หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 2
กริชชัยคุยโทรศัพท์ไปด้วย ขณะที่เขานั่งรถตู้เบนซ์อยู่บนท้องถนน
“พี่ใกล้จะถึงบ้านแล้วนะเภา อีกประมาณ 5 นาที แล้วเจอกัน”
กริชชัยวางสายแล้วถอนหายใจเล็กน้อย และหันกลับมามองรูปอรุณศรีอีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง พูดพึมพำเบาๆ กับตัวเองขึ้นว่า “เฮ่อ..ไม่กล้าโทรอยู่ดี”

ขณะเดียวกันนั้นอรุณศรีก็ยังยืนอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ที่เดิม ชะเง้อมองรถราที่สัญจรผ่านไปมาบนท้องถนน ข้างๆ เธอมีคนยืนรอรถเมล์อยู่ด้วย 3-4 คน สักพักก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งสาดไฟเข้ามายังจุดที่อรุณศรียืนอยู่ ไฟแรงสูงที่สาดมานั้นทำให้อรุณศรีต้องหรี่สายตาลงเล็กน้อย


รถสปอร์ตคันนั้นเปิดไฟขอทางเทียบจอดบริเวณป้ายรถเมล์ สุพรรณิการ์เปิดประตูฝั่งคนขับและก้าวลงจากรถ ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ในตัวอรุณศรีนัก
“ไงยะ คุณอรุณศรี โดนแฟนทิ้งให้โหนรถเมล์กลับบ้านอีกตามเคย นี่ถามจริง ถ้าฉันไม่บังเอิญโทร.หาแก แกจะต้องถ่อกลับบ้านเองจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย ?”

อรุณศรีส่ายหน้าเล็กน้อยกับความเป็นคนตรง เจ้าอารมณ์ แต่ปากกับใจตรงกันของเพื่อนรักอย่างสุพรรณิการ์ อรุณศรีก้าวเท้าพาตัวเองมาที่รถ
“คุณนายฝ้าย รอให้เพื่อนขึ้นรถ แล้วค่อยประชดไม่ได้หรือไง จอดปุ๊บเป็นต้องโผล่หน้ามาเหวี่ยงก่อนเลย”
“ก็จริงนี่ มีอย่างที่ไหน หอบแฟนมากินข้าว จ่ายตังค์ แล้วก็ปล่อยกลับบ้านเอง เจอฉันหน่อยไม่ได้ จะด่าให้กระเจิงเลย!!”

เสียงดังฟังชัดแบบไม่เกรงใจใครของสุพรรณิการ์ทำให้ผู้โดยสารซึ่งรอรถเมล์อยู่หันมามองอรุณศรีเป็นตาเดียว กัน อรุณศรีถึงกับหน้าแดงด้วยความอาย
“ฝ้ายพอได้แล้ว มีอะไรค่อยคุยบนรถ..ไป อายเค้า”

พยักพเยิดให้เพื่อนซี้ขึ้นรถแล้ว อรุณศรีเปิดประตูรถพาตัวเองเข้าไปนั่งข้างคนขับ และรีบปิดประตูรถทันที สุพรรณิการ์ส่ายหน้าไม่พอใจนักที่อรุณศรีชอบใจอ่อน ยอมปรานต์ไปเสียทุกเรื่อง สุพรรณิการ์กลับเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เพียง 5 นาที...รถตู้แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสวนลำเภา ทันทีที่รถจอดสนิท คนขับรถรีบวิ่งเข้ามาทำหน้าที่เปิดประตูรถให้โดยทันที
“คุณลำเภาฝากกุญแจไว้ให้ครับ” คนรถกล่าวกับกริชชัยอย่างสุภาพ นอบน้อม
กริชชัยรับกุญแจแล้วก้าวลงจากรถมาพร้อมกับไอแพดในมือ
“ขอบใจ กลับไปได้เลยนะ คืนนี้ฉันค้างที่นี่”
“ครับ” คนรถขับรถรับคำ จากนั้นก็รีบกุลีกุจอขึ้นไปขับรถนำรถตู้ของกริชชัยไปเก็บที่โรงจอดรถ

บ้านสวนลำเภาเป็นบ้านที่มีบริเวณพอสมควร แวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศร่มรื่น รั้วรอบบ้านมีพุ่มไม้ต้นไม่สูงนักปลูกคลุมรั้วไว้อีกชั้นหนึ่ง กริชชัยถือกุญแจพวงที่ลำเภาฝากไว้ให้ไขเข้าไปในบ้านอย่างไม่ค่อยคุ้นเคยนัก

