หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/3

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/3
กริสน์ค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามาแอบมองไปบริเวณทางเดินหน้าห้องสูทสุดหรู พบว่ามีบอดี้การ์ดยืนยามอยู่เป็นระยะๆ ตลอดทั้งฟลอร์

“เฝ้าแน่นหนาขนาดนี้ นัดใครเอาไว้” กริสน์พึมพำ
ทันใดนั้น พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินถือช่อดอกไม้ จะเอาเข้าไปประดับในห้องสูท กริสน์รีบเข้าไปขวางเอาไว้ บอกจะจัดการเอง
“หยุดๆๆๆ เอามา ชั้นจัดการเอง ไปๆ”
พนักงานโรงแรมกลับออกไป

“นัดใคร ทำไมต้องสั่งช่อดอกไม้ด้วย” กริสน์เดินออกไปที่หน้าห้องสูท เจอบอดี้การ์ดของ
อธิป “เสี่ยสั่งให้เอาดอกไม้มาส่ง”
“เอามา” บอดี้การ์ดสั่งเสียงเข้ม
“ไม่ต้อง เสี่ยให้ชั้นรับผิดชอบงานนี้อย่างดี...” กริสน์ชี้ที่ตัวเอง “ชั้นลูกเสี่ยนะโว๊ย...”
บอดี้การ์ดรีบเปิดประตูห้องให้ทันที
กริสน์เดินเข้ามาในห้องสูท พยายามสอดส่ายสายตามองหาข้อมูลทุกชนิด เสียงอธิปดังลอดออกมา
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ทำ ผมล้างมือแล้ว”
กริสน์พยายามจะเดินเข้าไปด้านใน เพื่อมองหน้าคู่ค้า แต่ดันมีพาทิชั่น และชั้นวางของบางอย่างบังเอาไว้ไม่ให้กริสน์เห็นหน้า กริสน์มองเห็นแต่มือ ที่วางอย่างสบายๆ บนพนักที่วางแขน
กริสน์จ้องที่มือนั้นเขม็ง เห็นชัดว่าที่นิ้วนางของใครคนนั้นสวมแหวนทองคำขาว เพชรเม็ดเบ้อเริ่มสะดุดตา
กริสน์มองอย่างสังเกต และจดจำ
“วางช่อดอกไม้ไว้ตรงนั้น แล้วออกไปก่อน” อธิปหันมาเห็นร้องบอกออกมา
“เอ่อ ครับ”
กริสน์รับคำจำใจต้องวางช่อดอกไม้ตรงแถวๆนั้น แล้วจำใจต้องออกไป
กริสน์ปิดประตู อย่างเสียดายที่ไม่เห็นหน้าคู่ค้าคนสำคัญ กำลังคิดหาวิธีต่อไป แต่อยู่ๆ มีเสียงหน้าต่างแตกดังเพล้งๆๆๆ ออกมาจากภายในห้อง ไฟทั้งห้องดับพรึ่บ
กริสน์กำลังจะเปิดเข้าไปอีกที แต่ประตูกลับถูกผลักออกมาเสียก่อน กระแทกใส่กริสน์เต็มๆ กริสน์ล้มคว่ำคะมำไป
ทุกคนกรูกันออกมา อธิปถือช่อดอกไม้มาด้วย
“ทางนี้ครับ..ท่าน ทางนี้..ระวังครับ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าแค่ที่ผมจะล้างมือ ก็มีมารมาขัดขวางซะแล้ว”
กริสน์ได้ยินน้ำเสียงอธิปที่พูดกับคู่ค้าฟังดูพินอบพิเทาเป็นพิเศษ
ครั้นพอเงยหน้ามาอีกที กริสน์ก็เห็นหลังไวๆ ของอธิปและคู่ค้าวิ่งผ่านออกไปแล้ว มีหลังของพวกบอดี้การ์ดบังสายตากริสน์ไว้
“เกิดอะไรขึ้น” กริสน์ถาม
“มีคนลอบยิงท่าน!” บอดี้การ์ดคนนึงหันมาตอบ
“ลอบยิง! อีกแล้วเหรอ”
กริสน์รีบลุกจะตามไป แต่อยู่ๆ มาวินและพวกก็โดดมาขวางกริสน์ไว้
“จะไปไหน”!!
