หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3
กริชชัยเดินพุ่งเข้าไปหาธีธัชด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ทว่าธีธัชกลับไม่ได้รู้สึกใดๆ ที่ได้เผลอไปสร้างความเข้าใจผิดให้แก่อรุณศรี จนเธอคิดว่า...กริชชัยนั่นเป็นเกย์!
“ฉันว่ามันก็สมควรแล้วที่เขาจะคิดแบบนั้น เพราะเป็นฉัน ฉันก็คิด”
“อ้าว... ไหงพูดเงี้ยะ”

“ก็จริงนี่ บุคลิกแกมันที่เหมาะจะเป็นเกย์ แถมยังไม่มีแฟนอีก ไปเดินตามเค้า จะจีบก็ไม่จีบ เค้าไม่คิดว่าบ้าก็บุญแล้ว”
“ที่ฉันบอกแก ไม่ได้จะให้มาซ้ำเติม”


“แล้วแกจะให้ฉันทำอะไร? ไปอธิบายให้เค้าฟังมั๊ย แล้วบอกไปเลยว่าแกป๊อด ไม่กล้าจีบ”
“เยอะไป! ไม่ต้อง แค่แกหยุดแอบมองฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ฉันมากก็พอแล้ว”
“โอเคได้ งั้นฉัน กลับเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย!!”
ธีธัชทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยตามประสาคนเจ้าชู้ ก่อนที่จะสารภาพกับกริชชัยว่า
“คือว่า..น้องพาย”
ธีธัชหันไปที่เคาท์เตอร์ กริชชัยมองตามเห็นพนักงานรีเซฟชั่นสาวสวย ยืนอยู่ในชุดลำลองกำลังเก็บของเตรียมเลิกงาน น้องพายคนที่ว่าเงยหน้ามาแล้วยิ้มให้ธีธัช ที่ยิ้มรับรออยู่แล้ว
“น้องเค้ากำลังจะกลับเข้ากรุงเทพฯ ฉันก็เลยอาสาไปส่งเค้า”
กริชชัยหันกลับมาทางธีธัช
“แกแอบมองฉันกับอรุณศรี แล้วยังมีเวลามาหลีหญิงอีกเหรอเนี่ย”
“เรื่องแบบนี้เวลามันไม่สำคัญเท่าจังหวะเว้ย” ธีธัชมองมาทางกริชชัยอย่างกวนๆ
“ส่วนเรื่องของแก ไอ้วัชมันยังอยู่ เดี๋ยวมันคงจะมีวิธีช่วยแกแก้ข่าวเอง ไม่ต้องห่วง!!”
ธีธัชยิ้มมั่นใจ แต่กริชชัยก็ยังอดหวั่นไม่ได้

วัชระยังนอนหลับอยู่บนโซฟาที่ล็อบบี้ ในอาการหมดสภาพเนื่องจากไม่ได้นอนพักผ่อนมาตั้งแต่เมื่อคืน พนักงานโรงแรมเดินเข้ามาหา และเรียกอย่างสุภาพ
“คุณวัชระครับ..คุณวัชระครับ”
“คุณวัชระ” เสียงพนักงานดังขึ้นอีกเล็กน้อย
วัชระถึงกับสะดุ้งตื่น ลุกพรุดพราดขึ้นมานั่งบนโซฟาในสภาพที่ยังงัวเงียอยู่
“ครับ”
“คุณวัชระใช่มั้ยครับ” พนักงานถามอย่างสุภาพเพื่อความแน่ใจ
“ครับ มีอะไรครับ”
“คุณเนตรนภัสต้องการเรียนสายด้วยครับ” พนักงานของโรงแรมยื่นส่งโทรศัพท์ของโรงแรมให้วัชระ
วัชระแทบไม่เชื่อหูของตัวเองที่เนตรนภัสสืบเสาะจนรู้เบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม
“แหนม!! โทร.มาได้ไงเนี่ย” วัชระพูดประโยคแรกทันทีที่รับสาย

