หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/2

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/2
บ้านของพิมมาดา ใช้พื้นที่บริเวณด้านหลังบ้านเปิดเป็นร้านดอกไม้ ชื่อร้านพิมโรส
ระหว่างนั้นพิมมาดาเดินสวมรองเท้าไป กดมือถือไปอย่างรีบเร่ง พอมาถึงประตูหน้าบ้าน ที่อยู่ข้างๆ ร้านดอกไม้ พิมมาดาก็ใส่รองเท้าเสร็จพอดี จังหวะนั้นเธอใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูหน้าบ้านออกจนกว้าง ในขณะที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์มือถือแนบหู หน้านิ่ว ที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายซะที
พอดีกับที่มีแท็กซี่คันนึง เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบหน้าร้าน โดยสองเกย์สาวเต๋ากับเต้ย ผู้ช่วยของพิมมาดาลนลานลงมา เต๋ารีบชูมือถือพลางตะโกนบอก
“คุณพิม..เต๋ามาแล้วค่า..ไม่ต้องโทแล้ว”

เต๋ากับเต้ยไปเปิดท้ายรถแท็กซี่ ช่วยกันยกถุงใส่ใบไม้ประดับสำหรับจัดช่อดอกไม้ลงมา
“เดี๋ยวสวนกล้วยไม้นครปฐมจะเอากล้วยไม้มาส่ง” พิมมาดาบอกพลางดูนาฬิกา “จะมาถึง
8 โมง เธอจัดการดูแลให้เรียบร้อยล่ะ เต๋า เต้ย”
“ค่ะ คุณพิม พวกหนูจะจัดการให้เป๊ะๆๆ เลยค่า” เต้ยเปิดประตูร้านดอกไม้ ที่อยู่ในบริเวณ
บ้านพิมมาดา
เต๋า เต้ย และพิมมาดา ช่วยกันขนใบไม้ประดับเข้าไปในร้าน
“อ้าว..คุณพิมฮะ มาช่วยเราทำไมล่ะ สายแล้ว แล้วเด็กๆ ล่ะพี่” เต้ยเตือนขึ้น
พิมมาดานึกขึ้นได้
“ว้าย..จริงด้วย เด็กๆ เด็กๆ ล่ะ”
พิมมาดารีบวิ่งกลับออกทางเดิม แต่ครั้นหันไป ก็ชะงัก ยืนอึ้ง เมื่อเห็นมาวิน อดีตคนรักยืน
เท่อยู่ในชุดนายตำรวจแบบเต็มยศ
“มาวิน”
“พิมยังสวยเหมือนเดิมเลยนะฮะ นี่ฮะ”
มาวินยื่นช่อดอกไม้ให้ ในอาการอวดกึ่งเย้ยอยู่ในที
“วินแวะมาบอกว่าวิน เรียนจบหลักสูตรFBI จากเมกาเรียบร้อยแล้วนะฮะ วินจะมาประจำหน่วยสืบสวนพิเศษที่นี่ จะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้วฮะ แต่..แต่..สิ่งที่วินค้นพบ..ในเบื้องลึกของหัวใจตัวเอง ก็คือ..วินไม่มีตาที่จะมองผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ผู้หญิงที่วินรัก..คือ..พิมเท่านั้น วินคิดดูแล้ว ว่าพวกเด็กๆ พวกนั้น”
ทว่าพิมมาดาไม่แยแสใดๆ เดินไปที่รถกะบะสเปซแคบขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ เอารีโมทมากดเปิด
“เด็กๆ ออกมาได้แล้ว”
“พิมฮะ.. ถ้าผมจะขอรักพิม อีกครั้งผมก็จะพยายาม..รักหลานๆ ของพิมด้วย” มาวินอ้อน
ทันใดเอง ประตูบ้านเปิดผัวะออกมา พร้อมกับที่เป้ใส่หนังสือลอยมาโดนหน้ามาวินเต็มๆ
“อ๊าก....” มาวินร้องพร้อมกับเอามือกุมจมูก
เต๋า เต้ย เห็นถึงกับเอามือปิดหูปิดตาไม่กล้าดู
พวกเด็กๆ อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย ต่างแย่งกันจะรีบไปขึ้นรถ ผลักและชนมาวินที่ยืนขวางอยู่แทบกระเด็น เล่นเอาจุก โจ๊ก แจ๊ส ไปประจำที่ในรถอย่างพร้อมเพรียง
มาวินหันกลับมา พบว่าจีจ้ายืนอยู่ตรงหน้า
“ช้างหนูอยู่ไหน”
จีจ้าทำท่าเลียนแบบจาพนม นักบู๊คนโปรดแล้วก้มหน้าเอาหัวไปโขกมาวินเต็มๆ
“จ๊าก”
พิมมาดาเหลือบมองมาวินที่เจอฤทธิ์เด็กๆ จนจุก แต่กลับไม่แยแส ก้าวไปขึ้นรถ สตาร์ทและออกรถไป พวกเด็กๆ โผล่หน้าออกจากกระจกรถ ส่งเสียงเฮฮาเจี๊ยวจ๊าว
มาวินได้แต่มองตามอย่างเซ็ง ป๊อปคอร์นหันมาเห่าจากด้านหลัง
“เฮ้ย” มาวินสะดุ้งโหยง
“ปอปคอร์นมันเกลียดตำรวจน่ะค่ะ” เต้ยว่า
“พวกเราก็เหมือนกัน แบบว่า..ถึงพวกเราจะชอบชาย..แต่พวกเราก็เลือกนะยะ” เต๋าเชิดใส่
มาวินมึนงง น้องหมาป๊อปคอร์นยังเห่าและแฮ่ใส่ไม่ยอมหยุด

