อ่านดุจดาวดิน ตอนที่ 1
คฤหาสน์ของเติมบุญ อัครดำรงกุล มหาเศรษฐีในยามค่ำคืน ดูโอ่อ่าตระการตา กลางสนามด้านหน้าคืนนี้ มีการจัดงานเลี้ยง แขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย เสียงดนตรีจากมุมหนึ่งบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศ ทุกคนต่างดื่มกินและพูดคุยอย่างมีความสุข เมื่อถึงเวลาพิธีกรของงานขึ้นมาบนเวทีเข้าประจำที่ส่งเสียงทักทาย
“สวัสดีครับท่านแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย”
เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง แขกเหรื่อทุกคนต่างหันมาสนใจกิจกรรมบนเวทีที่กำลังเริ่มขึ้น
“ขณะนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว ขอเรียนเชิญคุณเติมบุญ อัครดำรงกุลกล่าวเปิดงานในคืนนี้ด้วยครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้น เติมบุญเดินยิ้มแย้มขึ้นไปบนเวที
“ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ฝ่ารถติดมางานในคืนนี้”
แขกพากันหัวเราะ เติมบุญรอจนแขกหยุดแล้วพูดต่อ
“อันที่จริงก็ไม่มีงานพิธีการอะไรนักหนา ผมจัดขึ้นก็เพื่อเป็นการเลี้ยงส่งลูกสาวคนเล็กของผม...ปานฟ้า อัครดำรงกุลไปศึกษาต่อปริญญาตรีและโท ที่ต่างประเทศเพื่อจะได้กลับมาช่วยบริหารห้างสรรพสินค้าของเรา”
เติมบุญผายมือไปข้างเวที ปานฟ้าก้าวขึ้นมาช้าๆ เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เธอเดินมาหาพ่อ เติมบุญโอบลูกสาวไว้
“นอกจากนั้นก็ เป็นการฉลองครอบรอบหนึ่งขวบ ของทินภัทรหลายชายคนเดียวของตระกูลอัครดำรงกุลด้วย”
เติมบุญหันไปอีกด้านของเวที ปานเดือนอุ้มทินภัทรขึ้นมา เติมบุญเข้าไปรับทินภัทรมาอุ้มไว้เองทั้งกอดทั้งหอมอย่างรักมาก แสงแฟลชวูบวาบทั้งนักข่าวและคนในงานต่างพากันถ่ายภาพน่าประทับใจไว้ เติมบุญอุ้มทินภัทรขนาบข้างด้วยปานฟ้าและปานเดือนยิ้มแย้มให้กล้อง ท่ามกลางเสียงปรบมือดังลั่น
ปานดาวพี่สาวคนโต นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าเวทีมองภาพนั้นด้วยสายตาชิงชัง มุมปากเหยียดยิ้มแกมเยาะ เธอรำพึงอยู่ในใจ
‘มีความสุขกันไปเถอะ อีกเดี๋ยวจะรู้สึก’
เติมบุญอุ้มทินภัทรมาที่โต๊ะ ปานฟ้ากับปานเดือนตามมาด้วย อนิรุทธิ์รีบลุกขึ้นรับตัวทินภัทรมาจากเติมบุญ
“มาหาพ่อเร็ว...คุณตาหนักแย่แล้ว...”
