หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 1

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 1
ภายในห้องประชุมบริษัทอิทธิซาวด์ ภาพที่จอทีวีกำลังฉายมิวสิควิดีโอของ รุ้งระวี ศรีแอลเอ นักร้องสาวลูกครึ่ง ซึ่งถ่ายที่แอลเอ เธอร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” อย่างไพเราะ อีกทั้งยังโชว์ท่าเต้นได้อย่างยอดเยี่ยม

ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมประกอบด้วยอิทธิ เจ้าของค่าย จุ๊บแจง แตงร่มใบ นักร้องสาว ซึ่งเป็นภรรยาลับๆ ของอิทธิด้วย ขวัญข้าว สาวอีสาน นักร้องผิวคล้ำ อาชา อาชาไนย นักร้องหนุ่มกล้ามใหญ่ขวัญใจสาวๆ แต่แท้จริงแล้วเป็นเกย์ จวงใจ ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของจุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชา อีกฝั่งหนึ่งคือจี่หอย และมะปราง ซึ่งจะต้องเป็นคนดูแลรุ้งระวี

จุ๊บแจง ขวัญข้าว อาชา และ จวงใจ แสดงความรังเกียจอย่างออกนอกหน้า ขณะที่อิทธิ จี่หอย และมะปรางชื่นชมอย่างจริงใจ เมื่อมิวสิควิดีโอจบลง จี่หอยและมะปรางปรบมือพร้อมกัน
“นี่คือมิวสิคตัวแรกของรุ้ง จะออกอากาศทางทีวีวันนี้เป็นวันแรก” อิทธิประกาศ
“ต๊าย....น้องรุ้งยิ่งออกกล้องยิ่งสวย เต้นก็กระจายนะคะ” จี่หอยชื่นชมมาก
“ร้องลูกทุ่งไม่แปร่งเลย” มะปรางเสริม
แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเจื่อน เมื่อเห็นสายคาเหยียดหยันของฝ่ายตรงข้าม
“ไม่ชอบกันรึไง” อิทธิหันไปถาม
“สวยตรงไหนคะ หน้าผิดส่วน ไหปลาร้าโปนเชียว” จุ๊บแจงเบ้ปาก
“ข้อยว่ามันบ่แม่นเสียงจริงอีหลีดอก เสียงเทคนิคซื่อๆ” ขวัญข้าวออกความเห็น
“ไปเจอได้ยังไงครับ อยู่ตั้งแอลเอ ขายส้มตำอยู่รึเปล่า” อาชาแซว
แล้วทั้งสี่คนก็หัวเราะพร้อมกัน อิทธิสวนกลับ
“อย่าดูถูกให้มากไป นี่แหละเพชรเม็ดงามที่ฉันจะเอามาเจียรไนล่ะ ขอยืนยันว่ารุ้งเป็นสาวลูกครึ่งที่ร้องเพลงลุกทุ่งได้จริงๆ ไม่มีเทคนิคเสริมแต่ง นี่ขนาดรุ้งยังไม่ได้มาเมืองไทย ออกอากาศแค่เสียงเพลง ก็ฮิตติดตลาดขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ไต่อันดับชาร์ทที่เท่าไหร่นะหอย”
“อันดับห้า ท็อปเท็นของคลื่นมิวสิคบ็อกซ์ค่ะ” จี่หอยตอบทันควัน
“พรุ่งนี้ต้องขึ้นอันดับหนึ่งแน่ๆ เพราะรุ้งจะเดินทางจากแอลเอ มาถึงเมืองไทยตอนแปดโมงเช้า และเราจะต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด พร้อมโปรโมทมิวสิคเพลงแรกไปด้วย และงานนี้ นักข่าวมากันเพียบ ทุกคนต้องไปต้อนรับที่สุวรรณภูมิ”
“ไปรับที่สุวรรณภูมิ!” ทั้งสี่คนร้องออกมาพร้อมกัน
จี่หอยและมะปรางมองหน้ากัน อย่างซ่อนเร้น กังวลบางอย่าง อิทธิประกาศอย่างมั่นใจ
“ใช่....งานนี้จะต้อนรับด้วยเพลงลำซิ่งของรุ้ง แต่งตัวให้ถูกงานด้วยล่ะ แล้วก็ทำตัวเป็นคนดี ต้อนรับนักร้องคนใหม่ ไอ้ประเภทขี้อิจฉา ขี้นินทา ขี้วีนมันคือขี้ทั้งนั้น เลิกๆเสียบ้าง”
ทั้งกลุ่มเจื่อนไป อิทธิเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแล้ว จึงออกจากห้องไป จุ๊บแจงถามเสียงดัง...
“ที่ลือกันว่าคุณอิทไปชอบพอกับมันที่เมืองนอก จริงเท็จแค่ไหน”
จวงใจหันไปมองหน้าจี่หอย
“คนที่รู้ ก็ต้องแม่จี่หอยนี่แหละ เพราะตามไปถึงแอลเอ”
อาชาหันขวับไปถาม
“จริงเหรอพี่หอย”
จี่หอยเชิ่ด
“อันนี้พี่จี่หอยไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ใช่คน สาระแนเรื่องชาวบ้าน แต่ที่แอบเห็น คุณอิทเธอซื้อแหวนเพชรให้น้องรุ้งด้วยนะ กี่กะรัติก็ไม่รู้เพราะไม่ใช่คนชอบ...” จี่หอยหันขวับมามองทุกคน กระแทกเสียง ”เสือก!”
ทั้งหมดสะดุ้ง มะปรางกลั้นหัวเราะ
“ไปเถอะน้องมะปราง ไปหาชุดลำซิ่งใส่กัน”
ทั้งสองออกจากห้องพร้อมแฟ้มงาน จุ๊บแจงหน้าเสียสุดๆ เพราะความหึงหวงอิทธิ
“นังหอยมันต้องมีอะไรปิดบังเราแน่ๆเลย” จวงใจบอกอย่างมั่นใจ
“โอ๊ยสิบ้าตาย...น้ำหนักข้อยขึ้นสิบโล สิฮื่อใส่ซุดลำแนวซิ่งม่องใด๋ดีล่ะเอื้อยจวง” ขวัญข้าวบ่น
อาชาหันมาบอก
“แนวพันทางไงเจ๊ ผสมระหว่างพังจำปากับมาม่าหลินฮุ่ย”
“ฮ่วย...นั่นมันซ้างผสมแพนด้า...นังผีบ้า…นังหน้าปลวก นังขี้กะปอม”
ทั้งสองคนโต้เถียงอย่างไม่ยอมกัน จวงใจกับจุ๊บแจงรำคาญ เดินหนีออกไปนอกห้อง

