หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง
กริชชัยเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วทรุดลงนั่งด้วยความเซ็ง
“ทั้งมีแฟนแล้ว ทั้งคิดว่าเราเป็นเกย์ ซวยครบสูตรจริงๆ”
กริชชัยส่ายหน้าแล้วก็เอนหลังพิงโซฟา เงยหน้ามองเพดานอย่างไร้หวัง
อรุณศรีเก็บของที่โต๊ะทำงาน แล้วก็ส่งข้อความบอกปรานต์ไปว่า
“จะออกไปยืนรอหน้าบริษัท มารับได้เลย”

ครู่ต่อมาที่หน้าบริษัท M Group อรุณศรีเดินถือกระเป๋างานออกมายืนรอ บรรยากาศครึ้มๆ เหมือนฝนกำลังจะ
ตก อรุณศรีเงยหน้ามองเกรงว่าปรานต์จะมาไม่ทันก่อนที่ฝนจะตก


กริชชัยเก็บของกำลังออกจากบริษัทเช่นเดียวกัน เขามองผ่านริมหน้าต่างเห็นท้องฟ้าครึ้มๆ ในใจคิดว่า ฝนคงจะตกในไม่ช้า จึงรีบออกจากห้อง ก้าวเท้าเดินลงจากตึก ไป กริชชัยมองลงไปที่หน้าตึกชั้นล่าง เห็นอรุณศรียืนอยู่
กริชชัยหยุดยืนมอง เปลี่ยนใจกระทันหัน ยังไม่กลับดีกว่า แต่ก็อดห่วงในตัวอรุณศรีไม่ได้

อรุณศรียืนรออยู่ที่เดิมจนเมื่อยขา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาปรานต์ แต่ไม่มีคนรับ
“กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ…ตื๊ด”
อรุณศรียืนรออยู่อีกครูหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมานั่งรอ และโทรศัพท์อีกครั้ง ไม่มีคนรับสาย ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ ลมเริ่มกรรโชกแรง ฝนกำลังจะตก

ความมืดจากลมฝน และเวลากลางคืนที่เริ่มคลืบคลานเข้ามาแผ่คลุม
“แอ๊วไม่รอแล้วนะ เบื่อ” อรุณศรีบ่นอุบ
อรุณศรีวางสายไปด้วยความเซ็ง แล้วทันใดนั้นฝนก็เทลงมาอย่างหนัก !!
อรุณศรีตกใจรีบวิ่งหลบฝนเข้าไปในตึก ทันใดนั้นก็มีร่มสีดำคันใหญ่ก็ยื่นเข้ามากันฝนให้อย่าง
ทันท่วงที
อรุณศรีตกใจนิดๆ ก่อนจะหันมาพบว่า ที่แท้ กริชชัยคือ ผู้กางร่มให้กับเธอนั่นเอง อรุณศรีเปลี่ยนจากความตกใจเป็นแปลกใจ
“คุณกริช คุณยังไม่กลับเหรอคะ”
“ผมรอคุณ”
“รอฉัน? รอทำไม” อรุณศรีสงสัย
“รอจนกว่าจะมี...” กริชชัยตั้งใจที่จะพูดว่า “แฟน” ต่อในประโยคนี้ แต่ชะงักและเปลี่ยนสรรพนามเรียก
“คนมารับ..แล้วนี่ เค้า ยังไม่มารับเหรอ”
“ก็ พอดีเค้าติดงานสำคัญ ยังปลีกตัวออกมาไม่ได้ ฉันก็เลยคิดว่าจะกลับเอง”
“เดี๋ยวผมไปส่ง” กริชชัยโพล่งออกมา
อรุณศรีชะงักแปลกใจ กริชชัยใจเต้นโครมครามที่ได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด อยากทำตามด้วยความห่วงใยออกไป กริชชัยรอคำตอบด้วยใจระทึก
อรุณศรีอึกๆอักๆ
“อย่าเลยค่ะ ฉันกลับแท๊กซี่เองดีกว่า”
“ฝนตกแบบนี้ ผมว่าหาแท๊กซี่ลำบากแน่ แล้วรถก็น่าจะติด นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้ผมไปส่งดีที่สุด”
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า ไว้ใจได้”
“ฉันรู้หรอกน่า” อรุณศรีมองหน้าแล้วยิ้มๆอย่างรู้ทัน
กริชชัยอมยิ้มนิดๆ
“อย่างฉันไม่ใช่แนวที่คุณชอบ” อรุณศรีพูดต่อ
กริชชัยถึงกับสะอึก หุบยิ้มหน้าเจื่อนในทันทีแต่จำต้องฝืนยิ้มให้กับอรุณศรี ก่อนจะเบือนสายตาหลบ
อย่างเซ็ง