กริสน์ค่อยๆ ลืมตาตื่นเริ่มได้สติ พบว่าอธิปยืนอยู่ด้วยในห้องภายในคฤหาสน์ของอธิปนั่นเอง
“เป็นยังไงบ้าง ไอ้กรด” อธิปถาม
“เสี่ย..” กริสน์พยายามยันกายจะลุกขึ้น “โอ๊ย..” กริสน์เจ็บที่แผล
“ไม่ต้องลุกๆ ชั้นแค่แวะมาขอบใจที่แกปกป้องชั้นไว้..ขอบใจนะ” อธิปเปลี่ยนเรื่อง “...นี่แก
อยู่กะชั้นมานานแค่ไหนแล้ว”
“2 ปีครับ..” กริสน์ยกมือไหว้ท่วมหัว “ผมกราบขอบพระคุณเสี่ยมากนะครับที่เมตตาให้ผม
ทำงานด้วย ไม่งั้นป่านนี้ผมอาจจะเสียคนไปแล้วก็ได้” กริสน์ซาบซึ้งจนน้ำตาซึม “แต่ก่อน..ผม..ผมคุมที่จอดรถร้านคาราโอเกะ..อยู่ที่สุทธิสาร แล้วพี่เดช ไปพบเข้า”
“เฮ้ย ถึงขั้นน้ำตาซึมเลยเหรอ” อธิปส่งทิชชู่ยื่นให้ “เอ้าๆ ทิชชู่”
“เสี่ยหยิบทิชชู่ให้ผม..โฮ..เสี่ยช่างให้เกียรติไอ้กรด คนต้อยต่ำ..ชีวิตของผม..ผมไม่เคยมีใคร
เมตตาเลย ผมไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แล้วแม่ก็มาทิ้งไป เพราะแม่รับไม่ได้ที่ผมไปทำงานผิดกฏหมาย..กินบ่อน นอนซ่อง ก็ตอนนั้น แม่ป่วยหนักมาก”
อธิปสงสารจับจิตรีบเข้าไปประคองกอดกริสน์ไว้ พลางปลอบ
“เออ...พอแล้ว ชั้นอยู่นี่..ชั้นเข้าใจดี..เข้าใจทุกอย่างเลย..แม่ชั้นก็ทิ้งชั้นไป เพราะรับไม่ได้ที่
ชั้นเปิดบ่อน ค้าของเถื่อน อาม่าหาว่าชั้นชั่ว เลว ไม่มีศักดิ์ศรี และทำลายความมั่นคงประเทศชาติ”
อธิปดึงกริสน์มากอดแน่น กริสน์อึ้งๆ งงๆ
“อากรด แกจะว่าอะไรมั้ย ถ้าชั้นจะรับแกเป็นลูกบุญธรรม เรามีชีวิตที่คล้ายๆ กัน บางที..
เราอาจจะเกิดมาเพื่อกันและกัน แกขาดพ่อ ชั้นก็มีแต่ลูกสาว..ทุกอย่างมันลงตัวพอดี ลงตัวสุดๆ นะกรด นะๆๆๆ”
“หา” กริสน์งง
เดชตบมือดีใจแทนกริสน์