เมื่อเดินมาด้วยกันตามลำพัง จุ๊บแจงหันไปบ่นกับจวงใจ
“นังนักร้องฝรั่งคนนี้ มันจะต้องมาแย่งทุกอย่างของเราไปหมด ดูซีพี่ เพลงดีๆอย่างผู้บ่าวข้าวจี่ กับหมอลำออนไลน์ แจงก็ไม่ได้ร้องแล้ว เอาไปประเคนให้มันร้องหมดเลย”
จวงใจย้อนถาม
“อ้าว แจงก็ยังได้ร้องเพลงจี่หอยคอยแฟน ไม่ใช่เหรอ”
“แหมพี่ มันมีท่อนเป็นแร็ปน่ะ แจงจำเนื้อไม่ค่อยได้ ก็รู้อยู่เราเรียนมาน้อยสมองไม่ค่อยแล่นน่ะ”
“โง่....เอ๊ย....สมองช้าไปนิดเดียว ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่เจรจาให้”
ทั้งสองคนเห็นอิทธิ จี่หอยและมะปรางเดินคุยมาด้วยกันท่าทางเครียดๆ จึงพากันหลบมุมแอบฟัง
“คุณอิท แล้วพรุ่งนี้ทุกอย่างจะแนบเนียนเหรอฮะ เรื่องยายรุ้งน่ะ...สุวรรณภูมินะคุณไม่ใช่ตลาดจตุจักร” จี่จอยถามอย่างกังวล
“ฉันเตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ไป...ไปหารุ้งกันก่อน”
อิทธิบอกอย่างมั่นใจ มะปรางและจี่หอยออกจากบริษัทไป จุ๊บแจงมองตามหัวเราะขำๆ
“คุณอิทนี่พูดตลกนะพี่ ไปหารุ้งก่อน ทำอย่างกะมันอยู่เมืองนนท์ มันอยู่ตั้งแอลเอ จะไปหามันได้ยังไง”
จวงใจนิ่งคิด
“แล้วถ้ามันอยู่เมืองนนท์จริงๆล่ะ”
“คืออะไรพี่ แจงงง สมองช้าไม่ค่อยแล่นน่ะ”
“อย่าเพิ่งโง่ เอ๊ย อย่าเพิ่งงง มีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วละ รีบตามเร็ว”
จวงใจฉุดจุ๊บแจงตามไปทันที