เติมบุญหัวเราะ
“อ้าวพูดแบบนี้ก็ดูถูกกันนี่พ่อรุทธิ์”
ทุกคนได้หัวเราะกันอีก ยกเว้นปานดาวกับภูวดล สามีของเธอที่สบตากันอย่างหมั่นไส้ ทินภัทร หาวออกมา ปานเดือนรีบบอก
“สงสัยลูกจะง่วงแล้วละค่ะ”
ทุกคนมองทินภัทร
“ก็เคยนอนแต่หัวค่ำนี่นา” สายอุษาบอก
ปานเดือนรับลูกจากสามีมาอุ้มแนบอก
“งั้นเดือนพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”
ปานดาวรีบขัดขึ้น
“ให้ป้าแก้วพาไปสิจ๊ะ...เดี๋ยวก็จะเปิดฟลอร์แล้ว”
ปานเดือนหัวเราะ
“โธ่พี่ดาวก็...เดือนไม่ค่อยชอบเรื่องเต้นรำหรอกค่ะ”
ภูวดลช่วยเสริม
“นานๆทียืดเส้นยืดสายเสียหน่อยก็ดีนะครับ อีกอย่างคุณเดือนไม่อยู่แล้วคุณรุทธิ์จะเต้นกับใครล่ะ”
ปานฟ้าช่วยตัดสิน
“จริงด้วยค่ะ...นานๆจะสนุกกันที พรุ่งนี้ฟ้าก็จะบินแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ไม่ยอมให้พี่เดือนแอบหลบขึ้นตึกไปก่อนแน่ๆ”
ปานฟ้ามองหา
“เอ...แล้วป้าแก้วหายไปไหนเสียละคะ”
“แม่ให้ไปดูผลไม้ที่เรือนครัวนะลูก เห็นยังไม่มีใครยกออกมา” สายอุษาบอก
“ฟ้าไปตามเองค่ะ”
ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยปากพูดอะไรต่อ ปานฟ้าก็เดินกึ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ปานดาวสบตากับภูวดลอย่างสมใจ
ขณะเดียวกัน ก้องภพซึ่งชอบปานฟ้ามานานแล้ว ชะเง้อมองตามปานฟ้า ที่เดินลิ่วๆลับไปด้านหลังอย่างแปลกใจ
“ฟ้าเขาไปไหนนะ”
“ก็รีบตามไปสิลูก ประกบให้ติดไว้เลยนะ เดี๋ยวตอนเต้นรำแกต้องเปิดฟลอร์กับหนูปานฟ้าให้ได้รู้มั้ย” วิมลวรรณผู้เป็นแม่รีบยุ
“ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยละคุณหญิง” อานนท์ถามขรึมๆ
“อ้าว...ก็เป็นการเปิดตัวให้ทุกคนรู้ไปเลยไงคะ...ว่าตาภพกับหนูปานฟ้าเป็นแฟนกัน”
อานนท์ส่ายหน้า
“ทำอะไรน่าเกลียด สองคนนี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำรุ่มร่าม คุณเติมบุญจะตำหนิเอาได้”
“โอ๊ยใครจะกล้าตำหนิ ก้องภพนะลูกคุณหญิงวิมลวรรณเชียวนะ ใครได้ไปเป็นเขยก็ถือว่าโชคดีสุดๆแล้วล่ะคุณ”
อานนท์ถอนใจรำคาญ วิมลวรรณหันไปยุลูกชายต่อ
“รีบตามไปสิตาภพ”
“ครับแม่”
ก้องภพรีบลุกไป วิมลวรรณหันมายิ้มกับอานนท์ แต่แปลกใจที่เขาทำท่าเหมือนมองหาใคร
“คุณมองหาใคร”
“ภาคิน...ทำไมไปจอดรถนานจังไม่เห็นเข้ามาสักที”
วิมลวรรณหน้าหงิกเสียงห้วน
“ฉันบอกให้มันไปรอที่โรงครัวเอง”
อานนท์หันขวับ
“อะไรนะ...ภาคินไม่ใช่คนขับรถนะ จะได้ให้ไปรอที่โรงครัว”
วิมลวรรณกระซิบเสียงเข้ม
“แล้วไง...จะให้มันมานั่งชูคอ ประจานทั้งคุณทั้งฉันให้คนอื่นเขา เอาไปนินทาสนุกปากเหรอ”
อานนท์ชักไม่พอใจ
“ประจานอะไร”
วิมลวรรณยิ้มเยาะ
“สำหรับคุณก็คือผู้ชายตัณหาหน้ามืดมั่วไม่เลือก ส่วนฉันก็ผู้หญิงหน้าโง่ให้ผัวสวมเขาให้ไง”
อานนท์สะอึกอึ้งไปพูดไม่ออก วิมลวรรณสะบัดหน้าไปทางอื่นคอแข็งเชิด แต่พอมีคนเดินมาทัก ก็รีบยิ้มแย้มพูดคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ภาคินเดินเรื่อยๆมาตามทาง จะเลี้ยวมุมชนกับปานฟ้าที่เดินเร็วๆ ลัดเลาะมาตามทางมาเต็มแรง
“โอ๊ย...”
