อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 12
ลำเภายิ้มให้เมื่อเห็นธีธัชเดินเข้ามายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่กับหนุ่มชาวญี่ปุ่น ธีธัชยิ้มตอบให้อย่างลืมตัว หันไปบอกชายชาวญี่ปุ่นที่เธอนั่งคุยด้วย
“แฟนฉันมาแล้วค่ะ”
ชายชาวญี่ปุ่นหันมามองธีธัช ลำเภาแนะนำ
“คุณปีเตอร์คะ นี่ธีธัชแฟนเภาค่ะ... ธีคะ นี่คุณปีเตอร์เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เค้ามาจีบเภาค่ะ”
ธีธัชผงะจ้องตรงไปที่ชายคนนั้นทันที
“ใช่ครับ ผมเห็นคุณลำเภานั่งอยู่คนเดียว คุณลำเภาเป็นคนสวย ผมก็เลย เข้ามาคุย” ชายญี่ปุ่นยิ้มรับหน้าบาน
“สวย” ธีธัชลิกคิ้วย้ำเหมือนไม่แน่ใจ
“โอ๊ะๆ ไม่ใช่แค่สวย แต่น่ารัก แล้วก็ฉลาดด้วย เสียดายที่มีแฟนแล้ว”
ชายชาวญี่ปุ่นหันมามองลำเภา พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ลำเภายิ้มรับนิดๆ ธีธัชเห็นแล้วแอบหวงโดยไม่รู้ตัว ธีธัชเอามือจับหัวลำเภาหมุนหันหน้ามาทางตัวเอง
ลำเภาหุบยิ้มมองหน้าธีธัชด้วยแววตาเคือง
“เล่นตลกไรเนี่ย นี่ลงทุนจ้างผู้ชายมาจีบเลยเหรอ” ธีธัชถามลำเภา
ลำเภาปัดมือธีธัชออกจากหัว
“ดูถูก” ลำเภาว่า
“คุณลำเภาไม่ได้จ้างนะครับ ผมมาเอง นี่ครับ..นามบัตรผม ผมเป็นเจ้าของโรงงาน ผมไม่ต้องรับจ้าง ถ้าไม่เชื่อโทร.ไปถามได้ครับ” หนุ่มชาวแดนอาทิตย์รีบบอกพร้อมยื่นนามบัตรส่งให้ธีธัช
ธีธัชรับมาดู แล้วก็อึ้งไป ลำเภามองหน้าธีธัชแล้วยักคิ้วกวนๆ ให้ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นรีบขอตัวอย่างมีมารยาท
“ผมไม่รบกวนแล้วนะครับ เชิญตามสบาย ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หนุ่มญี่ปุ่นส่งยิ้มหวานให้ลำเภา
“เช่นกันค่ะ” ลำเภายิ้มตอบ
ชายยุ่นก้มหัวลาธีธัชตามประเพณีนิยมแล้วก็เดินออกไป ธีธัชหันมาทางลำเภา ลำเภาลอยหน้าอย่างมั่นใจ ธีธัชแอบยิ้มเจื่อนคิดไม่ถึงว่า ยัยหนูตะเภาจะมีคนมาจีบ
อาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ ลำเภากำลังจะลงมือกินอย่างมีความสุข ธีธัชทนไม่ได้พูดขัดขึ้น
“มีผู้ชายสายตาไม่ค่อยดี หลงมาจีบแค่คนเดียว ไม่ต้องมาทำเป็นสบายใจขนาดนี้ก็ได้”
“ใครกันแน่ที่สายตาไม่ดี ฉันหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ยังดูไม่ออกอีก ตาต่ำ”
“หลงตัวเอง” ธีธัชประชด
“ก็น้อยกว่าคนบางคน” ลำเภาพูดกวนพลาง ปรายตามาทางธีธัช
“ฉันเป็นคนหน้าตาดีจริงๆ ถึงได้กล้าหลงตัวเอง หน้าตาขนาดฉัน ถ้าไม่หลงตัวเองก็แย่แล้ว” ธีธัชสวนน้ำเสียงจริงจังและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วหน้าตาฉันไม่ดีหรือไง ถึงหลงตัวเองไม่ได้ ดูให้ดีๆ แล้วตอบมาสิว่า..น่ารักหรือเปล่า” ลำเภายื่นหน้ามาเข้ามาถาม
ธีธัชมองหน้าลำเภาตามคำท้า สังเกตเห็นเนื้อผิวขาวละเอียดบนใบหน้า ซึ่งถูกแต่งพอบางๆ ใสๆ ผมรวบสบายๆ ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ธีธัชแอบตกตะลึงชั่วครู่ แล้วก็รีบดึงตัวเองออกมา
“ก็....งั้นๆ พอดูได้” ธีธัชพูดพลางกลบเกลื่อนด้วยการก้มหน้าทำเป็นจะกินอาหาร
“น่ารัก...แต่ไม่กล้าพูดล่ะสิ แค่ชมแฟนตัวเองก็ยังไม่กล้า” ลำเภา พูดลอยๆ
ธีธัชเงยหน้าจากจานอาหารทันที
“ฉันไม่ใช่แฟนเธอ” ธีธัชเผลอพูดเสียงดัง