จุ๊บแจงที่ขับรถตามรถอิทธิมา จอดซุ่มอยู่ไม่ห่างนัก เมื่อเห็นอิทธิจอดรถที่หน้าบ้านหรู รออยู่หน้ารั้ว จี่หอยและมะปรางไขกุญแจประตู แล้วเปิดประตูให้อิทธิขับรถเข้า
“บ้านใครเนี่ย” จุ๊บแจงสงสัย
ขาดคำรุ้งระวีวิ่งออกมาจากในบ้าน
“กลับกันมาแล้ว ดีใจจังเลย อยู่คนเดียวเบื่อจะตายอยู่แล้ว”
จวงใจและจุ๊บแจงมองหน้ากัน
“นังรุ้งมันอยู่เมืองไทย”
จุ๊บแจงหน้าเครียด
“คิดออกแล้ว อย่างนี้นี่เอง ฮึ...นังฝรั่งหนองบัวลำพู งั้นซีร้องเพลงไทยชัดยิ่งกว่าคนอีสานแท้”
จวงใจพยักหน้าเห็นด้วย
“มันต้องเป็นพวกอีตัว ไปหากินกับฝรั่งเมืองนอก แล้วคุณอิทธิก็เอามาชุบตัวว่าเป็นแหม่มแอลเอ หลอกแฟนเพลงแน่ๆ”
ในรั้วบ้าน อิทธิลงจากรถ รุ้งระวีกำลังดูถุงขนม และอาหารที่จี่หอยและมะปรางถือมา
“เจ๊หอย ให้รุ้งออกมาทำไม พาเข้าบ้าน เดี๋ยวใครเห็นเข้า” อิทธิสั่ง
“เออ จริง เข้าบ้านเลยค่ะ เข้าบ้านเดี๋ยวนี้”
หอยพารุ้งเข้าบ้านไปพร้อมมะปราง อิทธิมองมาซ้ายขวา เห็นว่าไม่มีใครมอง โล่งอกแล้วเข้าบ้านไป ขณะเดียวกันจวงใจและจุ๊บแจงวิ่งมาที่รั้ว แอบมองเข้าไป
“คุณอิทนะคุณอิท พามันมาอยู่บ้านอย่างนี้ แสดงว่าต้องเลี้ยงมันเป็นเมียน้อย แจงคือหลวงนะพี่จวง ยอมได้ไง”
“ลืมแล้วเหรอคะ น้องแจงแย่งคุณอิท มาจากเมียหลวงเขาอีกทีไม่ใช่เหรอ”
“พี่จวงอ๊ะ ไม่ต้องตอกย้ำ นี่แสดงว่าแจงตกกระป๋องแล้วใช่มะ”
“ไม่มีวัน พี่ไม่มีวันให้แจงตกกระป๋อง เพราะถ้าแจงตกกระป๋อง พี่ก็ขาดค่าหัวคิวไปด้วย เอ๊ย...ไม่ใช่พี่ก็จะไม่ได้ดูแลน้องแจงอีก”
จวงใจจุ๊ปากให้เงียบๆ แล้วเดินย่องๆนำเข้าไป จุ๊บแจงรีบตามด้วยความอยากรู้

ในบ้าน...รุ้งระวีทานขนมไทยที่จี่หอยซื้อมาฝากอย่างอร่อย
“รสชาติขนมครกอย่างนี้ซี ถึงจะไทยแท้ คุณอิท รุ้งดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่ได้กลับมาบ้าน”
อิทธิถอนใจ
“แต่ผมไม่ดีใจด้วยหรอกนะ รุ้งรีบกลับมาทำไม ทำไมไม่กลับพรุ่งนี้ตามที่เราตกลงกันไว้”
“รุ้งบอกพี่จี่หอยแล้วนี่คะ รุ้งอยากมาตามหาแม่”
“แล้วได้ตามไหมล่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ...ก็คุณไม่ให้รุ้งออกจากบ้านเลยนี่คะ”
“ออกไปได้ยังไง ในเมื่อเราออกข่าวไปแล้วว่ารุ้งจะมาเมืองไทยพรุ่งนี้ ตอนนี้ให้ใครเห็นไม่ได้เลยนะ”
รุ้งระวีถอนใจ
“ก็บอกไปตามความจริงไม่ดีกว่าเหรอคะ รุ้งไม่อยากโกหกเลย เท่าที่คุณแปลงประวัติของรุ้งตั้งแต่เด็ก...นั่นก็โกหกทั้งหมด รุ้งไม่สบายใจเลยจริงๆ”
จี่หอยพยักหน้า
“เห็นด้วยค่ะ”
อิทธิพูดเครียดๆ
“รุ้ง นี่คือจุดขายของรุ้งนะ เราต้องการสร้างนักร้องที่อยู่เมืองนอก แต่มีใจรักความเป็นไทย คนไทยรักฝรั่งทุกคนที่เห็นค่าความเป็นไทย และรุ้งคือภาพนั้น เห็นไหม รุ้งยังไม่ได้มาให้แฟนเพลงเห็น เพลงรุ้งก็ขึ้นอันดับห้าแล้ว”
“ค่ะ”
อิทธิมองรุ้งระวีที่หน้าสลด แล้วดึงเธอมากอด จี่หอยและมะปรางมองอย่างเขินๆ รุ้งระวีเองก็อึดอัด
“อย่าทำหน้าอย่างนี้ซี...เชื่อผม ผมจะทำให้รุ้งดัง จนเป็นราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของวงการให้ได้”
รุ้งระวียิ้มในอ้อมกอดของอิทธิ แต่เจื่อนเต็มที ขณะเดียวกัน จวงใจและจุ๊บแจงแอบมองอยู่นอกหน้าต่าง
“โอ๊ย...ดูมันซีพี่จวง นังฝรั่งมันยั่วคุณอิทธิ นังหน้าด้าน”
“ใช่...เหมือนสมัยที่แจงยั่วคุณอิทธิเปี๊ยบเลย หน้าด้านจริงๆ”
จุ๊บแจงหน้าตึงที่ถูกด่า

