หน้าเว็บ

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 5

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 5
เช้าวันรุ่งขึ้น โอบบุญกำลังแต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน กลิ๊ง...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงรีบวิ่งมารับ

“ฮัลโหล”
โอบบุญคุยโทรศัพท์ไป ใส่รองเท้าไป
“พี่โอบ แอ๊วกลับมาหรือ” เสียงของปรานต์นั่นเอง
“ยังไม่เห็นนะ สงสัยเมื่อคืนจะไม่ได้กลับบ้าน”
“ไม่ได้กลับบ้าน แล้วไปไหนบอกไว้หรือเปล่า ผมพยายามจะโทร.เข้ามือถือก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้เลย พี่โอบรู้หรือเปล่าว่าแอ๊วไปไหน ไปกับใคร”

โอบบุญใส่รองเท้าเสร็จแล้ว เงยหน้าขึ้นตอบด้วยเสียงหงุดหงิดนิดๆ
“ผมเป็นพี่ชายนะครับ ไม่ใช่เครื่องจีพีเอส จะได้รู้การเคลื่อนไหวของน้องสาวตลอดเวลา และที่สำคัญ เรื่องบางเรื่องที่เค้าไม่บอก ผมก็ไม่อยากรู้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไปทำงาน”
โอบบุญวางสายไปเลย พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
“สมน้ำหน้า เจอยัยแอ๊วแข็งข้อซะบ้างจะได้รู้สึก”
โอบบุญลุกขึ้นหยิบกระเป๋าออกไปทำงานเลย


ปรานต์วางโทรศัพท์ไปด้วยความเคืองสุดๆ
“แอ๊วนะแอ๊ว หายไปไหนของเค้า”
ปรานต์จำใจต้องละจากเรื่องอรุณศรี ปิดเสียงโทรศัพท์ และเดินเข้าไปยังห้องประชุม
เสี่ยนิวเป็นประธาน ในห้องประชุมหุ้นส่วนราว 4-5 คน แต่ละคนแต่งตัวสไตล์คล้ายๆ กันดูดี ภูมิฐาน มีฐานะ หยิบเครื่องมือสื่อสารทั้ง iPad iPhone iMac ออกมาวางราวบนโต๊ะ ปรานต์เห็นแล้วก็ให้รู้สึกว่าตัวเองด้อย จึงค่อยๆเก็บโทรศัพท์เครื่องละหมื่นกว่าบาทเก็บใส่กระเป๋า
“เครื่องเสียงตัวใหม่กำลังจะมาลงเดือนหน้า ผมต้องระดมทุนเพิ่มอีกคนละห้าแสน ใครมีปัญหาหรือเปล่า”
“ห้าแสน” ปรานต์ตกใจกับจำนวนเงินเล็กน้อย
ทุกคนหันมาทางปรานต์ด้วยความแปลกใจ
ปรานต์รีบแก้หน้าและเฉไฉไปว่า
“คือ พอดีผมเพิ่งซื้อกองทุนทองตัวใหม่ไป หลายล้าน ก็เลยช็อตนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะหมุนทางอื่นมาให้ แล้วคนอื่นมีปัญหาหรือเปล่า”
“ผมโอนให้แล้วนะ เช็คยอดได้เลย” หุ้นส่วนรายหนึ่งกดโอนเงินจากมือถือ
“ของผมด้วย โอนเรียบร้อย” หุ้นส่วนอีกรายกดโอนจากคอมพิวเตอร์
ส่วนอีกคนอยู่ในระหว่างการโอน
“อีก 2 วินาที เชคได้เลย”
“โอเคเรียบร้อย ครบ” เสี่ยนิวบอก พลางเงยหน้ามองปรานต์
“ปรานต์ของคุณ ผมออกให้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีเมื่อไหร่ก็โอนคืนให้ผม”
“ได้ๆ ไม่นานหรอก จะรีบโอนคืนให้เลย”
ปรานต์ทำเป็นพูดยิ้มๆ แต่ลึกๆในใจแล้ว แสนที่จะเครียดและยังไม่รู้ว่าจะหาเงินก้อนนี้มาจากไหน

