เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงออดดังที่บ้านลำเภา เธอกำลังอาบน้ำให้น้องหมาทั้งสามแสบ ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ เสียงออดดังอีกครั้ง
“ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ เล่นน้ำกันไปก่อนนะ เดี๋ยวม่ามี๊มา”
เสียงออดดังรัว ลำเภาชักสีหน้า
“ใครสั่งสอนให้กดออดแบบนี้เนี่ย”
ลำเภาชะโงกหน้าจากพุ่มไม้ออกมา เห็นว่าคนกดออดคือ ธีธัช ลำเภาเชิดหน้าด้วยความไม่พอใจ
ลำเภาเดินออกมา ในมือยังถืออุปกรณ์อาบน้ำหมามาด้วย
“คิดถึง? ยัยหนูตะเภาอย่างเธอเนี่ยนะ นี่ ฉันมีเวลาไม่มาก รีบคุยให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็จะรีบกลับ”
ลำเภายัดอุปกรณ์อาบน้ำหมาใส่มือธีธัช ธีธัชรับไว้อย่างงงๆ
“มาก็ดีแล้ว อยากได้คนช่วยอยู่พอดี”
สีหน้าธีธัชบ่งบอกถึงความมึนงงหนักกว่าเดิม ลำเภาเดินนำกลับเข้าบ้านไป ธีธัชโยนอุปกรณ์นั้นลงพื้นอย่างไม่สนใจ
“ฉันไม่ได้จะมาช่วยอะไรเธอ ฉันจะมาเคลียร์เรื่อง” ธีธัชยังพูดไม่ทันจบ
ลำเภาไม่สนใจพูดสวนขึ้น
“ถ้าอยากเคลียร์ก็เก็บสายยางแล้วเดินตามมา”
ธีธัชเดินเลี้ยวตามลำเภาอย่างสุดแค้น
“บ้าจริงๆ”
ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ หันขวับมาทางธีธัชที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลำเภา น้องหมาทั้ง 3 เห่าขึ้นพร้อมกัน ลำเภาหันมาเอ็ด
“ไม่ต้องโวยวาย เค้าจะมาช่วยหม่ามี๊อาบน้ำให้ไง”
“ใครบอกว่าฉันจะช่วยเธอ”
“ส่งแชมพูมาให้หน่อยสิ”
ธีธัชหันไปหยิบมาให้แต่โดยดี ลำเภารับแชมพูมา
“ขอบใจ”
“เธอมาใช้ให้ฉันทำโน่นทำนี่ได้ไง ฉันเป็นเพื่อนของพี่เธอนะ ไม่ใช่เด็กรับใช้ แล้วก็ไม่ใช่คนอาบน้ำหมาด้วย” ธีธัชพูด
“มีเรื่องอยากจะเคลียร์กับฉันไม่ใช่เหรอ”
“ใช่“
“งั้นก็รีบช่วยกันสิ”
“ฉันไม่ช่วย”
“ส่งผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อยสิ “
ธีธัชหยิบผ้าเช็ดตัวให้อย่างลืมตัว
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ช่วย”
ลำเภามองหน้าอย่างดุ
“ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องคุย ถ้าอยากคุยก็ต้องช่วย”
ลำเภาหันไปเปิดน้ำทันที แรงน้ำในสายยาง พุ่งออกมาใส่หน้าธีธัชและเป้าอย่างแรง ธีธัชตกใจร้องลั่น
“ยัยหนูตะเภาปิดน้ำ ฉันเปียกหมดแล้ว..เห็นมั้ย ปิดน้ำเดี๋ยวนี้”
ธีธัชโวยวาย ความตกใจทำให้เขาหมุนตัวหลบน้ำกระทันหันจนเสียหลัก เซตกลงไปในสระน้ำของน้องหมา
