ในห้องทำงานของกริชชัยที่บริษัท M Group กริชชัยถามด้วยความงง
“เดี๋ยว!! ทำไมต้องเป็นฉันด้วย”
“ก็ยัยลำเภาเป็นน้องแก แกก็ต้องรับผิดชอบ และที่ฉันทะเลาะกับเค้าก็เพราะแกบอกให้ฉันมุดรั้ว ก็เป็นความผิดของแกอีก เพราะฉะนั้นแกต้องไปบอกน้องแกให้เลิกยุ่งกับฉัน” ธีธัชว่า
วัชระเดินเข้ามาใส่ต่อ
“และ คุณฝ้ายก็เป็นเพื่อนสนิทกับนางในฝันของแก แล้วก็อยู่คอนโดเดียวกับแก เพราะฉะนั้นแกต้องเป็นคนไปเอากุญแจรถของเค้ามาให้ฉัน หรือไม่ก็บอกให้เค้าเลื่อนรถออกไปโดยเร็วที่สุด” วัชระว่า
กริชชัยหันมาทางธีธัชก่อนพูดต่อ
“แกไปท้าบ้าๆบอๆกับเภาไว้เอง เค้าบอกว่าถ้าแกยอมไปขอโทษเค้าต่อหน้าคนอื่น เค้าจะยกโทษให้”
“ฝันไปเถอะ!! ฉันไม่มีวันไปขอโทษน้องสาวแก เพราะฉันไม่ผิด”
“งั้นฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เอาตัวรอดเองแล้วกัน”
“เอ้ย”
กริชชัยหันมาทางวัชระ
“ส่วนแก ฉันบอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าไปมีเรื่องกับคุณฝ้าย”
“เค้ามาฟ้องอะไรแก”
“เค้าไม่ได้ฟ้อง แต่ผู้จัดการคอนโดนโทร.มาหาฉัน บอกว่าคุณฝ้ายไปร้องเรียนว่า แกเสียงดังรบกวนจนเค้าไม่ได้พักผ่อน”
“แสบจริงๆ”
“ส่วนเรื่องรถเดี๋ยวฉันจัดการให้เอง แกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แล้วก็หยุดหาเรื่องคุณฝ้ายเค้าได้แล้ว ฉันไม่อยากซวยไปด้วย”
กริชชัยพูดจบแล้วก็หยิบสูทเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เพื่อน 2 คนนั่งงอยู่ในห้อง
“เฮ้ย ไอ้กริชแล้วเรื่องยัยลำเภาล่ะ ทำไมแกช่วยแต่ไอ้วัช แต่แกไม่ช่วยฉันวะ” ธีธัชตะโกนไล่หลัง
วัชระหันมาตอบแทน
“ก็แกช่วยตัวเองได้ไง”
ธีธัชขวับหันมาทางวัชระ
“หมายความว่าไงวะ”
“ฉันหมายถึง “ช่วยเหลือตัวเอง” แค่แกไปขอโทษลำเภาเรื่องก็จบ ไม่เห็นจะยาก”
วัชระพูดจบก็เดินตามกริชชัยออกไป ธีธัชยังไม่ยอม
“ไม่ยากสำหรับแก แต่สำหรับฉันมันเป็นไปไม่ได้เว้ย”
ธีธัชยืนแค้นใจอยู่คนเดียวสักพัก พอเเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่มีใครอยู่แล้วก็ตะโกนขึ้น
“เอ้ย..รอด้วย”
ธัชรีบเดินตามเพื่อนๆออกไปทันที
ที่ร้านขายเครื่องเสียงในเวลาค่ำคืน ปรานต์กำลังกดโทรศัพท์โทร.หาอรุณศรีด้วยความร้อนใจ
“แอ๊วปิดเครื่อง ชักจะเอาใหญ่แล้ว”
หุ้นส่วนเสี่ยนิว เดินมาทางด้านหลังของปรานต์
“ปรานต์..เรื่องเงินคุณเป็นไงบ้าง?หมุนได้ยัง”
“เอ่อ..ยังเลย.. แต่อีกไม่กี่วัน ได้แน่”
“รีบหน่อยแล้วกัน ผมมีเรื่องต้องใช้เงิน”
ปรานต์พยักหน้ารับหลังเสี่ยนิวเดินกลับเข้าไป ปรานต์หน้าเครียดขึ้นมาทันที