กริชชัยจับลำเภานั่งลงที่เก้าอี้ และตัวเองก็นั่งประจัญหน้า ราวกับตำรวจสอบปากคำ
“บอกมาสิ ไปเจออรุณศรีได้ยังไง แล้วทำไมถึงรู้ว่าเป็นเค้า และรู้ได้ยังไงว่าทำไมพี่ถึงชอบ”
“เภาเจอโดยบังเอิญ รู้ว่าเป็นเค้าเพราะหน้าเหมือนกับผู้หญิงในรูปที่คุณกริชวาด และรู้ว่าชอบเพราะเภาคิดว่าเค้าเป็นคนน่ารักดี” ลำเภาพูดพลางส่งยิ้มให้กริชชัย กริชชัยยิ้มตอบ
“น่ารักจริงๆ นะ ขนาดเค้าไม่รู้ว่าเภาเป็นใคร เค้ายังมีน้ำใจแล้วก็ใจเย็นด้วย เหมาะกับคุณกริช จีบเลย!” ลำเภายุ กริชชัยถึงกับสะดุ้งนิดๆ
“แค่เค้ามีแฟนไม่เห็นต้องกลัวเลย มีได้ ก็เลิกได้” ลำเภาพูดต่อไป
“คิดแบบเรา สังคมถึงได้วุ่นวายแบบนี้”
“คิดแบบคุณกริช เดี๋ยวก็ขึ้นคานกันพอดี อายุก็เยอะขึ้นทุกวัน คนโสดก็น้อยลงทุกที จะมีสักกี่คนที่หลงเข้ามาในชีวิตแบบไม่มีพันธะ”
“ให้พี่ไปแย่งคนอื่นมา พี่ก็ไม่มีความสุข คนเราถ้าคู่กันแล้ว มันก็คงไม่แคล้วกัน”
กริชชัยพูดด้วยความเข้าใจแต่ลึกๆแล้วแอบปลง ลำเภามองแล้วก็คิด
“แล้วถ้าแฟนของอรุณศรีเค้าเป็นคนไม่ดี คุณกริชจะพยายามทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า หรือว่าปล่อยไปตามดวง โดยไม่ทำอะไร”
“ไม่ต้องมาสมมติโน่นนี่เลย เรื่องมันยังไม่เกิด พี่ยังไม่อยากคิด แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องพี่ ห่วงเรื่องตัวเองเถอะ”ลำเภาขมวดคิ้วนิดๆ “เรื่องอะไร”
“พี่บอกไอ้วัช กับไอ้ธีให้มันสองคนมาขอโทษเราแล้วนะ”
“แล้วนายหมาใหญ่ เอ่อ นายธีธัชเค้าว่ายังไงบ้าง”
ลำเภาถามด้วยความอยากรู้

ธีธัชมาหยุดยืนวางมาดหล่ออยู่หน้าคลินิกรักษาสัตว์ที่ลำเภาทำงานอยู่ ด้วยความขัดข้องใจอย่างแรง
“นี่เราจะต้องมาขอโทษยัยหนูตะเภาบ๊องจริงๆเหรอเนี่ย” ธีธัชพูดคนเดียว
ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังขึ้น
“ใช่”
“เฮ้ย” ธีธัชตกใจร้องเสียงดัง
ธีธัชหันมาเห็นลำเภายืนอยู่ข้างหลังในระยะใกล้ ธีธัชผงะอึ้งเพราะลำเภาอยู่ในชุดทำงาน ไม่ใส่แว่น แต่งหน้าเล็กน้อย และแต่งตัวดูน่าเป็นผู้ใหญ่กว่าที่อยู่ที่บ้าน
“อึ้งๆน่ารักหล่ะสิ”
“โธ่ ก็แค่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย เออ เจอก็ดีแล้ว จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องที่เธอ...”
ลำเภายกมือขึ้นปราม
“หยุด นี่เป็นเวลางานของฉัน ไม่มีเวลามาฟังเรื่องของคุณ ถ้าอยากคุย ก็ต้องต่อคิว”
ธีธัชขมวดคิ้ว
“คิวอะไร”