สภาพธีธัชตอนนี้เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ ส่งเสียงเห่ากันอย่างสนั่นหวั่นไหว
“อยากจะเล่นน้ำกับลูกๆฉันก็ไม่บอก”
ธีธัชมองหน้าด้วยความแค้น
“ขำนักใช่มั้ย ลองเปียกดูบ้างมั๊ยจะได้รู้สึก”
ธีธัชตั้งท่าจะลุกมาถึงตัวลำเภา ก้ามปูก็วิ่งมาหยุดหน้าธีธัช แล้วก็สะบัดน้ำจากตัวใส่อย่างแรงธีธัชเสียหลักล้มลงไปอีกสระอีกรอบ
“อารายกันวะเนี่ย แสบทั้งคนทั้งหมา”
ลำเภาลุกขึ้นกอดอกมองสภาพธีธัช พร้อมกับยิ้มอย่างสะใจ
ธีธัชถอดเสื้อที่เปียกชุ่มออก แล้วโยนเข้าไปในไมโครเวฟ ฝาตู้ถูกปิดเรียบร้อย เตรียมจะกด
“ทำอะไร” เสียงลำเภาดังขึ้น
ธีธัชหันมาเห็นลำเภายืนถือเสื้อผ้าอยู่ในมือ ลำเภามองธีธัชที่อยู่ในสภาพเปลือยอกด้วยแววตานิ่ง
“ทำให้เสื้อแห้ง”
“ด้วยการใส่ไมโครเวฟเนี่ยนะ มักง่ายกับทุกเรื่องจริงๆ” ลำเภาส่ายหน้า
ธีธัชชักสีหน้าทันที
“นี่ พูดจาให้มันดีๆ หน่อย คำว่า “สัมมาคารวะ” น่ะ รู้จักหรือเปล่า”
ลำเภาจ้องหน้าธีธัชขไม่กระพริบตาแล้วเดินเข้ามาใกล้
“คำว่า “สุภาพบุรุษ” น่ะ รู้จักหรือเปล่า ยืนโชว์หน้าอกต่อหน้าผู้หญิงแบบนี้ มันสมควรนักหรือไง”
“เฮ้ย” ธีธัชเพิ่งนึกได้ รีบยกมือมาปิดหน้าอกทันที
ลำเภายัดเสื้อกางเกงใส่มือธีธัช
“นี่เป็นชุดของคุณกริช ฉันขออนุญาตให้เรียบร้อยแล้ว รีบใส่ซะก่อนที่ฉันจะเป็นตากุ้งยิง”
ธีธัชรับมาแล้วก็รีบใส่
“ก็เพราะเธอนั่นแหละ ถ้าคุยกันดีๆ เหมือนมนุษย์คนอื่น ป่านนี้ฉันก็กลับบ้านไปแล้ว”
ธีธัชทำท่าจะถอดกางเกงด้วยความลืมตัว ลำเภายืนจ้อง มองตาเขม็งแบบไม่อายไม่เขิน ธีธัชเงยหน้ามาเห็นลำเภาจ้องอยู่ก็สะดุ้งจึงรีบดึงกางเกงขึ้นเหมือนเดิม
“มายืนจ้องอะไรเนี่ย”
“แล้วมาถอดอะไรตรงนี้เนี่ย ไหนๆกล้าถอดโดยไม่เกรงใจ ก็จำใจต้องดูสักหน่อย เห็นของหมา ของแมว ของหมู ของวัวมาเยอะแล้ว เห็นของคนสักทีก็ดีเหมือนกัน” ลำเภาพูดกวนด้วยสีหน้านิ่ง
“ยัยเด็กบ๊อง พูดออกมาได้ยังไงไม่อายปาก นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องไอ้กริช จัดหนักไปแล้ว” ธีธัชชี้หน้า
ธีธัชพูดจบดินหลบไปที่หลังตู้เปลี่ยนกางเกงด้วยความรวดเร็ว
ลับหลังธีธัช ลำเภาขำคิกคัก
“โธ่..นึกว่าจะแน่”
ลำเภาเดินนำ ธีธัชเดินตามออกมาหน้าบ้าน ขณะเดินธีธัชเดินไปจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ไปด้วย
“ยัยหนูตะเภา ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอแล้วนะ”
ลำเภาไม่พูดไม่ตอบโต้
