หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 7/2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง
โทรศัพท์มือถือของวัชระถูกเปิดเอาซิมออก วัชระใส่ซิมแบบเติมเงินอันใหม่เข้าไป แล้วก็เปิดเครื่อง
วัชระนั่งอยู่ในคอนโดที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ วัชระกดโทร.ออกไปหาลูกน้อง
“นี่ผมเองนะ เบอร์นี้เป็นเบอร์เฉพาะกิจ มีงานอะไรด่วนติดต่อผมที่เบอร์นี้ ส่วนเรื่องประชุมตอนบ่าย เตรียมเอกสารไว้ให้ผมด้วย ผมทำธุระเรียบร้อยแล้วจะรีบเข้าไป อ้อ.. แล้วห้ามบอกเบอร์นี้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ห้ามบอกเด็ดขาด”

วัชระพูดจบก็วางสายไป แอบถอนใจด้วยความกังวลเล็กๆ แล้วก็ตัดทิ้ง หันไปที่โต๊ะกลางห้อง มีกระดาษวางอยู่พร้อมกับกล่องโคมไฟ กล่องอุปกรณ์แต่งหน้า และกล่องสว่านชุดใหญ่


วัชระหยิบกระดาษมาอ่าน กริชชัยเขียนรายการของที่จะต้องติดตั้ง เสียงกริชชัยที่พูดฝากงานไว้ทางโทรศัพท์
ดังซ้อนเข้ามา
“ไอ้วัช ถ้าแกเข้าคอนโดฉันฝากติดของที่วางไว้ด้วย ฉันกำหนดจุดไว้หมดแล้ว แกติดตามที่ฉันทำสัญลักษณ์ไว้ได้เลย”
บนผนังมีกระดาษกาวสีแดงแปะเป็นรูปกากบาทเล็กๆเป็นสัญลักษณ์ที่กริชชัยกำหนดไว้ให้ วัชระถือสว่านอยู่ในมือ วัชระเล็งเข้าไปที่กากบาทที่แปะไว้ แล้วก็เจาะเสียดังสนั่น

สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจเพราะเสียงเจาะสว่านทะลวงไส้
“จะจองล้าง จองผลาญฉันไปถึงไหน นายหน้าหนวด”
เสียงเจาะผนังยังดังต่อเนื่อง วัชระเจาะผนังอย่างตั้งใจ ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่ตั้งใจทำจริง
สุพรรณิการ์นอนไม่ลง
“โอ้ย ..คนยิ่งแฮ้งค์ๆ อยู่”
สุพรรณิการ์ทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นจากเตียง แล้วก็เดินดุ่ม ออกจากห้องไปด้วยอารมณ์โกรธปนแฮ้งค์

เสียงทุบประตูดังปังๆ วัชระหันไป
“ยัยคุณหนูโรงน้ำปลาแหงๆ” วัชระส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
สุพรรณิการ์กระหน่ำทุบประตูอีกหนึ่งยก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิด มือสุพรรณิการ์ยั้งไม่อยู่ฟาดลงบนหน้าของวัชระอย่างเต็มแรง
“โอ้ย”
สุพรรณิการ์ตกใจพอๆกับวัชระ แต่ลึกๆแล้วสะใจไม่น้อย
“เอ้ย”
“นี่คุณมาตบผมทำไมเนี่ย”
สุพรรณิการ์เชิดหน้าอย่างสะใจ
“มันเป็นอุบัติเหตุจ้ะ ถ้าฉันตั้งใจแรงกว่านี้แน่”
“นี่คุณอันธพาล ทั้งทุบรถ ทั้งเอารถมาจอดขวาง แล้วนี่ยังจะมาตบหน้าผมอีก จะระรานชีวิตผมไปถึงไหน”
“โห..พูดซะตัวเองดูน่าสงสารเลยนะ แล้วที่ฉันโดนนายขับรถชนก้น มือซ้นเพราะทุบรถ แล้วก็ไม่ได้นอนเพราะโดนนายแกล้ง ฉันไม่น่าสงสารหรือไง”
วัชระส่ายหน้าในความหาเรื่องของสุพรรณิการ์แล้วก็เดินกลับเข้าห้องไป
“เอ้ย..นี่คุณจะหนีเหรอ”
สุพรรณิการ์เดินตามเข้ามาในห้องอย่างไม่กลัว