ค่ำคืนนั้น รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าคอนโดฯ สุพรรณิการ์เดินเซๆ ลงจากรถ อรุณศรีก็ออกจากรถมาในอาการเมา กึ่มๆ
“เฮ้ย..ไอ้ฝ้ายจำทางกลับห้องได้ป่าวล่ะ”
สุพรรณิการ์เดินมากอดคออรุณศรี
“เฮ้ย..ระดับนี้แล้ว ทำไมจะจำไม่ได้..ไปทางนี้”
สุพรรณิการ์เดินลากอรุณศรีเดินไปอีกทาง
“เฮ้ย...นั่นมันทางออกนะเว้ย”
“ฉันล้อเล่น ฮ่าๆ มา...ทางนี้”
สุพรรณิการ์พาอรุณศรีเข้าไปในคอนโดฯ
สุพรรณิการ์กับอรุณศรีเดินในท่าทางกึ่มๆ เข้ามา ในขณะที่กริชชัยเดินสวนออกมาพอดี ทั้งสามคนต่างคนต่างหยุด
“คุณกริช”
“ใช่..ผมเอง”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องบอก เราสองคนก็รู้หรอกค่ะว่าเป็นคุณ”
“ฝ้าย ขอโทษนะคะ..เพื่อนเมา คือ...ฉันขอตัวดีกว่านะคะ”
อรุณศรีพยายามจะพาตัวสุพรรณิการ์ไป แต่สุพรรณิการ์ไม่ยอม
“เดี๋ยว..ยังไม่ได้พูดความนัยใจเลย”
“ความในใจอะไรของแก” อรุณศรีถามเบาๆ
“คุณ..ไม่ได้เป็นเกย์ใช่มั้ยคะ” สุพรรณิการ์โพล่งด้วยความเมา อรุณศรีคิดไม่ถึง
“ไอ้ฝ้าย”
อรุณศรีร้องเสียงหลง สุพรรณิการ์ไม่ยอมหยุด
“แอ๊วมันบอกว่าคุณเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด ฉันบอกว่าไม่เป็น มันก็ไม่เชื่อ ตกลงคุณเป็นป่ะคะ”
กริชชัยยืนอึ้ง ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร อรุณศรีถึงกับหน้าเสียอย่างแรง และรีบหันมาขอโทษกริชชัย
“ฉันต้องขอโทษจริงๆนะคะ คือเพื่อนเมาแล้วรั่วค่ะ ไปก่อนนะคะ ไปฝ้าย”
อรุณศรีฉุดกระชากแขนสุพรรริการ์แรงกว่าเดิม
“จะปายไหน ยังไม่ได้คำตอบเลย”
“ไม่ต้องพูดแล้วไอ้ฝ้าย ไป”
กริชชัยเรียกขึ้น
“เดี๋ยวก่อน..ผมจะออกไปซื้อของกินที่หน้าปากซอย พวกคุณต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ไม่” อรุณศรียังไม่พูดไม่ทันจบ สุพรรณิการ์พูดแทรกอย่างเร็ว
“บะหมี่สองห่อ น้ำหนึ่ง แห้งหนึ่ง แยกน้ำซุป ด้วยนะ เอามาซด” สุพรรฺการ์เมาและยิ้มเยิ้ม
“ถามจริง” อรุณศรีหันมาทางฝ้าย
“จริง..ฉันหิ เสียงอ้อแอ้ด้วยความเมา
กริชชัยมองยิ้มๆ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมซื้อมาฝาก”
“เอ่อ..อย่าหาว่าใช้เลยนะคะ” อรุณศรีเกรงใจ
“ไม่ได้ใช้ครับ..ผมอาสาทำเอง”
กริชชัยยิ้มแสนดี แล้วก็เดินออกไป อรุณศรีมองตามนิดๆ สุพรรณิการ์ยืนเมาหลับอยู่ข้างๆ ก่อนจะค่อยๆไหลลงไปกองที่พื้น อรุณศรีร้องเรียกฝ้ายด้วยความตกใจ
ภายในคลับหรูแห่งนั้นเสียงดนตรีดังกระหึ่ม ธีธัชกำลังเต้นรำอยู่กับสาวๆ ที่ดาหน้ากันมาล้อมหน้าล้อมหลัง แสงไฟจากมือถือสว่างวาบๆ ธีธัชหยิบมาดู เห็นเป็นชื่อกริชชัย
ขณะที่กริชชัยกำลังยืนรอก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่หน้าปากซอย