มาวินกระโดดเข้าพะบู๊กับกริสน์ทันที ระหว่างบู๊ไปก็ถามกันไป
“พวกแกเป็นใคร” กริสน์ถามขึ้นมาก่อน
“ถามโง่ๆ ยูเป็นผู้ร้าย ไอก็ต้องเป็นตำรวจสิเว้ย” มาวินคุยโอ่ออกมา
“ตำรวจเหรอ หน่วยไหน ใครใช้ให้บุกเข้ามา แล้วแกเห็นหน้าไอ้ท่านชุดขาวคนนั้นหรือเปล่า
ว่าเป็นใคร” กริสน์ซัก
“ถามยังกะตำรวจเลยเว้ย” จังหวะนั้นมาวินก็จับกริสน์เอามือไพล่หลังไว้ได้สำเร็จ “ไป ไปนอนคุก!!!”
“แกทำชั้นเสียเรื่องแล้ว”
กริสน์สะบัดหัวหงายเงิบไปกระแทกหน้ามาวินเต็มๆ จังๆ กริสน์หลุดจากการจับกุม แล้วรีบวิ่งตามอธิปไป
“อูย โอย..หน็อย ไป ตามไป”
แต่พอมาวินหันมาอีกที พบว่าคนที่มายืนล้อมตนนั้นล้วนเป็นพวกสมุนของอธิปทั้งหมด
มาวินหน้าซีดเผือด

กริสน์วิ่งหน้าตั้งตามมาจนถึงด้านหลังโรงแรมในมุมลับตาคน พบว่าอธิปกำลังส่งนายทุนคู่ค้าขึ้นขบวนรถไปพอดี
“เสี่ยครับ..” กริสน์ร้องเรียก
“กรด..” อธิปโผกอด “แกเป็นห่วงชั้นใช่มั้ย ขอบใจมากๆ ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว แกรีบไปดูแล
โอปอล์ดีกว่า ไปๆๆ”
“ผมว่าเสี่ยน่าจะหลบไปก่อนด้วยเลยนะครับ เพื่อความปลอดภัย” กริสน์เตือนจากใจ
“ชั้นไว้ใจคนไม่ผิดจริงๆ ขอบใจมากๆ แต่ชั้นไม่เป็นไรจริงๆ ไป”
อธิปเดินนำกลับออกไป
กริสน์จะเข้าไปดูหน้านายทุน แต่ยังไม่ทันแล้ว เห็นแต่ปลายรองเท้า มันวาบ เป็นรองเท้าสีดำมีดีไซน์ก้าวขึ้นรถไป ขบวนรถรีบแล่นออกไป กริสน์มองตามด้วยความเจ็บใจที่พลาดอีกจนได้
ทันใด มือถือกริสน์ดังขึ้น กริสน์เห็นเบอร์ภัทรดนัย กดรับแล้วใส่ทันที
“แกส่งใครมาวะไอ้บ้าเอ๊ย”
ภัทรดนัยซึ่งยังอยู่ในชุด BOSO กำลังเดินพูดบลูทูธเข้ามาในห้องน้ำ โดยมีพวกเด็กไล่ตาม จะเล่นด้วยเป็นโขลง บางคนจะเอาลูกโป่ง ภัทรดนัยพยายามเดินหนี เด็กๆ ตามพันแข้งพันขาตลอด
“เบาๆ ใจเย็นๆ ชั้นก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี่แหละ..คือ ภารกิจที่ชั้นกับแกทำเนี่ย มันเป็นภารกิจลับ
สุดยอด..สำนักงานตำรวจเค้าไม่รู้เรื่องภารกิจนี้ด้วย..เค้าเลยส่งหน่วยพิเศษมาให้มาตามสืบเรื่องเสี่ยอธิปโดยเฉพาะน่ะ”
“สืบบ้าอะไร บุกทลายเข้ามาขนาดนั้น ชั้นกำลังจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว ถ้าไอ้ตำรวจขี้เก๊ก