วัชระเดินไปดึงกระดาษที่ติดด้วยเทปกาวบนผนังออกมา วัชระแปะกระดาษเข้าที่หน้าผากของสุพรรณิการ์ อย่างกับผีดิบจีนที่ถูกหมอผีติดยันต์ไว้
“เฮ้ย” สุพรรณิการ์โวยวายแล้วดึงเอากระดาษออก
“อะไรเนี่ย”
“ระเบียบการเข้าตกแต่งห้องชุด เค้าบอกว่า.. ทุกคนมีสิทธิ์เข้าตกแต่งห้องชุดได้ตั้งแต่ 10โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตอนนี้มันก็เป็นเวลาเที่ยงของวันพุธ”
สุพรรณิการ์ฟังวัชระและอ่านระเบียบ
“เพราะฉะนั้นผมก็มีสิทธิ์จะเจาะผนังได้อย่างเต็มที่”
สุพรรณิการ์ไม่ยอม เงยหน้าสู้วัชระ
“นี่นายตั้งใจจะกวนฉันใช่มั๊ย”
วัชระส่ายหน้า
“คุณต่างหากที่ตั้งใจจะหาเรื่องผม ถ้าเป็นคนอื่น นอนไม่ได้ เค้าก็ตื่นออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว มีแต่คุณนี่แหละ โวยวายอยู่ได้ หรือว่า..หาเรื่องอยากเจอผม”
“โฮะๆๆ ถ้าฉันรสนิยมแย่ขนาดนี้”
สุพรรณิการ์ชี้หน้าวัชระ
“ฉันคงไม่ครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้หรอกย่ะ อย่างนาย.. “ต่ำ” กว่ามาตราฐาน”
วัชระยิ่งหมั่นไส้สุพรรณิการ์หนักขึ้น วัชระมองเหยียด พูดกวน
“ คุณน่ะ … สวยตาย อะไรๆ ก็ไม่มี หุ่นยังกะเสาไฟฟ้า”
“ยังกะตัวเองดีนักนี่ หน้าก็รกรุงรัง แววตายังอมทุกข์อีกต่างหาก เครียดที่จับผู้ร้ายไม่ได้เลยมาเจาะกำแพงแกล้งคนอื่นเค้าหรือไง”
วัชระแววตาเครียดขึ้นเล็กน้อยเพราะโดนสุพรรณิการ์จี้ใจดำ
“ผมจะเครียดเรื่องอะไรมันก็เรื่องของผม ถ้าคุณอยากจะนอนอย่างสงบ ก็ไปเลื่อนรถ”
ถ้าอยากให้ฉันเลื่อนรถ ก็ต้องเลิกเจาะ ถ้าไม่เลิกเจาะก็ไม่เลื่อน”
สุพรรณิการ์เชิดหน้าโชว์ไพ่ที่เหนือกว่า
วัชระไม่สน สวนกลับสุพรรณิการ์ทันที
“ถ้าไม่เลื่อน..ก็ไม่ต้องนอน”
วัชระพูดจบก็หันไปหยิบสว่าน แล้วก็เริ่มต้นเจาะอีกครั้ง สุพรรณิการ์เอามืออุดหู
วัชระหยุดเจาะแล้วก็หันมายักคิ้วใส่สุพรรณิการ์อย่างกวน แถมบางขณะยังเจาะต่อเป็นจังหวะซะด้วย สุพรรณิการ์ถึงกับทนไม่ไหวกรีดร้องออกมา
“โอ้ย ..ไม่นอนก็ได้โว้ย”
สุพรรณิการ์กระทืบเท้าใส่แล้วก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้อง
วัชระยิ้มชอบใจ แล้วก็ขำตัวเองที่เอาชนะสุพรรณิการ์ได้ เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่สะสมอยู่ในใจโดยที่ไม่รู้ตัว

วัชระหยิบรูปมอเตอร์ไซด์ของกริชชัยมาติดบนผนังตามคำสั่งอย่างสวยงาม วัชระมองด้วยความพอใจ