“เรื่องที่เธอจะมาเป็นแฟนฉัน หรือฉันไปเป็นแฟนเธอ มันเป็นไปไม่ได้”
ลำเภาหน้านิ่ง
ธีธัชเดินไปพูดไป
“ฉันไม่มีวันจะมาเป็นแฟนเธออยู่แล้ว เธอก็รู้”
ลำเภาเชิดหน้าน้อยๆอย่างหมั่นไส้
“แล้วต่อจากนี้ไปห้ามเธอไปที่คอนโดฉันอีก ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงยิงเรือเที่ยวบุกไปห้องผู้ชาย”
ธีธัชเดินไปพูดไปโจนถึงหน้าบ้าน ลำเภาก็พาธีธัชเดินออกไปนอกบริเวณรั้ว ลำเภาหยุดเดิน
ธีธัชหยุดเดินตามแล้วก็พูดต่อ
“ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันน่าเกลียดรู้หรือเปล่า”
“ฉันรู้”
ธีธัชยิ้มโล่งอก ลำเภาเดินเบี่ยงตัวกลับเข้ามาอยู่ในบริเวณบ้านโดยที่ธีธัชไม่ทันสังเกต
“แต่ตอนนี้เราเป็นแฟน กัน เพราะฉะนั้น ฉันก็ไปห้องของคุณได้ เหมือนที่คุณก็มาบ้านฉันได้ แถมยังมาซะเช้าตรู่ นี่ถ้าไม่รักกันจริง ก็คงจะไม่ทำ” ลำเภายิ้มแฉ่ง
ธีธัชถึงขั้นสะอึกจุกอก
“เฮ้ย ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้จะมาหาเธอเพราะความพิศวาสหรือความคิดถึงแต่ฉัน...”
ธีธัชยังพูดไม่จบ ลำเภาไม่ฟังต่อแต่เลื่อนประตูรั้วปิดใส่หน้าธีธัชทันที
“หมดเวลาสำหรับแฟนแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการเวลาเป็นส่วนตัว”
ลำเภาพูดจบก็เดินหันหลังเข้าบ้านไป ธีธัชได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
“อะไรนะ เวลาของแฟน นี่..ยัยหนูตะเภาเธอจะมาโมเมว่าฉันเป็นแฟนเธอไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมเป็นแฟนกับเธอ ยัยหนูตะเภา ยัยหนูตะเภา” ธีธัชตะโกนโวยวายอยู่หน้าบ้านลำเภา
ลำเภายักไหล่ไม่สน เดินนิ่งๆ เข้าบ้านไป
“ยัยเด็กบ้า คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยอมแพ้”
ธีธัชครุ่นคิดหาทางเอาชนะลำเภาให้ได้
เช้าวันเดียวกัน ในห้องสุพรรณิการ์ อรุณศรีวิ่งพล่านแต่งตัวด้วยความรีบร้อน
“โอ้ย นาฬิกาอยู่ไหน โทรศัพท์ กระเป๋า รองเท้า” อรุณศรีพูดพลางวิ่งหยิบมาที่กระจัดกระจายอยู่เต็มห้องมารวมกัน
“เมื่อคืนเราเบลอขนาดนี้เลยเหรอ”
อรุณศรีหันไปที่นาฬิกา แล้วก็ตกใจ รีบใส่รองเท้าด้วยความรีบร้อน
เสียงออดดังที่หน้าห้อง อรุณศรีชะงักด้วยความแปลกใจ
“ใครมา”
อรุณศรีรีบเดินไปเปิดประตู กริชชัยยืนอยู่หน้าห้อง
“ผมจะมาถามว่า จะไปทำงานหรือยัง”
“เอ่อ..กำลังจะไปค่ะ”
กริชชัยรวบรวมความกล้า
“ผมก็กำลังจะไป จะไปด้วยกันหรือเปล่า”
อรุณศรีเหลือบไปดูนาฬิกาก่อนจะตัดสินใจ