รถของกริชชัยแล่นฝ่าแสงสีของกรุงเทพยามราตรี ภายในรถเห็นกริชชัยนั่งคู่กับอรุณศรี เขาอบมองอรุณศรีเป็นระยะๆ ด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่อรุณศรีนั่งอย่างสบายใจ ไม่เกร็ง และไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากในใจที่ยังแอบเคืองปรานต์ด้วยความเซ็ง นับเป็นวันเวลาแห่งความสุขของกริชชัย กริชชัยขับรถและฮัมเพลงประจำตัวเขา

รถสปอร์ตหรูของกริชชัยแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของอรุณศรี
“ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง”
“ด้วยความยินดีครับ”
“ส่วนเรื่องนั้น คุณไม่ต้องห่วงนะคะ”
กริชชัยขมวดคิ้วนิดๆ อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่อรุณศรีพูดถึง
“ฉันไม่เอาไปเม้าท์กับคนอื่นแน่นอน คุณเองก็เคลียร์กับคุณธีธัชให้ฉันด้วยนะคะ เค้าจะได้รู้ว่าเราสองคน ไม่ได้มีอะไรกัน” อรุณศรียิ้มรื่น
“ฉันไปก่อนนะคะ”
อรุณศรีพูดจบแล้วก็เปิดประตูลงจากรถไปเลย
กริชชัยได้แต่อ้าปากค้างยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เพราะอรุณศรีเปิดประตูรถแล้วรีบเดินเข้าบ้านในทันที กริชชัยเหมือนคนในอาการน้ำท่วมปาก ได้แต่มองเธอเดินจากไป
กริชชัยโกรธตัวเองแล้วก็ทุบมือลงบนพวงมาลัยด้วยความเซ็ง แต่จังหวะที่ทุบนั้น บังเอิญไปโดนเสียงแตรรถ เสียงแตรดัง
อรุณศรีที่กำลังจะเข้าบ้าน ถึงกับชะงักและหันกลับมามองของรถกริชชัยด้วยความแปลกใจ
กริชชัยตกใจเล็กน้อยที่เสียงแตรรถดังขึ้น เขาชะงักและหันไปมองไปทางอรุณศรี กริชชัยคิดว่าเอาไงดีกับสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ตัดสินใจลดกระจกลงแล้ว โบกมือลา พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
อรุณศรีมองมาทางกริชชัยด้วยสีหน้างงๆ มาโบกมือทำไม?
กริชชัยรีบหันกลับ แล้วก็ปิดกระจกรถพร้อมกับขับรถออกไปทันที
อรุณศรีมองตามอย่างแปลกใจ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินเข้าบ้าน แต่ไม่คิดมาก

อรุณศรีเดินเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอขนาดไม่ใหญ่นัก มีเพียงห้องครัวเท่านั้นที่ใหญ่โตกว้างขวาง เครื่องครัวเพียบพร้อมและเก๋ไก๋ มุมหนึ่งของผนังมีหนังสือทำอาหารเรียงรายมากมาย ส่วนห้องนั่งเล่นเล็กๆ ในบรรยากาศอบอุ่น รอบๆผนังห้อง ยังมีรูปอรุณศรีและโอบบุญพี่ชายที่ถ่ายคู่กัน เรียงรายตั้งแต่วัยเด็กไปถึงรูปเรียนจบรับปริญญา แม้แต่รูปถ่ายในปัจจุบันก็มี ภาพเหล่านี้ เพื่อบ่งบอกว่า พี่น้องคู่นี้รักและสนิทสนมกันมาก