ทันทีที่กริชชัยเดินก้าวเข้ามาในบริเวณบ้าน สุนัขที่ลำเภาเลี้ยงไว้และไม่คุ้นเคยกับกริชชัยมาก่อน ก็เห่าขึ้นมา โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“โฮ่งๆ โฮ่งๆ โฮ่งๆ” น้องหมาถึง 2 ตัวเห่าประสานเสียง เสียงแหลมๆ ของมันกรีดก้องเข้าไปในรูหูของกริชชัย เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็น “ขนมจีน” และ “ซาลาเปา” ยืนจังก้าพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ และทำท่าจะวิ่งพุ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายเขา
“เฮ้ยย!!” กริชชัยถึงกับผงะ

ขนมจีบ กับ ซาละเปายังคงเห่า “โฮ่งๆ” ไม่ยอมหยุด
กริชชัยถอยกราวกรูดอย่างลืมตัวตัวจนล้มลงกับพื้น ขนมจีบ ซาลาเปา หมายกระโจนพุ่งมาสู่เป้าหมายทันที

ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังขึ้น
“ขนมจีบ ซาลาเปา หยุด !!” ลำเภาสั่งเสียงเข้ม

ขนมจีบกับซาลาเปาถึงกับหยุดกึก แต่อาการที่จะพุ่งตัวเข้าหากริชชัยกะทันหัน จึงทำให้ลื่นไถลไปกับพื้น ก่อนที่จะวิ่งกลับไปกระดิกหางหาลำเภาผู้เป็นเจ้าของในทันทีอย่างว่านอนสอนง่าย
“นั่ง!!” ลำเภาสั่งอย่างเฉียบขาด น้องหมาต่างแสดงกิริยา “นั่ง” อย่างว่าง่าย
“ฟัง!! ” ลำเภาก้มหน้าพูดกึ่งออกคำสั่ง
เดอะแก๊งของลำเภาต่างกระดิกหูแสดงอาการรับรู้ นิ่งฟังลำเภาอย่างตั้งใจ ลำเภาชี้มาที่กริชชัยแล้วพูดกับขนมจีบ ซาละเปาว่า
“นี่คือคุณกริช”

กริชชัยสังเกตเห็นว่า เดอะแก๊งหันหน้ามามองเขาตามนิ้วของลำเภา
“ลูกของคุณน้าพวงแข ถ้านับตามศักดิ์แล้วคุณกริชเป็นน้องของหม่ามี๊” ขณะพูดคำว่าหม่ามี้ ลำเภาชี้มาที่ตัวเอง บรรดาน้องหมาหันกลับมามองลำเภาเป็นตาเดียว
“แต่คุณกริชอายุมากกว่าก็เลยเป็นพี่หม่ามี๊ เราเป็นญาติกัน ทีหลังห้ามเห่าคุณกริชอีกรู้หรือเปล่า”
บรรดาน้องหมาทั้งหลายถึงกับทำหน้าจ๋อยๆ ส่งเสียงงื้ดๆ ไปตามๆ กัน เมื่อได้ยินความจริงจากปากของลำเภา
“ดีมาก !!”

กริชชัยมองลำเภาแล้วก็กระพริบตาปริบๆ
“น้องฉันคุยกับหมา” กริชชัยว่า
ทันใดนั้น ลำเภาหันขวับมาทางกริชชัย แล้วเผลอใช้น้ำเสียงเดียวกับที่คุยกับน้องหมากับกริชชัย
“คุณกริช !!”
กริชชัยเผลอตัวลุกขึ้นยืนตัวตรงพรวดพราดอย่างเชื่อฟัง
“ครับผม”
“นี่ขนมจีบ กับ ซาลาเปา เมื่อก่อนเภาเลี้ยงไว้ที่บ้านโน้น แต่พ่อกับแม่กลัวเหงาก็เลยส่งมาอยู่เป็นเพื่อน “
“ถึงว่าเมื่อก่อนมาไม่มี”
“เพราะฉะนั้นทั้งคุณกริช ขนมจีบ และซาลาเปา เป็นสมาชิกใหม่ของบ้านนี้ ขอให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างปรองดอง”
“ครับ” กริชชัยรับคำ
“โฮ่ง” ขนมจีบ ซาลาเปาเห่ารับขึ้นพร้อมกันกับกริชชัยรับปากลำเภา
กริชชัยมองน้องหมาด้วยความงง..พลางคิดในใจและอดสังสัยไม่ได้ว่า “มันฟังรู้เรื่องเหรอวะ”

