อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 1/2
ทูนอินทร์เอาแต่นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น รุ้งระวีมองอย่างแปลกใจ
“ยิ้มอะไรคะ ฉันมีอะไรติดฟันเหรอ”
“รู้ชื่อคุณแล้ว ชื่อรุ้ง เพราะจัง”
รุ้งระวีลุกขึ้น
“ขอบคุณค่ะคุณนักร้อง ฉันไปละค่ะ”
“เดี๋ยวซีครับ ไม่อยากรู้ชื่อผมบ้างเหรอไง”
“รู้ว่าคุณชอบลงตุ่มก็พอแล้วค่ะ”
รุ้งระวีแยกจะออกจากร้าน แม่ค้าขวางไว้ ขณะที่จวงใจและจุ๊บแจงหลบอยู่มุมหนึ่ง
“นี่หนู...ทำไมเหมือนเคยเห็น”
“อะไรคะป้า”
“นักร้องใช่ไหมเราน่ะ”
รุ้งระวีตกใจ รีบหลบหน้า
“ไม่ใช่ค่ะป้า”
“นักร้องแน่ๆ ที่ชื่อ รุ้งระวี ศรีแอลเอใช่ไหมล่ะ”
ทูนอินทร์เข้ามาสมทบทันที รุ้งระวีพยายามปฏิเสธ
“ไม่ใช่ค่ะ ป้าจำผิดคนแล้ว”
“ไม่ผิดหรอก เห็นในทีวีเมื่อเช้าน่ะ หน้าอย่างนี้แหละ”
ทูนอินทร์หันไปถามรุ้งระวี
“มีอะไรกันครับ”
แม่ค้าร้องบอกเพื่อนๆที่ขายของอยู่ใกล้ๆ ตามแผนของจวงใจ
“นี่...พวกเรา....มาดูเร็ว...แหม่มคนนี้เขาเป็นนักร้องนะ”
พ่อค้า แม่ค้าเข้ามามุงสองสามคน
“แล้วร้องเพลงอะไรเหรอ”
“เพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ”
อีกคนรีบเสริมตามแผน...
“อ๋อ เพลงกำลังดังเลยนี่ เห็นหน้าแต่ในปกเทป คนนี้เอง ร้องให้ฟังหน่อยซีจ๊ะหนู”
“เอางี้ ถอดแว่นให้ดูหน้าชัดๆหน่อย”
พ่อค้า แม่ค้าแย่งกันพูด ทูนอินทร์อึ้งๆ ขณะที่รุ้งระวีพยายามหลบหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ จำผิดคนแล้ว”
ไทยมุงเข้ามารุม รุ้งระวีสะบัดหลุดแล้ววิ่งกระเจิงไป
“คุณ...เดี๋ยว...”