อรุณศรีเดินเข้ามาในบ้านแล้ววางกระเป๋าและแฟ้มงานไปกันคนละทาง ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากระโปรงมาดู หน้าจอว่างเปล่า ไม่มีการติดต่อมาจากปรานต์
“ไม่โทร.กลับมาสักครั้ง เชื่อเค้าเลย” อรุณศรีบ่นอุบ
อรุณศรีส่ายหน้าด้วยความเซ็ง แล้วก็โยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา
ทันใดนั้นปรานต์ก็โทร.มาพอดี อรุณศรีปรายตามามอง เห็นชื่อปรานต์ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจรับสายด้วยความหงุดหงิด
ทันทีที่กดรับ เสียงปรานต์ก็พุ่งออกมา ทั้งที่อรุณศรียังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“แอ๊วผมขอโทษนะ ติดลูกค้าสำคัญมากเลย ผมพยายามจะปลีกตัวออกมาแต่เค้าไม่ยอม ขนาดผมบอกว่านัดแฟนไว้ ผมไม่อยากผิดนัด เค้าก็ยังไม่ยอม ผมขอโทษจริงๆนะ”
อรุณศรีนิ่งฟังด้วยความเบื่อหน่าย

แท้จริงแล้วในค่ำคืนนั้น ปรานต์ยืนอยู่ที่หน้าร้านสปานวดกระปู๋ พริตตี้สาวสวยประจำร้านยืนคุยกับคุณลูกค้า ปรานต์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล โดยมีพริตตี้สาวเซ็กซี่โบกมือทักทาย ปรานต์โบกมือให้เป็นทำนองที่รู้กันว่าแป๊บนึง แล้วก็หันกลับมาคุยโทรศัพท์ต่อ
“ตอนนี้แอ๊วอยู่ไหนแล้ว ? กลับถึงบ้านหรือยัง? กลับลำบากหรือเปล่า”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากอรุณศรี ปรานต์ถามย้ำ
“แอ๊ว ได้ยินหรือเปล่า?”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบอีกเช่นเคย
“แอ๊ว ฟังผมอยู่หรือเปล่า?”
“ฟังอยู่” อรุณศรีตอบน้ำเสียงเซ็งๆ
ปรานต์ถามกลับ ด้วยความแปลกใจ
“ฟังแล้วทำไมไม่ตอบ..เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
“เป็น !!” อรุณศรีตอบเสียงแข็ง ทว่าเย็นชา
“แอ๊วเป็นอะไร” ปรานต์ซัก
“โกรธ!!”
ปรานต์ชักสีหน้านิดๆ ส่ายหน้าๆ น้ำเสียงหงุดหงิดใส่กลับ
“แอ๊วจะมาโกรธผมได้ยังไง ผมบอกแล้วไงว่าผมติดลูกค้า!”
อรุณศรีระเบิดเสียงใส่ปรานต์
“มันจะติดพันขนาดขอตัวมาโทร.บอกสักคำไม่ได้หรือไง จะได้ไม่ต้องรอ ที่สำคัญแอ๊วไม่ได้ขอร้องให้มารับ ปรานต์อยากมาเอง แล้วก็ปล่อยให้ยืนรอ นั่งรอ ฝนก็ตก รถก็ติด ถ้ามารับไม่ได้ ก็ไม่ต้องอาสา แอ๊วกลับเองได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปรอให้เสียอารมณ์ และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มันเป็นแบบนี้มาตลอด มันน่าเบื่อ”
ปรานต์ทำเสียงอารมณ์เสียใส่ กลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
“แอ๊ว ถ้าจะมาอารมณ์เสียใส่ปรานต์ เราอย่าคุยกันดีกว่า เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ”
อรุณศรีของขึ้นอีกรอบ
“ปล่อยให้รอตั้งสองสามชั่วโมง จะไม่ให้อารมณ์เสียเลยหรือไง”
“พอๆ พอ ได้แล้วแอ๊ว เราหยุดคุยกันแค่นี้ดีกว่า เอาไว้แอ๊วมีสติมากกว่านี้เมื่อไหร่ เราค่อยคุยกัน”
“ใครกันแน่ที่ไม่มีสติ”
หลังจากที่ปรานต์พูดตัดบทก็วางสายไปในทันที
“โธ่เอ๊ย โดนด่าจนเถียงไม่ออก ทำเป็นวางหูใส่ ทุเรศ”
อรุณศรีอารมณ์เสีย โยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาอีกรอบ กัดริมฝีปากตัวเองด้วยความโกรธ

ปรานต์ส่ายหน้าด้วยความไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินกลับไปหาสาวๆ ด้วยความไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย

อรุณศรีทรุดลงนั่งที่โซฟา ปรายตามามองโทรศัพท์ที่วางอยู่อย่างสงบ ไม่มีการโทร.กลับมาจากปรานต์ ขมวดคิ้วคิดหนัก หรือว่า นี่จะเป็นสัญญาณว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ ถึงขั้นต้องเลิกกัน

กริชชัยกำลังขับรถกลับบ้านด้วยความเหงา นึกถึงอรุณศรีที่บอกกับกริชชัยว่ามีแฟนแล้ว
“ฉันเห็นคุณแอบมองฉันมานานแล้ว คุณ คิดอะไรหรือเปล่า? ถ้าคุณจะคิดอะไรที่มัน เอ่อ..อย่างนั้นน่ะ ฉันขอบอกก่อนเลยนะว่าฉัน มีแฟนแล้ว”
กริชชัยบอกความรู้สึกไม่ถูก ทั้งเศร้า เสียดาย เซ็ง คละเคล้ากันไป เขานึกถึงเรื่องธรรมะเกี่ยวกับความรักที่เขาเคยอ่าน
“พระพุทธองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับความรักไว้ใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม 1 ภาค 3 หน้า 786 และ 747 ไว้ว่า “ดูกรนางวิสาขา ผู้ใดมีสิ่งที่รัก หนึ่งร้อย ผู้นั้นก็มีทุกข์ หนึ่งร้อย”
เป็นเวลาเดียวกับที่อรุณศรีค่อยทรุดตัวลงนั่ง ที่โซฟากลางบ้านที่เงียบเหงาด้วยความเศร้า ด้านหลังมีรูปที่อรุณศรีที่ถ่ายคู่กับสุพรรณิการ์
กริชชัย ยังคงพูดถึง “ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็มีทุกข์”

ฝ่ายสุพรรณิการ์นั่งอยู่ในที่ทำงาน มือสองข้างพันผ้าไว้ เนื่องจากอาการซ้นที่เกิดจาดการทุบหน้ารถวัชระ สุพรรณิการ์ใช้นิ้วจิ้มโทร.ออก ที่หน้าจอขึ้นรูปหน้าวัชระ
สัญญาณปิดเครื่อง “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ...”
สุพรรณิการ์กดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด
“อีตาเคราเฟิ้ม นายไม่มีทางหนีฉันพ้นแน่ คอยดู”
สุพรรณิการ์กดโทร.ออกอีกทั้งที่รู้ว่าวัชระปิดเครื่อง
ฝ่ายกริชชัย ยังคงนับย้ำและพูดซ้ำซากเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง “ผู้ใดมีสิ่งที่รัก แปดสิบ ผู้นั้นก็มีทุกข์ แปดสิบ”

วัชระขับรถอยู่บนถนนด้วยความเครียด เสียงเนตรนภัสดังกึกก้องอยู่ในหูและดังอื้ออึงอยู่อย่างนั้น
“นี่ไม่ใช่การสอบถาม หรือเจรจา แต่เป็นการ “แจ้งให้ทราบ” วัชจะต้องแต่งงานกับแหนมภายในปีนี้ วัชจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และงานแต่งงาน “ของเรา” จะต้องเริดที่สุด !! เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่งานนี้ “ห้ามเสียหน้า” เด็ดขาด!!”
วัชระถอนหายใจอย่างแรง
กริชชัยยังคงนับสัจธรรมของความรักใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายอย่างต่อเนื่อง
“ผู้ใดมีสิ่งที่รัก เจ็ดสิบ ผู้นั้นก็มีทุกข์ เจ็ดสิบ”
วัชระขับรถไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ

ฝ่ายธีธัช กำลังส่องดูแผลตัวเองที่หัวด้วยความกลัวว่าจะไม่หล่อเหมือนอย่างเคย ยิ่งนึกถึงตอนที่ลำเภากระหน่ำตีหัวแบบไม่ยั้งก็ให้เกิดความแค้นใจ
“ฉันจะต้องหาทางแก้แค้นยัยเด็กบ้านั่นให้ได้”
กริชชัยยังคง “ผู้ใดมีสิ่งที่รัก เก้า ผู้นั้นก็มีทุกข์ เก้า”

