หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13
อรุณศรีนั่งทำงานไป พลางคิดไป อรุณศรีนั่งหมุนปากกาอยู่ไปมา ครุ่นคิดแต่ยังไม่มีบทสรุปให้กับตัวเอง มือถือของอรุณศรีมีสัญญาณข้อความเข้า อรุณศรีหยิบมาอ่านหน้าจอขึ้นว่า

'วันนี้เลิกงานแล้ว จะมารับไปกินข้าว เจอกันจ้ะ คิดถึงนะ'
ไม่รู้ทำไม…อรุณศรีถึงอ่านด้วยความรู้สึกเฉย ชิน ชา และไม่สัมผัสถึงความคิดถึง ของ ‘คำว่าคิดถึง’ ของปรานต์ แม้แต่น้อย

ตอนเย็นหลังเลิกงาน รถของปรานต์แล่นเข้ามาจอดเทียบด้านหน้าบริษํท M Group ขณะที่อรุณศรีออกมายืนรออยู่แล้ว ปรานต์รีบเดินมาหาหน้าตาแจ่มใสผิดกับทุกครั้ง
“วันนี้ปรานต์มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะ ไม่สายแม้แต่นาทีเดียว เอ้อ..วันนี้ปรานต์ได้ค่าคอมพ์เดี๋ยวจะพาแอ๊วไปกินข้าว ไปชอปปิ้ง แล้วก็ไปดูหนังด้วย จัดเต็ม” ปรานต์พูดพลางยิ้มอวด
“เอาเงินทยอยคืนฝ้ายดีกว่า ปรานต์ยังเป็นหนี้ ใช้เงินแบบนี้แอ๊วไม่สบายใจ”
“โหย..หนี้แค่สี่แสนจิ๊บๆ แป๊บเดียวก็คืนได้หมด แต่วันนี้ปรานต์อยากพาแอ๊วไปเที่ยวเล่น อยากทำให้แอ๊วมีความสุข ดีป่ะ”
“ดี ..แต่มีพิรุธ “ อรุณศรีพูดแล้วมองหน้าปรานต์
ปรานต์สะอึกเล็กน้อย
“พิรง พิรุธ อะไร ไม่มี๊ ปรานต์แค่อยากจะปรับปรุงตัว เป็นแฟนที่ดีของแอ๊วไง” ปรานต์พูดและจับมือยิ้มหวานใส่อรุณศรี
“แค่วันเดียว อย่าเพิ่งโม้ ทำให้ได้ทุกวันก่อน แล้วแอ๊วจะตัดสินเองว่า เป็นแฟนที่ดีจริงหรือเปล่า”
“ได้เลย สบายมาก” ปรานต์ยิ้มมั่นใจ
จังหวะนั้น โทรศัพท์มือถือปรานต์ดัง
“แป๊บนะจ้ะ”
ปรานต์เตรียมจะรับสาย โทรศัพท์ของปรานต์ขึ้นหน้าจอว่า “พี่เกียว” เล่นเอาปรานต์ชะงักคิด และตัดสินใจกดทิ้งทันที อรุณศรีมองด้วยความแปลกใจ
“กดทิ้งทำไม ทำไมไม่รับ ใครโทร.มา”
“ก็ที่บริษัทนั่นแหละสงสัยจะถามเรื่องงาน แต่ตอนนี้มันหมดเวลางานแล้ ว ปรานต์เลยไม่อยากรับ ปรานต์อยากให้เวลากับแอ๊วเต็มที่ไง” ปรานต์พูดพลางยิ้มอำพราง
อรุณศรีมองแต่ในใจไม่ค่อยเชื่อปรานต์นัก

เกียวแปลกใจที่ปรานต์กดสายทิ้ง แต่เธอไม่ยอมโทร.กลับไปอีก
“ทำไมตัดสายทิ้ง” เกียวไม่ยอมโทร.กลับไปอีก

