ็ง
“ชัดเป๊ะ!! เฮ่ออออ... มีแฟนกะเค้าอยู่คน แม่งโคตรเหนื่อยเลย...ที่จริงอยู่เป็นโสดอย่างไอ้กริชก็ดีนะเว้ย ไม่ต้องปวดหัว” วัชระบอกเซ็งๆ
“เฮ้ย ฉันก็โสดนะเว้ย แกไม่อยากเป็นเหมือนฉันบ้างเหรอ?” ธีธัชกระเซ้า
“โสด สำส่อน อย่างแก ไม่เอาเว้ย ฉันขี้เกียจสับราง โสดๆ นิ่งๆ ให้หญิงมองแบบไอ้กริชดีกว่า... ไม่ต้องเหนื่อย”
“แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นโสดนะเว้ย.. ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากมีผู้หญิงมาอยู่ข้างๆ เหมือนพวกแก แต่ที่ต้องอยู่แบบนี้..มันจำใจ” กริชชัยฟังอยู่แล้วก็พูดนิ่งๆ จากใจ
“ถามจริง ถ้าผู้หญิงคนที่แกชอบเค้ามีแฟนแล้ว และแกก็ไม่อยากไปแย่งเค้ามา ทำไมไม่หาคนอื่นวะ?” วัชระถามตรงๆ
“ใช่! อย่างแก..จะเลือกระดับนางเอก นางแบบ หรือไฮโซใสๆ สักคนไม่ยากนะเว้ย” ธีธัชเสริม
“หาใคร ‘สักคน’ มันไม่ยาก... แต่ฉันไม่อยากคบๆ เลิกๆ มันเหนื่อย ฉันอยากคบแล้วแต่งเลย และผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย เค้าจะต้องเป็นคนที่ ‘ใช่’ ตั้งแต่วินาทีแรก แล้วมันจะ ‘ใช่’ ไปตลอดชีวิต!!” กริชชัยพูดอย่างหนักแน่น ชัดเจน จริงจังและจริงใจ
ธีธัชส่ายหน้าไม่เห็นด้วย วัชระอึ้งๆ
จังหวะนั้นกริชชัยก็นึกถึงอรุณศรีอย่างจับใจ ภาพประทับใจที่เห็นอรุณศรีเก็บภาพในสวน และตอนตอบคำถามสัมภาษณ์อย่างจริงใจตรงไปตรงมา ตอกย้ำถึงวินาทีแห่งการตกหลุมรักของกริชชัย
และเป็นความรักที่จะมั่นคง ยาวนานตลอดไป

ทางด้านอรุณศรีดูบิลที่เธอและปรานต์ทานอาหารเกาหลีแล้วถึงกับอึ้ง
“พันแปด! ทำไมแพงจัง?”
ปรานต์อึกอัก รู้สึกเสียหน้ากับพนักงานที่ยืนรอเก็บเงิน
“ก็ของมันดี มันก็ต้องแพงแบบนี้แหละ..น้องเค้ารออยู่” ปรานต์พูดเบาๆ
“แอ๊วจ่ายไปก่อนนะ สิ้นเดือนเดี๋ยวปรานต์เอาเงินมาให้”
อรุณศรีอิดๆ ออดๆ เสียดายเงิน ปรานต์รีบคว้ากระเป๋าตังค์มา อรุณศรีมองตามตาละห้อย ปรานต์หยิบออกมาพันแปด แล้วก็วางเพิ่มอีกห้าสิบบาท
“ทิปนะครับ”
“แค่พันแปดแอ๊วไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือนที่ร้านแบ่งเปอร์เซนต์มาให้ ปรานต์ก็รวยแล้ว จะเอามาคืนมากกว่าพันแปด แถมพามาเลี้ยงอีกหนึ่งมื้อ ให้แอ๊ว เลือกร้านที่ชอบได้ตามสบาย”
อรุณศรีพยักหน้ารับไปงั้น ในใจไม่หวังว่าจะได้คืน ปรานต์ดูนาฬิกาแล้วก็ทำเป็นตกใจนิดๆ
“ได้เวลาที่ปรานต์นัดหุ้นส่วนไว้แล้วอ่ะ ปรานต์ต้องรีบไปก่อนนะ แอ๊วกลับเองได้เปล่า?”
“อ้าว…นัดอะไรไม่เห็นรู้เลย”
“พอดีมีเครื่องเสียงชุดใหม่มาลงที่ร้าน ปรานต์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี๊นี้เอง ปรานต์ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ไปส่ง..งั้นเอางี้... แอ๊วขับรถปรานต์กลับไป เดี๋ยวปรานต์ไปแท็กซี่เอง”
“อุ้ย...ไม่เอาหรอก แอ๊วขับรถไม่แข็งปรานต์ก็รู้ แอ๊วกลับแท็กซี่เอง ปรานต์รีบไปเหอะ”
“เหรอ...แต่ปรานต์เป็นห่วงแอ๊วนะ ถ้าถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความบอกหน่อยนะ ปรานต์จะได้สบายใจว่าแอ๊วปลอดภัย ปรานต์ไปก่อนนะจ้ะ.. รักนะ”
อรุณศรีพยักหน้าเหนื่อยๆ ยิ้มรับขืนๆ ปรานต์ลุกขึ้นแล้วก็เดินตัวปลิวออกไปด้วยความสบายใจ อรุณศรีมองดูร่องรอยอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะด้วยความเหนื่อยใจ

กริชชัยนั่งอยู่ในรถยนต์ตู้หรู นั่งครุ่นคิด แล้วก็ปรายตาไปเห็น iPad ที่วางอยู่ข้างๆ กริชชัยคิดไปถึงเบญลี่ที่ส่งไอแพดให้กริชชัยเมื่อสัก 3 ชั่วโมงที่แล้ว
“ทางบริษัทออร์แกไนซ์ส่งรูปในงานมาให้ตามที่ท่านประธานสั่งเรียบร้อยแล้วนะคะ รูปในงานทั้งหมดเบญลี่โหลดไว้ให้ในนี้หมดแล้วค่ะ”
กริชชัยเปิดรูปดู จนมาถึงรูปของอรุณศรี เขาซูมขยายเฉพาะใบหน้าของอรุณศรี กริชชัยมองแล้วก็อมยิ้มนิดๆ อย่างมีความสุข ยิ่งดู ก็ยิ่งคิดถึง จนอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้ นาทีนั้นกริชชัยหันไปมองโทรศัพท์ แล้วก็คิด
“ตื๊ด..” เสียงโทรศัพท์ของอรุณศรีดังขึ้นหลังจากที่ออกจากร้านอาหารเกาหลีเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
“อ๊ะ! ใครโทรมา”

อรุณศรีไม่คุ้นเบอร์ดังกล่าว
จบตอนที่ 1
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์