เนตรนภัสเสียงแจ๋นดังมาตามสาย น้ำเสียงแสดงถึงความภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเองเป็นที่สุด
“ไม่เห็นจะยาก ก็แหนมจดชื่อโรงแรมที่วัชบอกไว้เมื่อคืน แล้วก็หาเบอร์จากอินเทอร์เน็ต แล้วก็ส่งรูปวัชมาให้พนักงานโรงแรมตามหา...ง่ายจะตาย!!”
วัชระถือโทรศัพท์ค้าง อ้าปากหวอด้วยความอึ้งเพราะนึกไม่ถึง เสียงเนตรนภัสดังกระแทกแก้วหูของวัชระอีกรอบ
“แล้วทำไมไม่ยอมรับสาย แหนมโทร.ไปตั้งกี่รอบแล้ว ทำอะไรอยู่? หรือว่าอยู่กับผู้หญิงอื่น”
วัชระส่ายหน้าอย่างระอา
“ผมนอนหลับอยู่ล็อบบี้ ก็เมือคืน…ทั้งคืน พอขับรถมาถึงก็สลบไม่รู้เรื่อง แล้วแหนมโทร.มามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณแม่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย วันนี้ และเดี๋ยวนี้!! Now!” เนตรนภัสตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง วัชระแสนที่จะเซ็งกับเนตรนภัส ทิ้งหลังเองพิงโซฟาอย่างหมดแรง

“เรื่องสำคัญ... เรื่องอะไร”
กริชชัยขมวดคิ้วถามวัชระ วัชระพยักหน้าอย่างเซ็งๆ สองคนเดินคุยไปตามทางเดินในโรงแรม วัชระส่ายหน้า
“ไม่รู้ ถามก็ไม่บอก เร่งให้กลับไปเร็วๆ เดี๋ยวก็รู้เอง ฉันขอโทษจริงๆ ว่ะ ที่ต้องกลับก่อน แกก็อยู่กับไอ้ธีไปแล้วกัน”
“รายนั้น กลับไปก่อนแกอีก”
“อ้าว”
“เออ..มันไปกับหญิง..ไม่ต้องถามว่าอะไรยังไง เพราะฉันก็ไม่รู้.. แล้วแกจะกลับยังไง ให้รถตู้ไปส่งหรือเปล่า”
ทั้งกริชชัยและวัชระเดินมาจนถึงทางออกซึ่งมีประตูกระจกใสมาก
“ไม่เป็นไร..ฉันซิ่งคันเมื่อเช้ากลับไปจอดไว้บริษัทแก แล้วเปลี่ยนเอารถฉันไปหาแหนม ฉันไปก่อนแล้วกัน ขี้เกียจโดนโทร.จิก” วัชระตอบอย่างเหนื่อยๆ หน้าตายังงัวเงียและมึนๆ อยู่
“เออ.. ถ้าง่วงก็อย่าฝืน โทร.มา เดี๋ยวฉันให้คนรถไปรับ” กริชชัยว่า
“ขอบใจมาก ไปหล่ะ !!”
วัชระพูดจบก็หันเดินออกไป โดยไม่ทันระวังว่ามีกระจกอยู่ วัชระชนเข้าอย่างแรง จนเซจะล้มลง
“โอ้ย!!”
กริชชัยรับวัชระไว้ในอ้อมกอดพอดีตามสัญชาตญาณ
“เฮ้ย ระวัง”
ช่างบังเอิญเกิ๊น เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่อรุณศรีเดินมาเห็นวัชระอยู่ในอ้อมกอดของกริชชัยพอดี อรุณศรีถึงกับอึ้ง
กริชชัยหันมาเห็นอรุณศรีที่กำลังมองมาพอดี ความตกใจทำให้กริชชัยรีบผลักวัชระทันที วัชระตกลงที่พื้น.เสียงดังตุ๊บ!!! วัชระร้องลั่น
“โอ้ย!!”
อรุณศรีรีบหลบตา ทำเป็นมองไม่เห็น เธอได้แต่อมยิ้มแล้วก็เดินเลี่ยงไป เพราะกลัวกริชชัยจะอาย
กริชชัยหน้าเสีย คิดว่า ทำไมถึงได้ซวยซ้ำ ซวยซ้อนขนาดนี้
ส่วนวัชระกุมก้นด้วยความเจ็บที่ถูกกริชชัยผลักจนนั่งจ้ำเบ้าลงกับพื้น วัชระลุกขึ้น
“แกปล่อยฉันทำไมวะ? เจ็บนะเว้ย”
“ขอโทษๆ แกก็กลับดีๆ มีอะไรค่อยคุยกัน”
กริชชัยพูดจบก็รีบเดินตามอรุณศรีไป วัชระมองตามด้วยไปด้วยความงงๆ
“มันจะรีบไปไหนของมัน”