“ฉันว่าคืนนี้อรุณศรีคงจะค้างกับคุณฝ้ายที่นี่ แกว่าถ้าฉันค้างแล้วรอเจอเค้าพรุ่งนี้เช้า มันจะน่าเกลียดหรือเปล่าวะ”
ธีธัชเดินออกมาคุยที่ระเบียง ซึ่งคนไม่มากและเสียงดนตรีไม่ดัง
“แกนอนห้องแก เค้านอนห้องเค้า มันจะน่าเกลียดตรงไหนวะ ถ้าแกทะลึ่งไปนอนห้องเค้าก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเค้ายินดีให้แกนอนด้วยก็...โอเค๊”
“ไอ้บ้า อรุณศรีเค้าไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ถ้าเค้าง่ายอย่างที่แกว่า ฉันคงเลิกสนใจไปนานแล้ว แล้วถ้าพรุ่งนี้เช้าฉันชวนเค้าไปทำงานด้วยกัน มันจะน่าเกลียดหรือเปล่าวะ”
“ถ้าแกไม่พาเค้าเข้าโรงแรมก่อนถึงบริษัทมันก็ไม่น่าเกลียดหรอก แต่ถ้า เค้าเป็นฝ่ายชวนแกเองมันก็...โอเค๊”
กริชชัยส่ายหน้า
“แกนี่..ให้คำปรึกษาแต่ละอย่าง..ลงที่ต่ำตลอด ตกลงฉันโทร.มาปรึกษาถูกคนหรือเปล่าวะเนี่ย”
ธีธัชตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“แกถามฉันเนี่ย ถูกต้องที่สุดแล้ว”
ธีธัชเหลือบไปเห็นข้างๆ ว่ามีหญิงสาวสวยงาม ดูดี มีชาติตระกูลเดินออกมากดบีบีหาเพื่อน ธีธัชรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“ได้ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อกลับไปให้ครับ คุณแม่จะทานโจ๊กตอนเช้านะครับ แล้วคุณพ่อจะทานอะไรครับ”
หญิงสาวหันมามองนิดๆ แอบยิ้มในความน่ารักของธีธัช
กริชชัยงง
“พ่อใคร? พ่อฉันอยู่อังกฤษ พ่อแกอยู่บนสวรรค์ แกจะซื้อโจ๊กไปให้พ่อไหนวะ”
ธีธัชยังแอบเนียนต่อไป โดย ไม่หวั่นไหวต่อการไม่รับมุกของกริชชัย
“ค้าบ..ได้ครับแม่ ค้าบ..ค้าบ กลับไม่ดึกครับ แม่นอนไปเลยนะครับ ไม่ต้องรอ เดี๋ยวธีซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยไปให้ สวัสดีครับ”
“ไอ้ธีมันพูดบ้าอะไรของมันวะเนี่ย” กริชชัยพูดพลางส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ธีธัชวางสาย หญิงสาวที่เขาหมายปองหันมายิ้มนิดๆ ธีธัชทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวในสเปก ธีธัชเดินหันหลังทำท่าจะเข้าไปในคลับ แต่เธอก็ทักขึ้นด้วยความปลื้ม
“น่ารักจังเลยนะคะ โทร.รายงานคุณแม่ด้วย” ริมฝีปากสาวคนนี้ระบายยิ้มสดใส
ธีธัชหันมายิ้มรับ
“ลูกชายคนเดียวน่ะครับ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”
ธีธัชหันหลังอีกครั้ง ทำทีเป็นว่าจะเดินกลับเข้าไปในคลับ
“แล้วเมื่อกี้ที่บอกว่า “โจ๊กเจ้าอร่อย” มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ บิบี่..อยากไปลองทานบ้างจัง”
ธีธัชซึ่งยืนหันหลังให้อยู่ถึงกับค่อยอมยิ้มนิดๆ.. เสร็จ!!