ลำเภาเดินนำกริชชัยเข้ามาในบ้าน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ขณะที่ลำเภาเดินนำอยู่นั้น ก็สนทนากับกริชชัยไปพลางๆ
“พอคุณแม่บอกว่าคุณกริชจะมาอยู่สักพัก เภาก็ให้ช่างมาตกแต่งเพิ่ม แล้วก็แยกห้องคุณกริชออกไปเป็นสัดส่วน เภาไม่เข้าใจจริงๆ คุณกริชจะขายบ้านคุณน้าแล้วย้ายไปอยู่คอนโดทำไม”
ลำเภารินน้ำเย็นและยื่นแก้วน้ำนั้นให้กับกริชชัย
“บ้านมันใหญ่ไป คุณพ่อคุณแม่อยู่อังกฤษ ไม่ค่อยกลับ อยู่คนเดียว เหงา”
“เหงาก็หาแฟนสิ อย่างคุณกริชกระดิกนิ้วนิดเดียว ผู้หญิงก็มาเป็นแถว”
กริชชัยรู้สึกขำกับความเห็นของลำเภา

“ผู้หญิงนะ ไม่ใช่หมา เราเองก็ไม่ต่างจากพี่ ทั้งหน้าตา หน้าที่การงาน กระดิกนิ้วทีเดียวผู้ชายก็มา ทำไมยังหาแฟนไม่ได้” กริชชัยใช้คำพูดของลำเภาย้อนเธออีกทีหนึ่ง ลำเภาอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า
“ไม่ใช่หาไม่ได้ แต่ที่พอหาได้ ยังไม่ดีพอต่างหาก ..”
“โห” กริชชัยส่ายหน้าขำๆคารมของน้องสาว
“ อ้อ..แล้วที่คอนโดใหม่ของคุณกริชจะมีเพื่อนไปอยู่ด้วยเหรอ ?” ลำเภาซักฟอกด้วยความสงสัย
“อืมม์...” กริชชัย ยอมรับและส่งเสียงเบาๆในลำคอ
“ผู้หญิง ผู้ชาย ?” ลำเภาถาม
“ผู้ชาย”
“ชายแท้ หรือ ชายเทียม ?” ลำเภาสวนกลับพี่ชายอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย..ชายแท้ๆสิ นี่..พี่ไม่ใช่เกย์นะ” กริชชัยรีบพูดดักคอก่อนที่ลำเภาจะขยายประเด็นต่อ
“ไม่ใช่ก็ดี มีพี่ชายอยู่คนเดียว เภาไม่ยอมให้ผิดเพศนะ อยากอุ้มหลาน” ลำเภาบอก

กริชชัยถึงกับส่ายหน้าเอือมกับความช่างคิด ช่างสงสัยของลำเภา แต่ก็อดที่จะพูดทีเล่น ทีจริงไปว่า
“ เออ..แต่มันก็ไม่แน่นะ ถ้าเกิดอกหักขึ้นมา .. บางทีอาจจะเข็ดผู้หญิง หนีไปมีแฟนเป็นผู้ชายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“หะ ?” ลำเภาหันขวับอย่างรวดเร็วดวงตาเต็มไปด้วยความฉงนและอดสงสัยในตัวกริชชัยไม่ได้
“พี่ไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า .. ขอบใจมากที่จัดห้องไว้ให้” กริชชัยพูดหน้าตาเฉยก่อนจะเดินไปยังห้องนอน ทิ้งให้ลำเภายืนอยู่กับความสงสัย จนต้องหันมาถามน้องหมาที่นอนอยู่ข้างๆ
“ขนมจีบ ซาลาเปา” น้องหมาทั้ง 2 ตัวกระดิกหู ค่อยๆหันหน้าหันมาลำเภา ผู้เป็นเจ้าของ
“แกว่าคุณกริชเค้าพูดเล่นใช่ป่ะ ? เค้าไม่ได้จะเป็นเกย์จริงๆใช่มั๊ย ?”
“เดี๊ยนไม่รู้ .. เดี๊ยนเป็นหมา..” น้องหมาทำหน้าหน่ายๆ พลางตอบในใจ ว่าแล้วหมอบลงไปนอน
ตามเดิม
ลำเภายังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของกริชชัยด้วยความไม่สบายใจ.... มันยังไงกันนะ ?