เพียงครู่เดียว โทรศัพท์ปรานต์ดังขึ้นมาอีก ปรานต์แอบสะดุ้งนิดๆ อรุณศรีมอง ปรานต์ทำเป็นหน้าหงุดหงิด
“โอ้ย..จะโทร.มาทำไมกันนักกันหนา” ปรานต์ทำเป็นโวยวาย พลางตัดสายทิ้ง และตั้งเป็นระบบ “ไร้เสียง”
“น่ารำคาญจริงๆ ... เฮ่อ .. ถ้าบริษัทนี้ไม่มีปรานต์สักคน คงเจ๊ง ไม่ได้เรื่อง แอ๊ว เดี๋ยวปรานต์ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวรีบมา” ปรานต์ทำเป็นบ่น
ปรานต์ยิ้มให้อรุณศรีก่อนจะรีบเดินพุ่งเข้าไปในออฟฟิศ เพื่อไปห้องน้ำทันที อรุณศรีมองตามนิดๆ แอบตะหงิดๆ ในใจ

ภายในล็อบบี้โรงแรมหรู เกียวกดวางสายด้วยความหงุดหงิด
“อะไรกันยะ กดทิ้งๆ ฉันไม่ใช่ชักโครกนะ”
เกียวกดโทร.อีกที
“ดูสิ จะกดทิ้งอีกหรือเปล่า” เกียวรอสายด้วยความใจร้อน

ปรานต์เดินหลบมา จนถึงมุมที่คิดว่าปลอดภัย มองซ้ายมองขวา เห็นว่าอรุณศรีไม่ได้ตามมา ก็หยิบ
โทรศัพท์มาดู หน้าจอมีแสงวาบ เกียวโทร.เข้า ปรานต์รีบกดรับ
“สวัสดีครับพี่..ขอโทษทีพอดีผมติดประชุมอยู่เลยรับไม่ได้ นี่ต้องขอเค้าเดินออกมารับข้างนอก ขอโทษมากๆเลยนะครับ”
ระหว่างที่ปรานต์คุยโทรศัพท์ไปก็ต้องคอยชะเง้อด้วยความระมัดระวัง
“ติดประชุม แล้วไป .. นึกว่าติดหญิง พี่ไม่ยอมนะ”
ปรานต์สะอึกนิดๆ
“หญิงที่ไหนกันครับ..ผมมีงาน พี่ก็รู้”

อรุณศรียืนอยู่ที่เดิมบริเวณหน้าบริษัท รปภ.เดินมาหา
“คุณแอ๊วครับ”
“คะ”
“ช่วยเลื่อนรถหน่อยนะครับ เดี๋ยวรถส่งของกำลังจะมา เค้าจะมาจอดเอาของลงตรงนี้ครับ”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ รอแป๊บนะคะ”
อรุณศรีหันมาที่ตึก เห็นว่าปรานต์ยังไม่มา อรุณศรีรีบเดินเข้าไปตาม

เกียวสนทนากับปรานต์ทางโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในล็อบบี้โรงแรม
“ตอนนี้พี่อยู่กรุงเทพ เข้ามาทำธุระ พักอยู่ที่โรงแรมแถวสุขุมวิท ก็เลยคิดถึง เผื่อว่า...จะมาทานข้าวกัน”
“เอ่อ” ปรานต์อึกอัก
อรุณศรีเดินมา เห็นด้านหลังของปรานต์ อรุณศรีกำลังจะเอ่ยปากเรียก
“ดึกๆหน่อยได้มั๊ยครับพี่ พอดีตอนนี้ผมติดประชุม”
อรุณศรีได้ยินถึงกับชะงัก “ติดประชุม” !! อรุณศรีหลบวูบเข้าที่หลังเสา แล้วก็แอบฟังด้วยใจระทึก

เกียวยังคงสนทนากับปรานต์ต่อไปด้วยน้ำเสียงหวาน
“ดึกขนาดไหน ดึกมากไม่ได้นะ พี่ไม่ชอบทานข้าวดึกๆ มันอ้วน เอางี้..ปรานต์ประชุมอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอ ประชุมเสร็จปุ๊บ จะได้รีบไปกินกันเลย”
ปรานต์รีบบอก
“อย่ามาเลยครับพี่..คือ .. ผมประชุมกันไกลน่ะครับ ลำบากพี่เปล่าๆ”
อรุณศรี..หน้าชาๆ ...