ปานฟ้าเซจะล้มภาคินเข้ารับไว้ได้ทัน สองคนมองหน้ากันอย่างตะลึง ภาคินได้สติประคองปานฟ้าให้ทรงตัวได้ พูดดุๆ
“ระวังหน่อยสิ...ใส่ส้นสูงขนาดนั้นล้มไปขาพลิกแน่ๆ”
ปานฟ้ารีบพูด
“ขอโทษค่ะ แล้วก็ขอบคุณมาก...”
“ไม่เป็นไรครับ”
ขณะเดียวกัน เสียงก้องภพดังเข้ามาก่อนตัว
“ฟ้า...”
ภาคินชะงัก ก้องภพวิ่งเหยาะๆเข้ามาเห็นภาคิน ก็มองอย่างไม่พอใจ เข้ามากระชากคอเสื้อตวาด
“ไอ้ภาคิน...แกทำอะไรปานฟ้า”
ภาคินนิ่งมาก ปานฟ้าตกใจรีบเข้ามาดึงตัวก้องภพ
“อย่านะก้องภพ...ไม่มีอะไรหรอก”
ก้องภพจำใจปล่อย ปานฟ้ารีบอธิบาย
“ฉันเป็นคนเดินมาชนเอ้อ...คุณคนนี้เอง”
ก้องภพทำท่าฮึดฮัด พอดีป้าแก้วเดินเข้ามาพอดีเห็นสามคนก็ตกใจ
“มีอะไรกันเหรอคะ”
ปานฟ้าหันไปหาป้าแก้ว
“ไม่มีอะไรหรอกป้า...ฟ้ามาตามให้ป้าแก้วไปรับทินภัทรไปนอนนะคะ”
ป้าแก้วพยักหน้า
“อ๋อ...ไปค่ะไป”
ป้าแก้วเดินนำไป ปานฟ้ามองภาคินก่อนรีบตามป้าแก้วไป ก้องภพจ้องหน้าภาคินเหยียดๆแล้วรีบตามปานฟ้าไปติดๆ ภาคินถอนใจจะเดินเลี่ยงไปอีกทางก็ชะงัก เมื่อเห็นกิ๊บติดผมของปานฟ้าหล่นอยู่ข้างหนึ่ง ภาคินก้มเก็บขึ้นมามอง
ป้าแก้วรับทินภัทรจากปานเดือนมาอุ้ม
“มาค่ะมา...ไปนอนกับแก้วนะค่ะคุณหนู”
ปานดาวแววตาเป็นประกาย มองตามทินภัทรกับป้าแก้วไป เสียงพิธีกรกล่าวเปิดฟลอร์ดัวมา ปานดาวรีบทำรื่นเริง
“ว้าว...เวลาที่รอคอยมาถึงเสียที”
ก้องภพยื่นมือมาตรงหน้าปานฟ้า
“ให้เกียรติเปิดฟลอร์กับผมนะครับฟ้า”
ปานฟ้าส่ายหน้า ก้องภพหน้าเสีย
“ฉันตั้งใจว่าจะเปิดฟลอร์กับคุณพ่อนี่คะ...นะคะคุณพ่อเปิดฟลอร์กับฟ้าหน่อย”
เติมบุญหัวเราะ
“ไม่ไหวล่ะยัยฟ้า พ่อแก่แล้วไปเต้นรำกับตาภพเถอะไปค่อยสมกันหน่อย”
ก้องภพยิ้มดีใจ ยื่นมือมาอีก ปานฟ้าหน้ามุ่ย แต่ก็จำใจต้องส่งมือให้เขาพาเธอไปที่ฟลอร์ ภูวดลมองสองคนยิ้มแย้ม
“น้องฟ้ากับก้องภพเขาสมกันดีนะครับ”
สายอุษาไม่ชอบใจนัก
“พูดอะไรอย่างนั้น...ยัยฟ้ายังเด็กอยู่เลย”
“ไม่เด็กแล้วนะคะตอนนี้ล่ะกำลังเป็นสาวเต็มตัว” ปานดาวแย้ง
เติมบุญขัดขึ้นเสียงเรียบๆ
“น้องไม่ใช่แกนี่ยัยดาว จะได้มีผัวตั้งแต่ยังไม่ถึงยี่สิบนะ”
ปานดาวหน้าง้ำ สะบัดหน้าไปพูดกับภูวดล
“ไปเต้นรำกันเถอะคะภู”
ปานดาวลุกขึ้น ภูวดลรีบลุกตามเก้อๆ สายอุษาพูดเบาๆ
“คุณก็...ไม่น่าไปแขวะลูกเลย”
“ผมไม่ได้แขวะนะแต่พูดความจริง ตัวเองนอกรีตนอกรอยไปคนหนึ่ง แล้วยังคิดจะมายุน้องให้เป็นเหมือนตัวอีกหรือไง”