ที่บ้านอันแสนอลังการของเนตรนภัส รถของวัชระแล่นเข้ามาในสภาพกระโปรงหน้ายุบ ท้ายโดนชน ไฟท้ายห้อยต่องแต่ง แล่นเข้ามาจอดเทียบที่บริเวณสวนด้านหน้าภายในบริเวณบ้าน เเนตรนภัสยืนกอดอกใบหน้าแสดงความไมาพอใจอย่างแรง วัชระลงจากรถอย่างหน่ายๆ อย่างรู้ชะตากรรม ทันทีที่เห็นหน้าวัชระ เนตรนภัสเปิดฉากทันที
“วัช ! แหนมโทร.ไปทำไมไม่รับสาย ? แล้วทำไมไม่โทร.กลับ ? ทำไมต้องให้ธีโกหก ? ทำไมมารับช้า ? แวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า ? แล้ว...” เนตรนภัสถามวัชระแบบไม่เว้นวรรคให้หายใจ
แล้วสายตาของเนตรนภัสก็เหลือบไปเห็นสภาพรถอันยับเยิน
“ทำไมกระโปรงรถบุบแบบนี้ ? อธิบายมาอย่างละเอียด Now!!” เนตรนภัสกล่าาว
วัชระส่ายหน้านิดๆก่อนจะพูดกับเนตรนภัสไปว่า
“แหนมใจเย็นๆก่อนได้มั๊ย ? อย่าเพิ่งใส่อารมณ์ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยนะ.. เรื่องมันมีอยู่ว่า...” วัชระตั้งท่าจะเล่า แต่เนตรนภัสกลับสวนขึ้นในทันที
“พอๆๆๆ ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ! แหนม ไม่อยากฟัง !!”
วัชระทั้งอึ้งและงง ไหน...ตอนแรกกลับถามแบบไม่หายใจอยากรู้ แต่พอจะเล่า เนตรนภัสกลับไม่ฟัง
“ผมยังไม่ได้แก้ตัวเลยนะ ผมแค่จะบอกเฉยๆ แล้วตกลงจะให้อธิบายหรือเปล่า ?” วัชระถามเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ต้องแล้ว ไม่อยากฟัง แหนมหิวข้าว !!!” เนตรนภัสบอก
วัชระแสดงสีหน้าเซ็งๆ กับน้ำเสียงแสดงความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของเนตรนภัสที่เอาแต่ใจตัวเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“โอเคๆ..ไปกินข้าวก็ไปกินข้าว แล้วจะกินอะไร”
“ไม่รู้ !!” ตอบแบบไม่มีหางเสียง
“งั้นตามใจผมนะ ผมเลือกเอง”
“แต่แหนมเป็นคนหิว จะตามใจวัชได้ยังไง”
“งั้นแหนมก็บอกมาสิคร้าบ .. ว่าอยากจะรับประทานอะไร ไม่รู้แล้วผมจะจัดให้ถูกหรือไง ?”
“ก็คนมันไม่รู้ จะคาดคั้นหาอะไรหะ ? ไม่รู้หล่ะ ขับรถออกไปก่อน นึกได้แล้วจะบอกเอง”
วัชระถอนหายใจแสดงอาการเหนื่อยใจ เนตรนภัสหันมาพูดเชิดๆใส่วัชระอีก
“ไปรถแหนมนะ รถวัชนั่งไม่สบาย แถมกระโปรงหน้าก็ยุบ ไฟท้ายก็ห้อยต่องแต่ง แหนมนั่งไม่ได้หรอกอายเค้า !!!”
เนตรนภัสพูดจบก็เดินตรงไปที่รถสปอร์ตของตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆ แล้วหันหลับมาทางวัชระอีกครั้งและออกคำสั่ง
“วัชขับนะ แหนมขี้เกียจ !!”
เนตรนภัสเปิดประตูก้าวขึ้นรถ วัชระถอนหายใจยืนเหนื่อยหน่าย หันมามองกระโปรงหน้ารถของตัวเองพาลนึกไปถึงที่สุพรรณิการ์ทุบหน้ารถ และ ท้ายรถคันอื่นชน
“ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวย..แบบนี้วะ .. เฮ่อออออ...”
ทันใดนั้นเสียงแตรรถของแหนมก็ดังเร่งมา ปิ๊นๆๆ
“คร้าบ..คุณผู้หญิง !!!” วัชระร้องบอกและเดินไปที่หาเนตรนภัสที่รถด้วยแววตาครุ่นคิด