“แหม..แต่พี่คิดถึงนี่ ไม่อยากรอนาน นี่...มีพี่ของขวัญมาให้ปรานต์ด้วยนะ เป็นของที่ปรานต์อยากได้ รับรองว่า ถ้าเห็นแล้วจะต้องถูกใจ” เกียวพูดผ่านทางโทรศัพท์ พลางหยิบกล่องไอแพคขึ้นมาดู
ปรานต์ยิ้มด้วยความอยากรู้
“อะไรเหรอครับพี่”
“อยากรู้ก็ต้องรีบมาดู ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจ”
ปรานต์ยิ้ม..คิดแล้วก็ตัดสินใจ
“โอเคครับพี่ เพื่อพี่ ผมยอมโดดประชุม เดี๋ยวเจอกัน..ที่โรงแรมนะครับ”
อรุณศรีซึ่งหลบอยู่หลังเสาถึงกับตัวชา ใจเต้นแรง มือเย็นเฉียบ อรุณศรีรีบรวบรวมสติ แล้วก็รีบเดินกลับ
ออกไปที่หน้าบริษัท ปรานต์วางสายด้วยความตื่นเต้น ยิ้มกริ่มด้วยความโลภ ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับอรุณศรี

อรุณศรีเดินออกมาจากตัวตึกมายืนที่ข้างรถปรานต์ เนื้อตัวชาเหมือนจะหมดแรง อรุณศรีจับรถไว้ เพื่อไม่ให้
ตัวเองล้ม เพียงครู่เดียว ปรานต์เดินตามออกมา ด้วยอาการหงุดหงิด
“แอ๊ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ปรานต์มัวแต่หมกหมุ่นกับการโกหกไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอรุณศรี
“ที่ออฟฟิศโทร.มาบอกว่ามีเครื่องเสียงชุดใหม่มาจากญี่ปุ่น ปรานต์ต้องรีบไปเช็คของ”
อรุณศรีมองหน้าปรานต์ที่ยังเล่นละครหลอกเธอต่อไป
“ปรานต์ขอโทษด้วยนะแอ๊ว วันนี้ปรานต์คงไปกับแอ๊วไม่ได้แล้ว ปรานต์ขอเลื่อนไปก่อนนะ เป็น...พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้วันเสาร์ ปรานต์เทให้แอ๊วทั้งวันเลย เอ้ย...เลื่อนไปอีกวันดีกว่า กลัววันนี้เชคของไม่ทัน ขอสองวันแล้วกัน”
“เชควันเดียวไม่พอ นี่ขอสองเลยเหรอ มันจะเชคของอะไรกันนักกันหนา” อรุณศรีอึ้ง
“พอดีของมันลงชุดใหญ่”
“ท่าทางจะใหญ่มาก” อรุณศรีน้ำเสียงประชดแต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ใช่...มันเลยต้องใช้เวลาหน่อย แอ๊ว..ไม่โกรธนะ เดี๋ยววันอาทิตย์เย็นๆ ปรานต์ไปรับที่บ้านนะ"
อรุณศรียืนอึ้ง ยิ่งกว่าโกรธ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