สายอุษานิ่ง รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้าพ่อรุทธิ์ ทำไมไม่พาแม่เดือนออกไปเต้นรำล่ะ”
“ครับคุณแม่”
อนิรุทธิ์ลุกขึ้นยื่นมือให้ ปานเดือนจับมือแล้วลุกตามไป เติมบุญมองตาม
“ยังดีน่ะที่แม่เดือนกับยัยฟ้าทำตัวดี แถมแม่เดือนยังมีทินภัทรให้ผมได้ชื่นใจอีก”
สายอุษายิ้มเห็นด้วย แล้วมองไปที่แขกในงาน เห็นวิมลวรรณส่งยิ้มมาให้
“ตายจริง...นั่นคุณหญิงวิมลวรรณ กับคุณอานนท์ยังไม่ได้ไปทักทายเลย”
เติมบุญพยักหน้า
“งั้นก็ไปกันสิ...”
เติมบุญกับสายอุษาเดินมาที่โต๊ะ วิมลวรรณกับอานนท์ รีบลุกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณเติมบุญ คุณสายอุษา”
“สวัสดีค่ะเจ้าสัว...คุณพี่”
เติมบุญกับสายอุษารับไหว้ เติมบุญหัวเราะ
“อย่าเรียกเจ้าสัวเลยครับ เรียกชื่อดีกว่า”
เติมบุญกับสายอุษา นั่งลงร่วมโต๊ะ
“มีอะไรขาดตกบกพร่อง ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
อานนท์อ้าปาก แต่ไม่ทันวิมลวรรณ
“อุ๊ย...ไม่มีหรอกค่ะ...งานจัดได้เริ่ดมาก”
สายอุษายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ...แล้วคุณทั้งสอง ไม่ออกไปเต้นรำบ้างเหรอคะ”
อานนท์อ้าปากอีก แต่ไม่ทันอยู่ดี
“อ๊าย...ไม่ละคะ ดูเด็กๆหนุ่มสาวเขาเต้นกันดีกว่า แหมยิ่งคู่ของตาภพกับหนูปานฟ้า ยิ่งดูยิ่งสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยนะคะคุณพี่...ดูสิค่ะ”
วิมลวรรณชี้ชวนไปที่กลางฟลอร์ สายอุษากับเติมบุญสบตากันยิ้มๆไม่พูดอะไรมองตามไป อานนท์แอบถอนใจ ค่อนข้างละอายแทนวิมลวรรณ
ก้องภพกับปานฟ้าเต้นรำกันในจังหวะลีลาศ โดยมีคู่ของปานเดือนกับอนิรุทธิ์และคู่ของปานดาวกับภูวดล ร่วมเต้นกับคู่อื่นๆอยู่ด้วย...ก้องภพกระซิบที่ข้างหู
“รู้มั้ยฟ้า...คืนนี้ผมมีความสุขมากเลย”
ปานฟ้าหันหน้าไปอีกทางอย่างเบื่อๆ ก้องภพมองที่ผมของเธอ
“เอ๊ะกิ๊บติดผมของฟ้า หายไปไหนข้างหนึ่งล่ะ”
ปานฟ้าตกใจ
“เหรอคะ...” ปานฟ้านิ่งคิด “สงสัยจะตก ตอนที่ฉันชนกับคุณ...เอ้อ...ภาคินมั้ง”
ก้องภพหน้าเปลี่ยน พูดเสียงห้วนทันที
“ทำไมฟ้าจำชื่อมันแม่นจัง”
“อ้าว...ก็ภพเป็นคนเรียกชื่อเขาเองไม่ใช่เหรอ”
ก้องภพอึ้งไป ปานฟ้ารีบถามต่อ
“ภพรู้จักเขาด้วยเหรอ เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เห็นเขาเข้ามาในงานเลย”
ก้องภพหงุดหงิด
“ฟ้าอยากรู้เรื่องมันไปทำไม ก็ไอ้แค่ลูกเมียเก็บของคุณพ่อ มันจะกล้าเสนอหน้าเข้ามาในงานได้ยังไง”
ปานฟ้าแปลกใจ
“ลูกเมียเก็บ”