ครู่ต่อมาในมือของธีธัชก็ถือใบคิวที่ 8 อยู่
“พบคุณหมอลำเภาขอเชิญรอทางด้านนี้เลยค่ะ ของคุณคิวที่ 8 นะคะ” พยาบาลอธิบาย
ธีธัชอึ้ง หันไปมองคนที่นั่งรอ มีทั้งสาวๆกับป้าๆ นั่งอยู่ ทุกคนอุ้มหมา อุ้มแมว บางคนหิ้วกรงนกมาด้วย บางคนก็เป็นหนู และกิ้งก่าก็มี
ธีธัชอึ้งซ้ำสอง แล้วก็รีบหันมาทางพยาบาลคนสวย
“คุณพยาบาลครับ..คือผมเป็นเพื่อนของพี่ชายเค้านะครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะต้องคุย แป๊บเดียวครับ แป๊บเดียวจริงๆ ไม่ถึงห้านาที ผมขอคุยเลยได้มั้ยครับ นะครับ นะ นะ” ธีธัชอ้อน พยาบาลอึกอัก
“ถ้าคุณแทรกคิวให้ เย็นนี้ผมเลี้ยงข้าวตอบแทนเลย” ธีธัชยิ้มหว่านเสน่ห์เช่นเคย
เสียงลำเภาดังแหวกอากาศมาอย่างรู้ทัน
“อย่ามาติดสินบนแถวนี้นะ” เสียงลำเภาจี้ใจดำ ธีธัชชะงัก
“ไม่ว่าใครก็ต้องรอคิว ขนาดหมาป่วย ยังรอได้ ถ้าคนปกติจะรอไม่ได้ก็ต้องอาย...” ลำเภาพูดยังไม่ทันจบประโยค
ธีธัชรีบสวนขึ้นทันใด
“โอเค ฉันรอก็ได้ อีก 8 คิว เจอกัน” น้ำเสียงและแววตาของธีธัชเต็มไปด้วยความแค้น
“เชิญคิวที่หนึ่งเข้ามาได้”
ลำเภาเดินเข้าไปประจำห้องตรวจ ธีธัชจำใจต้องเดินมานั่งรอรวมกับบรรดาสัตว์ที่เจ็บป่วยป่วย นาฬิกาแขวนผนังเวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง

วันและเวลาใกล้เคียงกัน วัชระเพิ่งจะตื่นนอน เห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองปิดเครื่องอยู่ วัชระ
หยิบขึ้นมาแล้ว คิดลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะกดเปิดเครื่อง ทันทีที่เครื่องทำงานเนตรนภัสก็โทร.เข้ามาทันทีวัชระถึงกับส่ายหน้า
“รู้ได้ไงวะ ฮัล...” ยังไม่ทันที่วัชระจะพูดอะไรต่อ
เสียงเนตรนภัสก็ดังขึ้นทันที
“วัชอยู่ไหน ทำไมต้องปิดเครื่องด้วย เมื่อวานแหนมโทร.หาทั้งวันก็ไม่ติด โทร.ไปที่บ้านก็ไม่อยู่ ที่มันอะไรกัน จะหนีแหนมหรือไง”
วัชระพยายามหาจังหวะแทรก
“แหนมๆๆ ใจเย็นๆ ฟังผมก่อน เมื่อวานผมติดงาน”
“โกหก” วัชระสะดุ้งนิดๆ

“แหนมโทร.ไปถามหัวหน้าคุณมาแล้ว เค้าบอกว่าคุณลางาน ที่แผนกก็ไม่มีใครติดต่อได้เหมือนกัน ตกลงวัชอยู่ไหนกันแน่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
วัชระอึ้ง
“นี่คุณโทร.ไปหาเจ้านายผมมาเหรอ”
เนตรนภัสบอกอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ใช่ และแหนมก็บอกเรื่องงานแต่งงานของเราแล้วด้วย ท่านรับปากว่าจะมาเป็นเถ้าแก่ในวันสู่ขอเรียบร้อยแล้วด้วย”
เนตรนภัสพูดต่อโดยไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
“เย็นนี้วัชมาหาแหนมที่บ้านด้วยหกโมงตรง ห้ามช้าเด็ดขาด เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน”
เนตรนภัสวางสายไปด้วยความหงุดหงิด วัชระค่อยๆ วางสายตามด้วยความเหนื่อยใจ
“เรื่องไปถึงเจ้านายแล้วเหรอเนี่ย”

นาฬิกาผนังในคลินิกรักษาสัตว์ เวลาอีก 5 นาทีเที่ยง เห็นธีธัชนั่งรอด้วยความเซ็ง
พยาบาลเรียกคิวต่อไป
“เชิญคิวที่ 7 ค่ะ”
ธีธัชหูผึ่ง ยิ้มอย่างมีหวัง เพราะเหลืออีกคิวเดียวเท่านั้น
ป้าเจ้าของบัตรคิวที่ 7 ที่นั่งหน้าห้องจูงน้องหมาเข้าไปในห้องรักษา
ธีธัชมองอย่างมีหวัง
ทันใดนั้นพยาบาลก็หยิบป้าย “พักทานข้าว” มาวางไว้ ธีธัชเห็นป้ายก็อึ้ง รีบเดินมาหา
“เดี๋ยว พักไม่ได้ ผมเป็นคิวต่อไป ขอผมคุยแป๊บเดียวแล้วค่อยพักไม่ได้เหรอ”
“คือ..คุณหมอลำเภาเป็นคนสั่งให้พักน่ะค่ะ” พยาบาลว่า
“ดิฉันทำตามหน้าที่ ต้องขอโทษด้วยนะคะ“ พยาบาลพูดต่อไป
พยาบาลก้มหน้าก้มตากลับไปทำงานต่อ ธีธัชกัดฟันกรอด ขยำบัตรคิวในมือด้วยความแค้น
“ยัยหนูตะเภา”