บ่ายวันเดียวกันเสียงกริชชัยดำเนินการประชุม ภายในห้องประชุมของบริษัท M Group มีพนักงานบริษัท 2-3 คนพร้อมด้วยเบญลี่และอรุณศรี
“ทริปลูกค้าวีไอพีสุดสัปดาห์นี้ เตรียมงานกันไปถึงไหนแล้ว”
“ตอนนี้มีลูกค้าวีไอพีติดต่อกลับมาเพื่อร่วมเดินทางไปกับเราทั้งหมด 15 ท่านค่ะ มีแต่ระดับครีมๆทั้งนั้นเลยนะคะ ห้องพักจองเรียบร้อย ส่วนอาหารเบญลี่ส่งรายการไปให้ทางโรงแรมจัดเตรียมตามที่คุณกริชต้องการแล้วค่ะ”
เบญลี่รายงาน กริชชัยพยักหน้ารับทราบ
“ผมจัดเตรียมช่างเครื่องไว้ ๒ คนเป็นคนที่รู้จักรถของลูกค้าเป็นอย่างดี จะนำหน้าขบวนและปิดท้ายอย่างละคน” หัวหน้าฝ่ายเครื่องรายงาน
“ทางด้านความปลอดภัยดิฉันประสานงานไปกับทางตำรวจ ขอรถนำ และจ้างพยาบาล 1 คน บุรุษพยาบาล 1 คน แล้วก็เช่ารถพยาบาลที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบไว้อีกหนึ่งคัน ทั้งรถและเจ้าหน้าที่จะอยู่กับเราตลอดทริปค่ะ” หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยรายงาน
กริชชัยพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“ส่วนเรื่องกิจกรรมเพื่อความบันเทิง ดิฉันติดต่อนักดนตรี และแจ้งให้ทางโรงแรมเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมส์ไว้แล้วค่ะ” อรุณศรีว่า
“ดี .. ทริปนี้ถึงจะเป็นทริปเล็กๆ แต่ลูกค้าทุกท่านมีความสำคัญมาก ขอให้ทำงานกันอย่างเต็มที่ และเพื่อเป็นการขอบคุณที่ทุกคนช่วยกันจัดงานเปิดตัวผมออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผมอนุญาตให้พาคู่สมรสและลูกๆไปได้ ถือเป็นรางวัล” พนักงานทุกคนยิ้มรับ ยกเว้นอรุณศรีที่เริ่มคิด
“ยังไม่ได้สมรส แต่มีกิ๊ก..พาไปได้มั๊ยคะ” เบญลี่ถาม
“ได้ แต่แค่คนเดียวนะ” กริชชัยว่า เบญลี่ยิ้มกว้าง
“ คุณกริชอ่ะ..รู้ทันเรื่อยเลย”
กริชชัยยิ้มๆก่อนปิดประชุม
“ขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ เพื่อความพอใจอย่างสูงสุดของลูกค้าของเรา”
พนักงานพยักหน้ารับ “ค่ะ / ครับ”
ทุกคนทยอยลุกออกไป รวมทั้งอรุณศรีและเบญลี่
“อรุณศรี” กริชชัยเรียกขึ้น
ทั้งอรุณศรี และ เบญลี่หันมาพร้อมกัน แต่เบญลี่ดันส่งเสียงออกไปก่อน
“คะ”
กริชชัยมองหน้าเบญลี่
“ผมเรียกอรุณศรี”
“ อุ้ย..เหรอคะ...ขอโทษค่ะ..หูไม่ค่อยดี แหะๆ”
เบญลี่ทำขำแก้เก้อแล้วก็เดินออกไป อรุณศรีนั่งลงที่เดิม..รอฟัง
เบญลี่เดินออกมาที่หน้าห้อง แล้วก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูครุ่นคิดด้วยความสาระแนอยากรู้อย่างแรง

