สีรุ้งที่ถูกเนตรนภัสจัดฉากให้มานั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ในห้องรับแขก วัชระกับเนตรนภัสนั่งเผชิญหน้า เนตรนภัสเปิดฉากพูดขึ้นอย่างรีบเร่ง
“คุณแม่คะ..คุณแม่มีเรื่องจะคุยกับวัชไม่ใช่เหรอคะ คุยเลยค่ะ!!” เนตรนภัสยิ้มสดใส และเริ่มโยนลูกเปิดประเด็นในทันที
สีรุ้งหันมามองหน้าวัชระ วัชระยิ้มรับนิดๆ ทั้งสีรุ้งและวัชระต่างก็รู้สึกงงๆพอกัน
“ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ เพราะมีเรื่องจะถาม”
“ถามเลยค่ะ!” เนตรนภัสแทรกด้วยความใจร้อน
สีรุ้งปรายตามาทางเนตรนภัส ผู้เป็นลูกสาวด้วยความอ่อนใจ
สีรุ้งตะกุกตะกัก เนตรนภัสลุ้น
“...เปลี่ยนใจบ้างเหรอ” สีรุ้งไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร
วัชระสะดุ้งนิดๆ เนตรนภัสชักสีหน้าไม่สู้ดี
“คุณแม่” เนตรนภัสเสียงสูงใส่สีรุ้ง เหมือนจะเตือนว่าอย่าหลงประเด็น
“แม่จะบอกว่า ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ก็ควรจะทำอะไรๆ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว มั่นคงไม่ใช่ควงกันไปควงมาแบบนี้” สีรุ้งพยายามตบความคิดเข้าประเด็นที่เนตรนภัสต้องการ
เนตรนภัสได้ยินดังนั้น ค่อยรื่นหูและอารมณ์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วไป...”
วัชระยังไม่เข้าใจที่สีรุ้งพูดอยู่ดี จนอดขมวดคิ้วถาม
“คุณแม่หมายถึงอะไรครับ? อย่าบอกนะครับว่าคุณแม่หมายถึง...การแต่งงาน!!”
เนตรนภัสหันขวับกลับมาและใส่วัชระในทันที
“ทำไมวัช? ถ้าคุณแม่หมายถึงการแต่งงานแล้วยังไง หรือว่าวัชไม่คิดจะแต่ง”
วัชระหน้าเลิ่กลั่ก สีรุ้งเริ่มงงๆ ขณะที่เนตรนภัสกำลังของขึ้นจึงใส่ยาวอย่างไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม
“นี่คิดจะคบแหนมเล่นๆ งั้นเหรอ แหนมไม่ยอมนะ แหนมเสียเวลากับวัชมาตั้งหลายปี ไม่ยอมเสียเวลา เสียโอกาส แล้วยังเสียต _” เนตรนภัสหลุดคำว่า “ตัว” ออกมาแค่ครึ่งคำ
“แหนม!! พอลูก อย่าพูดต่ออีกเลย แม่จะเป็นลม แม่พูดเอง”
“คุณแม่ไม่ต้องค่ะ แหนมพูดเอง!!!”
สีรุ้งกุมขมับ ลมแทบจับ เมื่อเนตรนภัสไม่ยอมหยุด
“นี่ไม่ใช่การสอบถาม หรือเจรจา แต่เป็นการแจ้งให้ทราบ วัชจะต้องแต่งงานกับแหนมภายในปีนี้ !!”
“ปีนี้? มันเหลืออีกไม่กี่เดือนเองนะ”
“ใช่ และแหนมก็จะไม่รอไปจนถึงปีหน้า วัชจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และงานแต่งงาน ‘ของเรา’จะต้องเริดที่สุด!”
“แต่..วัชไม่มีเงิน จะมาจัดงานเริดๆ ได้ยังไง”
“แหนมออกเอง เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่งานนี้ ‘ห้ามเสียหน้า’ เด็ดขาด!!” เนตรนภัสสวนกลับ
สีรุ้งถึงกับพิงหลังลงที่โซฟา เพราะลมตีขึ้นด้วยความเครียด
“เฮ่อ...”
เนตรนภัสเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ขณะที่วัชระมองหน้าเนตรนภัสด้วยความรู้สึกทั้งอึดอัด ขัดใจ แววตาเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
หลังเสร็จสิ้นการพูดคุยกับสายรุ้งและเนตรนภัส วัชระเดินคอตกออกจากบ้านหลังใหญ่โตหลังนั้นด้วยความอึดอัดใจ ใบหน้าเคร่งขรึม คำพูดของเนตรนภัสดังก้องอยู่ในหัว
“นี่ไม่ใช่การสอบถาม หรือเจรจา แต่เป็นการ ‘แจ้งให้ทราบ’ วัชจะต้องแต่งงานกับแหนมภายในปีนี้!! วัชจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และงานแต่งงาน ‘ของเรา’ จะต้องเริดที่สุด!! เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่งานนี้ ‘ห้ามเสียหน้า’ เด็ดขาด!!”