ปรานต์ขับรถมาส่งอรุณศรีที่บ้าน อรุณศรีก้าวลงจากรถมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน
ปรานต์ลดกระจกลง แล้วเรียก
“แอ๊ว ปรานต์รักแอ๊วนะ”
อรุณศรีนิ่งไม่ตอบอะไรพลางคิดในใจ ว่าทำไมปรานต์ถึงได้ปดไม่เลิกเช่นนี้
“ยิ้มหน่อยสิ ปรานต์จะได้สบายใจ ว่าแอ๊วไม่โกรธ”
รอยยิ้มของอรุณศรีเจือด้วยความเศร้า ปรานต์ไม่ได้สังเกตได้แต่ยิ้มรับ ด้วยความสบายใจ
“ไปก่อนนะ”
ปรานต์ขับรถออกไป พอรถปรานต์พ้นเขตรั้วบ้านเท่านั้น อรุณศรีก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทร.ออกทันที

เสียงโทรศัพท์มือถือสุพรรณิการ์ดังขึ้น ขณะกำลังตรวจเช็กความเรียบร้อยของร้านสาดสุรา ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามา
เล็กน้อยเนื่องจากเป็นตอนหัวค่ำ สุพรรณิการ์ เห็นชื่อ “คุณนายแอ๊ว” ก็กดรับทันที
“ไงแก”
“ปรานต์มีผู้หญิงอื่น” อรุณศรีพูดโทรศัพท์เสียงเครียด
สุพรรณิการ์หยุดมือจากงานที่กำลังทำอยู่ทันที
“เฮ้ย ถามจริง”
อรุณศรีพยักหน้า ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในสวนหน้าบ้าน
“ฉันได้ยินเค้าคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นผู้หญิง แล้วเค้าก็โกหกว่ากำลังประชุม แต่จริงๆ กำลังอยู่กับฉัน”
สุพรรณิการ์เดินออกจากตัวร้านขึ้นไปที่ห้องทำงานส่วนตัว
“ไอ้ปรานต์ ไอ้เลว ฉันว่าแล้ว มันต้องมีกิ๊กมีแน่ๆ แล้วไงต่อ...เล่ามาให้หมดเลย”

สุพรรณิการ์ บอกว่า
“ความอิจฉาเป็นอุปสรรคต่อมิตรภาพ ความระแวงสงสัย เป็นศัตรูตัวร้ายกาจของความรัก...ความรักถ้าปราศจากความซื่อสัตย์จริงใจต่อกันเสียแล้ว ก็ไม่อาจเชื่อถือซึ่งกันและกันได้ - - กงซุนยาง”

อรุณศรีวางสายสุพรรณิการ์ไปแล้วได้แต่นั่งถอนใจเบาๆอยู่ที่หน้าบ้าน...อรุณศรีรู้สึกเหมือนใจหาย หลุดลอย
ไปกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น

อีก 2-3 วันต่อมา ที่คอนโดห้องหับถูกตกแต่งอย่างเรียบร้อยในแบบผู้ชายสไตล์ เก๋และเท่ กริชชัยยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก...เขาดูหล่อใสในชุดอยู่บ้านสบายๆ หลังแต่งตัวแล้วจึงเดินออกไปดูความเรียบร้อยภายในห้องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานปาร์ตี้ปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ เขาหวนคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่สุพรรณิการ์รับปากว่าจะพาอรุณศรีมาด้วย
กริชชัยยิ้มมีหวัง...เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น กริชชัยแอบตื่นเต้นพลางคิดในใจว่า แขกที่ยืนอยู่หน้าห้องในขณะนี้คือ อรุณศรีหรือเปล่า
กริชชัยรีบเดินกุลีกุจอมาที่ประตูและเปิดด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพตรงหน้ากริชชัยคือ ลำเภาที่ถือถุงของว่างอยู่ในมืออย่างพะรุงพะรัง กริชชัยแอบผิดหวังเล็กน้อย
“เภา...มาคนเดียวเหรอ”
“ใช่สิ..ถ้าไม่มาคนเดียว จะให้มากับ “หมา” หรือไง”
“อือ...ก็พี่นึกว่า เภาจะเอาพวกขนมจีบ ซาลาเปา ล่ำ มาด้วยซะอีก”
ลำเภาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับวางของไว้ที่เคาท์เตอร์ในครัว
“ก็ว่าจะเอามาเหมือนกัน แต่คอนโดเนี้ยสองมาตรฐาน ไม่ยอมให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามา เพราะเงี้ยะเภาถึงไม่อยากให้พี่กริชมาอยู่คอนโด ไม่มีที่ให้ลูกๆเภาวิ่งเล่นเลย”
ลำเภาบ่นยาว กริชชัยไม่ค่อยอยากจะฟังเท่าไหร่ เพราะใจจอจ่ออยู่กับที่ประตู จนลำเภาเริ่มสังเกตเห็น
“พี่กริชเป็นอะไร มองประตูห้องอยู่ได้ รอใครอยู่”
“ก็...รอแขกไง..แขกทั่วๆไป..พวกไอ้ธี ไอ้วัชไรเงี้ยะ”
เสียงออดดังขึ้น ลำเภาขยับตัวจะไปเปิด กริชชัยเดินตัดหน้าลำเภาพุ่งไปที่ประตูทันที
“เภาไม่ต้อง..พี่เปิดเอง”