“เสาร์อาทิตย์นี้ คุณจะพา แฟนคุณไปด้วยก็ได้นะ .. ผมอนุญาต” กริชชัยว่า
อรุณศรีหลบตาวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาสู้สายตาของกริชชัยและตอบอย่างมั่นใจ
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะลองถามปรานต์ดูค่ะ”
“ปรานต์.. ชื่อแปลกดีนะ”
“ค่ะ ฉันก็สะดุดกับชื่อเค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน” อรุณศรียิ้มรับ
กริชชัยรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ แอบคิดว่า ชื่อกริชชัย คงจะไม่สะดุดพอ
“คุณก็..ลองถามแฟนคุณดู ถ้าเค้าไปได้ด้วย เค้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องระหว่างคุณ..กับผม”
“ค่ะ .. ฉันก็คิดแบบนั้น”
“คุณกริชมีอะไรอีกมั๊ยคะ ถ้าไม่มีฉันจะขอตัวไปทำงานต่อ”
“ไม่มีแล้ว..เชิญ”
อรุณศรีลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไป
อรุณศรีเดินออกมาหน้าห้องประชุมแล้วก็หยุดคิด..ด้วยความแปลกใจ .. “อย่างนี้เนี่ยนะที่เขาเรียกว่าแอบชอบ”

กริชชัยส่ายหน้าด้วยความเซ็งตัวเอง
“แมนไปมั๊ยวะเนี่ย” กริชชัยเฝ้าถามตัวเอง
โทรศัพท์มือถือของกริชชัยดังขึ้น แต่พอเห็นชื่อถึงกับชะงัก ที่หน้าจอขึ้นชื่อ “แหนม”
“ไอ้วัชไปทำเรื่องอะไรไว้อีกเนี่ย” กริชชัยพึมพำ

วัชระขี่มอเตอร์ไซด์ของกริชชัยเข้ามายังบริษัท M Group แล้วก็ต้องชะงัก วัชระต้องเบรกรถกระทันหัน เพ่งมองไปที่ลานจอดรถด้านหน้าเห็นรถเนตรนภัสจอดอยู่ วัชระตัดสินใจหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทร.หาลูกน้อง
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวคุณเอาเอกสารรายงานไปเจอกับผมที่เกิดเหตุ ผมจะไปรออยู่ที่นั่น แล้วก็ต้องไม่บอกคนอื่นนะ ว่าผมอยู่ที่ไหน”
“ครับผู้กอง” ลูกน้องรับคำผ่านโทรศัพท์

นตรนภัสระเบิดอารมณ์ใส่กริชชัยทางโทรศัพท์
“คุณกริชบอกมาตรงๆดีกว่า ว่าวัชอยู่ไหน”
“ผมก็บอกตรงๆอยู่นี่ไงครับ ว่าผมไม่รู้ ผมคุยกับมันครั้งสุดท้ายเมื่อเช้าเรื่องกุญแจรถ แล้วก็เรื่องตกแต่งคอนโด หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้คุยกันเลย”
เนตรนภัสขมวดคิ้ว
“กุญแจรถอะไร”
“รถมอเตอร์ไซด์ของผมเอง เอางี้ดีกว่า..ถ้าผมติดต่อมันได้ ผมจะรีบบอกว่าแหนมกำลังตามหาอยู่ จะให้มันรีบติดต่อกลับไป” กริชชัยว่า
“โดยเร็วที่สุด” เนตรนภัสสวนทันที
เนตรนภัสกดวางสายไปเลยด้วยความหงุดหงิด กริชชัยส่ายหน้าหนักใจแทนเพื่อน
“ไอ้วัช...ท่าทางจะโคม่าว่ะ”
เนตรนภัสนั่งตาขวางอยู่ที่โต๊ะทำงานวัชระ แล้วเริ่มคิดประติดประต่อคำพูดของกริชชัย .เนตรนภัสเอะใจ
“คอนโด”
เนตรนภัสคิดแล้วก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