ที่บ้านสวน ลำเภา ยืนมองภาพวาดที่วางอยู่ตรงหน้า พึมพำผุ้คนเดียวว่า
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? หรือว่า จะเป็นคนที่คุณกริชหลงรัก”
ลำเภามองภาพอีกที ด้วยความเป็นห่วง

ในที่สุดกริชชัยก็พร่ำบ่นสัจธรรมของความรักมาถึง
“ผู้ใดมีสิ่งที่รัก หนึ่ง ผู้นั้นก็มีทุกข์ หนึ่ง” ครบ 100 ครั้งพอดี

“ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์” กริชชัยถอนหายใจเมื่อเห็นข้อสรุปของความรักจากหลักสัจธรรม
“ทำไมฉันเลิกรักเธอไม่ได้นะ อรุณศรี”
กริชชัยพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ต้องก้มหน้ารับทุกข์อันแสนหวานนั้นต่อไป

เช้าวันต่อมา ภายในห้องครัวของบ้านอรุณศรี โอบบุญกำลังตอกไข่ใส่กระทะที่ทันสมัยบนเตาที่ร้อนได้ที่ และใช้ไม้ละเลงคนด้วยความชำนาญ เมื่อไข่สุกได้ที่ โอบบุญเทไข่ใส่จานที่แต่งไว้อย่างเก๋ไก๋แล้ว โรยเบคอนเจียว กลิ่นหอมชวนรับประทาน
อรุณศรีเดินออกมาจากห้อง ได้กลิ่นอาหารแล้วก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินมาที่ห้องรับแขก
“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”
โอบบุญ พี่ชายของอรุณศรียิ้มรับ พร้อมกับเดินมาที่โต๊ะอาหารพร้อมเมนูอาหารเช้า
“ใครจะขี้เซาเหมือนเธอ มาก็ดีแล้ว ช่วยพี่ชิมจานนี้หน่อย เจ้านายอยากได้เมนูอาหารเช้า แบบทำเร็วๆ ทานง่ายๆ ได้กำไรเยอะๆ”
“ไม่เอาอ่ะ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะกิน ปวดจิต”
โอบบุญมองหน้าน้องสาว
“หงุดหงิดแบบนี้ทะเลาะกับใครมา ไอ้ปรานต์ หรือว่าเจ้าของรถสปอร์ตคันเมื่อคืน”
อรุณศรีหันขวับทันที
“พี่โอบรู้ได้ไง? เมื่อคืนตอนเค้ามาส่ง พี่โอบยังไม่กลับไม่ใช่เหรอ? หรือว่า มีสายสืบ”
“สายสง สายสืบไรเล่า ป้าขายน้ำเต้าหู้หน้าปากซอยเป็นคนบอก เมื่อเช้าพี่เดินออกไปซื้อไข่ พอเห็นหน้าพี่ก็รีบรายงานเป็นชุดเลย สรุปเป็นความจริงใช่มั๊ยเนี่ย”
อรุณศรีเดินมาถึงโต๊ะอาหาร
“ก็จริง”
โอบบุญยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ด้วยความอยากรู้ “แล้ววันนี้เค้าจะขับรถสปอร์ตมารับหรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่อรุณศรีจะให้คำตอบใดๆ เสียงปรานต์ก็ดังเข้ามาในบ้านพอดี
“ใครขับรถสปอร์ตเหรอครับ”
โอบบุญกับอรุณศรีหน้าเซ็ง หมดอารมณ์ในทันทีทั้งคู่