หน้าคลินิก มีผู้คนเดินผ่านไปมาค่อนข้างคึกคัก เพราะเป็นช่วงพักเที่ยงพอดี ลำเภาเดินออกมาเตรียมจะ
ออกไปกินข้าว ธีธัชวิ่งพรวดตามออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ
“นี่ยัยเด็กบ๊อง ฉันไม่รอคิวแล้วนะ เจอตอนนี้ก็คุยเลยแล้วกัน”
“คนไม่มีความอดทน” ลำเภาเดินไปพูดไป
ธีธัชพยายามรวบรวมอารมณ์
“ฉันไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำ เอาเป็นว่า เรื่องที่ฉันแกล้ง ฉัน..ขอโทษก็แล้วกัน เรื่องจะได้จบๆ กันไป ฉันไม่อยากให้ไอ้กริชมันเดือดร้อน”
ลำเภาเดินไปพูดไป ลอยหน้าลอยตา
“ฉันจะรับฟังไว้ก็แล้วกัน แต่จะยกโทษให้หรือเปล่า ขอคิดอีกที”
ธีธัชปรี๊ดเลย เอื้อมมือมาจับแขนลำเภาไว้
“นี่ ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอนะ”
ลำเภามองแขนปรายตามองเป็นเชิงว่าให้ปล่อย
“จับมือฉันแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะเข้าใจผิด” ลำเภาเสียงดุ
“นี่ เธอกลัวว่าคนอื่นเค้าจะคิดว่าฉันกับเธอเป็นแฟนกันเนี่ยนะ ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเค้าคิดว่าคนหน้าตาดีอย่างฉัน จะมาเดินตามจีบเด็กกะโปโลอย่างเธอ”
ลำเภาสะอึกกับคำพูดของธีธัช
“ฉันไม่เอาเธอมาทำแฟนหรอก”
“เด็กอย่างเธอ ลองหัดเป็นแฟนกับหมาสิ เพื่อจะเข้ากันได้ดี” ธีธัชพูดต่อและยิ้มกวน
“เป็นแฟนกับหมา ก็ยังดีกว่าเป็นแฟนกับผู้ชายอย่างคุณ “
“อ๋อ เหรอ” ธีธัชกวนยียวนใส่ลำเภา
“แต่เพื่อเป็นการสั่งสอน ฉันจะยอมลดตัวมาเป็นแฟนกับคุณ”
ธีธัชหยุดขำในทันที
“เธอพูดอะไรนะ” ธีธัชย้ำด้วยความไม่แน่ใจ
“ฉันจะทำให้ผู้ชายหลงตัวเองอย่างคุณ มาสยบที่แทบเท้า และคุณ..จะต้องชอบฉัน”
“บ้า เพ้อ ละเมออะไรเนี่ย”
“ฉันพูดจริง และฉันจะต้องทำให้ได้ คุณจะต้องมาเป็นแฟนฉัน” ลำเภายื่นหน้าพูดเชิดๆอย่างมั่นใจใส่ธีธัช
ธีธัชอดคิดในใจไม่ได้ว่า เด็กนี่บ้าจริง หรือว่าแกล้งบ้ากันแน่