“ใช่...วันนี้มันมาในฐานะคนขับรถให้ผม รู้แบบนี้แล้วฟ้าก็เลิกสนใจคนอย่างมันได้แล้ว มันกับเราคนละชั้นกัน”
ปานฟ้าชักไม่ชอบใจกับคำพูดของเขา
“ทำไมภพพูดอย่างนั้นล่ะ ถ้าคุณภาคินเขาเป็นลูกของคุณพ่อภพ เขาก็เท่ากับเป็นพี่ชายคุณคนหนึ่ง”
ก้องภพโมโห แต่ก็ระงับอารมณ์ไว้ แต่ก็พูดออกมาเสียงขุ่น
“อย่าเอามันมานับญาติกับผมนะ หยุดพูดเรื่องไอ้ภาคินเถอะผมไม่อยากฟัง”
ก้องภพพาปานฟ้า วาดลวดลายบนฟลอร์อย่างหงุดหงิด ปานฟ้าจำใจเต้นตามไปอย่างไม่ค่อยพอใจเหมือนกัน
ภาคินยืนหลบใต้เงาต้นไม้ มองที่ฟลอร์เห็นก้องภพพาปานฟ้าเต้นรำอย่างสวยงาม ภาคินก้มมองกิ๊บในมือ ครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจหันกลับ แล้วเจอกับคนรับใช้ถือถาดใส่ผลไม้ผ่านมา ภาคินรีบถาม
“มีประตูทางออกอื่นมั้ย นอกจากประตูหน้า”
คนรับใช้มอง ภาคินรีบอธิบาย
“ฉันจะไปรอที่รถน่ะจอดไว้ด้านนอก”
คนรับใช้เข้าใจ
“มีประตูด้านข้างเลยเรือนครัวไปน่ะ พวกเราเข้าออกกันทางนั้น”
ภาคินพยักหน้า
“ขอบใจ...”
ภาคินเดินไป คนรับใช้มองตาม
“ท่าทางดีดี๊ไม่น่าเป็นคนขับรถเล๊ย...”
ทุกคนยังเต้นรำกันอยู่ ปานดาวเต้นอยู่กับภูวดล เธอมองรอบๆ เลยไปที่โต๊ะอานนท์เห็นเติมบุญกับสายอุษายังคุยกันอยู่
“ถึงเวลาแล้วค่ะภู...อย่าให้พลาดนะ”
ภูวดลมองรอบๆอย่างระวัง
“เชื่อมือผมเถอะน่า”
“แล้วนังพิมล่ะมันมารออยู่เหรอยัง”
ภูวดลพยักหน้า สองคนค่อยๆเต้นเลี่ยงออกไปทีละน้อยจนหลุดออกไปจากฟลอร์
พิมน้องสาวของภูวดล ลับๆล่อๆแอบอยู่ในเงามืดข้างๆประตู ทันใดนั้นมีเสียงประตูเปิดออกมา พิมดีใจรีบวิ่งออกไป
“ฉันรอตั้งนาน...”
พิมชะงักหน้าเหวอไปทันที เพราะคนที่เดินออกมาเป็นภาคิน พิมตะกุกตะกัก
“ฉันเอ้อ...ฉัน...ฉันนึกว่า...เอ้อ...”
ภาคินมองพิมงงๆ
“ไม่เป็นไรครับ”
ภาคินไปไม่ได้สนใจ พิมถอนใจโล่งอกพึมพำ
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” เธอมองเข้าไปด้านในอย่างกระวนกระวาย “มัวทำบ้าอะไรอยู่นะพี่ภู...เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก”
ภูวดลแอบมองที่ประตูห้องที่แง้มไว้ เห็นป้าแก้วกำลังเอาผ้าห่มๆให้ทินภัทรที่หลับสนิท
“น่าเอ็นดูจริง หลับง่ายหลับดายดีเหลือเกิน”
ป้าแก้วไปจัดขวดนมข้าวของจิปาถะที่โต๊ะมุมเตียง มองเหยือกน้ำอุ่นแล้วบ่น
“อ้าว...น้ำอุ่นหมดเหรอเนี่ย...ตายจริงเดี๋ยวดึกๆคุณหนูตื่นขึ้นมาหิวนมล่ะยุ่งเชียว”
ป้าแก้วหยิบเหยือกน้ำเดินมาที่เตียง
“เดี๋ยวอิฉันมานะคะ...”