ด้านภัทรดนัยนอนพาดอยู่บนม้านั่งที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง มีหมวกแบบวณิพกปิดหน้ากันแสงอยู่ ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น ภัทรดนัยล้วงมารับสาย
“เป็นยังไง วิธีที่ชั้นบอกแก..เวิร์คมั้ยวะ”
กริสน์พูดมือถืออยู่ที่ระเบียงห้อง
“ยิ่งกว่าเวิร์คอีก เสี่ยอธิปงี้แทบร้องไห้..แกโคตรเลวเลย เอาปมด้อยของคนมาล้อเล่นแบบ
นี้..ใจร้าย” กริสน์ด่า
“อ้าว ไอ้นี่ ทำเป็นใจอ่อนไปได้ เรากำลังทำงานนะเว้ย..มันอาจจะใจร้ายหน่อย แต่มันก็ทำ
ให้เสี่ยอธิปรักแก..ต่อไป แกจะได้สืบข้อมูลของมันได้ง่ายขึ้น”
“เออ จะให้ทำอะไรต่อไป แกว่ามาเลย”

ภายในคฤหาสน์ของอธิป มีบอดี้การ์ดเฝ้ายามภายนอกอาคารอยู่ตามมุมต่างๆ อย่างแข็งขัน
จตุพลเดินพุ่งเข้าไปหาอธิปที่กำลังเลือกแบบชุดพนักงานร้านขายขนมสวีทโอปอล์
“อากู๋ทำแบบนี้ไม่ได้..ธุรกิจผับในเครือทั้งหมด ผมเป็นคนดูแลอยู่” จตุพลโวยวาย
“ชั้นจะเปลี่ยนผับ..ให้เป็นร้านขนมสวีทโอปอล์” อธิปบอกเสียงเรียบ
“จากผับทั้งหมด มาเป็นร้านขนม กู๋บ้าป่าว..กู๋อยากเปิดร้านขนม กู๋ก็หาที่ใหม่สิ มายุ่งอะไร
กะผับ”
“จตุพล..ชั้นไม่ต้องการเห็นเยาวชนกินเหล้าเมามาย แล้วก็ตบด้วยยาอีกต่อไป แกไม่ชอบ
ขายขนม ก็ไม่ต้องดูแลร้านพวกนั้น แต่มาช่วยชั้นที่โรงงานทำขนมแทนดิ”
“ให้ผมไปอยู่โรงงานกะกู๋..แบบนี้แปลว่า กู๋ตัดมือตัดตีนผม แปลว่ากู๋ไม่ไว้ใจผมแล้วใช่ไหม”
จตุพลว่าไปโน่น
“ทำไมคิดอย่างนั้น.. ชั้นไว้ใจแกมาก จนนึกไม่ออกเลยว่าถ้าแกเกิดหักหลังชั้นขึ้นมา จะ
รู้สึกยังไง”
“แล้วถ้าผมไม่ดูร้านขนมของกู๋แล้วกู๋จะให้ใครมาดูแลร้านขนม”
จังหวะนั้นกริสน์ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี เนื้อตัวกริสน์ยังมีผ้าพันแผลจากที่ถูกยิงอยู่
“เสี่ยเรียกผมมามีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
อธิปยิ้มแต้ มองกริสน์
จตุพลอึ้งๆ งงเป็นไก่ตาแตก กรอกตามองอธิปที กริสน์ที