ทูนอินทร์ เจ้าของไร่อินสรวง ที่สระบุรี ยืนอยู่ที่ร้านขายตุ่ม ซึ่งอยู่ในบริเวณตลาดน้ำดอนหวาย คนขายเปิดตุ่มให้ดูทีละตุ่ม ทูนอินทร์ชะโงกหน้าลงไปดู จนคนขายสงสัย ขณะเดียวกัน อินทร น้องชายของเขา หนาน และคูน ลูกน้องคนสนิท นั่งอยู่หน้าร้าน กำลังทดลองแคนและกลองที่ซื้อมาใหม่
“บักคูน เบิ่งติ๊หล่ะ ผู้สาวนครปฐมคั่กๆ ขาวคือหยวกกล้วย” หนานตาวาวเมื่อมองสาวๆ
“สาวคล้ำตาคมคนนั้นก็สวยนะพี่หนาน สาวนครชัยศรีแน่ๆ” อินทรมองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
“ฮู้ได้จังได๋ครับ คุณอินทร”
“ก็ใหญ่ยังกะ ส้มโอสองลูกขนาดนั้น”
สามหนุ่มหัวเราะร่า แล้วพากันบรรเลงเพลง คูนร้องเพลงเกี้ยวสาว ทูนอินทร์หันมามอง แล้วเดินยิ้มเข้ามาสมทบ คูนร้องไปได้แค่ครึ่งเพลง ป้าร่างอ้วนเดินผ่านมา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วโยนเหรียญบาทลงใส่หมวกของหนานที่วางอยู่ที่หน้าตัก ทั้งสามหยุดร้อง หยุดเล่นทันที
“แหม...ร้องเพราะนะ ไม่น่ามาเป็นขอทานเล้ย”
ทูนอินทรหัวเราะลั่น
“ไง...จะร้องต่อไหม”
สามหน้าเจื่อน หมดอารมณ์
“ไป...ไปเลือกตุ่มกันก่อน”
ทูนอินทรพยักหน้าเรียก ทั้งสามคนจำต้องตามไป

จวงใจและจุ๊บแจงรีบหลบเข้ามุมรั้วด้านนอก เมื่ออิทธิ จี่หอยและมะปรางออกมาจากบ้าน รุ้งระวีตามมาส่งด้วย
“อย่ากินขนมมากนะรุ้ง เดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าบานไม่สวย” จี่หอยหันมาสั่ง
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะคะ” รุ้งระวีเซ็งเมื่อจะต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง
“ตอนค่ำน่ะ อย่าออกไปไหนนะรุ้ง” อิทธิหันมาบอก
“รีบกลับนะคะ รุ้งไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วอย่าลืมส้มตำนะ”
“ไม่ลืมค่ะ”
มะปรางหันมาพยักหน้าให้ แล้วขึ้นรถ เมื่ออิทธิขับรถออกไป จุ๊บแจงแทบกรี๊ด
“ดูมันออเซาะคุณอิท...รีบกลับนะ รุ้งไม่อยากอยู่คนเดียวจะอ้วก”
“จะอ้วกเหมือนกัน แต่เมื่อกี้เพิ่งกินเนื้อโกเบมา เลยไม่อ้วก เสียดาย” จวงใจเห็นด้วย
รุ้งระวีเดินออกมาที่หน้ารั้ว มองหาผู้คน สองสาวรีบหลบ
“เบื่อจัง...อยู่คนเดียวมาสามสี่วันแล้ว อยากออกไปเที่ยวตลาด กินส้มตำ ปูปลาร้า เฮ้อ ไปไหนก็ไม่ได้ แถมไปไม่ถูกซะด้วย”
จวงใจได้ยิน คิดแผนการบางอย่างได้...
“ได้การละ แจงหลบอยู่นี่นะ พี่ขอยืมรถหน่อย เอากุญแจมา”
“จะทำไรพี่”
“เถอะน่า”
จวงใจรับกุญแจจากแจง แล้วเดินออกจากที่ซ่อน ทำทีเดินผ่านบ้าน รุ้งระวีรีบหลบหน้า จวงใจชะงักมองมาที่ดอกไม้ที่ปลูกนอกรั้ว
“อุ๊ย...ดอกอะไรคะเนี่ย สวยจัง”
รุ้งระวีหันไปมอง
“คุณน้องคะ...บ้านคุณน้องนี่ดอกไม้เยอะนะคะ นี่ดอก...อะไรเอ่ย” จวงใจทำทีเป็นชวนคุย
“มะ...ไม่ทราบหรอกค่ะ” รุ้งระวีไม่ค่อยอยากจะคุยกับคนแปลกหน้า
“งั้นพี่ขอสักช่อนะคะ”
“ได้ค่ะ”
“จะไปไหว้พระที่วัดไร่ขิงน่ะ”
รุ้งระวีสนใจทันที
“ไหว้พระที่วัด อยู่ไกลไหมคะ”
“ออกพุทธมณฑล นิดเดียวละค่ะ แล้วจะแวะไปตลาดดอนหวายด้วย”
“ตลาด อยู่ไม่ไกลใช่ไหมคะ”
“ไม่ไกลเลยค่ะ ผ่านวัดเข้าไปอีกนิดเดียว”
จวงใจเดินไปที่รถที่จอดอยู่ รุ้งระวีมองตาม แล้วตัดสินใจตะโกน
“พี่คะเดี๋ยว”
“มีไรคะ”
“ถ้าหนูขอติดรถไปด้วยละคะ”
จวงใจยิ้ม เพราะเข้าทาง
“ไปตลาด หรือไปวัด”
“ตลาดน่ะค่ะ ดอนหวายนั่นแหละ ได้ไหมคะ”
“อืมม์ ก็...ได้ค่ะ ถือว่าตอบแทนที่หนูให้ดอกไม้พี่”
“งั้นรอเดี๋ยว ไปหยิบเป๋าตังค์ก่อนค่ะ”
รุ้งระวีวิ่งเข้าบ้าน จุ๊บแจงวิ่งมาหาจวงใจ
“จะทำไรพี่จวง”
“พามันไปตลาดไง แล้วเราแอบถ่ายคลิปไว้”
จุ๊บแจงยิ้มอย่างเข้าใจ
“จะถ่ายคลิปโป๊ใช่ไหมพี่ เอ๊ะ แล้วจะจับมันแก้ผ้ากลางตลาดยังไงล่ะ”
จวงใจเซ็ง
“โถ...โง่ะ...เอ้ย...โถ...หนูซื่อ ถ่ายมันตอนเดินตลาดไงจ๊ะ จะได้เป็นหลักฐาน ว่ามันไม่ได้มาจากแอลเอตามที่มันโกหก ไว้แฉกลางงานพรุ่งนี้ไง”
“พี่จวงเนี่ย นางร้ายเรียกแม่เลยนะ เอ๊ะ แล้วจะเอารถหนูไปเหรอ”
“ก็ใช่น่ะซี”
“แล้วแจงจะตามไปไงล่ะ”
“แท็กซี่ไงคะ ไม่งั้นก็...วินมอไซค์ หรือไม่ก็...เดิน”
จุ๊บแจงพยักหน้ารับ อย่างไม่มีทางเลือก