ป้าแก้วหันมาเปิดประตูเดินไปอีกทาง ภูวดลก้าวออกมาแสยะยิ้มร้ายกาจ รีบเดินไปที่เตียงมองทินภัทรอย่างเกลียดชัง
“โทษฉันไม่ได้นะเจ้าหนู ต้องโทษที่ตาของแกมันลำเอียงมากเกินไป”
ภูวดลก้มลงไปอุ้มทินภัทรขึ้นมา
ในงาน...ทุกคนยังเต้นรำกันอยู่ ปานฟ้ากับก้องภพเป็นจุดเด่น ปานเดือนกับอนิรุทธิ์เต้นกันไปพร้อมกับมองๆคู่ของปานฟ้า
“ดูไปดูมา ยัยฟ้ากับก้องภพก็เหมาะกันจริงๆนะคะ หรือรุทธิ์ว่าไง”
อนิรุทธิ์เหลือบไปมอง
“ก็คงเหมาะมั้งครับถ้า สองคนนั้นจะเรียนจบแล้ว”
ปานเดือนย่นจมูก
“คุณนี่เหมือนคุณพ่อเลยโชคดีนะคะที่เรามีลูกชาย ถ้าเป็นลูกสาวคุณคงหวงน่าดู”
อนิรุทธิ์ทำท่าขึงขัง
“รับรอง ผมจะไว้หนวดให้เฟิ้มเลย”
สองคนหัวเราะกัน แล้วปานเดือนก็เซไป
“โอ๊ย...”
อนิรุทธิ์รีบประคอง
“เป็นอะไรครับคุณเดือน”
“เหมือนจะขาแพลงนะคะ”
“งั้นเข้าไปพักเถอะ”
ปานเดือนพยักหน้า อนิรุทธิ์ประคองปานเดือนกลับมาที่โต๊ะ เห็นปานดาวนั่งอยู่คนเดียว
“อ้าวพี่ดาว...ไม่เต้นรำแล้วเหรอคะ”
“อ๋อ...เหนื่อยนะเพิ่งมาพักเมื่อกี้นี่เอง”
“แล้วคุณภูวดลล่ะครับ” อนิรุทธิ์ถามอย่างแปลกใจ
ปานดาวรีบกลบเกลื่อน
“ไปเอาน้ำให้พี่นะ แล้วเธอสองคนล่ะทำไมหยุดเต้นรำซะล่ะ กำลังสนุกออก”
“เดือนขาแพลงนะคะ...สงสัยห่างฟลอร์ไปนาน”
ปานเดือนมองอนิรุทธิ์ที่นวดขาให้อยู่
“พอแล้วละคะรุทธิ์ดีขึ้นมากแล้ว...ขอบคุณนะคะ”
อนิรุทธิ์นั่งลงข้างๆ สองคนมองไปที่ฟลอร์ ปานดาวร้อนใจแต่พยายามฝืนไว้
‘ภูจัดการเรียบร้อยหรือยังเนี่ย’
พิมรับทินภัทรมาอุ้มไว้อย่างระวัง
“รีบไปจัดการให้เร็วที่สุดนะนังพิม” ภูวดลกำชับ
“รู้แล้วล่ะน่า แล้วเงินค่าจ้างของฉันล่ะ”
“เออ...ไว้ให้เรื่องเงียบก่อนฉันจะเอาไปให้แกเอง เร็วรีบไป”
พิมพยักหน้ามองซ้ายขวา รีบลัดเลาะเข้าในเงามืดหายไป ภูวดลถอนใจโล่งอก
ในห้อง...ป้าแก้วถือเหยือกน้ำอุ่นเข้ามาในห้อง เดินไปวางไว้ที่โต๊ะชงนมจัดโน่นนี้อยู่ครู่ชะงัก ค่อยๆหันไปมองที่เตียง ป้าแก้วตกใจตาเหลือก รีบวิ่งไปยืนจนชิดเตียง
“คุณ...คุณหนู...คุณหนูหายไปไหน”
ป้าแก้วหันซ้าย หันขวามองรอบห้องอย่างลนลาน
“ตายแล้วคุณหนู...” ป้าแก้ววิ่งหน้าตื่นไป