จตุพลเดินหน้าตาเครียดคุยโทรศัพท์เข้ามา มีลูกน้องเดินตามมา2คน
“เพราะแกคนเดียว ไอ้น้อมพงษ์..ถ้าแกใช้พวกมือสไนเปอร์ที่ดีกว่าไอ้ชุดนั้น ยิงหัวไอ้แก่
อธิปให้ตายซะเมื่อเช้า มันก็คงไม่เป็นแบบนี้”
จตุพลเดินเตะกระถางต้นไม้แตกโพล๊ะแล้วร้อง “โอ๊ย...” ออกมาเพราะเจ็บเท้า
“แทนที่ชั้นจะได้ทุกอย่างของไอ้อธิป กลับต้องมาถูกมันตัดท่อน้ำเลี้ยงอีก..โธ่เว้ย”
จตุพลจะเตะเก้าอี้ระบายอารมณ์ แต่อยู่ๆ ลูกน้องคนหนึ่งรีบยกเก้าอี้หลบ ร่างจตุพลเสีย
หลักไถลวืดหงายหลังล้มลงไป
“โอ๊ย”
ลูกน้องคนนั้นลนลานเข้ามาพยุง
“คุณจตุพล..” เข้ามาพยุง “ผมไม่ได้ตั้งใจครับ..ผมแค่กลัวมีอะไรเสียหาย”
“เออ” จตพลลุกขึ้นมาคุยโทร.ต่อ “มันคงคิดจะลดถอนอำนาจของชั้นมากกว่า หนอย ไอ้แก่
ขี้โรค..แก่จะเข้าโลงอยู่แล้ว ยังจะหวงสมบัติอีก..แกจะมีอำนาจกดขี่ชั้นได้อีกไม่นานหรอก..อีกไม่นาน”
จังหวะที่จตุพลกำลังจะเขวี้ยงโทรศัพท์ พอดีกับที่ลูกน้องอีกคนหนึ่งกำลังก้มตัวเก็บของ จึงกระแทกจตุพลเต็มๆ ไปแบบไม่ตั้งใจ ร่างจตุพลถลาไปกระแทกกำแพงอีกเสียงดังอั้ก
“โอย”

พิมมาดา เต๋าและเต้ยกำลังช่วยกันจัดซุ้มดอกไม้งานวันเกิดลูกค้าคนสำคัญอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่บริเวณทางเข้างานวันเกิดในสวน มีป้ายเขียนกำกับไว้ว่า
“สวนสนุกสำหรับโอปอล์ผู้น่ารักของป๊า”
จังหวะนั้นพิมมาดาเหลือบดูนาฬิกา
“สามโมงกว่าแล้ว.. เต๋า เต้ยพวกเธอกลับไปที่ร้านก่อน เพราะเดี๋ยวสี่โมง จะมีลูกค้าจะมา
รับดอกไม้ที่ร้าน..เดี๋ยวชั้นทำต่อเองได้ ไปๆ”
ทั้งสองสาวหุ่นยักษ์วางมือแล้วจะออกไป แต่พอหันไปอีกด้าน ต้องผงะ ตาโต
“นั่น..นั่นมัน..สส.สุขสันต์ สุดหล่อนี่นา” เต้ยเนื้อเต้น ร้องออกมา
“ไหนๆ ว้าว จริงด้วย ตัวจริงหล่อยังกับพระเอกหนังเลย..พี่พิมดูสิคะ” เต๋าบอกโบ้ยให้พิมมาดาดู
พิมมาดาหันมองไปตามเต๋าและเต้ย
พิมมาดา เห็น สุขสันต์ นักการเมืองหนุ่มที่คุ้นตาในภาพข่าวทางจอทีวีมาก่อน วันนี้สุขสันต์อยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดเกาหลี รวมถึงพวกบอดี้การ์ดด้วย สุขสันต์กำลังยิ้มแย้มทักทายอยู่กับพนักงานและแขกโรงแรมอย่างกันเองสุดๆ
แต่แล้วอยู่ๆก็มีเด็กผู้ชาย 6-7 ขวบที่วิ่งจะเข้ามาหาแม่ แต่ดันหกล้มเสียก่อน เด็กนั้นร้องไห้จ้า สุขสันต์ผละจากกลุ่มคน เข้าไปหาเด็กคนนั้น พูดสองสามคำ แล้วเด็กคนนั้นก็หยุดร้อง ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้ สุขสันต์ลูบหัวแล้วก็ทำท่าปะมือกับเด็กคนนั้น เด็กยิ้มได้ สุขสันต์อุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาขี่คอ แล้วพาไปส่งคืนแม่ ภาพทั้งหมดนี้ดูเป็นแฟมิลี่แมนสุดๆ
เต๋าและเต้ยเคลิ้มสุดๆ
“ทั้งหล่อ รวย แล้วยังรักเด็ก..มีเลือกตั้งอีกร้อยที เต๋าเต้ยก็จะลงคะแนนให้ร้อยที” เต๋าดี๊ด๊า
“อยากชวนมาเป็นพ่อของลูกจัง” เต้ยระรื่นฝันไปไกลกว่า
“เต๋าเต้ยไปได้แล้ว” เสียงพิมมาดาร้องเตือน
เต๋ากับเต้ยออกอาการเสียดายสุด แต่ก็ต้องรีบออกจากโรงแรมไป