กลุ่มของทูนอินทร์ยืนดูตุ่ม ขณะที่คนขายบรรยายสรรพคุณ
“นี่ละครับ ตุ่มเกรดดีสุด รองน้ำฝนจะเย็นฉ่ำตลอดเวลา ไม่ต้องพึ่งตู้เย็นเลย”
“ไม่ได้เอาไปรองน้ำหรอกน้า...พวกนี้เล็กเกินไป ผมต้องการขนาดใหญ่” ทูนอินทร์บอกจุดประสงค์
คนขายงงๆ
“เท่าไหนครับ”
“เท่าตัวผมเนี่ย....”
คนขายพาไปดูอีกด้าน เป็นตุ่มขนาดใหม่มาก
“งั้น...นี่เลยครับ”
“ขอดูก่อนนะ”
“ได้เลยครับเฮีย”
ทูนอินทร์ชะโงกลงไปในตุ่ม แล้วปีนลงไป
“เอ้า คุณ จะทำอะไร ลงไปทำไม” คนขายงง
“ท่าจักน้อยก็ฮู่เอง ให้อ้ายเพิ่นลองเฮ้ดงานเบิ่งก่อน” หนานบอก
ทันใด เสียงทูนอินทร์ร้องเพลงแว่วออกมาจากตุ่ม คนขายมองงงๆ

จวงใจจอดรถหน้าตลาดน้ำดอนหวาย
“ถึงแล้วจ๊ะคุณน้อง...”
รุ้งระวีลงมาอย่างตื่นเต้น
“ขอบคุณนะคะพี่...” รุ้งระวียิ้มหวานให้
“แล้วจะกลับยังไงล่ะ” จวงใจแสร้งเป็นห่วง
“พอรู้ทางแล้ว เรียกแท็กซี่ได้ งั้น....หนูลานะคะ”
รุ้งระวีใส่แว่นดำอำพรางใบหน้า แล้วเดินเข้าตลาดทันที
“ขอให้สนุกนะยะ นังแหม่มกะปิ”
จวงใจรีบหยิบมือถือออกมาทันที แล้วตามเข้าไปในตลาด ขณะที่รุ้งระวีตรงไปยังท่าน้ำ เดินดูแม่ค้าที่ขายของ จวงใจหยิบมือถือมาถ่ายไว้ แล้วมองภาพที่ถ่าย พลางส่ายหน้าไม่พอใจ
“ทำยังไงมันถึงจะถอดแว่นนะ จะได้เห็นหน้ามันชัดๆ”