คนนั้นไม่เข้ามาขัด..” กริสน์หยุดฟัง “ตอนนี้เหรอ ไอ้หมอนั่นมันก็โดนลูกน้องเสี่ยอธิปจับตัวไว้แล้วน่ะสิ”
ภัทรดนัยหลบเด็กเข้าไปในห้องส้วม ปิดประตูกันเด็กไม่ให้ตามมากวน
“อะไรนะ มาวินโดนจับตัว? ไม่ได้นะเว้ย ไอ้กริสน์ แกต้องรีบไปช่วยไอ้มาวินออกมาเดี๋ยวนี้”
“ทำไมต้องชั้นด้วยวะ” กริสน์ยังโมโหมาวินไม่หาย
“ถ้าแกไม่อยากถูกแฉว่าเป็นหนอนบ่อนไส้..ไปช่วยมาวินออกมา ไม่งั้นปฏิบัติการนี้พังไม่
เป็นท่าแน่ เข้าใจมั้ย”
ภัทรดนัยวางสาย พบว่าพวกเด็กๆปีนยื่นหน้าโผล่หัวข้ามผนังมา บางคนมุดหน้าลอดใต้ผนังกั้นห้องเข้ามา
“พวกเธอเป็นเด็กหรือเป็นผีวะ”
กริสน์หัวเสียที่ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย
“ไอ้ภัทรดนัย..ฮัลโหลๆ..โธ่เว้ย”

มาวินถูกพวกสมุนของอธิปล้อมไว้
“ไอเป็นตำรวจนะเฟร้ย ฆ่าตำรวจหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่มีความผิดร้ายแรงนะ ถ้าแตะต้อง
ไอแม้แต่ปลายเล็บ พวกยูติดคุกยาวแน่”
พูดไม่ทันจบคำ มาวินก็ถูกถีบกระเด็นคว่ำไป จตุพลคือคนถีบ
“แกกล้ามากที่มาลองดีกับพวกชั้น คนกล้าๆ อย่างนี้มักอายุสั้น” จตุพลควักปืนจ่อมาวิน
“อย่าๆๆๆๆ” มาวินร้องเสียงหลง
จตุพลเล็งค้างไว้ กำลังจะเหนี่ยวไก
กริสน์เข้ามาพอดี
“เดี๋ยวก่อน”
จตุพลชะงัก มาวินหลับตาปี๋
“ผมว่า..คุณจตุพลอย่าเปลืองแรงตัวเองเลย ผมจัดการให้ดีกว่า”
“ถ้าแกไม่อยากตายด้วย หลบไป”
“ผมจัดการให้ดีกว่าครับ เรื่องแบบนี้ควรจัดการแบบลับๆ ในที่ๆ ไม่ให้มีใครรู้เห็น มากกว่า
ในโรงแรมกลางเมืองแบบนี้นะครับ” กริสน์หว่านล้อม
“ไอ้กรดพูดถูกนะครับคุณจตุพล จะทำอะไรต้องอย่าให้เหลือหลักฐานนะครับ” เดชเห็นดี
ด้วย
กริสน์เข้าไปดึงตัวมาวินขึ้นมา พอดีกับอธิปตามเข้ามา
“ไหน ตำรวจที่เราจับได้อยู่ไหน”
ทุกคนหันไปสนใจอธิป จังหวะนั้นกริสน์ดึงมือมาวินมาหยิบปืนที่เอว แล้วจับมืออีกข้างมาล็อกคอตัวเอง กริสน์ทำเสมือนว่าตัวเองพลาดท่าถูกมาวินพลิกเกมจับเป็นตัวประกัน ทั้งๆ ที่ กริสน์ทำเองหมด
“เอ๊ย แกปล่อยนะ”
มาวินงง แต่ก็ตั้งสติได้
“ถอยออกไป ไม่งั้นไอยิงแน่”
“คิดว่าแกจะขู่พวกชั้นได้เหรอ ยิงเลย” จตพลตั้งท่าจะยิงทั้งกริสน์ทั้งมาวิน
“จตุพล อย่า!! เอาปืนลง” อธิปสั่ง แต่จตุพลไม่ยอมฟัง “อั๊วบอกให้เอาปืนลง”