เมื่อประตูถูกเปิดออก ธีธัชกับกรกนกยืนอยู่ ธีธัชอุ้มกล่องสำหรับใส่เครื่องดื่มสำหรับทำคอกเทล
สารพัดชนิดมาด้วย กริชชัยทำหน้าแอบผิดหวังเล็กน้อย
“สวัสดีครับคุณกร” กริชชัยทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“นางในฝันยังไม่มาอ่ะดิ... จ๋อยๆ ฮ่าๆ” ธีธัชพูดสนุกสนานอย่างรู้ใจ
“เออ..อรุณศรียังไม่มา..แต่ลำเภามาแล้ว”
ธีธัชสะดุดกึก หยุดขำทันที กรกนกยังรักษากริยา แค่ปรายตามองและคุมอารมณ์อยู่ ไม่รู้สึกอะไรมาก

ลำเภายกมือไหว้กรกนกอย่างสุภาพ
“สวัสดีอย่างเป็นทางการค่ะ” ลำเภาทักทาย
“สวัสดีค่ะ” กรกนกรับไหว้อย่างงๆกับคำทักทาย
ธีธัชวางกล่องเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะตรงหน้า ปรายตามองลำเภาแบบหมั่นไส้
“ไม่ต้องทำเป็นไหว้อย่างสวยงาม สร้างภาพกลบความติงต๊องหน่อยเลย” ธีธัชแดกดัน
“ฉันไม่ได้สร้างภาพ แต่สวัสดีจากใจ ในฐานะที่คุณกรเป็นเพื่อนของพี่กริช เป็นเพื่อนของพี่ก็เหมือนเป็นพี่อีกคน”
“แล้วฉันล่ะ ฉันก็เพื่อนไอ้กริช ทำไมไม่เห็นเคยไหว้” ธีธัชพูดกวน
“ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน...ก็คงจะไหว้” ลำเภากวนกลับ
กรกนกและกริชชัยถึงกับสะอึกกับคำพูดของลำเภา กริชชัยไม่กล้ามองหน้ากรกนกด้วยความเกรงใจ ธีธัชไม่ทันสังเกตสวนลำเภาด้วยความเคยชิน
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนเธอ”
“ถ้าไม่ได้เป็น ตอนมีคนมาจีบฉัน ทำไมต้องหึงด้วย”
กรกนกจุก กริชชัยชะงัก ทั้งสองคนหันมามองหน้าธีธัช ธีธัชถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก
“เอ่อ”
เสียงออดที่หน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ธีธัชได้ทีรีบโพล่งออกมา
“ฉันเปิดเอง”
ธีธัชพูดจบรีบวิ่งไปเปิดประตู
“กรไปเตรียมเครื่องดื่มให้นะคะ” กรกนกพูดขึ้น พลางยกกล่องเครื่องดื่มเข้าครัวไป
กริชชัยหันมาดุสำเภาด้วยสายตา ลำเภาก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด
“ก็มันจริงนี่” ลำเภาพึมพำเบาๆ
ลำเภาพูดจบแล้วก็หันไปหยิบถุงขนมที่ตัวเองซื้อมา เดินไปอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อจัดเตรียมข้าวของ