“ก็..ดีค่ะ”
กริชชัยใจเต้นตูมตาม ทำหน้านิ่ง ไม่ให้เสียมารยาท
“รอสักครู่นะคะ ฉันขอไปหยิบกระเป๋าแล้วเขียนโน้ตบอกฝ้ายก่อนนะคะ”
กริชชัยพยักหน้า ก่อนจะหันหลังให้พ้นสายตาอรุณศรี แล้วเปล่งเสียงออกมาเบาๆ แต่หนักๆ “เยส !” แล้วจึงหันกลับมาทำหน้าเคร่งขรึม นิ่งเหมือนเดิม
อรุณศรีเขียนข้อความเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งมาที่ประตู
“เรียบร้อยค่ะ ไปได้เลยค่ะ”
ประตูห้องปิดลง กริชชัยเดินนำ อรุณศรีรีบเดินตามไป
บนถนนระหว่างทางไปบริษัท M Group อรุณศรีนั่งอยู่กับกริชชัย อรุณศรีแอบเกร็งๆนิดๆ พยายามไม่มองหน้า แต่กริชชัยแอบมองตลอดเวลา มองแล้วก็อมยิ้มคนเดียวอย่างมีความสุข ทั้งที่ในใจก็รู้ว่า เป็นความสุขแค่ชั่วครู่ชั่วคราวก็ยังดี
รถของกริชชัยกำลังจะแล่นเข้าไปในลานจอดรถบริษัท
อรุณศรีรีบหันมาบอก
“คุณกริชคะ จอดตรงนี้แหละค่ะ”
กริชชัยหันมามองด้วยความแปลกใจ
“ทำไม อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“คือ ฉันไม่อยากเป็นจุดเด่นน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ”
กริชชัยเข้าใจ
“ผมเข้าใจ งั้นผมส่งตรงนี้นะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
กริชชัยจอดเทียบข้างทางก่อนถึงบริษัท อรุณศรีลงจากรถ ที่ด้านหลังรถกริชชัยเป็นรถของปรานต์กำลังแล่นมาพอดี
ปรานต์เห็นอรุณศรีลงจากรถสปอร์ตหรูราคาแพงระยับ อรุณศรีหันมายิ้มให้กริชชัยเป็นการขอบคุณและปิดประตูรถให้อย่างสุภาพ อรุณศรีรีบเดินเข้าที่ทำงานไป ปรานต์เห็นภาพตรงหน้าเกิดความรู้สึกว่า เสียหน้า และเสียฟอร์มอย่างหนัก จึงเร่งเครื่องอย่างแรง ปาดหน้ารถของกริชชัยอย่างแรง จนกริชชัยเบรกตัวโก่ง
รถปรานต์ปาดหน้ากริชชัย แล้วรีบบึ่งเข้าไปในออฟฟิศด้วยเสียงเครื่องดังกระหึ่ม กริชชัยเพ่งมองตามรถไปด้วยความแปลกใจ
“จะรีบไปไหน”
กริชชัยเริ่มคุ้นๆกับรถของปรานต์ แววตาของกริชชัยเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ขณะที่อรุณศรีกำลังจะรีบเดินเข้าบริษัท ทันใดนั้นรถของปรานต์ก็ปาดเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับบีบแตรอย่างดัง อรุณศรีตกใจหันไปเห็นรถปรานต์
“ปรานต์”
ปรานต์ลงจากรถมาหาอรุณศรีด้วยสีหน้าที่โกรธอย่างชัเดเจน
“พี่โอบบอกแอ๊วไม่ได้กลับบ้าน เมื่อคืนไปไหนมา”
“ไปนอนกับฝ้าย” อรุณศรีน้ำเสียงเซ็งๆ
“นอนกับฝ้าย หรือนอนกับผู้ชายกันแน่”
อรุณศรีชักสีหน้า เสียงเข้มขึ้น