ปรานต์เดินด้วยหน้าตาร่าเริง ไม่ได้สำนึกถึงสิ่งที่ทำไว้เมื่อวาน
“พี่โอบเปลี่ยนรถเหรอครับ? พี่เอาไปติดเครื่องเสียงที่ร้านผมได้นะ รุ่นใหม่เพิ่งมาจากญี่ปุ่น เสียงใสกิ๊ก”
“เปล่า พี่ยังขับรถญี่ปุ่นมือสองเหมือนเดิม”
“อ้าว แล้วใครขับรถสปอร์ต?” ปรานต์ซักเพราะอยากรู้ความจริง
“ใครก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชาย แล้วก็ขับมาส่งแอ๊วที่บ้านเมื่อคืน”
โอบบุญลอยหน้าพูดด้วยความสะใจ อรุณศรีปรายตามาทางโอบบุญ แม้จะเคืองนิดหน่อยที่พี่ชายปากโป้ง แต่สะใจมากกว่า ปรานต์หันขวับมาทางอรุณศรีทันที
“จริงเหรอแอ๊ว มันเป็นใคร?”
โอบบุญพูดโพล่งขึ้นลอยๆ
“โอ๊ะ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปทำงานแต่เช้า พี่ไปทำงานอาบน้ำก่อนนะ” .
โอบบุญพูดจบก็รีบเดินไปยังห้องนอนทันที
ปรานต์รีบพุ่งเข้ามาจับแขนอรุณศรีคาดคั้นความจริง
“แอ๊ว มันแอบมาจีบแอ๊วตอนปรานต์ไม่อยู่ใช่มั้ย? บอกมา มันเป็นใคร”
อรุณศรีเอามือปัดมือปรานต์ออก แล้วก็ตอบหน้านิ่งๆ
“ไม่บอก” อรุณศรีหยิบกระเป๋าเตรียมจะเดินออกจากบ้าน
“แอ๊ว บอกมานะ มันเป็นใคร แล้วมันมาส่งทำไม” ปรานต์ไม่ยอมแพ้ เดินตามมาคาดคั้น
“หึงเหรอ”
“ใช่”
“ดี หึงมากๆ นะ แล้วก็มาคอยเฝ้าไว้ให้ดี ไม่ใช่ปล่อยให้นั่งรอ ยืนรออยู่หน้าบริษัทตั้งสองสามชั่วโมง เป็นที่สมเพชของคนที่เขาเดินผ่านไปมา รู้ซะบ้าง ว่าแอ๊วมีค่าขนาดไหน อย่ามาทำทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้”
อรุณศรีพูดจบก็รีบเดินออกจากบ้านไป แต่ไม่วายที่ปรานต์ตะโกนไล่หลัง ด้วยความขัดใจ
“แอ๊ว เดี๋ยวก่อน บอกมาก่อนว่ามันเป็นใคร แอ๊ว แอ๊ว”
อรุณศรีไม่หยุดเดิน ปรานต์รีบก้าวเท้าเดินตามออกไป

เช้าวันเดียวกัน ที่บ้านสวน ลำเภากำลังซักไซ้ถึงภาพผู้หญิงที่เธอเห็นในห้องนอน
“ชื่อ อรุณศรี เป็นพนักงานในบริษัท”
กริชชัยจิบกาแฟพร้อมกับพยักหน้ารับ “อืมม์..”
ลำเภายังคงทำหน้าที่คอยขุดคุ้ยหาความจริงต่อไป
“คุณกริชชอบเค้ามากขนาดวาดรูปเก็บไว้แบบนี้ เคยบอกเค้าหรือยัง”
“ไม่เคย” กริชชัย ส่ายหน้า
“ทำไม”
“เค้ามีแฟนแล้ว” กริชชัยถึงกับหน้าเจื่อนไปที่พูดประโยคนี้
“มีก็มี ไม่เห็นเกี่ยวนี่ คุณกริชชอบเค้า ไม่ได้ชอบแฟนเค้าสักหน่อย แล้วบางทีแฟนเค้าอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้ ถ้าเค้ารู้ว่าคุณกริชชอบ เค้าอาจจะเปลี่ยนใจ”
“แฟนเค้าจะดี หรือไม่ดี มันก็เกี่ยว ถ้าเค้ารักของเค้า พี่ก็ไม่อยากเข้ายุ่ง อยู่แบบไม่รู้ยังดีกว่ารู้แล้วต้องเกลียดกัน หรือมองหน้ากันไม่ติด”
กริชชัยพูดด้วยความรู้สึกเหมือนปลง ลำเภาอดเห็นใจพี่ชายไม่ได้
“บนโลกมีผู้หญิงให้เลือกตั้งเยอะแยะ ทำไม๊ ทำไมคุณกริชจะต้องไปชอบคนที่เค้าไม่ชอบด้วย เภาไม่เข้าใจจริงๆ”
“ถ้าเภาได้เจอเค้าสักครั้ง เดี๋ยวเภาก็รู้เอง”
กริชชัยตอบด้วยความรู้สึกดีๆที่มีต่ออรุณศรี

ลำเภาฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว แต่ซักอยากจะเจอสักทีเสียแล้วสิ
จบตอนที่ 3
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์