พิมมาดาทำงานต่อ กำลังเอื้อมมือสุดแขนเพื่อเอาลวดมัดช่อดอกไม้ให้ติดเข้ากับมุมบนของซุ้มดอกไม้ อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น พิมมาดาจะผละมือไปรับ แต่ไปไม่ได้ เพราะดอกไม้จะหล่นเสียหาย ต้องจับเอาไว้
“ใครโทรมาล่ะเนี่ย”
พิมมาดาพยายามจะดูเบอร์ในหน้าจอ แต่ชะเง้อยังไงก็มองไม่เห็น อยู่ๆ ก็มีคนมาช่วยหยิบมือถือขึ้นมา กดรับให้ แล้วยื่นมาตรงหน้า พิมมาดาหันไปมอง พบว่าเป็นสุขสันต์ พิมมาดาถึงกับอึ้ง
สุขสันต์ยื่นโทรศัพท์มาแนบหูให้พิมมาดา ยิ้มแล้วพยักหน้าให้พิมมาดาคุย
พิมมาดาอึ้งๆ เขินๆ แต่ก็คุยมือถือ
“ฮัลโหล” น้ำเสียงแปลกใจ “จีจ้า.. โทรมาได้ยังไง นี่เวลาเรียนไม่ใช่เหรอ..ยาแก้หอบหมด..
จ้ะ น้ารู้แล้ว ไม่ลืมหรอก เดี๋ยวน้าทำงานตรงนี้เสร็จ น้าจะไปซื้อแน่ๆ..จ้ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็รีบกลับไปเรียนได้แล้ว” จีจ้าที่ปลายสายวางหูไปแล้ว “เอ่อ จบแล้วค่ะ..ขอบคุณนะคะ” พิมมาดาหันมายิ้มขอบคุณสุขสันต์
“ไม่เป็นไรครับ” ยื่นมือถือคืนให้ “คุยกับ..หลาน..หรือครับ” สุขสันต์ถาม
“ค่ะ หลาน.. เรียนชั้นป.1” พิมมาดาพูดถึงหลานอาการเคลิ้มๆ “ชื่อจีจ้า”
“ชื่อน่ารักจัง..แกต้องเป็นเด็กที่น่ารักเหมือนคุณแน่เลย ผมรักเด็กๆ มาก..เพราะเด็กๆ คือ
อนาคตของชาติ” สุขสันต์มองหน้า แล้วยิ้มให้พิมมาดา แบบถูกชะตา “เอ่อ งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ” ว่าพลางจะก้าวออกไป แล้วหันมาบอก “อ้อ คุณจัดดอกไม้สวยมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ...”
สุขสันต์ขอแยกออกไป พิมมาดามองตามไป ด้วยความประทับใจ

สุขสันต์เดินเข้ามา มีฉัตรชัยบอดี้การ์ดเดินตามมาประกบ ถือหนังสือแมกกาซีนเล่มหนึ่งแล้วชูให้สุขสันต์ดูภาพพิมมาดาขึ้นปก
“ชื่อพิมมาดา นักจัดดอกไม้หน้าใหม่ของเมืองไทย นำเข้าดอกไม้เองและยังมีร้านดอกไม้
ของตัวเองด้วย ที่สำคัญยังโสดอยู่ครับ”
“เยี่ยม!! ดูฉลาดและน่ารัก”
ที่แท้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สุขสันต์เข้ามาตีสนิท ทำความรู้จักกับพิมมาดาในวันนี้!!!