วัชระเดินมาถึงที่รถด้วยความเครียดสุดทน ง้างมือจะทุบลงไปที่กระโปรงรถ แต่เหลือบไปเห็นว่ามันบุบอยู่แล้ววัชระเลยชะงักมือ เปลี่ยนเป็นวางไว้ที่หน้ารถอย่างแผ่วเบา แล้วก็ถอนหายใจออกมาเพื่อรพบายความเครียด
“เฮ่อ!!”
บนท้องฟ้าเมฆฝนก่อตัว และค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยต่ำ เช่นเดียวกับความมืดมนที่กำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตวัชระอย่างเต็มรูปแบบยามนี้
เย็นวันเดียวกัน รถตู้ของกริชชัยแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท M Group ส่วนรถมอเตอร์ไซค์คันที่กริชชัยขับไปโรงแรมวังน้ำเขียวมีพนักงานขับตามหลังมาให้
ประตูรถตู้เปิดออก กริชชัยเดินลงมาก่อน ตามมาด้วยเบญลี่ และอรุณศรี สามคนยืนอยู่หน้าบริษัท สายตาที่เบญลี่มองกริชชัยและอรุณศรีด้วยความอยากรู้อยากเห็นซ่อนอยู่
“นี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาแล้ว ฝนก็เหมือนจะตก แล้ว จะกลับบ้านกันยังไง?” กริชชัยถามขึ้นลอยๆ
“เบญลี่เอารถมาค่ะ คุณกริชไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ผมรู้” กริชชัยหันมาตอบนิ่งๆ
“แล้วคุณ..กลับยังไง?” กริชชัยหันมาทางอรุณศรี
“เดี๋ยวแฟนมารับค่ะ” อรุณศรีตอบอย่างจริงใจ
กริชชัยจุกเหมือนโดนลิ่มปักกลางอก เบญลี่หันขวับมาทางอรุณศรี หน้าตาแสดงความไม่พอใจ อรุณศรีหันมายิ้มให้ โดยไม่รู้ตัวว่าโดนเคือง
“ งั้นก็..ดี!!” กริชชัยตัดบทกลบเกลื่อน
กริชชัยพูดจบแล้ว หันหลังเดินเข้าบริษัทด้วยความเซ็ง
ภายหลังจากที่กริชชัยเดินเข้าบริษัท เบญลี่ลากอรุณศรีมาที่มุมหนึ่งของตึก
“พี่เบญลี่ มีอะไร? ลากแอ๊วมาตรงนี้ทำไมเนี่ย”
เบญลี่มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง แน่ใจว่าไม่มีคน จึงหันขวับถามอรุณศรี
“ไปตอบคุณกริชเค้าแบบนั้นทำไม?”
“อ้าว..ก็แฟนแอ๊วเค้ามารับจริงๆนี่”
“ตอบแบบนั้นไป แล้วไม่กลัวเหรอ?”
อรุณศรีงง “กลัววอะไร ?”
เบญลี่มองหน้าอรุณศรีราวกับจะคาดคั้น
“ถามจริง ไม่รู้จริงๆเหรอเนี่ย”
“รู้อาราย?”
“ก็เรื่องคุณกริชงาย...ไม่รู้จริงๆอ่ะ?”
อรุณศรีคิดสักครู่ เรื่องกริชชัยเป็นเกย์ก็เข้ามาในสมองอีก ภาพธีธัชกับกริชชัยหยอกล้อกัน และกริชชัยกอดกับวัชระผ่านเข้ามาในสมอง
“อ๋อ...แอ๊วรู้ พี่เบญลี่ก็รู้เหรอ”
“คือ พี่ก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันแอบเห็นโดยบังเอิญน่ะ” เบญลี่ตอบแบบอึกๆอักๆ
ภาพที่อรุณศรีเช็ดปากให้กริชชัย และแววตาของกริชชัยที่หวานเยิ้ม ผ่านเข้ามาในสมองของเบญลี่ เธอพูดต่อ ด้วยความกระตือรือร้น
“พี่ก็เลยคิดว่า แอ๊วไม่ไม่น่าจะบอกเรื่องมีแฟน บอกไปเท่ากับตัดโอกาสตัวเอง”
“ตัดโอกาส” อรุณศรีงงกับคำนี้นิดๆ
อรุณศรีคิดว่า เบญลี่คงจะหมายถึงว่า กริชชัยอาจจะไปสนใจปรานต์ก็ได้
“ อ๋อ แฟนแอ๊วเค้าไม่สนหรอกค่ะ ปรานต์เค้าแมนๆ ค่ะ”
เบญลี่งงกับคำตอบของอรุณศรี
“ขอบคุณที่เตือนนะคะ เอาเป็นว่า แอ๊วจะคอยระวังไม่ให้เค้าสองคนเจอกัน เพื่อความปลอดภัย” อรุณศรีพูดต่อ
แล้วยิ้มก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานตัวเอง เบญลี่มองตามอย่างงง
“ไม่ให้เจอกัน หรือว่ายัยแอ๊วจะเก็บคุณกริชไว้เป็นกิ๊ก!!”
เบญลี่คิดในใจ โดยไม่ได้รู้เลยว่า คุยกันไปคนละเรื่อง
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์