อรุณศรีเดินเล่นอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงแรมวังน้ำเขียว ทันใดนั้นกริชชัยก็เดินพรวดตามมา เพื่อจะอธิบาย
“อรุณศรี”
อรุณศรีชะงัก หยุดเดิน และหันมา กริชชัยเดินตามมาจนทัน เขาชี้แจงด้วยอาการปากคอสั่น เสียงระล่ำระลัก
“คือ... ที่คุณเห็นเมื่อกี๊”
“ฉันจะไม่บอกใครหรอกค่ะ”
“เอ่อ” กริชชัยสะอึก พูดต่ออะไรต่อไม่ถูกเลย
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งเรื่องของคุณกับคุณธีธัช และผู้ชายคนเมื่อกี้ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่เม้าท์ และไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวค่ะ ไม่ต้องห่วง”
“เอ่อ..แต่ว่า” กริชชัย พยายามที่จะอธิบายต่อ

ทันใดนั้นเสียงเบญลี่ก็ดังแทรกเข้ามาขัดจังหวะการแก้ตัวของกริชชัยพอดี
“คุณกริชคะ”
กริชชัยชะงัก..ไม่กล้าพูดต่อ เบญลี่รีบเดินพรวดๆ เข้ามาหาด้วยท่าทีคล่องแคล่ว
“เบญลี่ให้เค้าจัดโต๊ะอาหารกลางวันสำหรับคุณกริช และเพื่อนๆไว้ที่เทอเรซด้านโน้น..วิวดีมั่กๆ เลยค่ะ เราไปกันเลยมั้ยคะ”
“ได้..แต่..อรุณศรีต้องทานร่วมโต๊ะกับผม”
ทั้งเบญลี่และอรุณศรีเลิกคิ้ว ด้วยความแปลกใจ
“ค่ะ” เบญลี่และอรุณศรีรับขึ้นพร้อมกัน
“คือ เพื่อนผมกลับไปหมดแล้ว ผมไม่อยากทานคนเดียว ถ้าคุณเบญสะดวกก็ทานด้วยกัน”
“พอดีต้องไปคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในวันงานกับทางโรงแรมน่ะค่ะ แล้วเค้าก็จัดอาหารไว้ให้แล้วด้วย คุยไปกินไปน่ะค่ะ เบญลี่ให้แอ๊วดูแลแทนแล้วกันนะคะ” เบญลี่บอก

อรุณศรีอึดอัดที่ต้องรับหน้าที่ร่วมโต๊ะกินข้าวกับกริชชัย ได้แต่ยิ้มนิดๆ เป็นมารยาท แล้วก็เดินนำไป กริชชัยเดินตาม พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ แอบมีความสุขอยู่คนเดียว
เบญลี่มองตามกริชชัยและอรุณศรีไป แล้วก็ขมวดคิ้วนิดๆ อดคิดไม่ได้ว่า มันจะมี Something หรือเปล่าหว่า ?