ประตูห้องพักกริชชัยถูกเปิดออก วัชระและเนตรนภัสยืนอยู่ เนตรนภัสหน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนอย่างเคยทุกครั้ง ธีธัชสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“โห..ท่าทางจะขับรถมาเหนื่อย หน้าเมื่อยกันมากเลย” ธีธัชเปิดฉากแซว
เนตรนภัสไม่สนใจ โพล่งแทรกขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร
“ผู้หญิงที่ชื่อลำเภามาหรือยัง”

ขณะที่ใครต่อใครกำลังจัดเตรียมข้าวของตามหน้าที่ของตัวเอง เนตรนภัสเดินเข้ามาในห้อง
“ใครชื่อลำเภา”
ลำเภาเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ ธีธัชรีบเดินตามเนตรนภัสเข้ามา
“แหนม...ใจเย็นๆ” วัชระเตือน
เนตรนภัสกวาดสายตา ในห้องมีผู้หญิงอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือ กรกนก ซึ่งเนตรนภัสรู้จักอยู่แล้ว ฉะนั้น อีกคนต้องใช่!! เนตรนภัสเดินตรงดิ่งเข้าไปทันที ทั้งกริชชัย วัชระและธีธัชตกใจ
“เธอใช่มั้ยชื่อลำเภา”
“ใช่ ฉันเองที่ชื่อลำเภา”
“เจอตัวก็ดีแล้ว จะได้เคลียร์ๆกันให้จบ”
วัชระรีบเดินไปจับตัวเนตรนภัสไว้ ในขณะที่ธีธัชพุ่งเข้าไปยืนขวางลำเภาไว้
“แหนมๆๆๆ...ใจเย็นๆก่อนนะ .. ผมขอแนะนำให้รู้จักกันก่อน แล้วค่อยเคลียร์ทีหลัง..แหนมนี่ลำเภาน้องสาวไอ้กริช..ลำเภานี่แหนม..แฟนไอ้วัช” ธีธัชพยายามรีบคุมสถานการณ์
ทันทีที่ลำเภารู้ว่า ผู้หญิงที่มาถามหาเธอนั้นคือ เนตรนภัสแฟนของวัชระก็เข้าใจ
“อ๋อ...นี่อย่าบอกนะว่าที่คุณเกรี้ยวกราดอยู่เนี่ย เพราะหึงฉันกับคุณวัช”
“แล้วมันน่าหึงหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่น่าหึงหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับแฟนคุณ และที่สำคัญ..ฉันเองก็แฟนแล้ว ธีคะ...บอกเค้าไปสิว่าเรา..เป็นแฟนกัน” ลำเภาพูดพลางหันมาทางธีธัช
“เฮ้ย” ธีธัชร้องเพลงหลง
ธีธัชหันมาทางลำเภาที่กำลังทำหน้าซื่อ แอ๊บแบ๊วรอคำตอบ ธีธัชเลิ่กลั่ก อึกอัก ธีธัชเริ่มสัมผัสที่ไม่น่าไว้ใจรอบตัว กรกนกกอดอกรอฟัง เนตรนภัสมองหน้าธีธัชรอฟังคำตอบ ลำเภายักคิ้วกวนๆ วัชระกับกริชชัยมองธีธัชด้วยแววตาเห็นใจ
“ว่าไงธี..ใช่หรือเปล่า”
“เอ่อ..คือ..”
ลำเภายังคงเลิกคิ้วท้าทายตลอดเวลาเพื่อรอคำตอบ กรกนกรอฟังด้วยความอยากรู้ กริชชัยเห็นใจจึงพูดขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์
“แหนม .. เรื่องระหว่างเภากับวัชไม่มีอะไรจริงๆ พวกเราทุกคนที่นี่ยืนยันได้ มันเป็นความเข้าใจผิด”
“ใช่” ธีธัชรีบพยักหน้า
“และอีกอย่างนานๆ ทีไอ้กริชมันถึงจะจัดปาร์ตี้ เรามาสนุกกันดีกว่า อย่ามามีเรื่องเพราะความเข้าใจผิดกันเลยนะแหนม” วัชระรีบสนับสนุน
“ถูก” ธีธัชเชียร์เสียงดัง
เนตรนภัสคิด..มองไปรอบๆห้องของกริชชัย แล้วก็ตัดสินใจยอมยุติ
“วัช..แหนมหิวน้ำ อยากดื่มอะไรเย็นๆ ไม่ต้องหวานมาก เอาแบบพอดีๆ แหนมจะไปนั่งรอที่ระเบียง เนตรนภัส”
เนตรนภัสหันมาบอกวัชระก่อนที่จะพาตัวเองออกไปนั่งตรงระเบียงในห้องถัดไป ธีธัชถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก
“ป๊อดอ่ะ เสียแรง...เป็นแฟนกันแท้ๆ แค่นี้ก็พึ่งพาไม่ได้” ลำเภาหันมามองธีธัชด้วยสายตาผิดหวังพร้อมส่ายหน้าแล้วก็เดินไปด้วยความเซ็ง ธีธัชมองตาม
“เอ้ย...นี่ยัยหนูตะเภา พูดแบบนี้ได้ไง ใครป๊อด แล้วใครเป็นแฟนเธอ”
ลำเภาไม่ตอบ หันไปหยิบจานขนมแล้วเดินไปวางกลางห้อง กรกนกมองอาการธีธัชแล้วก็ส่ายหน้า ก้มหน้าทำเครื่องดื่มต่อและพยายามจะไม่สนใจ กริชชัยมองวัชระด้วยความเห็นใจ วัชระมองตามเนตรนภัสที่เดินออกไประเบียงด้วยความเหนื่อยใจ.