“ทำไม..อากู๋ไม่เคยปรานีใครมาก่อน อากู๋เคยแต่สั่งยิงทิ้งให้หมดไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่อั๊วเป็นคนใหม่แล้ว อั๊วจะไม่ฆ่าใครซี้ซั้วอีก แล้วอากรดก็เคยช่วยชีวิต
อั๊วไว้ อีเป็นเหมือนลูกชายอั๊ว ห้ามใครทำอะไรทั้งนั้น..เอาปืนลงๆ”
จตุพลจำต้องเอาปืนลงอย่างขัดใจมากๆ
มาวินพากริสน์ฝ่าออกไป ไปตามทางเดิน แล้วหลบเข้าไปในลิฟท์ พวกสมุนรีบกระจายตัววิ่งตามไปทางบันได

มาวินพากริสน์เข้ามาในลิฟท์
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกทำเสียแผนหมดเลย”
“เงียบๆ เดี๋ยวไอยิงไส้ทะลักเลย”
“แกคิดว่าชั้นจะเอาปืนมีกระสุนส่งให้แกเหรอ..ถ้าแกไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ก็หุบปากแล้วฟัง
คำสั่งชั้นดีกว่า”
“ยูไม่ต้องมาออกคำสั่ง ไอเป็นตำรวจ เพิ่งจบซีไอเอจากเมกาหมาดๆ ไอรู้ว่าสถานการณ์
แบบนี้ต้องทำยังไง”
กริสน์จับมาวินพลิกแขนกดหน้าแนบกับผนังลิฟท์
“ไหน สถานการณ์แบบนี้แกจะทำยังไง ว่ามาสิ” มาวินดิ้นยังไงก็ไม่หลุด “จะให้ชั้นจับแกส่ง
ให้พวกมันยิง หรือแกจะฟังชั้น เลือกมา”
สุดท้ายมาวินชูสองนิ้วสู้ตาย แต่จริงๆ แปลว่าเอาช้อยส์ที่สอง

มาวินพากริสน์เดินเข้ามาในงาน ที่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ ภัทรดนัยอยู่ในงานเห็กริสน์พอดี
“ไอ้กริสน์”
ภัทรดนัยกำลังจะเข้าไปหากริสน์ แต่พอดีเห็นพวกสมุนของอธิปวิ่งตามเข้ามาก่อน ภัทรดนัยเลยชะงักไว้
พวกเด็กๆ ในงานเห็นสมุน ต่างพากันชะงักนิ่งหมด อธิปเดินเข้ามากำชับพวกสมุน
“เฮ้ยๆๆ อย่าทำลายความสุขของลูกสาวชั้น เก็บปืนๆๆๆๆ ยิ้มๆๆๆ ห้ามเครียดๆ”
อธิปหันมาพูดกับเด็กๆ “ไม่มีอะไรนะคะลูกโอปอล์ สนุกต่อเลยๆ”
พวกสมุนคนอื่นๆ ทำตาม ยกเว้นจตุพลที่เดินบุกตามเข้าไป
“พวกมันไม่กล้าทำอะไรรุนแรงต่อหน้าลูกสาวเสี่ยแน่..ไปหลังเวที”
กริสน์สั่ง จังหวะนั้นมีเด็กชายวิ่งถือปืนออกมา ชี้ปืนไปที่หน้ามาวิน แล้วยิงทันที
“ปั้ง!!”
มาวินตกใจร้องลั่น แต่ดันเป็นปืนฉีดน้ำ เปียกเต็มหน้ามาวิน
“โอ๊ย.ไอ้เด็กบ้า”
เด็กแสบคนนั้นรีบวิ่งหนีไป
“พวกมันไม่ทำ..ไอทำเอง...” มาวินโมโหไม่หายทำท่าทางจะตามไปเอาเรื่องเด็ก
“ไปเร็ว...”