ที่เทอเรซของโรงแรม ซี่โครงหมูบาร์บีคิวถูกวางไว้ตรงหน้า อรุณศรีมองหน้ากริชชัยที่นั่งอย่างสุภาพตรงหน้าด้วยความลำบากใจ
“ถ้าคุณอยากใช้มือทานก็ตามสบายนะ ไม่ต้องอาย ผมรับได้” กริชชัยพูดอย่างรู้ใจ
“ขอบคุณค่ะ ..เอ่อ แต่ถ้าฉันเลอะเทอะ คุณคงไม่ไล่ฉันออกจากงานเพราะทานอาหารไม่เรียบร้อยนะคะ”
กริชชัยยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะผายมือ
“เชิญ...”
อรุณศรียิ้มรับแล้วเช็ดมือ ก่อนจะใช้มือหยิบซี่โครงที่อยู่ข้างหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่ว น่าอร่อยมาก
กริชชัยมองแล้วก็อมยิ้มมีความสุข อรุณศรีเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“คุณไม่ทานเหรอ ? อร่อยนะคะ เนื้อหมักได้กำลังดี ร่อนแล้วก็นุ่มดี ซอสก็เข้มข้นใช้ได้เลย”
“คุณรู้เรื่องอาหารด้วยเหรอ”
“พี่ชายฉันเป็นเชฟน่ะค่ะ เขาชอบทำอาหารให้ฉันทาน แล้วก็ใช้ฉันเป็นหนูทดลองประจำ”
กริชชัยฟังเพลินอย่างมีความสุข อรุณศรีถามย้ำกริชชัยอีกครั้ง
“ตกลง จะไม่ทานเหรอคะ”
“อ้อ... ทานสิ”

กริชชัยหันมาหยิบมีด และส้อมเตรียมจะกิน แล้วก็เปลี่ยนใจวางอุปกรณ์ลงหันไปเช็ดมือ และใช้มือกินเหมือนอรุณศรีด้วยด้วยกิริยาเก้งก้างไม่สันทัด
อรุณศรีมองแล้วอดยิ้มไม่ได้
กริชชัยกินซี่โครงหมูบาร์บีคิวด้วยมือ ความไม่ถนัดและคุ้นเคยทำให้ซอสเลอะเป็นดวงอยู่ที่แก้ม
อรุณศรียิ้มขำ กริชชัยเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ อรุณศรีไม่พูด แต่ใช้นิ้ว ชี้มาที่แก้มของตัวเอง บอกให้กริชชัยรู้ว่าแก้มเลอะอยู่ กริชชัยยังงง ไม่เข้าใจ
“แก้มคุณเลอะซอส”
กริชชัยมองมือตัวเองก็เลอะเทอะอยู่ แล้วก็เงยหน้าบอกอรุณศรี
“มือผมเลอะ... รบกวนคุณ...เช็ดให้หน่อยได้หรือเปล่า”
กริชชัยได้แต่ลุ้น ขณะที่อรุณศรีคิดนิดเล็กน้อยกแล้วเช็ดมือตัวเองกับผ้า ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่แล้วเดินข้ามโต๊ะไปเช็ดซอสที่แก้มให้กริชชัย
นาทีนั้นกริชชัยถึงกับใจเต้นโครมคราม ไม่เคยสัมผัสอรุณศรีในระยะใกล้เท่านี้มาก่อน

เบญลี่เดินมาพร้อมกับแฟ้มงานที่ยังกุมอยู่ในมือเดินผ่านมาทางห้องอาหารในบริเวณเทอเรซ และเห็นอรุณศรีกำลังเช็ดซอสที่แก้มของกริชชัยอย่างตั้งใจ ในขณะที่กริชชัยแอบมองด้วยความชื่นชม
“โอ๊ะ..โอ..”
เบญลี่ถึงกับรีบกดตัวลงต่ำหลบวูบทันที
“หะ?.. ฉันตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย”
เบญลี่ค่อยโผล่หัวขึ้นมาทีละน้อย เห็นอรุณศรีกลับมานั่งที่เดิม แต่กริชชัยยังเขินอยู่
เบญลี่ดึงตัวหลบเข้ามาเหมือนเดิม ขมวดคิ้วนิ่วหน้า คิดหนักจนคิ้วแทบจะผูกเป็นโบว์ สมองส่วนอยากรู้อยากเห็นทำงาน