เสียงออดที่ห้องสุพรรณิการ์ดังขึ้น สุพรรณิการ์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่อย่างหมดสภาพในห้องพัก อรุณศรีในชุดสบายๆเดินออกจากห้องน้ำ ใบหน้าถูกชำระล้างเครื่องสำอางจนหมดสิ้น
อรุณศรีหันมาเตือนสุพรรณิการ์
“ฝ้าย ทำตัวดีหน่อยนะ”
“เออน่า..ฉันดีอยู่แล้ว แกไม่ต้องห่วง” เสียงสุพรรณิการ์ยังอ้อแอ้ด้วยความเมา อรุณศรีส่ายหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตู
กริชชัยถึงกับทึ่งในความน่ารักของอรุณศรี ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก
อรุณศรีส่งเงินให้สองร้อย
“เงินค่ะ”
“เงินอะไร”
“ค่าก๋วยเตี๋ยวไงคะ”
“ไม่เป็นไร ผมซื้อมาฝาก เจ้านี้อร่อยนะ รสชาติใช้ได้” กริชชัยส่งห่อบะหมี่ตามที่สุพรรณิการ์สั่งส่งให้
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ..ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เหมือนใช้ให้คุณไปซื้อของมาให้ “
“พวกคุณเมา..ผมไม่ถือ”
“ฉันไม่ได้เมานะคะ” อรุณศรีแย้ง
“เดินเซขนาดนั้น ผมไม่เชื่อ” กริชชัยยิ้มตอบ
“นานๆ จะได้ดื่มที เลยจัดหนักไปหน่อย”
“เป็นผู้หญิง ดื่มจนเมาดูแลตัวเองไม่ได้ทั้งสองคนแบบนี้ มันดูไม่ดี คราวหน้าระวังให้มันมากกว่านี้หน่อยนะ เมาแบบนี้มันอันตราย”
อรุณศรีหน้าชาเหมือนโดนต่อว่าอย่างตรงๆ อรุณศรีเชิดหน้า รับไม่ได้
“ตกลงเงินนี่..ไม่เอาใช่มั้ยคะ” อรุณศรีหางเสียงแข็งขึ้น
กริชชัยพยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นก็ขอบคุณค่ะ”
อรุณศรีทำท่าจะปิดประตู แต่กริชชัยง้างมือดันประตูไว้
“เดี๋ยว...คุณบอกเพื่อนคุณเหรอว่าผมเป็นเกย์” กริชชัยถามตรงๆ
อรุณศรีถึงกับจุกในลำคอ พูดไม่ออก
“คุณ..โกรธหรือเปล่า”
“ไม่โกรธ แต่คุณติดค้างผม”
“ติดค้างอะไร” อรุณศรีเบิกตาโตถาม
“คุณพูดถึงผมข้างหลัง คุณนินทาว่าร้ายผม”
“ฉันไม่ได้ว่าร้ายนะ ก็คุณยอมรับเองว่าเป็นจริงๆ”
“ผมไม่เคยบอกว่าผมเป็น”
“แต่ตอนที่ฉันบอกว่าคุณเป็น คุณไม่ปฎิเสธ”
“ไม่ปฎิเสธ ไม่ได้แปลว่าผมยอมรับ”
อรุณศรีชักสีหน้าใส่กริชชัย
“เจ้าเล่ห์กับเค้าเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”
กริชชัยยิ้มนิดๆ
“คุณคิดเอง เออเอง ผมไม่อยากแย้งให้คุณหน้าแตกก็เลยปล่อยเลยตามเลย”
“พูดซะตัวเองดูดีเลยนะคะ ก็ได้ค่ะ ฉันผิดเองที่พูดนินทาลับหลังคุณเพราะ “ความเข้าใจผิด” ฉันขอโทษ”
กริชชัยยิ้มๆนิดๆ
“ผมรับคำขอโทษ แล้วคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย สุดแสนจะหมั่นไส้
“ในสายตาคุณฉันคงเป็นผู้หญิงที่แย่มาก คุณถึงต้องคอยห้ามโน่นห้ามนี่ ห้ามกอดห้ามหอมแก้มกับผู้ชายในที่สาธารณะเพราะมันดูไม่ดี ห้ามเมาเพราะมันอันตราย แล้วยังจะห้ามนินทาว่าร้ายคุณอีก ท่าทางคุณคงเป็นคนที่ดีมาก ไม่เคยทำอะไรแย่ๆ แล้วก็ไม่เคยพูดถึงฉันต่อหน้าเพื่อนคุณ” อรุณศรีพูดประชด
“ผมพูด แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องไม่ดี เรื่องที่ไม่ดีผมพูดต่อหน้าคุณ ผมไม่เอาไปพูดลับหลัง หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”
กริชชัยพูดจบและเดินจากห้องไปแล้ว แต่ในใจอรุณศรีเวลานั้นกลับมีแต่คำถามมากมาย