ทางด้านภูวดล ถือแก้วน้ำส้มมาส่งให้ปานดาว
“รอนานมั้ยครับคุณดาว พอดีเจอคนรู้จักเลยทักทายกันนานหน่อย”
ปานดาวยิ้มๆไม่ตอบ พอดีปานฟ้าเข้ามานั่งกับก้องภพ ปานดาวหันไปถามก้องภพยิ้มแย้ม
“อะไรกันคะ...ยังหนุ่มยังแน่นเหนื่อยแล้วเหรอ”
“ผมนะเต้นถึงสว่างยังไหว แต่ฟ้านะสิครับบ่นเมื่อย”
เติมบุญกับสายอุษาเข้ามานั่งที่โต๊ะ เติมบุญเย้าแหย่ลูกสาว
“อ้าว...พ่อกะจะมาเต้นรำด้วยสักหน่อยนะยัยฟ้า”
ปานฟ้ารีบลุกเพราะรำคาญก้องภพ
“ถ้าคุณพ่อท้าละก็ฟ้าไหวอยู่แล้วไปค่ะ”
ปานฟ้าเข้ามาคล้องแขน เติมบุญตะลึง
“หา...เอาจริงเหรอ”
“จริงสิคะ”
ปานฟ้าฉุดแขนพ่อ เติมบุญทำท่ากระปรี้กระเปร่าลุกขึ้น
“เอ้า...แบบนี้ก็คงต้องวาดลวดลายกันหน่อย”
สายอุษาพูดขึ้นลอยๆ
“ให้ใครไปชงยาหอมเตรียมไว้ด้วยล่ะ”
ทุกคนหัวเราะกันใหญ่ ปานฟ้ากับเติมบุญกำลังจะออกไปที่ฟลอร์ ป้าแก้ววิ่งหน้าตื่นมาหอบๆ
“แย่แล้วคุณเจ้าขา...แย่แล้ว”
ทั้งหมดมองป้าแก้ว สายอุษารีบถาม
“อะไรกันแม่คนนี้หึ...โวยวายเป็นเจ็กตื่นไฟไปได้”
ป้าแก้วหายใจลึกๆ
“คุณหนู...คุณหนูค่ะ...”
ปานเดือนรีบถามอย่างตกใจ
“ทินภัทรทำไม...พูดมาเร็วสิป้า”
“คุณหนูหายไปเจ้าค่ะ”
ปานเดือนตะลึงเซจะล้ม อนิรุทธิ์รีบเข้ามาประคอง ทุกคนตะลึง
งานเลี้ยงจบลงทันที...เมื่อแขกกลับไปหมด เจ้าหน้าตำรวจได้มาตรวจหาหลักฐาน ปานดาวกับภูวดล นั่งอยู่ด้วยกันที่โซฟา ป้าแก้วนั่งร้องไห้กระซิกอยู่มุมหนึ่ง
ปานดาวรีบลุกขึ้นทันทีที่เห็นเติมบุญ เดินหน้าเครียดลงบันไดมากับตำรวจ มีปานฟ้าประคองสายอุษา อนิรุทธิ์ประคองปานเดือนตามลงมา
“คุณเติมบุญเคยมีเรื่องบาดหมาง กับใครบ้างหรือเปล่าครับ” ตำรวจถาม
เติมบุญส่ายหน้า
“ไม่มีครับ...ผมทำธุรกิจด้วยความโปร่งใสไม่เคยขัดประโยชน์กับใครเลย คุณตำรวจเช็กดูก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้น อาจจะเป็นการลักพาตัวเรียกค่าไถ่”
“มันจะเอาเท่าไร ผมยินดีให้ขอเพียงหลานชายผมกลับมาอย่างปลอดภัย คุณตำรวจต้องช่วยเต็มที่นะครับ”
“ครับ...ระหว่างนี้เราคงต้องรอ ให้ทางคนร้ายติดต่อกลับมา”
ปานเดือนร้องไห้คร่ำครวญ
“โธ่...ทินภัทรลูกแม่...”