ทูนอินทร์ ร้องเพลงอยู่ในโอ่ง หนาน คูน อินทรและคนขายมุงดู
“ใช้ได้ เสียงดี ผมเอาตุ่มใบนี้แหละ”
ทูนอินทร์ลุกขึ้นมาแล้วนั่งอยู่ขอบตุ่ม เจ้าของร้านงง แต่ก็เรียกคนงานมาขนตุ่มใส่รางรถเข็น อินทรหันไปถามพี่ชายอย่างสงสัย
“พี่ต้องลงไปร้องในตุ่มทำไมนะ ห้องอัดเสียงของเราก็มี”
“ร้องในห้องอัดมันก็อยู่แต่ในห้องทึบสี่เหลี่ยม ร้องในตุ่มมันได้ร้องกลางแจ้งโว้ย ฟีลมันผิดกัน”
“เจ้านาย ว่าวมาซื่อๆโลด ย่านบ่กล้าร้องฮื่อซาวบ้านฟัง แม่นบ่ล่ะ จึงจอบมาฮ้องในตุ่มยังซี้” หนานออกความเห็น
“ขี้อายว่าซั่นเถาะ” คูนเสริม
ทั้งสามหนุ่มหัวเราะ ทูนอินทร์หน้าแดงด้วยความเขิน
“อายเอยอะไร ไม่ได้อายสักหน่อย”
“เอาจังซี้เจ้านาย ฮ้องซื่อผู้เดียว มันบ่ได่อารมณ์ มันต้องมีเสียงแคนเสียงโทนนำ จึงสิเกิดอารมณ์ฮ่วม”
“แล้วเอ็งจะทำไม” ทูนอินทร์สงสัย
“ลงไปฮ้องในตุ่มอีกจั๊กเทื่อ เดี๋ยวให้เพิ่นซุกตุ่มไปเทิงรถ พวกข้อยสิเล่นเพลงนำเจ้า”
“ให้ฉันร้องตอนเข็นตุ่มเลยเหรอ”
หนานพยักหน้ารับ
“ยังซั่นแล้วครับเจ้านาย ลองเบิ่งดูว่าครั่นตุ่มเลื่อนไป เสียงเจ้านายคื่อเสียงเพราะอยู่บ่”
“เข้าท่าแฮะ งั้น...ลงตุ่มอีกที”
“ครับ เจ้านาย” หนานพยักหน้ารับ
ทูนอินทร์เข้าไปอยู่ในตุ่ม
“พี่...เข็นตุ่มเลย”
อินทรหันไปสั่ง คนขายและคนงาน เตรียมอุปกรณ์รถเข็น หนาน คูนและอินทรมองหน้ากันยิ้มๆ อย่างมีแผน ทั้งสามหยิบแคนและกลองมาพร้อมกัน แล้วบรรเลงทันที

ทูนอินทร์ที่อยู่ในตุ่มร้องพลง “รักน้องตุ่ม” โดยไม่รู้ว่าคนงานไม่ได้เข็นแล้ว แต่เป็นอินทร หนานและคูนที่ทั้งร้องทั้งรำ ไปกลางตลาด บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และคนที่มาซื้อของหันมาสนใจเป็นตาเดียว รุ้งระวีได้ยินเสียงเพลง เดินตรงมาดู โดยมีจวงใจตามดูอยู่ห่างๆ
อินทร หนาน คูน ร้องประสานให้ทูนอินทร์ ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดูกันเต็ม พอร้องจบท่อน คนที่มุงปรบมือกราว ทูนอินทร์ที่อยู่ในตุ่ม สะดุ้งเฮือก
“ใครร้องล่ะวะ ข้าไม่เห็นหน้าเลย” แม่ค้าตะโกนถาม
“คนฮ่องในตุ่มนี่แหละป้า” คูนบอก
ทุกคนพากันชะโงกหน้ามอง
“ก็ออกมาฮื่อเบิ่งติ๊ล่ะ” พ่อค้าอีกคนร้องบอก
“พี่ทูนออกมาเร็ว แฟนเพลงเขาเรียกแล้ว” อินทรบอกพี่ชาย
ทูนอินทร์หน้าแหย
“ไอ้บ้า ไหนว่าจะเข็นตุ่มขึ้นรถ”
“น่า ลุกขึ้นมาเร็ว”
อินทรทรดึงพี่ชายลุกขึ้นมา ทูนอินทร์หลบหน้างุดๆ ด้วยความเขิน บรรดาคนมุงปรบมือกราว เพราะติดใจในความหล่อ ทูนอินทร์ยกมือไหว้รอบทิศ หน้าแดง รุ้งระวีแทรกคนเข้ามาดูด้วย จวงใจตามมาห่าง ๆ
“หน้าตาดีนี่หว่า ร้องอีกซีพ่อหนุ่ม” แม่ค้าชม
“ไม่ไหวละครับป้า ไม่ใช่นักร้อง”
ทูนอินทร์พยายามปฏิเสธ เพราะไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อหน้าผู้คน
“นี่แล้วนักฮ้องอีหลี เสียงอีหลีคั่กๆครับท่าน” หนานอวดสรรพคุณ
“ไอ้บ้า กลับบ้าน ไม่เอาแล้ว ขายขี้หน้าเขา”
ทูนอินทร์จะแอบลงตุ่มอีกครั้ง แม่ค้ามองหน้าหล่อๆ ของเขาแล้วหยิบแบงค์ยี่สิบมาจากอกเสื้อ
“เอ้า ร้องอีกทีข้าให้ยี่สิบบาท”
อินทร คูน หนาน ทำจังหวะรัวกลองอย่างคึกคัก ทูนอินทร์เจื่อน
“ซาวบาท บ่ได้ค่าข้าวเหนียวจั๊กปั้นเลยป้า ขออีกจั๊กหน่อยบ่ได้บ้อ” คูนบอกแม่ค้า
“ข้าให้สามสิบ” แม่ค้าอีกคนหยิบเงินมาโชว์
“ก็ยังน่อยไปจั๊กน้อย”
สาวใหญ่หยิบแบงค์ 50 ออกมา
“หล่อแบบนี้ฉันให้ห้าสิบเลย”
“ห้าสิบหรือร้อยนึงก็ไม่เอา เฮ้ย เลิกเล่นเสียที กลับบ้าน” คูณแกล้งโวยวาย
รุ้งระวีนึกสนุก ตะโกนบอก
“ฉันให้ห้าร้อย”
ทุกคนเงียบเสียง หันมามองทางรุ้งระวีที่ยังใส่แว่นดำอำพรางหน้า เธอถือแบงค์ห้าร้อยชูหราทูนมองตะลึง ติดใจในความสวยเข้าแล้ว
อินทร หนาน และคูน โห่ร้องพร้อมกัน พร้อมรัวกลอง
“พี่ทูน แหม่มพูดไทยได้”
อินทรบอก ทูนอินทร์ตะลึงในความสวย
“งามอีหลี” คูนกระซิบ
“อ้ายทูน ท่าอีหยังล่ะ แหม่มคนงามเพิ่นให้ตั้งห้าร้อย”
หนานยุ ทูนอินทร์ตัดสินใจ
“เดี๋ยว ถ้าผมร้อง แหม่มจะเต้นเป็นหางเครื่องให้ผมได้ไหม ถ้าได้ผมจะร้องเดี๋ยวนี้ละ”
“ได้ค่ะ ขึ้นเพลงมาซีคะเดี๋ยวจะเต้นให้ดู”
ทั้งสามขึ้นเพลง ทูนอินทรรีบหยิบแว่นดำมาสวม แล้วเกิดลูกฮึดร้องตามจังหวะ ตอนแรกยังร้องเพี้ยนๆด้วยความเขิน แต่รุ้งระวีขยับเข้ามาแล้วเต้นตามจังหวะไปด้วย ทูนอินทร์เริ่มร้องเข้าโน้ต เต้นตามรุ้งระวี บรรดาคนมุงปรบมือตาม พ่อค้าดึงแม่ค้าออกมาทั้งเต้น ทั้งรำ สาวน้อยสาวใหญ่จับทีมสามสี่คนเป็นหางเครื่องแล้วเต้นพร้อมกัน จวงใจมองเหตุการณ์อย่างตะลึง
“ต๊าย นังแหม่ม หล่อนแซ่บมาก กล้าขนาดนี้เชียวเหรอ”
จวงใจรีบหยิบมือถือมาถ่ายภาพ
“ยังถอดแว่นมันไม่ได้เสียที จะทำไงน้า”
ทั้งรุ้งระวี และทูนอินทร์ใส่แว่นดำอำพรางหน้าทั้งคู่ ทั้งร้องและเต้นไปพร้อมๆกันจนจบเพลง บรรดาไทยมุงที่จับกลุ่มเต้นร้องเฮพร้อมกัน รุ้งระวีหัวเราะร่า ทูนมองรุ้งระวีอย่างปลื้มๆ

