หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2/3

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2/3
ทางด้านทูนอินทร์ เล่าเรื่องราวในอดีตให้เมธฟังเช่นกัน
“ชื่อยายแหม่มจ๋าครับ แข่งร้องประกวดกับผม...ผมน่ะ ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ ถ้าไม่โดนยายเวรนี่มันแกล้งเอา”
ทูนอินทร์รำลึกถึงอดีต ตอนนั้นการประกวดร้องเพลงเป็นรอบตัดสิน แหม่มจ๋าร้องเจื้อยแจ้วอยู่บนเวที ทำท่าแก่แดดแก่ลมร้องจบท่อน ก็เดินกลับเข้าหลังเวที ทูนอินทร์ยืนอยู่ แหม่มจ๋ายิ้มให้
“คุณพี่คะ น้องแหม่มว่าน้องต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆเลยละค่ะ”
ทูนอินทร์สะดุ้ง

“แต่ผมว่า ผมก็มีสิทธิ์จะได้ที่หนึ่งเหมือนกันนะครับ”
“แหม...พี่ชายคะ พูดจาเพราะจังเลย เดี๋ยวออกไปร้องรอบตัดสิน น้องแหม่มขอฝากเพื่อนไปด้วยได้ไหมคะ”
ทูนอินทร์งงๆ
“เพื่อน...เพื่อนไหนครับ”
“นี่ค่ะ”
แหม่มจ๋าหยิบตุ๊กแกยางออกมา แต่เหมือนจริงมาก ทูนอินทร์อ้าปากค้าง
“ขอโทษนะคะคุณพี่ ขอฝากเพื่อนไว้ตรงนี้”
แหม่มดึงกางเกงหูรูดของเขาออก แล้วหย่อนตุ๊กแกเข้าไปข้างใน ทูนอินทร์สะดุ้งเฮือกจะร้องแต่ร้องไม่ออก มองตุ๊กแกที่ดิ้นไปมาอยู่ในกางเกง ขณะเดียวกันนั้นที่หน้าเวที พิธีกรประกาศเรียกเขาพอดี
“ขอเชิญ น้องทูนอินทร์ อินสรวง มาในบทเพลง ทุ่งทองกวาวครับ”
ทูนอินทร์ยังยืนตัวแข็ง แหม่มจ๋าผลักเขาถลาออกมาหน้าเวที ทูนอินทร์ยืนตัวเกร็งต่อหน้าผู้คน ดนตรีขึ้น เขามองไปรอบ ๆ อย่างหาคนช่วย แล้วมองไปที่เป้า พบว่าตุ๊กแกยังดิ้นดุ๊กดิ๊กที่แท้คือเชือกเส้นใสที่ยาวมาถึงมือของแหม่มจ๋าที่กำลังกระตุกเชือกอยู่ข้างเวที
ทูนอินทร์ร้องไม่ออก พีธีกรงงๆเพราะถึงท่อนที่จะต้องร้องแล้วแต่ทูนอินทร์ร้องไม่ออก พีธีกรให้สัญญาณขึ้นเพลงใหม่ ดนตรีขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่เขาก็ยังร้องไม่ออก คนดูหัวเราะกันงอหาย ชี้มาที่เขา ทูนอินทร์มองไปที่เป้าพบว่า กางเกงขาสั้นสีขาวนั้น เปียกแฉะเพราะฉี่ราด เขามองกลับมาที่คนดู เห็นคนดูหัวเราะกันลั่น ชี้ชวนดูเป้าของเขา
ทูนอินทร์แหกปากร้องไห้ลั่นอยู่หน้าเวทีนั่นเอง แหม่มจ๋าหัวเราะร่า

จี่หอยได้ฟังเรื่องราวที่ รุ้งระวีเล่าก็ร้องเอะอะออกมา
“ต๊าย...ตาเถร เป็นอันธพาลตั้งแต่เด็กเลยเหรอเนี่ย”
รุ้งระวียักไหล่
“ก็ช่วยไม่ได้ ก็รุ้งอยากชนะนี่คะ แล้วงานนี้รุ้งก็ชนะจริง ๆ”
มะปราง หน้าสลดลลง
“สงสารเด็กผู้ชายคนนั้นนะ”
“นั่นซี...คงฝันร้ายว่าตุ๊กแกกัดแหนมห่อขาดกระจุยมาทุกวนนี้เลยเนอะ”
ทั้งสามมองหน้ากัน แล้วหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกัน

ทูนอินทร์กุมเป้าตัวเอง หน้าเจี๋ยมเจี้ยม เมธส่ายหน้า
“โธ่เอ๋ย...ไอ้ขวัญอ่อน แกก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าตุ๊กแกปลอม”
“มารู้ทีหลังครับ...แต่กลัวแล้วมันก็กลัวเลย”
“พี่เขาจิตขนาดที่ว่า ได้ยินเสียงตุ๊กแกทีไร เป็นกุมเป้าทุกที” อินทรแฉ
เมธมองหน้าอย่างสงสัย
“มันยังไง...เสียวแปล๊บเหรอวะ”
ทูนอินทณ์หน้าแหย
“ยิ่งกว่าเสียวครับ สยองเลย เห็นภาพตุ๊กแกมันกัดไส้อั่วผมขาดน่ะ”
เมธงงๆไม่เข้าใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไร กับที่แกร้องเพลงต่อหน้าผู้คนไม่ได้”
“โธ่...ภาพที่คนดูเขาหัวเราะเยาะผมทั้งห้างน่ะ มันฝังใจ ทุกคนชี้มาที่เป้าผมแล้วผมก็ฉี่ราด โอย...น่าอายที่สุดในโลก ผมออกไปร้องทีไรก็นึกถึงภาพนี้ ทุกที”
เมธพอจะเข้าใจ
“งั้นปัญหาของนายมันก็อยู่ที่ความอายนี่แหละ นายต้องแก้ปมตรงนี้ให้ได้”
“จะแก้ยังไงละครับพี่”
“ทำให้หน้าด้านไง เอางี้...นายกล้าร้องเพลงกลางตลาดได้แล้ว นายใส่แว่นดำไว้เลย พอออกไปร้องแล้วลืมภาพคนฟังให้หมดนึกถึงแต่แม่รุ้งระวีนั่น กำลังโยกย้ายอยู่ตรงหน้าแก แต่งตัวเซ็กซี่ ๆสะบัดก้นไปมา”
ทูนอินทร์เริ่มเคลิ้ม แต่พอเมธทำท่าสะบัดก้นก็รีบห้าม
“พอพี่...นอกจากร้องไม่ออกแล้วจะอ้วก”
“ลองหน่อยเถอะวะ ไอ้อาการกลัวคนฟังขึ้นสมองของแก มันจะได้หายเสียที”
ทูนอินทร์ลังเลไป อินทร หนาน คูน พยักหน้าให้กำลังใจ