สุขสันต์เดินแยกมาเข้าห้องน้ำ จะผลักประตูเปิดเข้าไป แต่มีเด็กชายวัย 5-6 ขวบ ดูซนๆไฮเปอร์ๆ น่ารักๆ อยู่ด้านในดันประตูเอาไว้ ไม่ให้สุขสันต์เปิดเข้ามา
พอสุขสันต์จะเปลี่ยนมาดึงประตู เด็กก็เปลี่ยนมาผลักประตู
เด็กชายอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะตลอดเวลา ไม่ได้มีเจตนาแกล้งสุขสันต์ เด็กชายดูน่ารักมากจนไม่อยากเชื่อว่าจะทำร้ายได้ลง
สุขสันต์ฉุนจ้องหน้าเด็กจริงจัง แต่เด็กก็ยังเล่นอยู่อย่างนั้น
สุขสันต์เหลียวมองซ้ายมองขวา มองด้านในห้องน้ำ เห็นว่าปลอดคน เลยยิ้มๆ แล้วก็จัดการเปิดประตูแรงๆ กระแทกหน้าเด็ก ปัง!
เด็กคนนนั้นหงายหลัง ลงไปนั่งกับพื้น ร้องไห้ทันที สุขสันต์เดินเข้าไปนห้องน้ำ หยุดมองหน้าเด็กคนนั้น
เด็กน้อยรีบวิ่งออกนอกห้องน้ำทันทีด้วยความตกใจ
ขณะที่สุขสันต์ผุดยิ้มมุมปากออกมาอย่างสะใจ

