หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 4/2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง
“แต่ถ้าจะให้ฉันรับผิดก็ได้ โทษฐานทำร้ายร่างกายอย่างมากก็ไม่กี่ร้อย แต่ก่อนจ่ายฉันขอเฉาะหัวให้เลือดอาบอีกสักทีแล้วกัน เพื่อความสะใจ” ลำเภาใส่ต่อ
ลำเภาพูดจบก็หันไปคว้าแท่งเหล็กที่วางอยู่ริมรั้วหน้าบ้านมาทันที
ธีธัชกับวัชระตกใจ
“ขอฟาดอีกสักที ครั้งนี้จ่ายเบิ้ลให้อีกเท่าตัวนึงเลย” ลำเภาง้างมือขึ้นจะตีธีธัช
ธีธัชสะดุ้งสุดตัวร้อง “เอ้ย “
วัชระร้องด้วยความลืมตัว
“ไอ้ธีระวัง”

ลำเภาชะงักมือทันที
“ไอ้ธี? นี่ รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอเนี่ย”


ลำเภามองหน้าวัชระอีกทีแล้วคิดถึงหน้าคุ้นๆ เมื่อนึกถึงรูปสามหนุ่มที่ติดอยู่ในห้องของกริชชัยก็ร้องอ๋อ..ทันที
“เพื่อนคุณกริช นี่แสดงว่าทั้งสองคนรวมหัวกันแกล้งฉันใช่มั้ย”
“เอ่อ…คือ” วัชระเริ่มอึกๆอักๆอย่างเห็นได้ชัด
แผนที่ธัชวางไว้ แตกกระทันหัน ธีธัชคิดไม่ทันว่าจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร
ลำเภาส่งเสียงดัง
“ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ”
เดอะแก๊งสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ถึง 3 ตัวพากันเห่าขึ้นพร้อมกันสนั่นลั่นบ้าน เล่นเอาธีธัชและวัชระตกใจ
“ลุย”
เดอะแก๊งสามช่าวิ่งพุ่งมาที่หน้าบ้านและวิ่งตรงไปที่วัชระ และธีธัชอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนร้องลั่นด้วยความตกใจ
สองหนุ่มรีบวิ่งหนีขึ้นรถอย่างรวดเร็วโดยมิได้นัดหมาย
วัชระขึ้นทางฝั่งคนขับ ธีธัชขึ้นทางฝั่งคนนั่ง แล้วก็นึกได้ที่นั่งสลับกัน จึงรีบวิ่งลงมาสลับข้างกันอีกที ขึ้นรถปุ๊บ ปิดประตู สตาร์ทรถแล้วก็รีบออกตัวไปอย่างรวดเร็ว เสียงเดอะแก๊งไล่ตามหลัง ลำเภายืนกอดอก จิกหางตา ด้วยความไม่พอใจ
“หนอย นายหมาใหญ่ใจเสาะ กล้าดียังไงมาหลอกฉัน”
ลำเภาสุดแค้นใจ คิดเอาคืนนายธีธัชให้ได้!!

ลำเภาคิดว่า กริชชัยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปที่บริษัท M Group และเดินเข้าไปยังห้องทำงานของกริชชัยเพื่อค้นหาความจริง
“พี่ไม่รู้เรื่อง สองคนนั้นมันทะลึ่งทำของมันเอง พี่ไม่ได้ให้ท้ายจริงๆ”
“ถ้าคุณกริชไม่รู้เรื่อง ก็ไปบอกให้ทั้งสองคนมาขอโทษเภาโดยเร็วที่สุด ถ้าพวกเขาไม่ยอมมาขอโทษ” ลำเภาเสียงเย็น โหด และจริงจัง
“เภาจะฟ้องคุณน้าพวงแข ว่าเพื่อนคุณกริชไม่ได้เรื่องจะพากันเสียผู้เสียคน แล้วจะให้คุณน้าบังคับให้คุณกริชขายคอนโดกลับไปอยู่บ้าน และเภากับแม่ก็จะไปอยู่ด้วย อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอยู่คอนโดใหม่ด้วยกันสามคน”
“อ้าว ทำไมพี่ต้องซวยเพราะไอ้สองคนนั้นด้วยหล่ะ”
“ก็เพราะเขาเป็นเพื่อนคุณกริช คุณกริชต้องรับผิดชอบ”
ลำเภาพูดจบก็ยืนตัวตรงหน้านิ่งไม่ใส่ใจโลก
“บอกสองคนนั้นให้ไวด้วย เภาไม่ชอบรอ”
ลำเภาหันหลังเดินออกจากห้อง กริชชัยส่ายหน้าพลางหยิบมือถือมาส่งข้อความหาวัชระ และธีธัช

รถของธีธัชแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านวัชระ ขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือธีธัช มีเสียงข้อความบีบีเข้า ธีธัชหยิบมาอ่านแล้วก็หันมาบอกวัชระ
“ไอ้กริชให้เราสองคนไปเจอกันที่คอนโดคืนนี้ บอกว่ามีเรื่องต้องเคลียร์”
วัชระส่ายหน้าพลางว่า
“โดนด่าชัวร์ ฉันไม่น่าบ้าจี้ไปกับแกเลย ถ้าคืนนี้ได้กริชมันด่าเรื่องนี้ แกก็บอกมันด้วยแล้วกันว่าฉันไม่เกี่ยว”
วัชระลงจากรถ ปล่อยให้ธีธัชหน้าจ๋อย
“ยัยเด็กขี้ฟ้อง เจอคราวหน้าจะแกล้งยิ่งกว่านี้อีก คอยดูนะยัยหนูตะเภา”
ธีธัชนึกถึงลำเภาด้วยความแค้น

อรุณศรีเดินคุยโทรศัพท์กับสุพรรณิการ์ระหว่างทางเดินของบริษัท
“ฝ้าย ยังอยู่แถวออฟฟิศฉันหรือเปล่า? แวะมารับหน่อยนะ คืนนี้จะไปนอนด้วย จ้ะแล้วเจอกัน”
หลังอรุณศรีวางสายแล้ว เธอเดินเลี้ยวออกมาออกมาทางมุมตึกสวนกับลำเภาที่เดินออกมาพอดี ทั้งลำเภาและอรุณศรีต่างคนต่างมองหน้าและยิ้มให้กันนิดๆ ตามประสาคนมีมารยาท
แต่เมื่อลำเภามองหน้าอรุณศรีเต็มๆตาถึงกับชะงัก ลำเภานึกถึงภาพวาดอรุณศรีในห้องกริชชัย และยังจำคำพูดของกริชชัยที่ว่า อรุณศรีเป็นพนักงานบริษัท
ลำเภารีบหันขวับไปทางอรุณศรีทันที
“คุณคะ”
อรุณศรียังไม่หยุดเดินจนลำเภาต้องเรียกอีกที
“คุณเสื้อขาวน่ะค่ะ “
อรุณศรีชะงักหยุดเดินมองดูเสื้อตัวเอง
“เรียกฉันเหรอคะ”
ลำเภายิ้มนิดๆ แล้วก็เดินมาหา
“ค่ะ คือ ฉันจะไปห้องน้ำน่ะคะ ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ”
“เดินตรงไปทางนี้นะคะ แล้วก็เลี้ยวซ้าย ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อรุณศรียิ้มรับแล้วทำท่าจะเดินไปต่อ ลำเภาถามขึ้นอีก
“เดี๋ยวค่ะ คือว่า แถวนี้มีร้านกาแฟร้านขนมหรือเปล่าคะ”
“มีค่ะ ออกไปหน้าบริษัทเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็เจอแล้วค่ะ”
อรุณศรีตอบพลางยิ้มให้ ลำเภายิ้มรับ อรุณศรีหันหลังจะไปต่อ ลำเภาถามขึ้นอีก
“แล้วร้านอาหารอร่อยๆ ล่ะคะ มีหรือเปล่า”
อรุณศรีหันมาตอบอย่างคนอารมณ์ดี
“ก็มีนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า ร้านอยู่ติดกับร้านขนมเลยค่ะ เจ้าของเดียวกัน”
คราวนี้อรุณศรียืนรอ เผื่อลำเภาจะถามอีก เป็นจริงอย่างที่เธอคิด
“แล้วไปรษณีย์ล่ะคะ? แถวนี้มีหรือเปล่า”
“ไปรษณีย์ใหญ่ไม่มี มีแต่ไปรษณีย์ย่อย ส่งจดหมายได้ แต่ส่งพัสดุไม่ได้นะคะ อยู่ในตึกข้างๆ นี่เองค่ะ”
ลำเภาไม่วายจะถามต่ออีก
“แล้วร้านตัดขนหมา กับคลินิกรักษาสัตว์ มีหรือเปล่าคะ”
“มีค่ะ ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงนะคะ อยู่ติดกันเลยค่ะ”
ลำเภายิ้มชอบใจในตัวอรุณศรี
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ตอบคำถามทุกอย่างโดยไม่หงุดหงิด”
ที่แท้ ลำเภากำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างของอรุณศรี ผู้หญิงในฝันของกริชชัย
“ฉันเข้าใจค่ะ ตอนมาทำงานใหม่ๆ ก็ต้องถามคนอื่นแบบนี้เหมือนกัน” อรุณศรีว่า
“ฉันไม่ได้ทำงานที่นี่หรอกค่ะ ฉันแวะมาหาพี่ชายน่ะค่ะ คุณกริชชัย พงษ์โภคิน เป็นพี่ชายฉันเอง” ลำเภาบอกความจริง
อรุณศรีสะดุดใจ อึ้งเล็กน้อยเมื่อทราบว่า ลำเภาเป็นน้องสาวของกริชชัย
“ฉันชื่อลำเภา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอรุณศรี” ลำเภาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
อรุณศรีนึกไม่ถึงว่า ลำเภาจะรู้ชื่อจริงของเธอ ลำเภายิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งความงุนงงให้กับอรุณศรี
“รู้จักชื่อเราได้ยังไง” อรุณศรีคิดในใจ