ลูกค้าที่มานั่งกินข้าว และฟังเพลงหยุดกิจกรรมทั้งหมด มองจ้องมาที่เวที มีอาการตะลึงแปลกใจกันทุกคน
เมธ และอินทรยืนอยู่มุมร้าน มองคนดู ที่ทุกคนจ้องไปที่เวที เงียบกริบอินทรมองอึ้งๆ
“ขนาดนี้เลยเหรอครับ...พี่เมธ”
“ต้องลองทุกทางละวะ”
บนเวทีมีตุ่มใหญ่ตั้งอยู่ สาวหางเครื่องสี่นางเดินออกมา ใส่ชุดละม้ายกับที่รุ้งระวีใส่วันที่เจอที่ตลาด สาวทุกนางสวมวิกผมแดง หนานและคูนขึ้นดนตรี สาวหางเครื่องร่ายรำ
ทันทีที่เสียงทูนอินทร์ร้องเพลงดัง ขึ้นโดยยังไม่เห็นตัวทุกคนมองหาที่มาของเสียง สาวหางเครื่องเข้ามาหมุนตัวรวมกันที่ตุ่ม แล้วดึงร่างของทูนอินทร์ ลุกขึ้นโดยที่หันหลังให้คนดู
คนดูปรบมือกราว ทูนอินทร์หันมาใส่แว่นดำ คนดูจำได้ประหลาดใจกันเป็นแถว ทูนอินทร์ร้องต่อได้ ไม่เคอะเขิน เมธมองอย่างตื่นเต้น
“เฮ้ย...มันร้องได้แล้วว่ะ”
อินทรดีใจมาก
“ได้ผลครับพี่เมธ”
ทูนอินทร์กระโดดออกจากตุ่ม แล้วเริ่มยักย้ายกับสาวหางเครื่อง เมื่อเข้าท่อนแร็ป ทูนอินทร์ลงมาร้องกับคนดู คนดูบางคนเข้ามาเต้นร่วม เป็นที่สนุกสนาน แม่ครัวแอบดูกันอยู่มุมหนึ่ง ส้มป่อยบนหัวใส่วิกผมสีเงินบลอนด์ แอบดูอยู่ด้วย แล้วลองเต้นและร้องตาม แม่ครัวหันไปมอง
“เอ้า...เอาเข้าไปนังส้มป่อย เอาวิกผมที่ไหนมาใส่น่ะ”
“หยิบมาจากห้องแต่งตัวค่ะ ต่อไปหนูจะเป็นหางเครื่อง”
ทูนอินทร์กำลังแร็บเมามัน สาวหางเครื่องนางหนึ่งกรายเข้ามา แล้วดึงแว่นดำของเขาออก ทูนชะงักไปนิดหนึ่งหยุดร้อง เมธกับอินทรตกใจ คนดูเห็นหน้าทูนอินทร์ปรบมือสนั่น
ทูนอินทร์เกิดกำลังใจ ร้องต่อโดยไม่ต้องใส่แว่น เมธ และอินทรโล่งอก ส้มป่อยเต้นเด้งไปมา ผู้ช่วยแม่ครัวมองๆ
“นังส้ม...เอ็งซ่าส์นัก เอ็งออกไปเต้นหน้าเวทีโน่นเลย”
ผู้ช่วยแม่ครัวผลักส้มป่อยออกไปหน้าเวที เจอเข้ากับทูนอินทร์พอดี
ทูนอินทร์ชะงักมอง ส้มป่อยหัวเราะร่า เต้นตรงหน้าทูนอินทร์ สายตาของเขาที่มองส้มป่อยที่กำลังเต้นใส่วิกผมบลอนด์ขาว ส้มป่อยหันหลังแล้วหันขวับมา ในสายตาของทูลอินทร์กลับเห็นเป็นเด็กหญิงแหม่มจ๋า กำลังเต้นไปพร้อมกับหัวเราะเยาะเขาไปด้วย แล้วชี้ไปที่เป้ากางเกงของเขา ทูนอินทร์ก้มลงมองเป้าตัวเอง แล้วเห็นตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่เป้ากางเกง ทูนอินทร์สะดุ้ง
“เฮ้ย...ตุ๊กแก ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เมธและอินทรวิ่งเข้ามา ดนตรีเลิกเล่นทันที ส้มป่อยพลอยชะงักไปด้วย เมธตกใจ
“ทูน...แกเป็นอะไร”
ทูนอินทร์ละล่ำละลักบอก
“ตุ๊กแกครับ...ตุ๊กแก”
“ตุ๊กแกที่ไหน ไม่เห็นมี”
ทูนอินทร์ชี้ที่เป้า
“ที่เป้านี่ไง...มันจะกัดของผมขาดแล้ว”
ทูนอินทร์ร้องลั่น แล้วกระโดดผ่านลูกค้า ออกไปด้านหลัง เมธรีบหันไปขอโทษลูกค้า
“ไม่มีอะไรครับ นายทูนเป็นบ้าไปนิดหน่อย เอ้า..เพลงใหม่ บรรเลงโว้ย”
หนาน และคูนบรรเลงเพลงใหม่ทันที เมธถอนใจ
“เฮ้ย...มันจิตขนาดนี้เลยเหรอวะ”
อินทรหันมามองส้มป่อย
“ยายส้มป่อย”
ส้มป่อย หน้าเลิกลั่ก
“หนูไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“ยายนี่แหละตัวดี” อินทรดึงวิกผมออก “วิกผมนี่ละครับ ที่พี่ทูนเป็นบ้า”
เมธเหวอไป
“หา...วิกผม”

วิกผมวางอยู่ตรงหน้าทูนอินทร์ พี่เมธ อินทรและส้มป่อย นั่งอยู่ด้วยกัน ส้มป่อยเบะหน้าจะร้องไห้
“ใครให้เอาวิกนี่มาใส่” ทูนอินทร์ถามเสียงเข้ม
ส้มป่อยหน้าเจื่อน
“หนูหยิบมาใส่เองละค่ะ ก็พี่หางเครื่องเขาใส่กันทุกคน”
เมธส่ายหน้าเซ็งๆ
“บอกแล้วว่าอย่าเต้น อย่าร้องเวลาทำงาน”
ส้มป่อยหน้าสลด
“ค่ะ”
“กลับไปได้แล้ว” เมธตวาด
“ค่ะ แหม...กะจะดังสักหน่อย ดับเลย”
ส้มบ่นๆก่อนจะไหว้ทีนึง แล้วรีบกลับเข้าร้าน ทูนอินทร์มองวิก
“ไอ้วิกนี่ละครับ เหมือนที่ยายเด็กแหม่มจ๋าใส่ไม่ผิดเลย”
เมธมองทูลอินทร์อย่างไม่เข้าใจ
“ทำให้แกคิดถึงเด็กนั่น แกก็เลยคิดถึงตุ๊กตาขึ้นมาอีก เลยเป็นบ้า”
ทูนอินทร์หน้าสลดลลง
“ครับพี่ บอกแล้วว่ามันฝังใจ”
“ยายเด็กตัวแสบนี่เป็นใคร ตอนนี้เป็นไงแล้ว”
“ไม่ได้ข่าวเลยครับ แต่ถ้าเจอตัวนะ ผมจะเอาคืนให้แสบเลย”
“จะทำอะไรเขาพี่ ตอนนี้เขาก็เป็นสาวแล้วนะ” อินทรแย้ง
“จะโยนตุ๊กแกคืนให้ แก่แดดแบบนี้ ป่านนี้คงเป็นพะโล้ มีลูกเป็นพรวนไปแล้ว”
ทูนอินทร์ถอนใจ