กรกนกออกมาจากห้องน้ำ อยู่ในชุดคลุมเซ็กซี่ มีเสียงโทรทัศน์ดังออกมาจากห้องรับแขก ธีธัชนั่งหันหลังให้โทรทัศน์ ด้วยใบหน้าครุ่นคิด กรกนกเดินเข้ามาก่อนจะหยิบรีโมทมาปิดโทรทัศน์ และเดินมากอดธีธัชจากข้างหลัง
“ธี.. นั่งคิดอะไรอยู่คะ”
ธีธัชตอบเสียงเครียด
“คิดเรื่องยัยลำเภา”
รกนกหุบยิ้ม หมดอารมณ์หวามทันที แต่ก็ยังฝืนคุยต่อ
“แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงนั่งคิดถึงเด็กนั่นคะ “
“ก็เมื่อเช้า ผมอุตส่าห์บุกไปหาตั้งแต่ยังไม่เคารพธงชาติ กะจะคุยกันให้รู้เรื่อง ยัยเด็กนั่นก็ทำเป็นหูทวนลม พูดอย่างตอบอย่าง กวนประสาท”
“ถ้าเค้ากวนประสาทธีมากนัก ก็อย่าไปยุ่งสิคะ”
“ไม่ยุ่งไม่ได้”
กรกนกเริ่มจะหมดความอดทน คลายมือออกจากธีธัช
“ถ้าผมทำเป็นนิ่ง ไม่ตอบโต้ ยัยเด็กนั่นก็จะยิ่งได้ใจเข้ามาคุกคามชีวิตผม ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องหาทาง ทำให้ยัยลำเภาหยุดมายุ่งกับผมให้ได้”
“ขอให้คุณคิดออกก็แล้วกัน .. กรไปทำงานนะคะ” กรกนกประชด
กรกนกเดินเข้าห้องนอนไปแต่งตัว ธีธัชยังนั่งหมกหมุ่นเรื่องลำเภาอยู่เหมือนเดิม
กรกนกค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากห้องนอน แล้วก็มองธีธัชด้วยแววตาหวาดหวั่น กรกนกเริ่มคิดหนัก
ธีธัชก็ยังนั่งอยู่เดิม ไม่ได้รับรู้ถึงความกังวลของคนข้างๆ

กรกนกเดินเข้ามาในห้องนอน นั่งลงที่หน้ากระจกมองตัวเอง แล้วก็หยิบโทรศัพท์มากดขึ้นสเตตัสเฟซบุค
“คนที่ทำให้เราเสียความรู้สึกโดยเค้าไม่รู้ตัว เราควรจะกลัว..หรือเราควรจะโกรธ”
หลังขึ้นสเตตัส ไม่นานก็มีเพื่อนเข้ามากด Like ทันที กรกนกมองตัวเองในกระจกแล้วก็ครุ่นคิด จำนวนคนกด like เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่คนเศร้าก็ยังนั่งอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ

เย็นวันนั้น เนตรนภัสยืนอยู่ที่หน้าคอนโด คุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ธีมีกุญแจคอนโดใหม่ของคุณกริชหรือเปล่า ? เดี๋ยวแหนมจะไปเอา” เนตรนภัสถาม
“มี.. แต่.. แหนมจะเอาไปทำอะไร” ธีธัชถาม
เนตรนภัสตอบเสียงสุดอารมณ์เสีย
“จะไขเข้าไปดู ว่าวัชแอบอยู่ข้างในหรือเปล่า”
ธีธัชตกใจ
“เฮ้ย.เดี๋ยวก่อนนะแหนม เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันมาอีกแล้วสิ”
“วัชเค้าหนีไปไหนไม่รู้ มือถือก็ติดต่อไม่ได้”
ธีธัชฟังแล้วก็เครียดตาม เนตรนภัสยังคงโวยวายไม่หยุด
“แหนมไปที่ทำงานก็ไม่อยู่ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ โทร.ไปที่บ้านแม่ก็บอกว่าติดต่อไม่ได้ คุณกริชบอกว่าวัชมาคอนโด แหนมกดออดจนจะพังอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีใครออกมาสักคน”
“วัชต้องอยู่ในห้องแน่ๆ แต่ไม่ยอมเปิดประตูให้แหนม” เนตรนภัสตอบอย่างมั่นใจ
“ทำไมแหนมคิดว่ามันอยู่ ตอนนี้เวลางาน มันคงไม่มีเวลามาซ่อนในห้องหรอกมั้ง”
“แต่แหนมเห็นรถวัชจอดอยู่ที่หน้าคอนโด ถ้าวัชไม่อยู่ แล้วรถจะอยู่ได้ไง”
ธีธัชนึกออก แล้วก็ค่อยๆตะล่อมเนตรนภัส
“แหนมใจเย็นๆนะ ฟังทีละเรื่อง เรื่องแรก รถไอ้วัชจอดอยู่ที่คอนโดเพราะมันเอาออกมาไม่ได้ เพราะมีรถมาจอดขวางอยู่ มันก็เลยเอารถมอเตอร์ไซด์ของไอ้กริชมาใช้ก่อน เพราะฉะนั้นรถอยู่ แต่ตัวมันไม่อยู่แน่นอน”
เนตรนภัสชะเง้อไปดู เห็นรถกะบะโรงงานน้ำปลาจอดขวางอยู่จริงๆ เนตรนภัสยอมรับ..และใจเริ่มเย็นลงนิดนึง
“ผมว่าแหนมอย่าไปรอที่คอนโดเลยเสียเวลา กลับไปรอที่บ้าน แล้วผมจะช่วยตามหามันเอง ถ้าหาเจอ จะให้มันรีบติดต่อกลับแหนม” ธีธัชว่า
“ทันที” เนตรนภัสว่า
ธีธัชสะดุ้ง เนตรนภัสวางสายไป
“แรงอ่ะ”