เวลานั้นกริสน์เดินเข้ามาจากอีกด้านนึงของสวน หน้าตาตื่นตระหนกสุดๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า คือ ภาพเด็กๆ ในงานกว่า 20-30 คน วิ่งเล่น และเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมากๆ
กริสน์เกิดภาพหลอนสุดๆ ในหัวยามนี้ เพราะไม่ค่อยถูกกับเด็กๆ เห็นด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ๆ จนหน้าเด็กใหญ่ กริสน์เห็นเด็กอีกคนวิ่งมาหัวเราะโชว์ปากที่เต็มไปด้วยเค้กสีแดงๆ เละๆแหวะๆ น่าขยะแขยง
“เด็ก เด็กจริงๆ ด้วย! ที่นี่มัน..นรกชัดๆ โอ๊ย แค่เห็นก็ปวดหัวแล้ว..อย่าเข้ามา ออกไป๊ ..ไม่
ไหวแล้วเว้ย”
กริสน์จะชิ่งหนีออกไปจากห้องนี้ แต่แล้วต้องชะงัก เพราะได้ยินเสียงกลุ่มเด็กชายวัย 8-10 ขวบ จับกลุ่มแซวหญิงอยู่
“ปิ๊ดปิ้ว... น้องสาว ยืมมือถือหน่อยดิ จะโทรไปบอกแม่ว่าเจอเนื้อคู่ ฮะๆๆๆ” เด็กชายว่า
เด็กอีกคนหันมาเห็นกริสน์ยืนมองอยู่ ก็ถามอย่างยียวน “มองไรเพ่ ไม่เคยเห็นแก๊งคนหล่อเหรอ”
กริสน์ระอา เซ็ง ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเด็ก แต่ยังไม่ทันทำอะไร อยู่ๆ มีเด็ก 6 ขวบ ท่าทางเฮี้ยวๆ 3-4 คน มาวิ่งเล่นต่อสู้กันรอบๆ ตัวกริสน์ แถมยังมีลูกหลงโดนกริสน์อีกหลายที
กริสน์สุดจะทนหยิบมือถือออกมากดโทรออก แล้วเดินหนี แต่เด็กกลุ่มนี้ก็ตามไม่ลดละ ประมาณว่าใช้กริสน์เป็นเกราะกำบังในการเล่นต่อสู้กัน
กริสน์พูดโทรศัพท์กับภัทรดนัยเพื่อยกเลิกภารกิจ
“ไอ้ภัทรดนัยเหรอ ชั้นขอถอนตัว แกได้ยินมั้ย..ว่าไง..” กริสน์หันไปตะคอกเด็ก “เงียบ! ไป
ห่างๆ ไป๊”
พวกเด็กอึ้ง เงียบ นิ่งไป
“ชั้นไม่ทำภารกิจนี้แล้ว..ไม่อย่างนั้นวันนี้มีเด็กถูกฆ่าแน่
พอกริสน์เริ่มหันหลังให้ พวกเด็กๆ ก็เล่นซนอีก และพอกริสน์หันกลับมาจ้องทีนึงพวกเด็กๆก็ทำเป็นนิ่งแข็งที แต่พอกริสน์หันไป พวกเด็กก็ซน สลับไปมา
“ไอ้ภัทรดนัย แกยังอยู่ป่าวว่ะ”
ภัทรดนัยที่แต่งชุดเป็นโบโซ่ที่กำลังบิดลูกโป่งแจกเด็กๆ เดินเข้ามาด้านหลังกริสน์
“ยังอยู่เว้ย”
“เฮ้ย แก...”
“ชู่ว์....ชั้นมาสังเกตการณ์ ช่วยแกอีกแรง..แกจะถอนตัวไม่ได้นะเว้ย...”
“แต่...”
ภัทรดนัยตัดบท ไม่ให้เถียง
“งานที่แล้ว แกก็ทำพลาด งานนี้แกต้องแก้มือ..สายเราบอกว่าเสี่ยอธิปมันเอางานวันเกิด
ลูกสาวมาบังหน้าเพื่อนัดพบคู่ค้าคนสำคัญวันนี้ แกต้องไปสืบมาให้ได้ว่าเสี่ยอธิปมันติดต่อกับใคร”
ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น พวกเด็กๆ ก็พากันมาปีนป่ายเกาะหลัง เกาะขาทั้งภัทรดนัยและกริสน์อีรุงตุงนังไปหมด
“เอ้า คนนะไม่ใช่แพนด้า กอดอยู่นั่นแหละ ไปเล่นที่อื่น” กริสน์ไล่
พวกเด็กๆ วิ่งหนีกริสน์ไปหลบหลังภัทรดนัย
จังหวะนั้นเดชก็วิ่งเข้ามาหากริสน์ หน้าตาตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต
“โอ้ว ไอ้กรดๆๆๆ น้องรัก นายมาได้จังหวะพอดีเลย เสี่ยอธิปตามหานายอยู่ เห็นว่าทีมงาน
ป่วยกะทันหันคนนึง เสี่ยอยากให้นายไปช่วยงานเค้าหน่อย ไปๆๆๆ”
“ช่วยอะไร..พี่เดช”
กริสน์ทำท่าอิดออดไม่อยากไป

อธิปยืนหน้าเวที ตบมือสุดแรง เสียงดนตรีดัง เป็นเพลงไทย แนวแดนซ์กระจาย เด็กๆที่กำลังกินขนม น้ำหวาน โอปอล์ปรบมือ กระโดดๆ อย่างชอบใจมาก
ลูกน้องของอธิป เดช กริสน์ เต้นอยู่บนเวที ทั้งหมดเต้นคัฟเวอร์เพลงนั้น พวกเด็กๆคนอื่นก็ชอบใจ
ภัทรดนัยก็ชอบใจเป่าแตรสำหรับงานปาร์ตี้ เชียร์เต็มที่
กริสน์หน้าตาอมทุกข์สุดขีด อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด
“ทำกันขนาดนี้ ไม่ฆ่ากันให้ตายไปเลยล่ะ..เกลียดเด็กเว้ย เกลียดเด็ก!”
ระหว่างที่กริสน์เต้นคัฟเวอร์อยู่นั้น กริสน์หันไปเห็นว่ามีบอดี้การ์ดคนนึงเข้ามากระซิบข้างหูอธิป แล้วอธิปก็รีบขอตัวกับโอปอ แล้วเดินตามบอดี้การ์ดนั้นออกไปจากห้องจัดงาน

กริสน์แปลกใจ หันมามองหน้าเดช
“เต้นต่อสิ เต้นต่อ เจ้านายให้เราเอ็นเตอร์เทนคุณหนูนะ กรด ไม่ต้องห่วงเสี่ยหรอกน่า”