เย็นวันเดียวกันนั้น ลำเภายังคงเดินอยู่ในที่ทำงานของกริชชัยและกำลังกดข้อความหากริชชัยอย่างอารมณ์ดี
โทรศัพท์ของกริชชัยมีข้อความเข้า กริชชัยกดอ่าน
“เภาเจอคุณอรุณศรีแล้วนะ เภาเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณกริชถึงชอบเธอ”
พออ่านข้อความแล้ว กริชชัยก็ยิ้มอย่างมีความสุข แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อภาพที่ปรานต์หอมแก้มอรุณศรีเมื่อเช้านี้ ผ่านเข้ามาในความคิด

กริชชัยหุบยิ้มนั้นลงทันที พร้อมกับทอดถอนใจ
กองหนังสือมหึมาที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ทุกเล่มล้วนแต่เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับดีไซน์ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวในงานแต่งงานทั้งสิ้น

เนตรนภัสนั่งอยู่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดในอารมณ์ เพราะวัชระปิดมือถือหนีหายไป
“วัชเป็นอะไรเนี่ย ปิดเครื่องตลอดเลย” เนตรนภัสฉุนจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา
สีรุ้งนั่งจิบชาอยู่ที่โซฟาอีกตัว ไม่ห่างจากโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกโยนลงมา ถึงกับสะดุ้ง นรีวรรณนั่งกดบีบีอยู่ข้างกายสีรุ้ง
“แหนม ลูกบังคับวัชเค้ามากเกินไปหรือเปล่า? ถ้าเค้าไม่อยากแต่ง...” สีรุ้งยังพูดไม่ทันจบ เนตรนภัสก็พูดแทรกขึ้นทันที
“เค้าต้องอยากแต่งค่ะแม่ เราคบกันมา 5 ปี มันไม่ใช่น้อยๆ นะคะ ถ้าเค้าไม่อยากแต่ง คงเลิกไปนานแล้ว”
“ถ้าอยากแต่ง แล้วปิดเครื่องหนีทำไม” นรีวรรณพูดขณะที่ยังกดบีบีอยู่
“เค้าอาจจะติดงาน หรือติดประชุมก็ได้ เดี๋ยวพอเปิดเครื่องเค้าก็รีบโทร.กลับมาหาฉันเอง ไม่เชื่อก็คอยดู” เนตรนภัสเสียงแจ๋นประกาศอย่างมั่นใจ
นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีแล้วก็ส่ายหน้าเพราะไม่อยากเชื่อ
ขณะที่สีรุ้งวางแก้วชาและถอนหายใจเบาๆ กลุ้มใจแทนลูกสาว