“ทำไมคนเราก่อนเป็นแฟน กับหลังเป็นแฟนกันแล้ว มันถึงได้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้..” .เสียงของอรุณศรีก็ดังแทรกเข้ามา คำพูดประโยคนี้ ถ้าวัชระได้ยินคงจะเห็นด้วยเพราะเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับภาวะเช่นนี้อยู่
อรุณศรีพูดขึ้นอย่างลอยๆอย่างไม่เข้าใจในร้านเหล้าของสุพรรณิการ์ ร้านเหล้า “สาดสุรา หวานนารี” ในบรรยากาศชายหาดริมทะเล ผนังเป็นปูนเปลือย บริกรทั้งหนุ่มและสาวที่เดินเสิร์ฟอาหารและมิกเซอร์ตามโต๊ะต่างๆอยู่ในชุดบิกินี่เก๋ๆ ไม่โป๊แต่แอบเซ็กซี่เล็กๆ
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ” อรุณศรีพึมพำกับตัวเอง
สุพรรณิการ์ยื่นหน้าเข้ามาตอบ..
“เค้าเรียกว่าหมดโปรไงแก แต่ฉันว่า..จริงๆแล้ว คนเราก็เปลี่ยนกันทั้งนั้น ฉันรู้จักแกมาตั้งแต่ป. หนึ่ง ถ้าแกยังเหมือนเดิมก็แย่แล้ว แต่อย่างไอ้ปรานต์ เค้าเรียกว่าเลวเสมอต้นเสมอปลาย”
อรุณศรีสะอึกเมื่อโดนเพื่อนแทงใจดำอย่างจัง
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ แกทนคบกับมันได้ยังไง” สุพรรณิการ์พูดต่อ
“ปรานต์เค้าเพิ่งจะเปลี่ยนไป ตอนเริ่มทำธุรกิจกับเพื่อนกลุ่มไฮโซ เมื่อก่อนเค้าก็ดูแลฉันดี ตอนพ่อแม่ฉันเสีย เค้าก็คอยช่วยงานศพ เป็นกำลังใจให้ฉัน เรื่องดีของเค้าก็มี” อรุณศรีว่า
“แต่เรื่องเลวมันก็เยอะ” สุพรรณิการ์พูดตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม จนอรุณศรีสะอึกอีกรอบ
“ไอ้ปรานต์มันไม่ได้ “เปลี่ยน” แต่มันเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาต่างหาก เงินเดือนยังไม่พอใช้ เชอะ ทำเป็นคบไฮโซ “
อรุณศรีฟังแล้วก็คิดหนัก..สุพรรณิการ์ใส่ต่อ ด้วยหวังว่า อรุณศรีจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง
“ฉันอยากให้มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยทำให้แกตาสว่างสักที อย่างแกหาดีกว่าไอ้ปรานต์ได้สบายมาก”
“ถ้าผู้ชายดีๆหาได้ง่ายๆ ฉันว่าแกก็คงมีแฟนไปนานแล้ว แกดู..ผู้ชายดีๆ มีอนาคต มีชาติตระกูล เค้าก็ไปคบกันเอง อย่างพวกโน้นไง” อรุณศรีว่า
อรุณศรีโบ้ยปากไปทางกลุ่มเกย์ผู้ดีที่นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างสุภาพและมีชาติตระกูลอยู่มุมหนึ่งของร้าน สุพรรณิการ์มองตาม .. ในใจคิดว่า “เออ ก็จริง”
“ส่วนผู้ชายแท้ๆ ที่เหลือ ก็อยู่โน่นไง..”
อรุณศรีบุ้ยโบ้ยปากไปอีกมุมหนึ่งของร้าน สุพรรณิการ์มองตามไปเห็นชายหนุ่มอาการหื่นๆ ยืนอยู่ที่หน้า
บาร์ ซึ่งหลังเคาท์เตอร์เห็น กรกนก อยู่ในชุดเซ็กซี่ ดูดี มีรสนิยม กำลังทำหน้าที่บาร์เทนดี้ ได้อย่างมืออาชีพ จังหวะการเชคไป เต้นไป ยั่วยวนได้ใจจนหนุ่มๆที่ยืนดูด้วยแววตาที่แฝงด้วยหื่นกระหาย บางคนใช้มือถือมาถ่ายคลิป ถ่ายภาพนิ่ง
กรกนกทำหน้าที่เชคอย่างมืออาชีพที่รุ่มรวยไปด้วยเสน่ห์ และโดดเด่นมากท่ามกลางแสงไฟ เมื่อกรกนกหันมาเห็นสุพรรณิการ์ก็ยิ้มรับให้อย่างเป็นกันเอง พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชน
“คุณกร..ผู้จัดการร้านฉันเอง” สุพรรณิการ์บอกกับอรุณศรี
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมร้านแกถึงได้คนเยอะ”
“ถึงฉันไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็รู้ว่าผู้ชายต้องการอะไร แล้วฉันก็แบ่งหุ้นในร้านให้คุณกรเรียบร้อยแล้ว”
อรุณศรีพยักหน้ารับด้วยความชื่นชม
“แกนี่สมกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยจริงๆ”
สุพรรณิการ์ยักไหล่รับอย่างภูมิใจ อรุณศรีหันกลับไปมองกรกนกที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มที่รายล้อมอยู่ แล้วก็ถามขึ้น
“แกว่า..สวยเลือกได้อย่างคุณกร..จะมีแฟนหรือเปล่า ?” อรุณศรีสงสัย