ทูนอินทร์วิ่งตามไป แม่ค้ามองตามงงๆ
“เลยไม่รู้เลยว่าตัวจริงรึเปล่า”
ทันใด จวงใจรีบวิ่งเข้ามา
“ลุงป้าน้าอาขา....ช่วยตามจับตัวยายแหม่มมาให้ทีค่ะ”
“ทำไมล่ะ” พ่อค้าหันมาถาม
“ไม่ต้องถามค่ะ ใครจับตัวได้ แล้วถอดแว่นมันออก ฉันให้คนละพัน”
ทุกคนตาโต
“คนละพัน...ไปโว้ย”
พ่อค้า แม่ค้าวิ่งกรูกันไปทันที จุ๊บแจงวิ่งเข้ามาสมทบจวงใจ ถอดแว่นออกมอง
“พี่จวง สนุกจังเลย อยากไปวิ่งไล่ตามมันอีกคน”
“ใส่แว่นปิดหน้าค่ะ ปิด เราจุ๊บแจง แตงร่มใบ ใครๆก็จำได้นะคะ”
จุ๊บแจงรีบใส่แว่นปิดหน้าทันที
ทูนอินทร์พารุ้งระวี วิ่งกระเจิงลัดเลาะไปตามตรอก กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าวิ่งไล่ตามฝูงใหญ่
“พวกนั้นตามมาทำไมน่ะ” ทูนอินทร์งง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ทั้งคู่วิ่งต่อไป ตามด้วยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงลั่น ทูนอินทร์วิ่งพารุ้งระวี เลี้ยวมาออกที่ลานจอดรถ
“จะพาฉันไปไหน”
“ไปที่รถผมก่อน”
ทั้งสามวิ่งมาถึงรถกระบะ ที่จอดอยู่ในซอง มีตุ่มวางอยู่บนรถแล้วเรียบร้อย อินทร หนาน และคูนรออยู่ที่รถอยู่แล้ว
“พี่....มีเรื่องอะไรกัน” อินทรหันไปถาม
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แห่ตามกันมาทั้งตลาดเลย ออกรถเลยทร”
หนานอินทร์หันไปมอง
“บ่ทันแล้วอ้าย ซั่งหลบซะก่อน”
“หลบที่ไหนล่ะ” รุ้งระวีงง
“ลงตุ่มนี่แหละ” ทูนอินทร์บอก
“หา....ลงตุ่ม”
ทูนอินทร์กระโดดขึ้นรถ แล้วกระโดดนำลงไปในตุ่ม
“เร็วคุณลงมาเร็ว”
“ฉันกลัวที่แคบ”
“ดีกว่าถูกแม่ค้ารุมนะคุณ”
“เออ...จริง”
อินทรประคองรุ้งระวีลงตุ่ม แล้วรีบเอาผ้าคลุมปิด ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่ในตุ่ม ทูนอินทร์พยายามเบียดกับรุ้งระวีให้น้อยที่สุด แต่ร่างก็ยังเบียดชิดกันอยู่
นอกรถ อินทร หนาน และคูนหลบอยู่ใต้ผ้าใบที่คลุมหลังรถ กลุ่มแม่ค้าพ่อค้าวิ่งตามมา หยุดแถวๆรถ
“มันไปไหนแล้ววะ”
“นั่นซี กะจะได้สักพัน ชวดเลยกู”
“มันน่าจะไปทางโน้นนะ”
ทั้งหมดเฮวิ่งไปอีกทาง อินทร หนาน คูนโผล่หน้าออกมาจากผ้าคลุม ขณะที่รุ้งระวีโวยอยู่ในตุ่ม
“คุณ ไม่ต้องโอบไหล่ฉันก็ได้”
“เปล่า ผมไม่รู้จะเอาแขนไปวางตรงไหน”
อินทรเปิดตุ่มออก
“พี่ พ้นภัยแล้ว”
ทูนอินทร์รีบบอก
“คุณ ขึ้นไปก่อน”
“ช่วยหน่อย”