ค่ำคืนนั้น รถญี่ปุ่นเก่าๆ ของวัชระแล่นเข้ามาจอดเทียบกับรถของกริชชัย ที่ลานจอดรถหน้าคอนโดกริชชัย “สามเหลี่ยม สามมุม” คอนโดหรูไฮขนาดเล็ก ซึ่งมีไม่กี่ห้อง แต่ละห้องตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ มีความเป็นส่วนตัว

สักพักรถของธีธัชก็แล่นเข้ามาจอดประกบอีกด้านของรถกริชชัย รถสามหนุ่ม สามสไตล์จอดเรียงกันสามคันในช่องจอดรถวีไอพี
ธีธัชกับวัชระเดินลงจากรถเดินมาเจอกัน
“ไอ้ธี คุยกับไอ้กริชให้รู้เรื่อง อย่าทำให้ฉันเดือดร้อนนะเว้ย”
“เอาน่า..ธีธัชซะอย่าง จัดการได้ ไม่มีใครต้องเดือดร้อน”
ธีธัชพูดด้วยความมั่นใจอีกตามเคย

แต่แล้วครู่ต่อมากริชชัยกำลังชี้พู่กันมาที่หน้าของวัชระและธีธัชพลางกล่าวออกมา
“แกสองคน ต้องรีบไปขอโทษลำเภา ก่อนที่แม่ฉันจะรู้เรื่อง และเราสามคนจะอดอยู่ที่นี่กันทั้งหมด”
“เอ้ย” ทั้งวัชระและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกัน

สามหนุ่มคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ในสภาพที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ
คอนโดกริชชัยตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่เก๋ไก๋เปิดโล่งขนาดกว้างขวาง มีส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว และแบ่งเป็น ๓ ห้องนอนใหญ่ เฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินเกือบเรียบร้อย แต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวยังไม่ได้ย้ายเข้ามา ผนังบางส่วนยังว่างไว้ กริชชัยกำลังเพนท์ผนังที่ว่างอยู่
“ไหนแกบอกว่าจะไม่มีใครเดือดร้อนไง” วัชระพูดกับธีธัช เบาๆ
“ยัยหนูตะเภาเล่นแรงขนาดนี้เลยเหรอ” ธีธัชเสียหน้าเล็กน้อย และน้ำเสียงหนักไปทางเริ่มหงุดหงิด
กริชชัยวางพู่กันแล้วหันมาด่า
“แล้วแกสองคนเล่นเบาๆ หรือไง นี่ยังดีนะ ที่เภามาบอกฉันก่อน ถ้าสายตรงถึงแม่ฉันที่อังกฤษ พวกแกไม่มีโอกาสแก้ตัว”
“เออๆ เดี๋ยวฉันไปขอโทษก็ได้ จะได้จบๆ”
“เฮ้ย..แต่ฉันไม่ยอมขอโทษนะเว้ย เสียฟอร์ม”
กริชชัยกับวัชระหันมาและตบหัวธีธัชพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“โอ้ย ก็จริงนี่ ถ้าฉันไปขอโทษยัยเด็กนั่นก็ยิ่งได้ใจ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” คาสโนว่าธีธัชบ่นอุบ
“ถ้าแกไม่ขอโทษ แกก็ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ ฉันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่ได้ ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ห้องที่ซื้อไว้กรก็เข้าไปยึดแล้ว พาหญิงอื่นมาลำบาก ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องอยู่ที่นี่”
“แกก็ต้องไปขอโทษลำเภา”
วัชระ กับกริชชัย พูดหน้าตาจริงจังพร้อมกัน แต่ธีธัชหน้าซีด

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 4/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์