หลังจากที่ธีธัชเสร็จสิ้นการเคลียร์กับลำเภา ธีธัชพุ่งไปที่บริษัท M Group เพื่อพบกับกริชชัย
กริชชัยตอบอย่างมั่นใจ
“เภาเค้าไม่ได้บ้า เค้าปกติ ทำไม ไปมีเรื่องกันมาอีกสิ”
“ยายเภานั่นมีแฟนมั๊ย” ธีธัชถามต่อ
“ไม่มี”
“เสร็จ”
กริชชัยมวดคิ้ว
“ใครเสร็จใคร นี่ไอ้ธี .. เภาน่ะน้องฉันนะเว้ย ฉันขอไว้คนแล้วกัน” กริชชัยพูดอย่างรู้สันดานของธีธัช
“เฮ้ย ! แกไม่ต้องขอ ฉันก็ไม่อยากยุ่ง แต่น้องแกอยากจะมาเป็นแฟนฉันเอง”
“ถามจริง” กริชชัยย้ำเพื่อความแน่ใจ
“จริง แถมยังบอกว่าจะทำให้ฉันสยบแทบเท้าให้ได้”
“ภาพูดเล่นมั้ง”
“ถ้านายบอกว่าน้องนายสติไม่ดีฉันก็จะคิดว่าพูดเล่น แต่ถ้าเค้าสติดี .. ฉันว่าอาจจะจริงว่ะ “
“ถึงเภาพูดจริง แกก็วางตัวเป็นพี่ชายไปซะ ถ้าแกทำอะไรเภา พ่อแม่เค้าเอาแกตายแน่”
“นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย (เกาหัวแกรกๆ) ฉันจะพยายามก็แล้วกัน งั้นฉันไปก่อนนะ อยู่ใกล้แกนานๆ เดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิด”
ธีธัชแกล้งทำเป็นขยับเนคไทให้กริชชัย
“ไปก่อนนะจ๊ะฮันหนี” ธีธัชแกล้งยิ้มหวานใส่
ทันใดนั้นอรุณศรีก็เดินโผล่พรวดออกมาเห็นเต็มๆตา กริชชัยหันไปเห็นพอดี กริชชัยรีบดึงมือธีธัชออกทันที ธีธัชแปลกใจหันไป เห็นอรุณศรีก็ตกใจ อรุณศรีรีบหลบตาต่างคนต่างเขิน อรุณศรีกระชับกระเป๋าที่สะพายอยู่ แล้วก็รีบเดินหลบไปทันที
กริชชัยหันขวับมาทางธีธัช ธีธัชยิ้มแห้งๆ กริชชัยชี้หน้าธีธัชด้วยความแค้น
“ตัวใครตัวมันนะ แหะๆ” ธีธัชกล่าวแล้วเดินหนีไปทันที

กริชชัยรีบเดินตามอรุณศรีที่เตรียมกลับบ้าน
“เนี่ยนะ ไม่ได้เป็นเกย์ เรดาร์ไอ้ฝ้ายต้องเสียแน่ๆ” อรุณศรีพูดบ่นพึมพำระหว่างทางเดินในบริษัท กริชชัยเร่งเดินตามอรุณศรีมาอย่างเร็ว
“อรุณศรี” กริชชัยร้องเรียก
อรุณศรีชะงักเท้า หยุดเดิน ทันใดนั้นคำพูดของสุพรรณิการ์ก็ดังแว่บเข้ามาในความคิด
“จากแววตาที่เค้ามองแก ฉันตอบได้ทันทีว่า เค้าชอบแก !! ชอบมาก หรือ ชอบน้อย ยังไม่รู้ รู้แต่ว่า ชอบชัวร์”
“อรุณศรี” เสียงกริชชัยเรียกซ้ำ
อรุณศรีหันหน้ามาตอบกริชชัยที่ยืนอยู่
“คะ”
“เอ่อคือ..เรื่องคุณฝ้ายที่เราคุยกันเมื่อคืน”
“ฝ้าย” อรุณศรีตั้งตัวไม่ทัน งงเล็กน้อย
“เรื่องค่ารักษาพยาบาล”
“อ๋อค่ะ ค่ารักษาพยาบาล” อรุณศรีนึกได้
“คุณฝ้ายต้องการเท่าไหร่ก็บอกมา ผมบอกเบญลี่ไว้แล้ว”
“ค่ะ..ได้ค่ะ”
“เอ่อ..แล้วเย็นนี้”
กริชชัยยังพูดไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์มือถืออรุณศรีดังขึ้น
“ขอโทษนะคะ” อรุณศรีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

กริชชัยปรายตาไปเห็นรูปปรานต์ที่ปรากฏบนจอโทรศัพท์ของอรุณศรี
“ไม่มีอะไรแล้ว เชิญตามสบาย”
กริชชัยพูดจบก็หันหลังเดินไป..
อรุณศรีรอจนกริชชัยเดินคล้อยหลังไปพอควรแล้วค่อยกดรับ
“ฮัลโหล”
กริชชัยทำเป็นเดินไป แต่แอบปรายตามองอรุณศรี

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 5
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์