รุ้งระวีบอกอินทร เขาจึงยื่นมือมาให้จับ พอรุ้งระวียืนได้ ทูนอินทร์ดันก้นของเธอขึ้นไป
“ว้าย”
“เออ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
รุ้งระวีก้าวออกมาจากตุ่ม ทูนอินทร์ตามมา
“ขอบคุณนะที่ช่วย แล้วนี่สิ่งตอบแทน”
ขาดคำ รุ้งระวีตบหน้าทูนอินทร์หนึ่งฉาด
“ตบหน้าผมทำไม”
“จับก้นฉัน นายตั้งใจใช่ไหม”
“เปล่า ผมช่วยดันคุณขึ้น ก็ต้องดันก้น จะไปดันตรงอื่นได้ไงล่ะ”
“นั่นแหละ นายฉวยโอกาสฉัน”
รุ้งระวีกระโดดลงจากรถ ทูนอินทร์และอินทรกระโดดตาม หนานและคูนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ไม่น่าช่วยเลย ปล่อยให้แม่ค้ารุมโทรมก็ดีแล้ว” ทูนอินทร์บ่น
“ว่าไงนะ”
“ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
รุ้งระวีมองค้อน
“ฉันไปละ”
“อย่าฟ่าวไป แหม่ม ยังยังอันตรายอยู่เด้อ” คูณบอก
“ไม่ต้องห่วงฉัน”
เสียงของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าดังแว่วกลับมา รุ้งระวีตะลึง
“ว้าย...พวกนั้นกลับมาทางเดิม”
“เผ่นเร็ว”
ทูนอินทร์ร้องบอก แล้ววิ่งไปที่หน้ารถ อินทรวิ่งไปที่นิ่งคนขับ หนานและคูนนั่งกะบะหลัง อินทรขับถอยรถออกอย่างเร็ว รุ้งระวียังเคว้งอยู่นอกรถ อินทรจะแล่นไป รุ้งระวีวิ่งตามรถ อินทรชะลอ
“เดี๋ยว ฉันไปด้วย”
“ไม่ช่วยแล้ว เดี๋ยวโดนตบอีก” ทูนอินทร์ร้องบอก
“ช่วยหน่อยเถอะ เมื่อกี้ขอโทษนะ”
“แน่ใจ”
“ไหว้แล้วค่ะ”
รุ้งระวีไหว้ประหลกๆ
“งั้นขึ้นมา”
รุ้งระวีขึ้นนั่ง เบียดกับทูนอินทร์อีกครั้งจนได้ อินทรแล่นรถออกไป บรรดาพ่อค้า แม่ค้าวิ่งกลับมาเห็นพอดี
“เฮ้ย อยู่บนรถนั่น”
“ตามเลย”
ทั้งหมดวิ่งไล่ตาม อินทรบึ่งรถทะยานไปอย่างเร็ว กลุ่มพ่อค้าแม่ขายวิ่งตามไม่ทัน จวงใจและจุ๊บแจงวิ่งเข้ามาสมทบ
“มันไปทางไหนแล้วป้า”
“แล่นขึ้นรถไอ้นักร้องรูปหล่อไปโน่นแล้ว”
“เลยตามไม่ทันเลย”
จวงใจเซ็ง จุ๊บแจงออกความเห็น
“เรามีภาพถ่ายมันแล้วนี่พี่จะกลัวอะไร”
จุ๊บแจงถอดแว่นมองตรงไปอย่างลืมตัว บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะกลับเข้าตลาด หันมาเห็นพอดี
“อุ๊ย...น้องจุ๊บแจง แตงร่มใบรึเปล่า”
“เออ...คือ...”
“จุ๊บแจง แตงร่มใบจริงๆด้วย”
จุ๊บแจงยิ้ม ทำเอียงอายไปมา พ่อค้าแม่ค้าฮือขึ้นพร้อมกัน เข้ามารุมจุ๊บแจง จวงใจมองอย่างเซ็งๆ
“เฮ้ย นักร้องตัวจริงโว้ย”
“ขอลายเซ็นนะคะ แหม...ทำยังไงคะน้อง ผิวสวยกว่าแตงร่มใบอีก”
จุ๊บแจงไหว้กระชดกระช้อย
