หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 14/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 14/3
กรุงเทพยามราตรี บนถนนสายหนึ่ง รถของเนตรนภัสแล่นอยู่ ภายในรถ เนตรนภัสยังนั่งหน้าเชิดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง วัชระขับรถด้วยความซังกะตาย ใบหน้าซึ่งไร้อารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง
“วัช..อย่าไปอยู่ที่คอนโดนั่นได้มั้ย แหนมไม่สบายใจ”
“ผมย้ายของเข้าไปแล้ว แหนมก็เห็น”
“ย้ายเข้า ก็ย้ายออกได้ เดี๋ยวแหนมจ้างคนไปย้ายให้เอง”
“อย่าเลยแหนม..มันน่าเกลียด”

“นี่วัชไม่เชื่อแหนมเลยนะ เดี๋ยวนี้แหนมพูดอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย” เนตรนภัสเสียงแข็ง
“ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมตัดสินใจไปแล้ว ไอ้กริชมันก็จัดที่จัดทางไว้ให้แล้ว ผมเองก็อยากอยู่กับเพื่อน”
“จะได้มั่วนิ่มไปห้องข้างๆด้วยใช่มั้ย”
“ว่าไงนะแหนม”
“ก็นังผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนโคโยตี้ที่อยู่ข้างห้องนั่นไง จะเนียนล่ะสิ วัชจะจีบมันใช่มั้ย”
“คุณฝ้ายเนี่ยนะ”
“ใช่ !! ไหนจะนังเด็กบ๊องน้องคุณกริชอีก วัชอยากอยู่ที่นั่น เพราะอยากจะได้มันสองคนใช่มั้ย”
วัชระสุดทน เบรกรถที่ขับอยู่ทันที ทำเอาเนตรนภัสหัวทิ่มไปข้างหน้าเล็กน้อย
“ว้าย … วัชจอดทำไม”
“ผมทนให้แหนมดูถูกผมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ผมคงส่งคุณได้แค่นี้ ขอโทษด้วย”
วัชระเปิดประตูลงไปจากรถ พร้อมกับปิดประตูรถดังโครม! ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ใยดี วัชระแข็งข้ออย่างที่เนตรนภัสไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
“วัช วัช วัช ! แหนมไม่ให้คุณไปนะวัช วัชกลับมาก่อน วัช” เนตรนภัสยังตะโกนไล่หลัง
วัชระเดินฝ่าความมืดของค่ำคืนนั้น โดยมีแสงไฟสว่างข้างถนนนำทางอย่างทระนงหลังความอดทนหมดสิ้น สุดลงแล้ว
เนตรนภัสมองวัชระที่เดินอยู่ข้างถนนด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

กริชชัยแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านเพื่อส่งอรุณศรี
อรุณศรีหันมาขอบคุณกริชชัยทั้งที่ตาสองข้างยังบวมเปล่งหลังผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
ระหว่างที่อรุณศรีกำลังจะลงจากรถของกริชชัย
“เดี๋ยว... แน่ใจนะว่าโอเค” กริชชัย และอรุณศรีหันมา
“ถึงฉันไม่โอเค...ฉันก็ต้องดูแลตัวเองค่ะ”
อรุณศรีรู้อยู่แก่ใจว่า กริชชัยกำลังจะอ้าปากเสนอตัว เธอรีบตัดบททันที
“แค่คุณอยู่เป็น “เพื่อน” ตอนฉันร้องไห้ มันก็มากพอแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
อรุณศรีลงรถไปแล้ว กริชชัยมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ อรุณศรีเดินเข้าบ้านไป ทั้งๆที่จิตใจยังว้าวุ่นจนเกินกว่าจะหันกลับไปมองกริชชัย กริชชัยจำใจต้องขับรถออกไป ทั้งที่ใจยังเป็นห่วง