กรกนกนอนอยู่บนเตียง ข้างที่เธอนอนอยู่มีร่องรอยของคนที่เพิ่งลุกไป ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร่องรอยนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังไม่ได้ใส่เสื้อ และกำลังพยายามจะใส่กางเกงยีนส์อย่างรีบร้อน ด้วยความไม่ระวังชายหนุ่มชนเข้ากับเก้าอี้ล้มลงที่พื้น โครม !! กรกนกลืมตาด้วยความงัวเงีย
“ธี... “
ชายหนุ่มก้มลงเก็บเก้าอี้ขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาคือธีธัชนั่นเอง .. ธีธัชใส่กางเกงเรียบร้อยและกำลังหันไปใส่เสื้อ
“มอร์นิ่งจ้ะ “
ภายในอาพาร์ทเม้าท์ของธัช กรกนกหันไปดูนาฬิกา .. เวลาตี 3 พอดีเป๊ะ ข้างๆ นาฬิกาเห็นรูปคู่ของกรกนกและธีธีชแขวนอยู่เป็นรูปเล็กๆ แต่ข้างๆ เป็นรูปขาวดำของธีธัช วัชระ และกริชชัยถ่ายคู่กันสามคนอย่างเท่ใส่กรอบอย่างเก๋ติดอยู่ ทั้ง 2 รูป เห็นแล้วคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะเพื่อนสำคัญกว่าผู้หญิง
กรกนกหันมาทางธีธัช พร้อมกับยันตัวลุกขึ้น
“มอร์นิ่งตอนตี 3 เนี่ยนะ ? แล้วนี่จะรีบไปไหน” กรกนกถาม
ธีธัชพูดไปแต่งตัวไป
“ไปช่วยได้กริชมันสำรวจเส้นทาง มันจะพาลูกค้าวีไอพีไปลองรถ”
“กรไปด้วยได้หรือเปล่า ?” กรกนกหยั่งเชิงไปงั้นเอง
“ไม่ได้หรอก ไปกันแบบชายล้วน แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไป กรไปด้วยลำบากเปล่าๆ”
“ใครลำบาก .. กร หรือ ธี”
ธีธัชยิ้มอ้อนแล้วบอกว่า
“เอาน่า..ไว้ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณเปิดตัวเต็มที่ แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปก่อน ผมไม่อยากปิดโอกาสกร เผื่อกรเจอคนที่ดีกว่าผมไง แต่ถ้าอีกสักสิบ..ยี่สิบปีข้างหน้า เราสองคนไม่มีใคร..ผมอาจจะ “หยุด” ที่กรก็ได้”
ธีธัชยิ้มสดใส กรกนกยิ้มและพยักหน้าอย่างนั้นเอง
“ผมไปก่อนนะ” ธีธัชชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มกรกนกอย่างแรง
“คืนนี้เจอกันจ้ะ”
ธีธัชลุกเดินออกจากห้องไป..ประตูปิด ห้องเงียบกริบ กรกนกมองรอบๆห้อง เห็นแต่ความว่างเปล่า กรกนกคิดๆแล้วก็หันไปหยิบโทรศัพท์มากดขึ้นสเตตัสเฟซบุคผ่านบีบี
ผู้หญิงแบบไหน ที่ทำให้ผู้ชายอยากหยุดอยู่ด้วยตลอดชีวิต ??
“โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณ..ธีธัช .. ผู้หญิงแบบไหนที่หยุดคนอย่างคุณได้” กรกนกพึงพำกับตัวเอง ด้วยความสงสัย