“เพิ่งไปจิ้มโบท็อ.... เอ๊ย...แจงอาบน้ำแร่แช่น้ำนม อมน้ำใบบัวบก สูตรโบราณค่ะ ป้าขา”
จุ๊บแจงแจกลายเซ็น บางคนให้เซ็นที่เสื้อคอกระเช้า บางคนให้เซ็นบนหมวก บนงอบ จวงใจส่ายหน้าระอาใจ
บนรถ...รุ้งระวี ต้องนั่งเบียดกับทูนอินทร์อย่างอึดอัด ขณะที่เจ้าตัวยิ้มกริ่มโอบรอบหลังของเธออย่างตั้งใจ
“นี่คุณ โอบไหล่ฉันอีกแล้วนะ”
“ไม่ได้อยากโอบหรอก แต่เนื้อที่มันน้อย กล้ามแขนผมมันก็ใหญ่ก็เลยต้องโอบ น่า...เบียดๆกันหน่อย”
“นี่ จอดรถข้างหน้านี่แหละ ฉันจะลงแล้ว”
อินทรจอดรถข้างร้านกาแฟข้างทาง รุ้งระวีลงจากรถ
“ขอบคุณนะที่ช่วย”
“ยินดีครับ”
ทูนอินทร์ยิ้มให้ รุ้งระวีวิ่งหลบเข้าร้านกาแฟตรงหน้าทันที ทูนอินทร์และอินทรลงจากรถมองตามไป
“จั๋งไดล่ะเจ้านาย หลงนังแหม่มแล้วบ่” หนานแซว
“เฮ้ย เคยได้ยินนักร้องชื่อ รุ้งระวี ศรีแอลเอไหมวะ” ทูนอินทร์ถาม
“ได้ยินยู้อ้าย นี่ล่ะ...เพลงเพิ่นกำลังดัง” คูนบอก
ทั้งคูนและหนานร้องเพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ พร้อมเคาะกลองไปด้วย
“หน้าตาเป็นยังไง” ทูนอินทร์สนใจมาก
“บ่เคยเห็นแจ้งๆ จักเทื่อ ฮู้แต่ว่า เป็นลูกเคิ่ง”
อินทรสงสัย
“มีอะไรเหรอครับพี่ทูน”
“เอาน่า ขอฉันเข้าไปจิบกาแฟก่อน”
ทูนอินทร์เข้าร้านไปทันที
อินทรส่ายหน้า
“อะไรของเขา เห็นกินแต่โอเลี้ยง”
ในร้าน...รุ้งระวีกำลังโทรมือถือ ทูนอินทร์เข้ามาในร้าน หลังเคาน์เตอร์ร้านมีโทรทัศน์เปิดช่องปกติอยู่
“ค่ะพี่ รุ้งนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟปากซอยเข้าตลาดน่ะค่ะ พี่รีบมารับเลยนะ”
รุ้งระวีเลิกสาย ทูนอินทร์มายืนยิ้มตรงหน้า
“เออ...โต๊ะเต็มทุกโต๊ะเลย ผมขอนั่งด้วยคนนะ”
รุ้งระวีมองไปรอบร้าน ไม่เห็นมีใครนั่งสักคน
“โต๊ะว่างทุกโต๊ะเลย ไปนั่งโต๊ะอื่นเถอะ อีกอย่างฉันปลอดภัยแล้วละ ไม่ต้องตามมาดูแลหรอก”
“เปล่า ไม่ได้ดูแล แค่หิวกาแฟ...น้องกาแฟดำแก้ว”
ทูนอิทน์หันไปสั่งกาแฟ แล้วหันมายิ้มกริ่ม
“อยากคุยกับคุณน่ะ”
“คุยอะไร”
“ทำไมแม่ค้าเขาเรียกคุณว่า รุ้งระวี ศรีแอลเอ ละครับ”
“แม่ค้ามั่วน่ะ เห็นฝรั่งหน้าเหมือนกันหมด”
“แล้วทำไมต้องวิ่งหนีด้วยล่ะ”
“ฉันไม่ชอบพวกตื๊อน่ะ เอ๊ะ ถามทำไม”
ทูนอินทร์ยิ้มขำๆ
“ก็ถ้าเป็นนักร้องจริง จะขอฟังเสียงเสียหน่อย”
มือถือดังขึ้น รุ้งระวีรับสายจี่หอยอีกครั้ง
“ค่ะ รุ้งรออยู่ในร้าน พี่รีบมาเลยนะ”