กริชชัยยังอมยิ้มนิดๆ ด้วยความเขิน
“ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ฉันทำให้เพราะรู้ว่าจริงๆแล้วคุณเป็นอะไร ถ้าคุณเป็น ‘ผู้ชายแท้ๆ’ ฉันก็คงไม่กล้าทำ” อรุณศรีระบายยิ้มที่ริมฝีปากอย่างจริงใจ เล่นเอากริชชัยถึงกับสะอึก
จังหวะนั้นกริชชัยมองทอดสายออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยความเหนื่อยใจ จนแทบจะกินต่อไม่ลง

รถในสภาพยับเยินของวัชระแล่นเข้ามาจอดในบ้านเนตรนภัสในเย็นวันนั้น วัชระเพิ่งจะเปิดประตูรถและก้าวลงมาได้เพียงขาเดียว โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น วัชระหยิบขึ้นมาดูอย่างเซ็งๆ เพราะคิดว่าเป็นเนตรนภัส
“จิกจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ” วัชระพึมพำกับตัวเอง
วัชระกำลังจะกดรับ แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏหน้าจอก็แปลกใจ “Private number”
“ใครวะ... ซ่อนชื่อซะด้วย หรือจะเป็นพวกสายข่าว... ฮัลโหล” วัชระตัดสินใจกดรับ

“ยอมรับสายแล้วเหรอคะคุณตำรวจ” สุพรรณิการ์นั่นเอง ที่เวลานี้เธอยืนอยู่ในร้านกรอกเสียงลงไปอย่างมีอารมณ์
จากนั้นสุพรรณิการ์ก็เดินด้วยอาการเจ็บสะโพก เดินกระเผกขึ้นไปที่ห้องทำงาน ซึ่งอยู่ชั้นบนของร้านเหล้าสาดสุรา หวานนารี ห้องของสุพรรณิการ์ตกแต่งแบบอินเดีย สีสันจัดจ้าน ใน บรรยากาศสบายๆ โรแมนติก
“คุณเป็นใคร ?” วัชระกรอกเสียงลงตามสายพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“คนที่คุณชนแล้วหนีไงยะ” สุพรรณิการ์เดินพลาง พูดไปพลางอยู่ในห้อง
“ผมถามว่า ใคร?”
สุพรรณิการ์ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ท่าทางจะชนแล้วหนีไว้หลายคน ถึงจำไม่ได้” สุพรรณิการ์แดกดัน
วัชระเริ่มเซ็ง
“นี่คุณ..ผมไม่มีเวลาล้อเล่น”
สุพรรณิการ์เริ่มหงุดหงิด อารมณ์เสียและของขึ้นมาทันที
“อ้าว...นี่ฉันก็ไม่มีเวลามาล้อเล่นเหมือนกันย่ะ และที่โทร.มานี่ก็จริงจังนะ ไม่ใช่โทรมาขำๆ”
ขณะที่การสนทนายังไม่ทันจะได้ใจความ เนตรนภัสเดินมาทางด้านหลังเห็นวัชระกำลังพูดโทรศัพท์อยู่พอดี
“วัชคุยกับใคร?” เสียงเนตรนภัสดังลอดเข้ามายังสายของสุพรรณิการ์

“เสียงใคร?” สุพรรณิการ์ถามขึ้น
“แค่นี้ก่อนนะ ถ้าคุณมีธุระจริงๆ ค่อยโทร.มาอีกทีแล้วกัน วันนี้ผมไม่มีเวลามาเล่นเกม”
วัชระรีบชิงตัดบทจากสุพรรณิการ์ทันที ในขณะที่เนตรนภัสรีบก้าวเท้าเดินมาหาวัชระทันที
“เฮ้ยๆๆ คุณอย่าวางนะ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน คุณตำรวจ!”