“จริงเหรอครับ” เสียงชายชาวญี่ปุ่นคนเดิมโพล่งขึ้น ธีธัชตกใจเล็กน้อย
ชายญี่ปุ่นกลับมายืนอยู่ข้างๆ ธีธัช
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว..มาทำไมอีกเนี่ย”
“ผมจะกลับแล้วครับ เลยมาบอกลา แต่พอเดินมาถึงก็ได้ยินพอดี .. ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆเหรอครับ” ธีธัชถึงกับสะอึกพูดไม่ออก เหมือนมีอะไรบางอย่างมาปิดปากไว้
ลำเภาเห็นอาการของธีธัชแล้วก็อมยิ้ม
“ธีเค้าพูดเล่นน่ะค่ะ โชคดีนะคะคุณปีเตอร์ ซาโยนาระค่ะ”
“ไม่ครับ ไม่ซาโยนาระ เราต้องเจอกันอีก ถ้าคุณลำเภาไปญี่ปุ่นติดต่อผมได้ทันที ผมต้อนรับเต็มที่... สวัสดีครับ“ ชายญี่ปุ่นย้ำก่อนอำลา
“สวัสดีค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มจริงใจให้ลำเภา ก่อนจะหันมาทางธีธัช
“คุณโชคดีมากๆ ที่ได้แฟนน่ารักแบบนี้”
ธีธัชยิ้มรับแห้งๆ ธีธัชค่อยๆหันมาทางลำเภา แล้วก็สะดุ้งนิดๆ เพราะลำเภากำลังมองเขาด้วยแววตายิ้มเยาะ อย่างกวนประสาท ธีธัชทนไม่ได้ถึงกับโพล่งถามออกมา อย่างร้อนตัว
“ยิ้มอะไร? ยัยหนูตะเภายิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง”
หลังออกจากร้านอาหาร ลำเภาเดินมาตามทางในห้างคอมมูนิตี้มอลล์แห่งหนึ่งด้วยแววตายิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ธีธัชเดินตามอยู่ทางด้านหลัง ธีธัชตะโกนถาม
“นี่...ตกลงจะตอบหรือไม่ตอบว่ายิ้มอะไร นั่งกินข้าวไป ยิ้มไป แววตามันบอกว่าเธอคิดว่า..เธอชนะฉันใช่มั้ย”
ลำเภาหันมาลอยหน้าลอยตาตอบ
“ร้อนตัว”
“ใครร้อนตัว ฉันไม่ได้ร้อนตัวสักหน่อย ฉันจะร้อนตัวทำไม แค่มีผู้ชายมาจีบแค่คนเดียว มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉันสักนิด เพราะเธอกับฉัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ถ้าไม่เป็น แล้วตอนคุณปีเตอร์ถาม ทำไมถึงไม่กล้าตอบว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน อึ้งทำไม”
ธีธัชสะอึกแล้วก็เฉไฉ
“ฉันแค่ไม่อยากทำให้เธอหน้าแตก เห็นว่าเป็นน้องไอ้กริชหรอกนะ ถึงได้ช่วยรักษาหน้าไว้ให้ ไม่งั้นฉันแฉไปแล้ว”
“จะแถไปไหน เจ็บสีข้างบ้างมั้ยเนี่ย ฉันว่าหยุดพูดเหอะ ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว เงียบๆ แล้วก็ยอมรับความจริงไปซะก็หมดเรื่อง”
“ยอมรับความจริงอะไร”
ลำเภายื่นหน้ามาพูดเน้นๆอย่างชัดเจน
“ยอมรับความจริงว่า...เราเป็นแฟนกันไง”
ลำเภาพูดจบก็หันหลังเดินนำหน้าไป ธีธัชยืนนิ่งคิดสักครู่ แล้วก็นึกได้
“ไม่! ไม่มีทาง ถ้าฉันเป็นแฟนเธอ ก็แปลว่าฉันเป็นหมาน่ะสิ คนอย่างฉันไม่มีทางไปเป็นหมาของเด็กบ๊องอย่างเธอ เพ้อเจ้อ”
ลำเภายักไหล่ไม่สนใจยังคงเดินนำต่อไป ระหว่างทางที่เดินไปนั้น มีทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ รวมถึงหนุ่มหน้าใสสไตล์เกาหลี ดูดี มีสกุล และฐานะ หันมองลำเภาเป็นทาง บางคนสะกิดเพื่อนให้ดูอีกต่างหาก
ลำเภาเดินชิลล์ๆ ดูเป็นธรรมชาติ น่ารักสดใส เหมือนนางแบบญี่ปุ่นกระโดดออกมาจากแมกกาซีนแฟชั่น
ธีธัชมองตามไปและเริ่มสังเกตเห็นสายตาของหนุ่มๆที่มองไปยังลำเภา ธีธัชรู้สึกหวั่นไหว หวงขึ้นมาแบบแปลกๆ จนสุดท้ายก็ทนไม่ได้ ตะโกนขึ้น
“ยัยหนูตะเภา รอด้วย”