รุ้งระวีเลิกสาย แล้วสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเพลงของตัวเอง หันขวับไปมอง เห็นมิวสิคของตัวเองใน
ทีวีของร้าน ในเพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ เธอทั้งร้องทั้งเต้น ฉากหลังเป็นแอลเอ
“แหม...ร้านนี้เปิดเพลงดังจัง”
“นั่นซี หนวกหูมากเลย ฉันไปละนะ”
รุ้งระวีวิ่งออกจากร้าน
“เดี๋ยวซีคุณ...น้องคิดเงิน”
“ค่ะ...” พนักงานเดินเข้ามาหา
“นี่น้อง ทำไมเปิดเพลงดังจัง” ทูนอินทร์สงสัย
“แหม....ก็เพลงนี้กำลังฮิตนี่คะ...ฝากจิ้มแจ่ว ไปแอ้ลเอ้ แอ้ลเอ้” พนักงานร้องให้ฟัง
“หา...เพลงอะไรนะ”
พนักงานร้องเป็นเพลง
“ฝากจิ้มแจ่วไปแอ้ลเอ้”
ทูนอินทร์มองมิวสิคในทีวีตะลึง รุ้งระวีร้องเต้นสนุกสนาน เสียงเพราะเหมือนระฆังแก้ว
“ใช่นี่หว่า นี่แหละใช่เลย”
ทูนอินทร์วางเงินแล้ววิ่งออกจากร้าน พบว่ารุ้งระวีใส่แว่นดำยังยืนรออยู่ที่ถนน กำลังต่อมือถือ เขาเดินเข้าไปหาทันที...
“นี่คุณ”
“อะไร”
“ถอดแว่นให้ผมดูหน้าหน่อย”
“จะดูทำไม...เลิกยุ่งกับฉันเสียที”
รุ้งระวีจะแยกไป ทูนอินทร์คว้าแขนไว้ แล้วดึงแว่นออกจากหน้าของเธอ
“นี่...จะทำอะไรของนาย”
“ใช่เลยละเนี่ย คุณคือรุ้งระวี ศรีแอลเอจริงๆ”
รุ้งระวีไม่มีทางเลี่ยง ย้อนถาม
“แล้วทำไม ถ้าฉันเป็นนักร้อง แล้วจะทำไม”
ทูนอินทร์ยิ้มกว้าง
“จะบอกว่าผมดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง คุณสวยมาก และเสียงคุณเพราะมากครับ”
รุ้งระวีมองอย่างประเมินว่าเขาพูดอย่างจริงใจรึเปล่า แต่ทูนยิ้มอย่างไม่เสแสร้งใดๆ
“...ขอบคุณ นี่...ฉันขอร้องนะ อย่าไปบอกใครนะว่าเจอฉัน”
“โธ่...แม่ค้าทั้งตลาด เห็นคุณหมดแล้ว จะปิดไปทำไม”
ทันใด...รถของจี่หอยแล่นตรงมาอย่างเร็ว ทูนอินทร์ต้องกระโดดหลบ จี่หอยและมะปรางลงมาจากรถ พอถึงตัวรุ้งระวีรีบเอาผ้าคลุมปิดหน้า รีบให้เธอใส่แว่นดำ
“รุ้ง นี่ใครน่ะ บอกแล้วใช่ไหมไม่ให้พูดกับใคร”
“ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่พี่”
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย”
จี่หอยพารุ้งระวีขึ้นรถ มะปรางขึ้นที่นั่งคนขับ แล้วรีบขับออก ทูนอินทร์มองตาม อินทร หนานและคูน เข้ามาสมทบ
“พี่ครับ มีอะไรกัน ท่าทางดูหลบๆซ่อนๆพิกล”
“พวกนายจะเชื่อไหม ว่าแหม่มนั่นน่ะ คือรุ้งระวี ศรีแอลเอ”
หนาน กับคูน แย่งกันถาม
“หา...อีหลีบ่เจ้านาย”