“พูดบ้าอะไรน่ะปรานต์”
“ก็พูดในสิ่งที่เห็นไง ปรานต์เห็นแอ๊วลงจากรถไอ้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ามันเป็นใคร”
“เค้าเป็น “เจ้านาย” ของแอ๊ว”
กริชชัยขับรถมาจอดในที่จอดรถประจำตำแหน่ง ที่อยู่ไม่ห่างจากอรุณศรี และมองอรุณศรีกับปรานต์ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าคุยอะไรกัน
เมื่อได้ยินอรุณศรีพูดดังนั้น ปรานต์ยิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่โต
“อ๋อ..เป็นเจ้านาย รวยแบบนี้นี่เอง ถึงมีปัญหาขับรถราคาตั้งเกือบสิบล้าน เพราะมันรวยใช่มั๊ย แอ๊วถึงยอมไปกับมัน”
อรุณศรีสุดจะทน
“ปรานต์ ถ้าสติแตก ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็กลับไปซะ ไม่อยากทะเลาะด้วย”
“ไม่อยากทะเลาะ ก็ยอมรับมาสิ เมื่อคืนแอ๊วไปอยู่กับมันมาใช่มั๊ย “
“ซ้ำซากนะเนี่ย แอ๊วบอกแล้วไงว่าอยู่กับฝ้าย โทร.ไปถามได้เลย”
“นี่คงจะวางแผนโกหกกันไว้แล้วหล่ะสิ ถึงได้กล้ายุให้โทร. ถ้าไปนอนกับนังทอมฝ้าย แล้วมากับเจ้านายได้ยังไง ถ้าเชื่อ ปรานต์ก็เป็นควายไปแล้ว”
อรุณศรีอารมณ์เริ่มขึ้น
“จะหยาบคายมากไปแล้วนะ มาเรียกเพื่อนแอ๊วแบบนั้นได้ยังไง ที่แอ๊วมากับเจ้านายเราเจอกันโดยบังเอิญ”
“ถ้าปรานต์ไม่เชื่อ ก็ไปสืบหาความจริงเอาเอง แล้วก็กลับไปได้แล้ว แอ๊วจะทำงาน ถ้ายังโวยวายไม่เลิก จะให้รปภ.มาลากตัวออกไป อย่าคิดว่าแอ๊วไม่กล้า เป็นคนรักไม่ได้เป็นพ่อ อย่าทำให้เหลืออด แอ๊วเอาจริงแน่ “
“นี่แอ๊วขู่ปรานต์เหรอ”
“ไม่ได้ขู่ แต่ทำจริง”
หลังพูดจบ อรุณศรีเดินเข้าออฟฟิศไปอย่างหงุดหงิด ครั้นพอปรานต์เห็นว่าอรุณศรีเอาจริงก็เงียบ ไม่กล้าหือ ได้แต่เก็บความแค้นแล้วก็ระบายออกด้วยการทุบรถตัวเอง พลันสายตาของปรานต์ ก็เหลือบไปเห็นรถของกริชชัยจอดอยู่ที่หน้าบริษัท ปรานต์จิกหางตาเตรียมหาเรื่องเต็มที่
กริชชัยนั่งมองเหตุการณ์อยู่ในรถ เห็นว่าอรุณศรีเดินแยกจากปรานต์มาอย่างปลอดภัยก็ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก
กริชชัยค่อยหันมาหยิบของแล้วเปิดประตูรถเดินลงมา และทันทีที่เดินห่างจากตัวรถได้ 3-4ก้าวเสียงปรานต์ก็ดังขึ้น
“คุณเป็นใคร”
กริชชัยแปลกใจ ปรานต์ เตรียมมีเรื่องเต็มที่ ปรานต์ถลกแขนเสื้อขึ้น
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นอะไรกับแอ๊ว”
กริชชัยตอบกลับด้วยเสียงนิ่งสงบ คุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดีและไม่กลัว