รุ้งระวีโผล่เข้ามาในกระจกใส่วิกผมทองบลอนด์ แต่งหน้าเป็นเด็กแหม่มจ๋า ยืนโพสอยู่หน้ากระจก แล้วเธอก็ร้องเพลงเดียวกับที่เคยร้องประกวดสมัยเด็ก จี่หอยและมะปรางเต้นตามไปด้วย ทั้งสามล้มกลิ้งไปบนเตียง หัวเราะกันทั้งสามคน รุ้งระวีหยิบรูปแม่มาวางไว้ที่หัวเตียง
“ถ้าแม่มาเห็นรุ้งตอนนี้ แม่คงภูมิใจมาก รุ้งเป็นนักร้องแล้วนะคะแม่”
จี่หอยและมะปรางมองแล้วถอนใจ
“รุ้ง...รูปแม่เนี่ย เก็บไว้ให้มิดชิดดีกว่า”
รุ้งระวีมองจี่หอยไม่เข้าใจ
“ทำไมคะ”
“ให้ใครเห็นไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวความแตกขึ้นมา คนเขาก็รู้ว่าเราปลอมประวัติรุ้ง มันจะเสียหาย”
“แต่นี่เป็นรูปรุ้งกับแม่รูปเดียวที่รุ้งมีอยู่นะคะ ในห้องอย่างนี้ไม่มีใครเห็นหรอก วางไว้หัวเตียงนี่ละนะ”
จี่หอยถอนใจ
“รุ้ง...เรื่องแม่น่ะ อย่าคาดหวังให้มากนักนะ ทำใจเผื่อไว้บ้าง ถ้าแม่เขาไม่ติดต่อเรามาเป็นสิบปีแล้วอย่างนี้ เขาอาจจะ...จากเราไปแล้วก็ได้”
รุ้งระวีเศร้าสลดไปทันที จี่หอยและมะปรางมองอย่างสงสาร

ที่โคราช...ร้านข้าวต้มโต้รุ้งในตลาด กับร้านก๋วยเตี๋ยวอีกร้านใกล้ๆกัน มีคนนั่งกินอยู่สองสามโต๊ะ ทีวีเปิดรายการตอนดึก เป็นรายการมิวสิคเพลงลูกทุ่ง กำลังเปิดเพลงของรุ้งระวี “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” แต่ไม่มีใครสนใจนัก
แสงหล้าที่ทรุดโทรม ดำคล้ำ นอนคุดคู้อยู่ที่แผงกลางตลาด มีถุงพลาสติคพันร่างไว้ กันยุงและเศษผ้าคลุมตัว ได้ยินเสียงรุ้งระวี ก็ค่อยๆ ยันร่างขึ้น แล้วเดินตรงมาที่ทีวี มองจ้องไปที่ใบหน้าของรุ้งระวี แสงหล้ามองเขม้นไปที่หน้าลูกสาว ทั้งใบหน้าและเสียงคุ้นเคยเหลือเกิน
“รุ้ง...นั่นรุ้งรึเปล่า...รุ้ง ลูกแม่ใช่ไหม”
แสงหล้าเขม้นมองแล้วแน่ใจว่าใช่ น้ำตาค่อยๆไหลพราก เธอยื่นมือจะไปจับหน้าลูกในจอทีวี ทันใดนั้นมืออ้วนใหญ่ของเจ๊เล้ง ก็กระชากร่างของเธอเซออกมา
“มึงจะทำอะไร อีแก่”
แสงหล้าชี้ไปที่ทีวี
“ลูก...นั่น...นั่นลูกข้า”
“ว่าไงนะ"
“ลูกสาวข้า...ในจอน่ะ”
แสงหล้าจะเข้ามาจับที่ทีวีอีก เจ๊เล้งเข้ามากระชาก
“อย่าจับนะ อีแก่โสโครก”

เจ๊เล้งผลักแสงหล้าล้มโครมไปบนเข่งผักเน่า แสงหล้าร้องกรี๊ด

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์