“รุ้งระวีคั่กๆ บ่”
ทูนอินทร์หันไปสั่งทันที
“ไปซื้อซีดีมาให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย ทั้งประวัติ ทั้งเพลงที่เธอร้อง เสียงอย่างนี้ มันถูกเป้คจริงๆ”
“ถูกเป้คอี้หยังหว่า”
“มันตรงสเปคฉันน่ะ ฉันหามานานแล้ว”
คูนพยักหน้ารับ
“จัดฮื่อโลดครับนาย”
ทูนอินทร์หันไปสั่ง
“ไม่ซื้อแผ่นผีนะ เอาของแท้”
“จัดฮื่ออีกเทื่อครับนาย”
ทูนอินทร์ยิ้ม รู้สึกสนใจรุ้งระวีมาก
ค่ำคืนนั้น...รุ้งระวีทานอาหารกับจี่หอย และมะปราง เธอเล่าเรื่องที่ตลาดดอนหวายให้ฟัง
“โอย จะเป็นลม นี่โดนแม่ค้าวิ่งไล่ทั้งตลาด เพราะทุกคนจำได้ว่าเธอคือรุ้งระวี ศรีแอลเอ เวร...กินอะไรไม่ลงแล้วเนี่ย อยากตาย”
พูดไปอย่างนั้น แต่เคี้ยวเต็มปาก
“อย่าเพิ่งตายค่ะ ของกินยังเต็มปากอยู่เลยค่ะ”
รุ้งระวีทอดถอนใจ...
“ทำไมมีคนจำรุ้งได้ขนาดนี้ มิวสิคเพิ่งจะออกอากาศวันนี้วันแรก”
“นั่นซีคะ...หรือว่ามีคนแกล้ง”
“ใครจะมาแกล้ง ไม่มีใครรู้จักรุ้งนี่นา”
จี่หอยบอกเครียดๆ
“ฉันไม่รู้แล้ว ข่าวพรุ่งนี้จะออกทั่วประเทศว่าเธอเพิ่งมาถึงเมืองไทย ถ้าคนทั้งตลาดออกมาให้ข่าวโต้ว่าเธอโกหก เราจะแก้ปัญหายังไง”
“ก็บอกไปว่าไม่ใช่รุ้งซีคะ รุ้งใส่แว่นดำตลอด ไม่มีใครยืนยันได้หรอกยกเว้น…”
“ยกเว้นใคร”
“ยกเว้น...นายนักร้องลงตุ่มคนนั้น”
“ทำไม”
“เขาถอดแว่นเห็นหน้ารุ้งแล้วน่ะซีคะ”
“โฮ...อยากตาย”
จี่หอยจิ้มของกินเข้าปากอีกคำใหญ่ มะปรางหันไปถามจี่หอย
“เรื่องนี้จะรายงานคุณอิทไหมคะพี่”
“ไม่ได้เลยนะ ให้คุณอิทรู้ไม่ได้ ไม่งั้นเราตกงานกันทั้งทีม แล้วถ้าตกงานฉันต้องกลับไปเต้นในบาร์เหมือนเดิม เต้นทั้งคืนจนขาหนีบดำ ได้สองร้อยฮือ อยากตาย”
จี่หอยจิ้มของเข้าปากอีก มะปราง กับรุ้งได้แต่มองอย่างสังเวช
ทูนอินทร์ และอินทร นั่งดูมิวสิคของรุ้งระวีอยู่ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านทรงไทยผสมตึกฝรั่ง ที่ไร่อินสรวงของเขา
“โอ้โฮ...เด็ดว่ะ ทั้งร้องทั้งเต้น เสียงดีจริงๆ แต่เสียงอย่างนี้คุ้นหูนะเหมือนเคยได้ยิน”
อินทรงง
“แน่ะ อย่าบอกนะพี่ว่าแอบไปรู้จักกันมาก่อน”
“เปล่า...ไม่เคยรู้จัก แต่มันคุ้นเสียงแบบนี้ เหมือนเคยได้ยินสมัยเด็กๆ”
“โอ้โฮ...เพ้อแล้วพี่ รายการเขาก็บอกอยู่แล้วว่า อยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก”
ในทีวี เมื่อเพลงมิวสิคจบลง พิธีกรชายหญิงเข้ารายการ...