กริส์นรีบดึงมาวินไป

ที่ด้านหลังเวที เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแต่งหน้าทาปากตัวเองอยู่ เพื่อเตรียมขึ้นร้องคาราโอเกะ ทีมงานเอาไมโครโฟนมาให้
“น้องเอพริลขา บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องแต่งหน้า..เพลงต่อไปของหนูนะคะ อ้ะ ไมโครโฟน
พี่วางไว้บนโต๊ะตรงนี้นะ” วางไมค์ แล้วไปทันที
น้องเอพริลแอบเข้าไปแต่งหน้าใต้โต๊ะ มาวินลากกริสน์เข้ามาใกล้โต๊ะที่วางไมค์พอดิบพอดี ไมค์เปิดเสียงไว้แล้ว โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว
“ไปที่ประตูลานจอดรถข้างสวน”
“เดี๋ยว ...แล้วถ้าเกิด พวกมันมาดักข้างนอก เราก็แย่น่ะสิ”
“เชื่อชั้นเถอะน่า ไปเร็ว”
เสียงคุยของกริสน์กับมาวินเข้าไมโครโฟน เสียงดังออกลำโพงไปทั่วสนาม พวกอธิปและทุกคนในงาน ชะงักนิ่งฟังรวมถึงภัทรดนัย
“ไม่ไป..ไอจะไปทางเข้าออกพนักงาน”
“ชั้นสั่งให้ไปทางนี้”
“ชัทอัพ!! หยุดออกคำสั่งได้แล้ว ยูก็แค่สมุนโจรกระจอกๆ ไอเป็นตำรวจ จบนอก ไอเหนือ
ชั้นกว่ายูเยอะ”
“ถ้าแกเก่งนัก ทำไมถึงถูกพวกมันจับได้ ห๊า..โธ่เอ๊ย แกตำรวจ ชั้นก็ตำรวจเว้ย!!”
กริสน์โพล่งออกมาอย่างเหลืออด
ภัทรดนัยกุมหัว
“ความแตกละทีนี้”
“หน้าอย่างแกเหรอตำรวจ ไปเป็นยามเถอะไป๊” มาวินปากดีใส่
“ชั้นเป็นตำรวจสายสืบ ชื่อกริสน์ ชั้นปลอมตัวเข้ามาเพื่อสืบเรื่องธุรกิจมืดของเสี่ยอธิป..ถ้า
ชั้นไม่ได้รับคำสั่งให้มาช่วยแก ป่านนี้แกตายไปแล้วไอ้ขี้เต๊ะ..หยุดพูดแล้วทำตามคำสั่งชั้น”
อธิปได้ฟังแบบชัดๆ ถึงกับช็อก อึ้งไปทันที
“ตำรวจ” ไวเท่าความคิด อธิปพุ่งไปที่เวที ดึงเอาไมโครโฟนอีกตัวมาพูดประกาศ “ไอ้กรด..
แกเป็นสายตำรวจเหรอ”
กริสน์ผงะ โผล่ออกมาเห็นว่าทุกคนรู้แล้ว
“เฮ้ย..ทำไม”
“ใครเอาไมค์มาวางไว้ตรงนี้” มาวินหันมาหยิบไมค์มาพูดเทสต์ “โหลเทสต์ๆๆ กระหึ่มเลย”
“อากู๋ตาสว่างแล้วสิ มันเข้ามาตีสนิทให้อากู๋ไว้ใจ เพราะมันต้องการหาหลักฐานเพื่อจับ
อากู๋เข้าคุก” จตุพลได้ที
อธิปยังพูดไมค์อย่างตัดพ้อรำพัน
“ไอ้กรด..แกทำยังงี้กะชั้นได้ไง เป็นสายตำรวจ แล้วยังใช้ชื่อปลอมมาหลอกชั้น แกชื่อกริสน์
ไม่ได้ชื่อกรด..นี่ แกหลอกชั้นมาตลอดเลย..แกทำชั้นเจ็บ..ชั้นเฮิร์ทมาก”
“ชั้นอุตส่าห์รักแก คิดว่าแกเป็นน้องรัก..เป็นเพื่อนตายคนเดียวในวงการนักเลง แกหลอก
ชั้นได้ลงคอ..ไอ้เพื่อนทรยศ” เดชพูดผสมโรงผ่านไมค์
มาวินพูดผ่านไมค์ “แล้วทีนี้ ตกลงว่ายูจะหนีไปทางไหน”
“ทางใครทางมันแล้วกันเว้ย”