ปานเดือนเป็นลมไป อนิรุทธิ์เข้าประคอง
“คุณเดือน...คุณเดือน”
ปานฟ้าตกใจ
“พี่เดือน”
เติมบุญกับสายอุษาก็ตกใจ ทุกคนหันมาสนใจปานเดือน ปานดาวมองภาพความวุ่นวายโกลาหลตรงหน้าอย่างสาแก่ใจ
อนิรุทธิ์อุ้มปานเดือนมานอนในห้องเธอยังสลบอยู่ เขาบีบมือให้รู้สึกตัว ปานฟ้ากับสายอุษามองอย่างเป็นห่วง ปานดาวเข้ามาบอกอย่างกระตือรือร้น
“ภูกำลังโทรตามหมออยู่ค่ะ”
สายอุษาพยักหน้า
“คุณแม่คะ...พรุ่งนี้ฟ้าไม่อยากไปเลยค่ะ” ปานฟ้าหันไปบอกแม่
สายอุษาจับมือปานฟ้า
“ไปเถอะลูกอนาคตของลูกก็สำคัญนะจ๊ะ เรื่องทางนี้แม่เชื่อว่าทางตำรวจเขาต้องจัดการได้”
อนิรุทธิ์เห็นด้วยกับสายอุษา
“นั่นสิครับ...คนชั่วยังไง มันก็ไม่พ้นมือกฎหมายไปได้หรอก”
“เลวจริงๆ เด็กตัวเล็กๆยังจับไปได้...อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นใครฟ้าจะไม่มีวันยกโทษให้เลย”
ปานฟ้าบอกอย่างแค้นใจ ปานดาวรีบเสริมเพราะกลัวมีพิรุธ
“จริงๆด้วย...โธ่เอ๊ยทินภัทรหลานป้าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะเฮ้อ...”
ทุกคนพากันเครียดมาก
ในบ้านเก่าๆซอมซ่อ...พ่วงหัวหน้าแกงค์ขอทาน มองทินภัทรที่นอนหลับอยู่ที่พื้น มีผ้าผืนใหญ่คลุมมิดชิดเห็นแต่หน้า
“ผู้ชาย หรือผู้หญิงว่ะนังพิม”
“ผู้ชายแล้วอย่าเสือกปากโป้งไปล่ะ”
พ่วงควักเงินออกมาส่งให้ พิมรับเงินมานับ พ่วงมองพิจารณา
“ท่าทางเป็นลูกผู้ดีมีเงินนี่หว่า แกนี่มันเก่งนะ”
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันไปล่ะ”
“แล้วไอ้ก้านผัวแกไปไหนเสียล่ะ ทำไมวันนี้ไม่มาด้วยกัน”
“โน่น...มันอยู่ในตะรางโน่น”
พ่วงหัวเราะ
“คราวนี้คดีอะไร”
“เหมือนเดิม...เสือกไปขายยาให้สายตำรวจโง่ฉิบ...”
พิมลุกขึ้นรีบเดินออกไป พ่วงตามมาปิดประตู ก่อนจะหันมามองทินภัทรที่ยังหลับอยู่
“เออเลี้ยงง่ายๆอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เอจะตั้งชื่อให้แกว่าอะไรดีน่ะอึ่ม...บุญทิ้งก็แล้วกัน”
ภูวดลคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนอน
“ดี...ทำงานรวดเร็วดี”
ทันใดนั้นเสียงประตูห้องเปิด ภูวดลหันมามองรีบพูด
“เออแค่นี้ก่อนนะ...”
ภูวดลกดตัดสาย ปานดาวขมวดคิ้วเข้ามา
“คุยกับใครคะภู”
ภูวดลเข้ามาใกล้ๆกระซิบ
“นังพิม...มันบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ปานดาวยิ้มออก
“ดี...ฉันละสาแก่ใจจนบอกไม่ถูก ตอนที่เห็นหน้าคุณพ่อกับนังปานเดือน ที่รู้ว่าไอ้ทินภัทรหายไป สุขกันมามากแล้ว ถึงเวลาที่จะได้รู้กันเสียบ้างว่า ความเจ็บปวดนะมันเป็นยังไง”
ปานดาวหน้าเหี้ยมมาก สายตามีแต่ความจงเกลียดจงชัง ภูวดลมองปานดาวแล้วแอบยิ้มอย่างพอใจ
อ่านดุจดาวดิน ตอนที่ 1
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์