“ไงครับ นี่ละครับเสียงจริง ตัวจริงของน้องรุ้งระวี ศรีแอลเอ”
พิธีกรหญิงกล่าวต่อ
“ปล่อยเพลงออกมาเป็นเดือน โดยที่เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน แล้วพอเปิดหน้ามาเท่านั้นละ...”
“สวยเช้งเลยครับ”
“นี่ละค่ะ หมัดเด็ดของค่ายอิทธิซาวนด์เขาละ เชื่อไหมคุณโก้ ติดอันดับหนึ่งแน่นอนเลยเพลงนี้”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น แล้วที่แฟนเพลงจะต้องกรี๊ดอีกอย่างอะไรรู้ไหม”
“คะ”
“พรุ่งนี้ สาวรุ้งของเราจะเดินทางจากแอลเอ มาถึงเมืองไทยแปดโมงตรง”
ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
“เฮ้ย....หมายความว่าไงวะ”
ขณะเดียวกัน พิธีกรหญิงประกาศต่อ
“เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอกเหรอคะตอนนี้”
“เปล่าครับ เธอร้องเพลงอัดเสียงที่แอลเอ แล้วครั้งนี้แหละที่เธอจะเดินทาง กลับมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกหลังจากที่จากไปเมื่อตอนห้าขวบ”
ทูนอินทร์หัวเราะ
“นี่ไง....ได้เรื่องแล้ว”
“อะไรครับ”
“ก็ที่ไม่ยอมให้เราไปบอกใครไงว่าเราเจอเธอ คนไทยอยู่เมืองไทยนี่แหละ แต่หลอกแฟนเพลงว่าเป็นสาวนอก”
“งั้นอย่าไปสนเลยพี่ พวกหลอกลวงประชาชน”
“แต่ฉันยังสนอยู่ว่ะ ทร...พรุ่งนี้เราไปรับยายนักร้องที่สนามบินด้วยกัน”
“หา...ว่าไง...”
“ฉันอยากรู้ว่ายายนี่หลอกอะไรคนไทยอีก ที่ร้องเพลงน่ะ เสียงจริง หรือว่าเสียงเทคนิคล้วนๆ”
ทูนอินทร์ยิ้มกริ่ม
รุ้งระวีอยู่ในชุดนอนบางเบา นั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนที่จัดอย่างเป็นระเบียบ เธอวางรูปแสงหล้า แม่ของเธอไว้ข้างเตียง เป็นรูปสมัยยังสาวสวยแต่งตัวเป็นนักร้องในบาร์ มีตัวเธอเองในวัยเด็กเล็ก ยิ้มแป้นอยู่ในอ้อมกอด รุ้งระวีในวัยเด็กนั้น ใส่ผมสีทองบลอนด์ แต่งหน้าทาปากแต่งตัวเพราะกำลังออกโชว์ รุ้งมองรูปแม่แล้วถอนใจ
“แม่คะ รุ้งกลับมาหาแม่แล้ว อยากไปตามหาแม่ที่โคราช แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะคุณอิทธิไม่ยอมให้รุ้งออกไปจากบ้านเลย กลัวคนเห็น แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้จะแถลงข่าวแล้ว รุ้งคงเป็นอิสระเสียที”
เสียงเคาะประตู
“พี่หอยเหรอ เชิญค่ะ”
ประตูเปิดเข้ามา พร้อมกับอิทธิที่ยิ้มกริ่มเข้ามา
“ผมเองรุ้ง”
รุ้งระวีหันขวับมามองอิทธิอย่างตื่นๆ รีบหยิบหมอนมาปิดหน้าอกตัวเอง อิทธิยิ้มอย่างเตรียมขย้ำ รุ้งระวีตกใจ!
อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 1/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์