เนตรนภัสตาขวางยืนอารมณ์เสีย มองไปที่หน้าห้องกริชชัยก่อนจะกระทืบเท้าเดินออกไป ด้วยความหงุดหงิด
ประตูห้องสุพรรณิการ์ค่อยๆเปิดออกมา สุพรรริการ์สวมหมวกคลุมผม ใส่เสื้อคลุม ในมือถือแปรงสีฟันอยู่ สุพรรณิการ์ค่อยๆโผล่หน้าออกมามองตามเนตรนภัส

ก่อนหน้านี้... ไม่กี่นาที ขณะที่สุพรรณิการ์กำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ เสียงออดกระหน่ำดังสนั่นมาจากข้างห้อง สุพรรณิการ์ชะงักขนาดต้องโผล่หน้าจากห้องน้ำมาเงี่ยหูฟัง
“ห้องเจ้านายไอ้แอ๊วนี่หว่า .. ทำไมกดกระหน่ำขนาดนี้วะเนี่ย”
“ วัชต้องอยู่ในห้องแน่ๆ แต่ไม่ยอมเปิดประตูให้แหนม แต่แหนมเห็นรถวัชจอดอยู่ที่หน้าคอนโด ถ้าวัชไม่อยู่ แล้วรถจะอยู่ได้ไง” เนตรนภัสเสียงดังทะลุห้องขณะที่ยืนโทรศัพท์หาธีธัช สุพรรณิการ์เดินไปที่ประตูเอาหูแนบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น สุพรรณิการ์คิดๆและแอบมองผ่านตาแมวที่ประตู

“วัชที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึงคือ นายวัชระหน้าหนวดหรือเปล่า”
สุพรรณิการ์คิดถึงคำพูดของกริชชัยในวันแรกที่เจอกัน
“พอได้แล้วไอ้วัช ถ้าแกไม่หุบปาก ฉันจะโทร.ตามแหนมมาเดี๋ยวนี้”
“แหนม...แหนมเดียวกันหรือเปล่า” สุพรรณิการ์ยิ่งคิดยิ่งอยากรู้

รถมอเตอร์ไซด์ของวัชระมาจอดเทียบที่หน้าบ้านในคืนนั้น แล้วก็เดินหน้าเหนื่อยๆเข้าไปในบริเวณบ้าน
“แม่ค้าบ... กลับมาแล้วค้าบ” ..
ทันทีที่วัชระถอดรองเท้าแล้วก็เดินเข้ามาในบ้าน กริชชัย และ ธีธัชนั่งรอหน้านิ่งขรึมนั่งอยู่กลางบ้าน แววเดินถือจานผลไม้ออกมารับแขก เพื่อนๆของลูกชาย
“อ้าว วัชมาก็ดีแล้ว กริชกับธีเค้ามารอตั้งแต่หัวค่ำ มาจนกินข้าวอิ่มกันไปรอบนึง กำลังจะหิวกันอีกรอบแล้วเนี่ย” แววพูดอารมณ์ดี
“พวกแกมาหาฉัน..มีอะไร”