สุพรรณิการ์นั่งกึ่มอยู่หน้าชามบะหมี่ พยายามจะสาวเส้นเข้าปากในอาการเมาๆ เสียงอรุณศรีดังแหวกขึ้นมา
“ฉันไม่เข้าใจ”
สุพรรณิการ์หันมามองด้วยอาการสะลึมสะลือ อรุณศรีนั่งลงข้างๆ ปล่อยให้สุพรรรณิการ์ทานคนเดียว
“ฉันก็ไม่เข้าใจ...ว่าแกไม่เข้าใจอะไร”
“ฉันไม่เข้าใจเจ้านายฉันน่ะสิ แกบอกว่าเค้าชอบฉัน พี่เบญลี่ก็บอกว่าเค้าชอบฉัน แต่แววตาเขามันไม่ได้บอกอย่างนั้น และคำพูดมันก็ไม่ใช่ เค้าคอยจับผิดเรื่องส่วนตัวฉันแล้วก็เอามาด่าต่อหน้า ฉันว่าเค้าต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ”
“แกนั่นแหละบ้า! ถ้าเค้าไม่สนใจแก เค้าจะจับตาดูแกทำไม”
“ก็เค้าคงจะไม่ถูกชะตาฉันมั้ง เลยหาเรื่องไล่ออก”
“แกคิดงั้นจริงเหรอ”
“จริง”
“งั้นมาพิสูจน์กัน ฉัน” สุพรรณิการ์หน้าตามุ่งมั่น
“จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อพิสูจน์ว่าจริงๆ คุณกริชชัยเค้าชอบแกหรือเปล่า ฉันจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ชิดเค้า แล้วก็หาทางทอดสะพานให้เค้า”
อรุณศรีมองสุพรรณิการ์คิดว่าพูดไปเพราะความเมา
“ถ้าเค้าไม่หวั่นไหวก็แสดงว่าเค้าชอบแก แต่ถ้าเค้าหวั่นไหว..เค้าก็เสร็จฉัน”
“เพ้อเจ้อ” อรุณศรีตะโกนใส่หูเพื่อน สุพรรณิการ์ถึงกับสะดุ้ง
“อ้าว..ก็แกจะได้รู้ไงว่าเค้าสนใจแก เนี่ยเสียสละเพื่อเพื่อนนะเนี่ย ไม่รักไม่ทำนะเว้ย”
อรุณศรีส่ายหน้า
“ไม่ต้องเลย ฉันไม่ได้อยากจะรู้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่อยากซวยเพราะโดนเจ้านายเกลียดขี้หน้า ส่วนเรื่องที่เค้าชอบฉัน...ฉันยังยืนยันว่ามันเป็นไปไม่ได้”
แม้ว่าอรุณศรีพูดอย่างมั่นใจ แต่ก็อดเกิดวามหวั่นไหวเล็กๆ กำลังงอกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าอรุณศรีไม่กล้ายอมรับความจริง
ค่ำคืนเดียวกัน ลำเภาส่งกระเป๋า และไม้แขวนเสื้อเชิ้ตและสูทให้คนขับรถ
“คุณกริชนอนที่คอนโดใหม่จริงๆ เหรอ มันตกแต่งยังไม่เสร็จนี่ แล้วนอนยังไง”
คนขับรถรับของมา
“ผมก็ไม่ทราบครับ คุณกริชโทร.มาสั่งให้ผมมารับเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัว แล้วก็เอาไปส่งที่คอนโด แต่เรื่องนอนยังไงนี่..ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“อือๆ งั้นก็รีบไปได้แล้ว ก่อนจะดึกไปมากกว่านี้” ลำเภาสั่ง
ลำเภาอดคิดไม่ได้ว่า ที่คอนโดก็ไม่มีอะไรสักอย่าง จะนอนเข้าไปได้ยังไง
กริชชัยล้มตัวลงนอนบนโซฟาเอาเสื้อสูทมาห่ม คิดถึงแต่หน้าของอรุณศรี กริชชัยยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็หลับตานอนพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ยิ้มกับตัวเอง
อรุณศรีนอนนึกถึงกริชชัย มีสุพรรณิการ์นอนกางแขนกางขาอย่างหมดสภาพอยู่ข้างๆ
อรุณศรีนึกถึงตอนที่กริชชัยนั่งกินส้มตำแล้วก็ปลดเนคไท ปลดกระดุม หน้าแดงเพราะความเผ็ดและความร้อน ดูแล้วน่ารักกว่าใส่สูท ผูกไท เสียอีก
อรุณศรีเผลออมยิ้มนิดๆ แล้วก็หุบยิ้มและตำหนิตัวเองว่า ไปคิดถึงเขาทำไม แววตาของอรุณศรีฉายความกังวลออกมา
หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาอย่างใช้ความคิดหนัก
จบตอนที่ 6
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 6/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์