ธีธัชพูดจบก็รีบเดินมาประกบด้วยอาการหวงก้าง และเมื่อครั้งใดที่มีหนุ่มคนอื่นๆแอบหันไปมองลำเภา เขาก็แสดงอาการประกาศอยู่ในทีว่า ‘แฟนกรู’ โดยไม่รู้ตัว
ระหว่างที่ธีธัชกับลำเภาเดินคู่กัน ธีธัชแอบมองลำเภาเป็นระยะแล้วก็เผลอยิ้มนิดๆ อย่างลืมตัว และอดคิดไม่ได้ว่า ยัยหนูตะเภานี่ก็น่ารักเหมือนกัน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เนตรนภัสมาดักรอวัชระที่บ้านตั้งแต่ไก่โห่ วัชระขณะเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน ก็พบเนตรนภัสกอดอกยืนจังก้าอยู่ แววทำหน้าไม่ถูก ทว่าวัชระตกใจ
“แหนม”
“เจอหน้าแฟน ต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ”
“แหนมมีอะไร มาแต่เช้าเลย”
“ถ้าแหนมไม่ได้มาเวลานี้ แล้วจะได้เจอหรือเปล่าล่ะ”
วัชระชะงักนิดๆ แล้วก็พูดเสียงจริงจัง
“แหนมมาก็ดีแล้ว.. ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย”
เนตรนภัสแปลกใจเล็กน้อย แววมองหน้าลูกชายด้วยความเห็นใจ วัชระจ้องมองเนตรนภัสด้วยแววตาเอาจริง
“เราจะยกเลิกงานแต่งงานไม่ได้ !!!!! แหนมไม่ยอม ถ้าวัชไม่แต่ง แหนมเอาตายแน่ ไม่เชื่อคอยดู”” เนตรนภัสโพล่งเสียงแหลมออกมา
“วัชมีคนอื่นใช่มั้ย” เนตรนภัสถามต่อ
“ผมไม่ใช่ผู้ชายหลายใจที่จะคบทีละหลายๆคน ถ้าผมจะมีคนอื่น ผมต้องเลิกกับคุณก่อน” วัชระถึงกับผงะ
“วัชพูดแบบนี้ อยากเลิกกับแหนมใช่มั้ย ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ ใช่มั้ย แหนมถามว่าใช่มั้ย” เนตรนภัสพูดด้วยเน้ำเสียงสูงกว่าเดิม
วัชระไม่ลังเลและตัดสินใจตอบออกไป
“ใช่ !! ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้ อยู่กันแล้วไม่มีความสุข ผมว่า..เราควรจะเลิกกันจะดีกว่า” วัชระสวนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มีเหตุผล
เนตรนภัสกรี๊ดเสียงดังลั่น ไม่นะ
“แหนมไม่ยอมเลิกกับวัช และวัชก็ห้ามเลิกกับแหนมเด็ดขาด ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราเลิกกันแหนมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แหนม..เลิกห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมซะบ้าง ยิ่งคุณไปยึดติด คุณยิ่งจะเป็นทุกข์”
“ใช่สิ วัชพูดได้ เพราะวัชไม่มีหน้าตาในสังคมเหมือนแหนม คุณจะทำอะไร ก็ไม่มีใครสนใจ แต่แหนมไม่ใช่”
วัชระส่ายหน้าอย่างคนหมดใจ
“ถ้าเราเลิกกัน งานแต่งงานล้ม มีคนรอสมน้ำหน้าแหนมเต็มไปหมด แหนมรับไม่ได้ และไม่อยากรับด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไง เราต้องแต่งงานกัน”
“แหนม...คุณต้องการแต่งงานกับผม ด้วยเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ”
“แล้วมันมีเหตุผลอื่นหรือเปล่าล่ะ”
วัชระเงียบกริบ..มองเนตรนภัสด้วยความผิดหวัง เนตรนภัสย้ำเสียงเข้ม
“เรื่องเลิกกัน เลิกคิดไม่ได้เลย ไม่ว่ายังไงแหนมก็ไม่เลิก งานแต่งงานของเราจะต้องมีต่อไป และถ้าแหนมรู้ว่าคุณแอบมีคนอื่นเมื่อไหร่ แหนมไม่ปล่อยไว้แน่”
เนตรนภัสพูดจบก็เดินออกจากบ้านของวัชระด้วยความฉุนเฉียว วัชระได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ในใจครุ่นคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรดี
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 12
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์