มุมหนึ่งของหน้าบ้าน รถปรานต์จอดซุ่มอยู่ ปรานต์เห็นเหตุการณ์ที่กริชชัยมาส่งอรุณศรีถึงกับกัดกรามแน่นด้วยความแค้น
“แกไม่มีทางแย่งแอ๊วไปจากฉันได้หรอกเว้ย ไอ้ขี้เก๊ก”
ปรานต์ใช้ความคิดอย่างหนัก เพื่อที่จะช่วงชิงอรุณศรีกลับมาหาตัวเอง ปรานต์ท่องอยู่ในใจว่า “ต้องชนะ แพ้ไม่ได้” เด็ดขาด

กริชชัยขับรถกลับมาที่คอนโดฯ และเดินเข้าห้องอย่างเหนื่อย ทั้งกายทั้งใจ สภาพห้องถูกเก็บอย่างเรียบร้อยแตกต่างจากตอนที่เขาออกไปส่งอรุณศรีโดยสิ้นเชิง กริชชัยรู้สึกแปลกใจ
“ใครทำความสะอาดห้อง”
บนผนังมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งติดไว้ กริชชัยเดินไปหยิบมาอ่าน
“เภาเก็บห้องให้พี่กริชบางส่วน พรุ่งนี้จะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดที่เหลือ
เภากลับบ้านแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง..ลำเภา”
“กลับบ้าน” กริชชัยได้แต่พึมพำแต่ไม่ค่อยวางใจนัก เพราะรู้จักลำเภาเป็นอย่างดี

ลำเภาเดินเข้ามาแล้วก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านสาดสุรา ฯ ดึกแล้ว ผู้คนมากมายหนาแน่น แต่ละโต๊ะกินดื่มและร้องเพลงคลอตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ลำเภาแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนจะก้าวเข้าไปในร้าน
แน่’

ภายในร้านธีธัชกำลังยืนคุยกับสาวบิ๊กอายด้วยท่าทางหนุงหนิง ในร้านกำลังเปิดเพลง “อยากเป็นคนที่ถูกรัก”
“ผมชอบเพลงนี้..เพลงประจำตัวผม” ธีธัชหันไปกระซิบแนบหูสาวบิ๊กอายเพราะเสียงดนตรีในร้านดังมาก
“ เหมือนกันเลยค่ะ แบบนี้เค้าเรียกว่า..ใจตรงกันสุดๆอ่ะ” สาวบิ๊กอายตะโกนบอก
ธีธัชยิ้มกริ่มในใจกับเหยื่อที่กำลังจะติดเบ็ด

สุพรรณิการ์ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ มองภาพที่ธีธัชกำลังหลีสาวบิ๊กอาย แล้วก็หันมาถามกรกนก ที่กำลังคุมงานอยู่ว่า
“คุณกรเห็นคุณธีหลีหญิงแบบนี้ไม่คิดจะอาละวาดบ้างเหรอ”
กรกนกเงยหน้าไปมองนิดนึง ดวงตาว่างเปล่า แล้วก็หันมาทำงานต่อ
“ธีเค้าเป็นคนแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติของเค้า อาละวาดไปก็เท่านั้น”
“ไม่หึงเหรอ” สุพรรณิการ์อยากรู้
“ มันเลยจุดนั้นไปแล้วค่ะ” กรกนกยิ้มนิ่ง
“คุณกรเทพอ่ะ..ทนได้ไง ถ้าเป็นฝ้ายน่ะ ตายสถานเดียว ไม่มีทางปล่อยให้ไปเลื้อยใส่คนโน้นคนนี้แน่นอน ถ้าคิดจะคบก็ต้องเลือกฝ้ายคนเดียว ถ้าไม่เลือกก็เลิก”
“ถ้าคิดแบบนั้น..คงเลิกกันไปนานแล้วค่ะ เพราะคนอย่างธีไม่มีวันจะเลือกใคร..นอกจากเค้าเหนื่อย แล้วก็อยากจะหยุดเอง”
“โห..แล้วจะหยุดเมื่อไหร่คะเนี่ย”
กรกนกเหลือบไปเห็นว่าลำเภาเดินเข้ามาพอดี..กรกนกพูดเหมือนปลงๆ ทำใจรับความเจ็บ
“ไม่ใช่หยุดเมื่อไหร่ .. แต่จะหยุด “กับใคร” มากกว่า”
สุพรรณิการ์ไม่เข้าใจคำพูดของกรกนก เมื่อเธอเห็นว่า กรกนกกำลังมองบางสิ่งอย่างไม่วางสายตา จึงมองตาม
สิ่งที่สุพรรณิการ์ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็น
“ลำเภา “ สุพรรณิการ์อุทานด้วยเสียงอันดัง
ลำเภาก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้ามาในร้าน ลำเภากวาดสายตาไปทั่วทุกบริเวณภายในร้าน เพื่อค้นหาเป้าหมายสำคัญ แววตาของลำเภาประหนึ่งเหยี่ยวที่กำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อ และมุมหนึ่ง เธอก็พบ … ลำเภาแสยะยิ้มโละพุ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที

ธีธัชยังคุยหนุงหนิงกับสาวบิ๊กอายอย่างไม่รู้ชะตากรรม
“เลิกร้านแล้ว เราไปหาของอร่อยๆกินกันมั้ย ผมรู้จักร้านนึงอร่อยมาก กินยังไงก็ไม่อ้วน”
“กินอะไรอ่ะ ? กินแล้วไม่อ้วน”
“ก็กินแล้วออกกำลังกายไง กินยังไงก็ไม่อ้วน”
สาวบิ๊กอายขำคิกคักอย่างรู้ทันและถูกใจ ธีธัชยิ้มกว้างเห็นสวรรค์ลอยอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังขึ้น
“จีบกันอยู่เหรอ”
ธีธัชสะดุดหุบยิ้มจากสาวบิ๊กอายหันขวับมาทางต้นเสียง ลำเภายืนอยู่ในระยะประชิด
“เฮ้ย ยัยหนูตะเภามาได้ไง”
“มาแท็กซี่ ฉันจะไปนั่งรอตรงโน้นนะ” ลำเภาพยักเพยิดไปที่โต๊ะว่าง
“จีบกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ไปหาแล้วกัน .. อ้อ..แล้วคืนนี้ไปส่งที่บ้านด้วยนะ” ลำเภาพูดต่อ
ลำเภาหันมาทางสาวบิ๊กอาย
“ของแบบนี้มันแบ่งๆกันได้ ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”
ลำเภาพูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่
สาวบิ๊กอายถึงกับงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ครายอ่ะคะ”
“คน..บ้ามั้ง ผมก็ไม่รู้จักเหมือนกัน สงสัย..จะทักคนผิด แหะๆ” ธีธัชแก้ตัว
ธีธัชพยายามจะกลบเกลื่อนทำเป็นไม่สนใจลำเภา จนเมื่อลำเภาบรรจงค่อยๆถอดแว่นตาสายตา แกะผมที่รวบไว้และจงใจสะบัดไปมาด้วยลีลาเซ็กซี่ ลำเภาเพิ่มความเร่าร้อนให้กับตัวเองด้วยการถอดเสื้อคลุม จนเหลือแต่เสื้อกล้ามสุดวาบหวิว ยิ่งเวลาที่มีแสงไฟว่งล้ออยู่ข้างกาย ลำเภาดูสวยเก๋ โดดเด่นกว่าหญิงคนใดในร้าน ธีธัชแอบจ้องมองอยู่อย่างไม่วางตา
การแปลงโฉมเพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที ทำให้หนุ่มโต๊ะข้างๆหันมาจ้องมองลำเภาตาเป็นมัน ธีธัชแอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นในร้าน ลำเภาสะใจที่เห็นหนุ่มๆ กะลิ้มกะเหลี่ยทางสายตามาทางเธอ

ในขณะที่ธีธัชยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเพื่อดับความร้อนรุ่มภายในใจ

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 14/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์