วัชระกดวางสายไปด้วยความรำคาญ เนตรนภัสเดินมาพร้อมกับซักถามตามประสาคนขี้หึงในทันที
“แหนมถามว่าคุยกับใคร”
“ใครไม่รู้คงจะโทร.ผิด” วัชระพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“แล้วทำไมต้องวางด้วย?”
“อ้าว.ก็เค้าโทร.ผิด จะให้ผมคุยอะไรกับเค้า?”
เนตรนภัสอ้าปากเถียง
“ก็...”
“แหนม.. คุณแม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ ผมก็รีบขับรถกลับมาตามคำสั่ง แล้วตกลงจะเสียเวลาทะเลาะกันตรงนี้ หรือจะรีบปล่อยให้ผมไปคุยธุระสำคัญ”
เนตรนภัสชะงักนิดๆ นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องใหญ่รออยู่ จึงจำใจต้องยอมยุติเรื่องคุยโทรศัพท์กับคนแปลกหน้าไว้แค่นั้น
“คุยกับคุณแม่ก่อนก็ได้ แต่คุยจบแล้ว เอามือถือมาให้แหนมดูด้วยนะ แหนมจะเช็คว่าคุยกับใคร!!”
เนตรนภัสออกคำสั่งแล้วก็เดินนำเข้าบ้านไป
วัชระมองตามด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะหันมากดปิดโทรศัพท์ แล้วก็โยนไว้ในรถอย่างไม่ไยดี

ด้านสุพรรณิการ์ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ยืนกดโทรศัพท์อยู่ในห้องด้วยความหงุดหงิด
“ปิดเครื่อง? หนอย... คิดจะหนีฉันเหรอ?”
สุพรรณิการ์หันไปหยิบนามบัตรของวัชระที่ทิ้งไว้ให้ขึ้นมาดู
“ร้อยตำรวจเอกวัชระ ถ้าฉันตามตัวเจอเมื่อไหร่ นายชะตาขาดแน่!!”

ทั้งวัชระและเนตรนภัสเดินเข้ามาในบ้าน สวนทางกับนรีวรรณพอดี
“ทำบุญต่อชะตา? พี่เนี่ยนะ” วัชระอดถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
เนตรนภัสคอยเกาะแขนแจวัชระไม่ยอมปล่อย พร้อมๆ กับถลึงตาใส่นรีวรรณ
“ใช่ค่ะ พี่วัชทำบุญครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่คะ? นุ้ยว่าช่วงนี้ดูพี่วัชหน้าหมองๆ เหมือนชะตาไม่ค่อยดี” นรีวรรณพยายามจะบอกวัชระเป็นนัยๆ กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ขณะที่แขนด้านซ้ายของเนตรนภัสยังกุมมือของวัชระไว้แน่น แต่มือข้างขวาเริ่มคลายออกจากวงแขนแล้วยื่นมือออกมา วางนิ้วแปะลงจิ้มบนใบหน้านรีวรรณ ก่อนจะไสหัวน้องสาวให้หลีกทาง
“ยัยนุ้ย หลบไป!! แล้วก็หยุดพูดมากได้แล้ว พี่จะวัชไปคุยกับคุณแม่” เนตรนภัสเตือน
เนตรนภัสพูดจบก็ลากตัววัชระไปอย่างรวดเร็ว นรีวรรณก็ยังไม่วายที่จะตะโกนไล่หลัง
“ถ้าพี่วัชไม่มีเวลา เอาวันเดือนปีเกิดมาก็ได้นะคะ เดี๋ยวนุ้ยต่อชะตาออนไลน์ให้ เดี๋ยวนี้เค้ามีบริการผ่านอินเตอร์เน็ตแล้วนะคะ”
“หุบปาก” เนตรนภัสตะโกนสวนนรีวรรณทันที
วัชระออกจะงงๆ กับคำพูดคำจาของนรีวรรณที่เหมือนจะบอกอะไรแก่เขา จนเขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า “นี่มันอะไรกันวะ”
เนตรนภัสลากตัววัชระเข้าห้องรับแขกพร้อมกับปิดประตูอย่างแรง
นรีวรรณส่ายหน้าด้วยความไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เนตรนภัสกำลังจะทำ จนอดคิดไม่ได้ว่า
“งานนี้ใครจะซวยกันแน่ พี่วัช พี่แหนม หรือว่าแม่”

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์