ภัทรดนัยโผล่มา “ชั้นด้วย” แล้วรีบวิ่งออกไป
ว่าแล้วกริสน์ก็ผละจากมาวิน แล้ววิ่งหนีไปทันที มาวินงง รีบหนีด้วยอีกคน
“ไปจับตัวมันมา ไป” จตุพลสั่งลั่น
บรรดาสมุนและเด็กๆ วิ่งกันพล่านไปทั่ว เด็กๆ ร้องวี๊ดว้ายกระตู้วู๊กันลั่นสวน

กริสน์วิ่งหนีทะลุเข้ามาในครัว พ่อครัวงงๆ ชนพนักงานของกระจาย จตุพลตามมาพร้อมพวก เห็นมีดจตุพลหยิบมีดพ่อครัวมาปาใส่กริสน์
กริสน์เอาถาดเสิร์ฟแก้วมารับ มีดทะลุถาดเกือบโดนหน้ากริสน์
“ใจเย็นๆก่อนสิ” กริสน์บอก
“นั่นคนร้าย ใครจับได้ชั้นให้รถคันนึง”
เท่านั้นแหละ ทั้งสมุน รวมทั้งกุ๊กรีบวิ่งกรูเข้าไปจับกริสน์ทันที
กริสน์ตกใจ วิ่งหนีสุดพลัง ก่อนจากฝากคิวบู๊อัดกับพนักงงานเสิร์ฟคนสองคนจบอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งหนีต่อ

ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรม พวกคนงานขนของลงเสร็จแล้ว กำลังจะออกรถ มองเห็นกริสน์วิ่งหนีมาแต่ไกล วิ่งอย่างสุดฝีเท้า ตะโกนเรียก
“รอด้วยๆๆๆ”
แต่พวกคนงานออกรถไป ไม่ได้ยิน
“โธ่เว้ย..” กริสน์เอามือถือมากด “รับสิเว้ย ไอ้ภัทรดนัย ทีแบบนี้ล่ะไม่รับสาย ทำบ้าอะไร
อยู่วะ”
อยู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมา ปรากฎว่าเป็นมาวิน
“เฮ้ย พวกมันแห่กันมาแล้วนะเว้ย”
“เออ ขอบใจ”
กริสน์จะโดดขึ้นซ้อน แต่มาวินเร่งเครื่องหนี
“อ้อ พวกมันมากันสิบกว่าคนเลยนะเว้ย ถือปืนครบคนด้วยเว้ย” มาวินร้องออกมา
“เออ งั้นก็หยุดพูด แล้วรีบหนีสิเว้ย”
กริสน์จะขึ้นอีก มาวินเร่งเครื่องหนีอีก
“ใช่ ต้องรีบหนี งั้นไอไปล่ะนะ บ๊ายบาย”
มาวินขี่รถออกไปคนเดียว
“เฮ้ย กลับมาก่อน ตำรวจเหมือนกัน ทำกันแบบนี้ได้ไงวะ อย่าให้เจอหน้าที่ไหนนะ ชั้นอัด
แกแน่”
“มันอยู่นั่น” สมุนวิ่งกรูเข้ามา
เดชนำทีมพวกสมุน และบรรดาพนักงานโรงแรมที่นึกว่ากริสน์เป็นคนร้ายแห่กันมา ยิงปืน
ใส่ไม่ยั้งมือ
“ปังๆๆๆ”
กริสน์รีบโดดหลบ มุดตัดออกไปอีกด้านของโรงแรม

พิมมาดารีบเดินพูดมือถือมาที่รถ เปิดท้ายกระบะ แล้วโยนพวกอุปกรณ์ข้าวของที่หอบมาด้วยใส่ท้ายรถ
“พิมเพิ่งจะซ่อมซุ้มดอกไม้เสร็จเนี่ย กำลังจะกลับ..เต๋ารับหน้าลูกค้าก่อนเลยนะ”
พิมมาดาวางสาย รีบขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง แต่อยู่ๆ กริสน์ที่วิ่งหนีพวกสมุนมาแต่ไกล ก็โดดขึ้นมานั่งข้างคนขับทันที
“ออกรถๆๆๆๆๆๆ”
“นี่ นายขึ้นมาทำไม ลงไปเดี๋ยวนี้” พิมมาดาไม่รู้เรื่องร้องโวยวายออกมา
“บอกให้ออกรถไง เร็ว!!!”