“ถ้าคุณกำลังกังวลเรื่องระหว่างผมกับอรุณศรี ผมขอบอกว่า คุณกำลังเข้าใจผิด ผมเพียงแค่รับเธอนั่งรถมาด้วยกัน มันก็แค่นั้นเอง”
“แล้วไปรับกันที่ไหน”
“ที่คอนโด” กริชชัยพูดยังไม่จบ
ปรานต์แทรกขึ้นทันที
“คอนโดใคร นี่ขนาดแอบซื้อคอนโดให้กันแล้วเหรอ”
“คอนโดของผมกับคอนโดของเพื่อนอรุณศรีอยู่ที่เดียวกัน และเมื่อคืนผมก็เจอเค้าโดยบังเอิญ ตอนเช้าก็เลยชวนนั่งรถมาทำงานด้วยกัน เพื่อนเค้าชื่อสุพรรณิการ์ หรือคุณฝ้าย ไม่ทราบว่าคุณรู้จักหรือเปล่า ถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดผม ก็สอบถามไปทางคุณฝ้ายได้”
ความมีเหตุผลของกริชชัยทำให้ปรานต์เริ่มมีสติขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆเย็นลง มองหน้ากริชชัยอีกที กริชชัยสู้ตามองกลับอย่างบริสุทธิ์ใจ
อรุณศรีเดินอยู่ในตึก กำลังจะไปขึ้นลิฟท์พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปรานต์ยืนคุยกับกริชชัย
ปรานต์ยอมแพ้ต่อเหตุผลของกริชชัย
“โอเค..ผมเข้าใจผิดไปเอง อย่าถือก็แล้วกัน อยู่ๆก็เห็นมาด้วยกัน เป็นใครก็ต้องคิด”
“ผมว่าคุณระแวงเกินไป แฟนคุณเป็นคนดีมาก ไม่มีอะไรที่คุณต้องคิดมาก”
ปรานต์ชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินกริชชัยพูดถึงอรุณศรีอย่างให้เกียรติ ปรานต์พูดข่ม
“ผมกับแอ๊วรักกันมานานมาก ตั้งแต่อยู่มหาลัย ความสัมพันธ์ของเรามันลึกซึ้งมากกว่าคำว่า แฟน อาจจะมีทะเลาะกันบ้างเล็กๆน้อยๆ เพราะแอ๊วเค้าขี้น้อยใจ ผมไม่มีเวลาให้หน่อยก็งอน หนีไปนอนเพื่อน ผมคงต้องหาเวลาอยู่กับเค้าให้มากกว่านี้”
กริชชัยฝืนยิ้มกลบความเศร้าของตัวเอง
“ผมก็ต้องขอบคุณคุณด้วยที่มาส่ง “แฟนผม” แต่คราวหน้าผมคงไม่รบกวน แฟนผมผมดูแลเองได้“
รอยยิ้มของปรานต์ กริชชัยเห็นแววของความร้ายกาจแทรกอยู่ ในใจสุดแสนจะเสียดายที่อรุณศรีต้องมีแฟนแบบนี้
อรุณศรียืนรอกริชชัยอยู่หน้าลิฟท์ด้วยความร้อนใจ กริชชัยเดินมาเห็นอรุณศรีที่รออยู่ก็ถามด้วยความแปลกใจ
“อ้าว ยังไม่ขึ้นไปอีกเหรอ”
“ฉันรอคุณ....เอ่อ..คือ ปรานต์เค้าพูดอะไรกับคุณ เค้าพูดไม่ดีกับคุณหรือเปล่า”
“เปล่า..เค้าก็แค่หึงคุณ ผมเข้าใจ”
“แล้ว..เค้าพูดอะไรกับคุณบ้าง”
กริชชัยมองหน้าอรุณศรีด้วยแววตาแสนเสียดาย อรุณศรีมองตอบรอฟังคำตอบด้วยความอยากรู้
โทรศัพท์มือถือวัชระมีเสียงข้อความเข้าตั้งแต่เช้า วัชระเดินออกจากห้องน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย และเปิดอ่านข้อความ