ทูนอินทร์ และและรุ้งระวีมานั่งคุยกันที่ร้านส้มตำตามลำพังที่ร้านอาหาร ทั้งคู่ต่างก็ยังใส่แว่นตาดำอยู่
“เงินห้าร้อยเนี่ย ให้ผมเลี้ยงคุณนะ...คุณ...ชื่อ...”
“เรียกฉันว่า แหม่มก็แล้วกัน” รุ้งระวีเห็นคนอื่นๆเรียกเธอย่างนั้นอยู่แล้ว จึงให้เรียกอย่างนั้นไปเลย
“ครับคุณแหม่ม”
“ทำไมต้องไปร้องเพลงในตุ่มด้วยละคะ”
“ในตุ่มมันเย็นดี แล้วเสียงมันก็กังวาลเพราะ”
“แต่เพื่อนๆ คุณบอกว่าคุณขี้อาย”
“เปล่า ไม่ได้อายเสียหน่อย”
“แต่ฉันว่าอายนะ เพราะตอนร้องเพลงคุณยังเอาแว่นดำมาใส่เลย อย่างตอนนี้ก็ยังใส่อยู่”
ทูนอินทร์ถอดแว่นออก รุ้งระวีมองอย่างประทับใจในความหล่อเหลาของเขา
“ไม่ใส่แว่น ผมร้องไม่ค่อยออกหรอก เพราะไม่อยากสบตากับใครเวลาร้องเพลง ปกติผมไม่ร้องเพลงกลางที่สาธารณะแบบนี้หรอกนะ”
“แล้วทำไมร้องละคะ อย่าบอกนะเพราะเห็นแก่เงินห้าร้อยของฉัน”
“ห้าร้อยไม่เกี่ยวหรอกครับ มันเกี่ยวที่คุณแหม่มน่ะ”
“ฉันยังไงเหรอ”
“ใครจะไปกล้าปฏิเสธแหม่มสาวสวย แถมยังเต้นเก่งแบบนี้ได้ลงคอ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ให้ผมถอดแล้ว เมื่อไหร่คุณแหม่มจะถอดบ้างละครับ”
รุ้งระวีสะดุ้ง
“อุ๊ย...พูดถึงอะไรคะ”
“เออ...โทษ ผมหมายถึงแว่นน่ะครับ”
“อ๋อ...เสียใจค่ะ ฉันแพ้แดดแรงๆแบบนี้” รุ้งระวีแก้ตัวทันที