กรกนกเทจากเครื่องปั่นใส่แก้ว เป็นน้ำผลไม้สีสดใส แล้วบรรจงตกแต่งอย่างมืออาชีพ ข้างๆกรกนกเห็นกริชชัย ธีธัช วัชระกำลังนั่งปรับทุกข์
“ฉันขอโทษจริงๆว่ะ ไม่คิดว่าแหนมจะเหวี่ยงขนาดนี้ ไม่งั้นคงไม่ชวน” วัชระว่า
“ชวนมาแหละดีแล้ว แหนมจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องลำเภา เจอกันที่นี่ ดีกว่าไปเจอกันข้างนอก อาจจะแรงกว่านี้” กริชชัยตอบ
“เออ เฮ้ย..แล้วตกลงนางในฝันแกมาหรือเปล่า ทำไมยังไม่เห็นเลยวะ” วัชระถาม
ยังไม่ทันที่กริชชัยจะตอบ..เสียงออดดังขึ้น กริชชัยหันขวับไปมองที่ประตู ในใจแอบตื่นเต้น
วัชระนั่งอยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ลุกขึ้นไปทำหน้าที่เปิดประตู
“ฉันเปิดให้เอง” วัชระบอกเพื่อน
กริชชัยอ้าปากร้อง “เฮ้ย” เพื่อจะแย้ง แต่ธีธัชแกล้งจับแขนไว้
“ใจเย็นครับ..ท่านประธาน..ถ้าใช่เดี๋ยวก็เจอ”

กริชชัยจำใจต้องนั่งลงเหมือนเดิม ทั้งที่ใจเต้นแรงได้แต่ลุ้น

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์