“สิบโมงมารับแหนมไปเลือกแหวนด้วย ห้ามช้า”
วัชระส่ายหน้า..คิด แล้วก็กดโทรศัพท์โทร.หากริชชัย
“ไอ้กริช ตกลงเรื่องกุญแจรถคุณหนูโรงงานน้ำปลาแกได้มาหรือยัง”
วัชระจึงต้องแก้ปัญหา ด้วยการไปที่บ้านของลำเภา ลำเภาหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซต์ส่งให้วัชระ
“กุญแจรถมอเตอร์ไซด์คุณกริช รถจอดอยู่ด้านหลัง คุณวัชรู้ใช่มั้ยว่าอยู่ตรงไหน” วัชระรับมาพร้อมกับพยักหน้า
“ถ้าขี่มอเตอร์ไซด์ไอ้กริชไปหาแหนม รับรองเรื่องยาวแน่” วัชระพึมพำ
“บ่นอะไร” ลำเภาถาม
“ก็เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย”
วัชระหันไปเห็นจานใส่อาหารที่วางอยู่
“เภาทำเหรอ?น่ากินจัง กินด้วยนะกำลังหิวเลย”
“นั่นน่ะ อาหารหมา”
ขนมจีบกับซาลาเปาคำราม..วัชระสะดุ้งเล็กน้อย
“ขี้หวงซะด้วย”
“คุณวัชเค้าไม่แย่งหรอกน่า. คุณวัชจะกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเภาทำให้”
วัชระคิด หยิบนาฬิกามาดูแล้วตัดสินใจปิดมือถือไปเลย
“ขอบใจ..งั้นผมขอกินแล้วกัน”
“งั้นรอแป๊บ”
ลำเภาเดินหยิบอาหารของขนมจีบ ซาลาเปาวางไว้ที่พื้น แล้วก็เดินเข้าครัวไป
วัชระหันมามองขนมจีบ ซาลาเปา ขณะที่ขนมจีบ ซาละเปามองหน้าพร้อมกับคำรามใส่เพราะกลัวโดนแย่ง วัชระสะดุ้งพร้อมส่ายหน้าขำๆ ก่อนจะหันไปทางลำเภา
“ผมช่วย”
วัชระเดินตามไปลำเภาเข้าไปในครัว
ลำเภาส่งมะเขือเทศกับหัวหอมใหญ่ให้วัชระ
“หั่นเป็นลูกเต๋านะ ทำกับข้าวเป็นมั๊ย”
“เป็น แม่ผมสอนไว้หลายอย่าง”
“ค่อยยังชั่ว อีกหน่อยพอคุณเข้าไปอยู่กับคุณกริชจะได้มั่นใจว่าไม่อดตาย”
วัชระพูดไปหั่นไป
“ไอ้กริชมันทำกับข้าวเป็น มันไม่อดตายหรอกเป็นห่วงมันหรือไง”
“ห่วงสิ คุณกริชเป็นคนแปลก เห็นเงียบๆ เฉยๆ คิดอะไรก็ไม่พูด เหมือนจะสบายๆ แต่จริงๆ คิดมากสุดๆ แถมยังรักเดียวใจเดียว ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ชอบก็ไม่รู้”
“หัวใจคนเรา มันบังคับกันไม่ได้ จะบังคับได้ก็แต่ตัว จะบังคับจะข่มเหงยังไงก็ได้ แต่ใจถ้ามันไม่ยอม ยังไงมันก็ไม่ยอม”
ลำเภาชะโงกมามองหน้าวัชระ
“พูดถึงอะไร งง”
“ก็..เรื่องไอ้กริชไง มันเป็นคนขี้อาย จะให้ไปตามจีบอรุณศรีมันก็ไม่ทำ ส่วนอรุณศรีเค้าเป็นมีแฟนแล้ว เค้าอาจจะไม่ชอบไอ้กริช จะบังคับเค้าก็ไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน เภามีแฟนหรือเปล่า” วัชระพูดแก้เก้อ
“ไม่มี แต่กำลังจะเป็นแฟนกับคุณธีธัช พนันกันไว้ ฉันจะต้องสยบเค้าให้ได้”