พิมมาดากำลังเอาดอกไม้ ใบไม้ มาเรียงรอบๆ เค้กที่ตั้งบนแท่นหน้าซุ้มดอกไม้นั้น
“เรียบร้อยแล้ว ซุ้มดอกไม้สำหรับถ่ายภาพหมู่กับแท่นเค้กตอนตัดเค้ก ทันเวลาแบบเฉียด
ฉิว..” หันมาทางพูดกับพนักงาน “เดี๋ยวพี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ ต้องรีบกลับร้าน”
“สวยมากเลยค่ะ” พนักงานเอ่ยชม
“ขอบคุณนะคะ คุณพิม หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนะคะ” อีกคนบอกพร้อมรอยยิ้ม
พิมมาดาจะเดินออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่กริสน์วิ่งเข้ามา ต่างคนต่างไม่ทันระวัง เลยชนกันจังๆ พิมมาดาเซเสียหลักจะล้มของในมือกระจาย
กริสน์ผวาไปรับพิมมาดาเอาไว้ได้ทัน สองคนมองหน้ากัน เหมือนจะซึ้งๆ
ทันใดนั้นกริสน์หันมองไปทางบอดี้การ์ดของอธิป ปล่อยพิมมาดาลงพื้น เสียงดับตุ๊บ
“โอ๊ย...อีตาบ้า” พิมมาดาร้องอย่างเจ็บ
กริสน์กำลังมุ่งต่อไปบังเอิญเท้าเหยียบเข้ากับของ ของพิมมาดาที่หล่นอยู่เสียศูนย์ซวนเซถอยๆๆ จนไปกวาดเอาซุ้มดอกไม้และเค้กตรงนั้นล้มคว่ำระเนระนาดหมด
พิมมาดาหันมาเห็นซุ้มเละอ้าปากค้าง “ซุ้มดอกไม้......”
พิมมาดามองสภาพซุ้มดอกไม้ที่ล้มคว่ำไปต่อหน้า แล้วมองไปจนเห็นเท้าของกริสน์ที่กำลังเหยียบช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่เป็นช่อประธานของซุ้มซะจนเละคาบาทา พิมมาดายิ่งช็อก
กริสน์เห็นหลังบอดี้การ์ดของอธิปเดินเข้าไปในประตูโรงแรม จะรีบตามไป
พิมมาดาคว้าคอเสื้อจากด้านหลังเอาไว้
“เดี๋ยวๆๆๆๆ นายทำซุ้มดอกไม้ชั้นพังขนาดนี้ จะไม่ขอโทษสักคำเลยเหรอ”
กริสน์ไม่สนใจ จะรีบตามอธิปไป พิมมาดาดึงแขนเอาไว้
“นี่!! ขอโทษชั้นเดี๋ยวนี้”
“เออๆๆ ขอโทษๆๆ ..ปล่อยๆ” กริสน์ขอโทษไปส่งๆ
พิมมาดายังไม่ยอมปล่อย
“ไม่! นายต้องไปยกซุ้มดอกไม้ขึ้นมาทำให้เป็นเหมือนเดิมด้วย”
“ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น ปล่อย”
“แต่นายเป็นคนทำพัง นายก็ต้องรับผิดชอบ”
“คุณจะมาโทษผมคนเดียวได้ไง ก็คุณเล่นล้มถลามาใส่ผมทั้งตัวแบบนั้น” กริสน์โวยกลับ
“นายเป็นลูกน้องเสี่ยอธิปใช่มั้ย..ถ้านายไม่ไปทำซุ้มให้เป็นเหมือนเดิม ชั้นจะบอกเสี่ยอธิป
แน่ ว่านายเป็นคนทำลายซุ้มดอกไม้งานวันเกิดหนูโอปอลูกสาวของเสี่ยพัง”
“กลัวตายล่ะ” กริสน์ล้อทำท่ากลัวเอามากๆ
ครั้นพอกริสน์พูดเสร็จก็วิ่งไปเลย พิมมาดาขัดใจมาก
“เฮ้ย..ไอ้บ้า โว้ย”

สีหน้าพิมมาดาเวลานี้อยู่ในอาการโมโหสุดๆ

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์