“นาย..นายที่ชนซุ้มดอกไม้ชั้นพัง แล้วนี่นายยังจะมาอะไรกับชั้นอีก ลงไปจากรถชั้น
เดี๋ยวนี้”
ทันใด เดชและพวกสมุนอธิปก็วิ่งเข้ามาถือปืนยิง ปังๆๆๆ ไม่ยั้ง
“ว้ายๆๆๆ”
“ถ้าไม่อยากโดนยิงตาย ออกรถเดี๋ยวนี้” กริสน์เสียงเข้ม
สมุนยิงปืนอีก ปัง
พิมมาดากรี๊ด ตกใจเสียงปืน เผลอตัวกระทืบคันเร่งสุดเท้า แต่ปรากฎเข้าเกียร์ผิด รถกระชากถอยหลังพรวด จนเกือบชนพวกสมุนอธิป บรรดาลูกสมุนอธิปกระโดดหนีกันจ้าละหวั่น
“เข้าเกียร์เดินหน้าซิ...เร็ว”
“เกียร์อะไร อะไร....ว๊าย....” พิมมาดาตกใจ
กริสน์เข้าเกียร์ ให้แทน
“เหยียบ”
พิมมาดาเหยียบคันเร่งมิด รถกระชากออกเอี๊ยดไป จตุพลวิ่งตามมา
“ดูทะเบียนรถมันไว้”
แต่ทว่าป้ายทะเบียนรถถูกป้าย congratulations บังเอาไว้
“ปัทโธ่เว้ย”
จตุพลหัวเสีย แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นที่พื้นว่ามีรอยเลือดสดๆ หยดเปื้อนอยู่ จตุพลตาวาว รู้ทันทีว่ายิงถูกใครสักคนแน่

พิมมาดาขับรถเลี้ยวตัดมาอีกทาง กริสน์มองไปด้านหลัง ไม่มีพวกสมุนตามมาแล้ว ค่อยโล่
งอกหน่อย แต่พิมมาดายังคงซิ่งอยู่ด้วยความตกใจ
กริสน์นั่งจับเบาะแน่นเพราะรถเหวี่ยงสุดๆ
“ขับดีๆ..ตั้งสติหน่อยสิคุณ เบาๆ ได้แล้วไม่มีใครตามมาแล้ว”
“มีคนไล่ยิงเป็นพรวนขนาดนี้ ใครจะไปตั้งสติได้ ห๊า! เพราะนายคนเดียว พวกนั้นจะฆ่า
นาย ไม่เกี่ยวกับชั้น ลงไปจากรถชั้น ลงไปๆๆๆๆ” พิมมาดาหันมาไล่ตี ผลักไสไล่ส่งกริสน์ให้ลงจากรถ
“เฮ้ย มองทางด้วย” กริสน์ร้องลั่น
พิมมาดาหันมาอีกที เกือบเจอรถสวน กรีดร้องกรี๊ดๆ ลั่นพร้อมกับกดแตรลั่นไม่ยอมหยุด
“เงียบๆๆ” เมื่อเห็นว่าพิมมาดาไม่ยอมหยุดร้องแน่ กริสน์เลยเอามือไปปิดปาก “เงียบ..มอง
ทางดีๆ แล้วหายใจเข้าลึกๆ ผมจะอ้วกแล้ว”
พิมมาดาขับต่อไปแบบสติแตกสุดๆ ทั้งกรี๊ดทั้งวี้ดว้ายตลอดเวลา
“นายจะเอาเงินหรือเอามือถือก็เอาไปเลย แล้วก็ลงไปจากรถชั้นซะที”
“ผมไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ คุณจอดให้ผมข้างหน้าแล้วกัน”
“ชั้นไม่จอด”
“อ้าว ถ้าไม่จอดแล้วผมจะลงได้ไง”
“ถ้าชั้นจอด ชั้นจะแน่ใจได้ไงว่านายจะไม่ทำร้ายชั้น ชั้นจะชะลอให้ นายเปิดประตูแล้วโดด
ออกไปเลย”
“จะบ้าเหรอ”
“ชั้นไม่บ้า โดดออกไปเดี๋ยวนี้ ไป”
“เออๆๆๆ ก็ได้ โคตรโหดเลยคนอะไร..ชะลอสิ ช้าๆหน่อย ช้าอีกๆๆๆ”