กริชชัยเริ่มเปิดบทสนทนา ทั้งสามคนนั่งคุยกันที่หน้าสวนเล็กๆ ในบ้าน บรรยากาศความเป็นเพื่อนและมิตรภาพอบอวลเต็มสวน วัชระทรุดนั่งที่เก้าอี้หินอีกตัวหนึ่ง
“แกปิดเครื่องทำไม แหนมโทร.จิกฉันกับไอ้ธีให้วุ่นไปหมด”
“ใช่ .. ฉันว่าแกหนีแบบนี้ไม่ดีว่ะ ถ้าไม่อยากแต่ง ก็เลิกไปซะ” ธีธัชพูดสมทบ
กริชชัยหันมา
“เฮ้ย แรงไป เรื่องของมัน ให้มันคิดเอง”
“เพราะจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะหนี แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้าจริงๆว่ะ ...ตั้งแต่แหนมคิดจะแต่งงาน เค้าก็ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันไปหมด ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน”
“เมื่อก่อนแหนมเค้าไม่เป็นแบบนี้เหรอ”
วัชระส่ายหน้าพลางว่า
“ไม่เลย ทุกครั้งที่เจอกัน ก็กินข้าว ชอปปิ้ง ดูหนัง แล้วก็เข้าโรงแรม”
กริชชัยสะดุ้งนิดๆ ธีธัชส่ายหน้า .
“ตื่นมาก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่พอจะแต่งงานกัน .. เค้าโทร.จิกฉันตลอด เดี๋ยวก็ต้องไปทำโน่น ไปทำนี่ เยอะแยะวุ่นวายไปหมด แล้วนี่ยังจะมาก้าวก่ายเรื่องงาน ไปขอให้เจ้านายย้ายฉันไปอยู่แผนกอื่น ฉันว่า..มันมากไป”
“ก็บอกแล้วว่าให้เลิก แล้วล้างสมอง ตั้งกฎใหม่ ผู้หญิงนะเว้ย พอมีคำว่าแต่งงานในสมองเมื่อไหร่ .. พฤติกรรมเปลี่ยนทุกคน !! ธีธัชโพล่ง
กริชชัยส่ายหน้า
“นี่ไอ้ธี ไอ้วัชมันเครียดจนหัวจะหงอกแล้ว แกจะซ้ำมันทำไมวะ “
“แต่มันก็พูดถูกนะเว้ย แหนมเปลี่ยนไปเยอะมาก จนฉันลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนฉันอยู่กับเค้าได้ยังไง และเอาเข้าจริงๆ ... เค้าก็ไม่รู้จักฉันเลยสักนิด ไม่รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร .. เค้ากำลังจะ “เปลี่ยน” ให้ฉันเป็น “สามี” ในแบบที่เค้าต้องการ”
กริชชัยพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
“ถ้าไม่มีเรื่องแต่งงาน แล้วอยู่เป็นแฟนกันไปเรื่อยๆแบบเมื่อก่อน มันก็ไม่มีปัญหา ฉันก็ไม่เข้าใจ แค่เปลี่ยนจากคำว่า “แฟน” เป็น “สามี” ทำไมแหนมถึงต้องทำให้มันวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ด้วย”
ธีธัชมองด้วยความเข้าใจ และสงสารเพื่อนเดินเข้ามาแล้วก็จับไหล่วัชระ ปลอบใจ
“เพราะอย่างนี้ไง..ฉันถึงไม่เคยคิดจะแต่งงาน”
ธีธัชพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก วัชระคิดหนัก

“ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายด้วยความหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยน ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงด้วยความหวังว่าพวกเธอจะไม่เปลี่ยน ดังนั้นทุกคนจึงพบกับความผิดหวัง” ....... อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ทั้งสามหนุ่มกับความรักที่ยังไม่ลงตัว..สักกะคนเดียว

จบตอนที่ 7

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 7/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์