ธีธัชขับรถออกจากอพาร์ทเม้นท์มาที่หน้าบ้านลำเภา จอดรถอยู่ห่างๆ ธีธัชชะเง้อๆที่หน้ารั้วและกำลังจะเอื้อมมือกดออด ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความเข้า ธีธัชเปิดอ่าน
“ไม่ต้องกดออด ข้างรั้วมีทางมุดเข้ามาได้เลย”
ธีธัชหันไปดูที่รั้วเห็นรูโหว่จริงๆ ธีธัชเก็บโทรศัพท์ และเดินมาที่ช่องโหว่พร้อมกับก้มตัวลงแหวกต้นไม้และเตรียมมุดผ่านต้นไม้เข้าไปในรั้วบ้าน

ที่ด้านหน้าของตัวบ้าน ลำเภากำลังรำไทชิ ออกกำลังกายอยู่ที่สวน ลำเภาถึงกับชะงักกึก เงี่ยหูฟังเสียงแกรกกรากอีกที ธีธัชพยายามจะแหวกเข้ามาในช่องโหว่อย่างยากลำบาก
ลำเภาหันขวับไปมองด้วยแววตาพิฆาต
“ใครฟะ?”
ลำเภาหันไปหยิบเศษไม้จากกองไม้ที่อยู่ไม่ไกล ขยับแว่นให้เข้าที่ค่อยและค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปใกล้เป้าหมาย
ธีธัชมุดผ่านช่องเข้ามาได้สำเร็จ หัวธีธัชโผล่พ้นรั้วเข้ามาเต็มหัว
“ลำบากจริงเว้ย” ธีธัชบ่นอุบ
ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังสวนเข้ามา
“ลำบากแล้วเข้ามาทำไมหะ ? ไอ้หัวขโมย !!!!”
ธีธัชผงะด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันจะตั้งตัว ไม้ในมือลำเภาก็ฝาดลงที่หัวของธีธัชอย่างแรงผั้วะ !! ตามมาด้วยเสียงร้องดังลั่น
“โอ้ย !!!”
ลำเภากระหน่ำตีต่อแบบไม่ยั้งมือ พร้อมกับตะโกนลั่น
“ช่วยด้วยขโมย !! คุณกริช !!! ขโมยเข้าบ้าน!!! รีบมาช่วยหน่อยเร็ว !!”
ธีธัชร้องไปหลบไป
“เฮ้ย ..โอ้ย..โอ้ยยย”
ธีธัชทั้งตกใจ ทั้งงง ทั้งพยายามหลบ ยังไม่ทันจะได้อธิบาย ลำเภาก็เล่นตีจนจุกพูดไม่ออก

กริชชัยวิ่งออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับปืนพกประจำตัว
“เภา !! เภาอยู่ไหน”
กริชชัยพยายามมองหาฝ่าความมืดในช่วงเช้ามืดที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี
ลำเภายังคงกระหน่ำตีธีธัชไม่หยุด พร้อมๆกับตะโกนบอกกริชชัย
“คุณกริช!! เภาอยู่นี่ มาช่วยกันเร็ว”
“โอ้ย โอ้ย เอ้ย หยุดก่อนฉันไม่ใช่ขโมย ไอ้กริช..ช่วยด้วย”

กริชชัยชะงักกึก หันขวับไปตามเสียง
“เฮ้ย นั่นมัน ไอ้ธี !!! เภาหยุดก่อน มันไม่ใช่ขโมย มันเป็นเพื่อนพี่เอง!!!”