อีกมุมหนึ่งของร้าน จวงใจยังแอบถ่ายรูปรุ้งระวีอยู่ จุ๊บแจงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“พี่จวง เป็นยังไงบ้าง”
“อุ๊ย ใส่แว่นก่อนค่ะ เดี๋ยวแฟนเพลงจำหน้าได้”
จุ๊บแจงรีบใส่แว่นสีชา
“ไปไหนมาคะน้องแจง เป็นชั่วโมงเลย”
“หลงค่ะ บอกแท็กซี่ผิด จากดอนหวาย กลายเป็นดอนเมือง ไปไกลเลย”
จวงใจส่ายหน้า ในความไม่เอาไหนของจุ๊บแจง
“ดีนะ ไม่เลยไปสุวรรณภูมิ”
จุ๊บแจงไม่รู้ว่าประชด ถามต่อ...
“เป็นไงบ้างพี่จวง มันนั่งคุยกับใครน่ะ หล่อดี ผัวมันใช่ไหม ใช่แน่เลย”
“ใจเย็นค่ะ ตอนนี้เรามาหาทางให้นังรุ้ง มันถอดแว่นออกก่อนดีกว่า”
“แล้วจะให้มันถอดทำไมละคะพี่จวง”
“อ้าว มันใส่แว่นปิดหน้าอย่างนี้ ถ่ายไปก็เอาไปเป็นหลักฐานอะไรไม่ได้น่ะซีคะ”
จุ๊บแจงเห็นด้วย ทั้งสองมองไปที่แม่ค้า ที่วางจานส้มตำให้ทูนอินทร์ และรุ้งระวี
“คิดออกแล้ว”
จวงใจกระซิบข้างหูจุ๊บแจง
“ไหว้เลยค่ะ เรื่องเลวๆเนี่ย พี่จวงฉลาดจริงๆ”
จวงใจอึ้งไปกับคำชมแปลกๆ

จี่หอยและมะปราง ถือถุงของกินหลายถุงเข้ามาในโถงชั้นล่างของบ้าน พลางตะโกนเรียก
“รุ้ง รุ้งระวี ศรีแอลเอ พี่กลับมาแล้ว วันนี้งานเลิกเร็ว อยู่ไหนเนี่ย”
มะปรางเห็นเงียบจึงออกความเห็น
“สงสัยจะหลับค่ะพี่”
“ขึ้นไปดูซิ”
จี่หอยสั่ง มะปรางเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนรุ้งระวี แต่ไม่พบใคร
“พี่รุ้งคะ”
มะปรางรีบเดินไปที่ห้องน้ำ ก็ไม่พบใครอีก
“ไปไหนเนี่ย…”
จี่หอยเข้ามา
“รุ้ง ซื้อส้มตำเจ้าอร่อยมาฝาก ไง...หลับเหรอ”
“พี่หอย พี่รุ้งไม่อยู่บ้าน” มะปรางหันมาบอก
“รุ้งมันชอบเที่ยว เดี๋ยวมันก็กลับ ว้าย...ตาเถรเทวทัตน์ ไม่อยู่บ้านได้ไง กรี๊ดดดด”
จี่หอยร้องลั่น

ที่ร้านส้มตำ จวงใจพยายามเจรจากับแม่ค้าที่ตาโตเมื่อได้ฟัง...
“หา...ให้ป้าตั้งสองพันเลยเหรอ”
จวงใจพยักหน้า
“ทำตามที่ฉันบอก แล้วป้าเรียกคนให้เข้ามามุงดูมันให้มากที่สุดเลยนะป้า”
“เอางั้นนะ ได้ ได้ ว่าแต่ ยายแหม่มนี่เขาเป็นนักร้องจริงๆเหรอ”
“จริงซีป้า”
แม่ค้าหันไปดูทางรุ้งระวีและทูนอินทร์ ขณะเดียวกันมือถือดังขึ้น รุ้งระวีกดรับ
“ว่าไงคะพี่”
“รุ้ง เธออยู่ที่ไหน”จี่หอยถามร้อนใจ
“เออ...รุ้งอยู่ที่ตลาดแถวบ้านค่ะ”
“หา...ตลาดเหรอ ออกไปทำไม สั่งแล้วว่าห้ามออก ตลาดแถวบ้านตลาดไหนยะ”
“ดอนหวายค่ะ”
“อ๋อ ดอนหวายนี่เอง ว้าย...ตาเถรยายชี...ยายรุ้ง ฉันจะไปรับเธอ เดี๋ยวนี้อย่าพูดกับใคร อย่าสบตาใคร อย่าให้ท่าใคร เอ๊ย....ไม่ใช่...อย่าพูดภาษาไทยเชียวนะรุ้ง ทำตัวเป็นแหม่มเข้าไว้”
“เข้าใจค่ะ”
รุ้งระวีเลิกสาย ทูนอินทร์มองยิ้มๆ ที่ได้รู้ชื่อเธอ ขณะที่จี่หอยยังส่งเสียง
“เดี๋ยว น้องรุ้ง น้องรุ้ง....ยายปราง....ไปเร็ว”
จี่หอยร้อนรน มะปรางงง
“ไปไหนคะ”
“ไปดอนหวายน่ะซี ไปไม่ทัน แกกับฉันโดนหวายกลางหลังแน่ๆ”

จี่หอยและมะปรางวิ่งออกจากบ้านไปทันที

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 1
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์