“นี่..เภาจะเอาจริงเหรอ ตอนไอ้ธีบอก ผมนึกว่าเภาพูดเล่น”
“ใครพูดเล่น..เภาเป็นคนจริง พูดจริง ทำจริง อีกไม่นานนายธีธัชต้องมาเป็นแฟนเภา มาเป็นหมาใหญ่ประจำบ้านนี้” ลำเภาพูดด้วยความภูมิใจ
“กรี๊ดดด”
เนตรนภัสกรีดเสียงร้องจากในบ้าน สีรุ้งและนรีวรรณวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับแขกด้วยความตกใจ
“แหนม เป็นอะไรลูก”
“พี่แหนมม..เป็นอะไร”
เนตรนภัสหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น
“วัชปิดมือถือ”
สีรุ้งถอนหายใจ นรีวรรณกรอกตาด้วยความเซ็งกับเรื่องเดิมๆ
“แค่นี้เอง ทำไมต้องกรี๊ดซะลั่นบ้านแบบนี้ แม่นึกว่าเราเป็นอะไรซะอีก”
นรีวรรณ กดบีบีเม้าท์กับเพื่อนเหมือนเดิม เนตรนภัสหันขวับมาไปหาสีรุ้ง
“มันไม่ใช่แค่นี้นะคะแม่ แต่มันแสดงให้เห็นว่าวัชเค้าไม่ให้เกียรติแหนม เรานัดกันไปดูแหวนแต่งงาน แหนมนัดที่ร้านไว้แล้ว แต่วัชไม่มา แล้วยังจะปิดเครื่องอีก นี่มันมากเกินไปแล้วนะคะ”
สีรุ้งมองเนตรนภัสด้วยความเป็นห่วง
“แหนม..แม่ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เราแน่ใจว่าจะแต่งงานกับวัชจริงๆเหรอ”
นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีขึ้นมาฟังคำตอบจากพี่สาวด้วยความอยากรู้
“แน่ใจค่ะ !! แหนมถอยไม่ได้ เพื่อนๆ รู้เรื่องงานแต่งงานหมดแล้ว ถ้าแหนมยกเลิก เพราะเหตุผลว่าวัชไม่ยอมแต่ง แหนมทนไม่ได้ และแหนมก็ยอมไม่ได้ค่ะแม่”
เนตรนภัสพูดจบก็หันไปคว้ากระเป๋าเดินฉับๆๆๆ ออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด
สีรุ้งได้แต่ถอนใจ นรีวรรณมองสีรุ้งด้วยความสงสาร ค่อยๆ เอาหัวมาซบที่ไหล่แม่ แล้วก็กอดเบาๆ
“นุ้ยขอโทษค่ะ นุ้ยไม่น่าไปแหย่เรื่องที่พี่แหนมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงาน เค้าก็เลยสติแตกแบบนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของนุ้ยหรอกลูก พี่เค้าเป็นแบบนี้ ก็เพราะตัวเค้าเอง เรารู้ว่าพี่เค้าเครียด ก็อย่าไปชวนทะเลาะ เพิ่มความเครียดให้เค้าก็แล้วกัน”
นรีวรรณคิด แต่ไม่รับปาก แล้วก็ถอนกอดออกมา หันมาถามสีรุ้งด้วยความสงสัยตามประสาเด็กๆ
“แม่ว่า..ที่พี่วัชเค้าหนีพี่แหนมแบบนี้ เพราะเค้าไม่อยากแต่ง หรือเพราะว่าเค้ามีคนอื่น”
สีรุ้งฉุกคิดและแอบกังวลขึ้นมาเหมือนกัน
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 7
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์