ลำเภากำลังจะง้างมือฟาดอีกทีถึงกับชะงักกึก ถือไม้ค้างไว้
“เพื่อนคุณกริช ...” ลำเภาพูดเสียงเบาในลำคอ
ธีธัชหันมามองหน้าลำเภาเต็มๆ ตา
ลำเภาอยู่ในสภาพผมเผ้ารุงรัง สวมแว่นกรอบเนิร์ดที่เข้ากับใบหน้าดูเก๋ไปอีกแบบ ลำเภาหน้าใสเหมือนเด็กมัธยม แต่งตัวในชุดออกกำลังกาย หลังธีธัชปรายสายตาพิจารณา ก็โพล่งออกมาว่า
“เด็กบ้า !! จะตีใคร ทำไมไม่หัดดูตาม้าตาเรือบ้างหะ? นี่ช่วยดูให้เต็มๆตา หล่อขนาดนี้ จะเป็นขโมยได้ยังไง? มีตาสองข้าง แถมยังใส่แว่นซะหนาเตอะ ยังมองไม่ชัดอีกหรือไง? สายตาไม่ดี หรือสมองไม่ดีกันแน่!!”
“ใครกันแน่สมองไม่ดี บ้านเค้ามีออดก็ไม่กด มามุดรั้วเป็นหมาไปได้” ลำเภาใส่กลับธีธัช
“เฮ้ย ยัยเด็กบ้า เธอนี่มันทั้งตาไม่ดี สมองเสื่อม แล้วยังจะปากเสียอีกนะเนี่ย”
“แล้วตัวเอง ปากดีนักหรือไง ตั้งแต่สำรากมาไม่เข้าหูสักคำ”
“ย้อน ๆ นี่ทำผิดแล้วยังมีหน้ามาย้อนอีกเหรอ หะ?”

กริชชัยวิ่งเข้ามาแทรกด้วยความงง
“เฮ้ย ไอ้ธี เป็นไงบ้าง?”
ธีธัชหันขวับมาที่กริชชัย
“ไอ้กริช เด็กคนใช้...”
ลำเภาถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินธีธัชพูดถึงตัวเธอ
“บ้านญาติแกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ปากเสีย ตาไม่มีแวว แล้วยังไม่มีสัมมาคารวะอีกต่างหาก ดูดิ ฟาดหัวฉันซะน่วมไปหมดเลย ขอโทษสักคำก็ไม่มี แบบนี้มันต้องแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย” ธีธัชพูดต่อ
ขณะที่ธีธีชพูดเลือดก็ค่อยๆไหลเป็นทางออกมาบริเวณหน้าผากโดยไม่รู้ตัว กริชชัยเห็นรอยเลือดนั้นเพราะฟ้าเริ่มสว่างบ้างแล้ว กริชชัยชี้ไปที่ธีธัช
“เอ่อ...อะ..ไอ้ธี..” กริชชัยกำลังจะบอกธีธัชว่า เลือดไหล
“ก็ลองสิ ฉันจะได้ฟ้องกลับโทษฐานบุกรุกบ้านฉัน” ลำเภาพูดสวนแทรกขึ้นก่อนที่กริชชัยจะพูดอะไรต่อ
ธีธัชเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะคิดว่า ลำเภาแอบอ้าง
“บ้านเธอ?” ธีธัชหันมาทางกริชชัยพร้อมๆ กับพูดต่อว่า
“อย่าบอกนะว่ายัยเด็กบ้านี่เป็นญาติแก”
“เอ่อ.. ไอ้ธี.. แกมี..” กริชชัยยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ
ลำเภาเชิดหน้า พูดแทรกขึ้นอีก
“ใช่ ฉันเป็นญาติคุณกริช ฉันไม่ใช่คนใช้ แล้วฉันก็ไม่ใช่เด็ก และถ้าไม่อยากเสียเลือดตายอยู่ตรงนี้ก็รีบไปทำแผลได้แล้ว” ลำเภาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทว่าอย่างสะใจ
“เสียเลือด? .. เลือดอะไร?” ธีธัชซึ่งไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่โต้เถียงกับลำเภา ถามออกไปด้วยความสงสัย
กริชชัยที่พยายามจะพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ถึงเวลาได้พูดสักที
“ก็เลือดแกนั่นแหละ.. หัวแกแตกเลือดออกเต็มเลย”
ธีธัชรีบเอามือจับหัวตัวเอง แล้วก็ชะงักกึก..เพราะรู้สึกถึงความเหนียวๆ เยิ้มๆ ธีธัชค่อยดึงมือมาดู ทันทีที่เห็นเลือด ธีธัชถึงกับตาค้าง
“หะ? หัวฉัน? อ๊าก... เลือด...เฮ่อ”
ธีธัชเป็นลมล้มตึงไปลงไปกับพื้น
กริชชัยตกใจร้องเรียก “ไอ้ธี !!”

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์