รถกระบะของพิมมาดาแล่นส่ายฉวัดเฉวียนมาตามทาง จนกระทั่งมาจอดเอี๊ยดข้างทางด้านหนึ่ง ในรถเวลานั้น พิมมาดานั่งจับพวงมาลัยตัวนิ่ง แข็งทื่อ กริสน์นั่งหลังตรง ผวาตลอดทาง
“เรียนขับรถที่ไหนมาวะเนี่ย”
พิมมาดาได้สติ รีบลงจากรถ หยิบมือถือมากด อย่างระแวดระวังตัว
กริสน์ตามลงจากรถถามอย่างโรยแรง “คุณจะทำอะไร”
“อย่าเข้ามานะ นาย..นายเป็นโจรใช่มั้ย ถึงถูกเค้าตามล่าขนาดนี้ ชั้นจะโทรเรียกตำรวจ”
“ผมไม่ใช่โจร”
“ไม่ต้องโกหก..เดี๋ยวตำรวจมา ก็รู้เรื่องเองนั่นแหละ”
อยู่ๆ กริสน์ล้มฟุบลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย นาย..เป็นอะไร ล้มไปทำไม”
พิมมาดาใช้เท้าพลิกตัวกริสน์ขึ้นมาดู พบว่ากริสน์ถูกยิงเข้าที่ต้นแขน เลือดไหลเปื้อนเสื้อผ้า พิมมาดาตกใจ ผวาถอยกรูดออกมา
“นาย..นายถูกยิง” พิมมาดาลนลาน ทำอะไรไม่ถูก
ทันใดนั้น มือถือของพิมมาดาก็ดังขึ้น พิมมาดารีบกดรับสาย
“ฮัลโหล แจ๊ส มีอะไรด่วนหรือเปล่าน้าไม่ว่าง” พิมมาดากำลังจะวางสาย แต่ต้องชะงัก “อะไรนะ! อาการหอบของจีจ้ากำเริบ! ได้ๆๆ น้าจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
พิมมาดาวิ่งจะไปขึ้นรถ พอหันไปก็มองเห็นกริสน์นอนอยู่ข้างถนน มีเลือดไหลโทรมกาย พิมมาดาจะก้าวขึ้นรถ แต่แล้วก็ชะงัก สีหน้าลังเล

ไม่นานหลังจากนั้น รถกระบะจอดเอี๊ยด กริสน์ยังนอนอยู่ท้ายกระบะ พิมมาดารีบกระโดดลงจากรถทันที
“จีจ้า!!” รีบตะโกนเรียกเด็กๆ “แจ๊ส โจ๊ก น้องอยู่ไหน”
โจ๊กเข็นจีจ้าที่นอนดิ้นอยู่ในกะละมังใบใหญ่ๆ ออกมา แจ๊สเดินตามมาห่างๆ
“จีจ้า”
พิมมาดาถลาไปหาจีจ้า
“อาการของจีจ้ากำเริบเป็นเวลา สิบห้านาที ยี่สิบเจ็ดวินาทีแล้ว..น้าพิมหายไปไหนมา รีบ
พ่นยาให้จีจ้าเร็วๆ”
“ยา..น้าลืม..” พิมมาดารับสารภาพ
“น้าพิมลืมซื้อยาเหรอ..ทำไมน้าพิมสะเพร่ายังงี้ แล้วยังงี้จีจ้าจะ...จะรอดมั้ย” แจ๊สระล่ำระลัก
“ทำไมน้าพิมทำยังงี้ๆๆๆๆๆ” โจ๊กโวยใส่
โจ๊กกับแจ๊สกำลังโวยวายใส่พิมมาดา มีป๊อบคอร์นผสมโรงเห่าอีกด้วย
ทันใดนั้น จีจ้าที่กำลังดิ้นๆ หอบๆ อยู่ ก็แน่นิ่ง หมดสติ น็อกไป
“จีจ้า..จีจ้า ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆ” พิมมาดาร้องลั่น
ป๊อบคอร์นกระโดดเข้ามาในรถด้านคนขับ เห่าเรียกกริสน์ที่นอนสลบอยู่เบาะคนนั่งข้าง
พิมมาดาสติแตก ทำอะไรไม่ถูก
อยู่ๆ กริสน์ก็เดินแหวกเข้ามา แบบโซเซๆ ตาแดงก่ำ กัดฟันกรอดอุ้มร่างจีจ้าขึ้น ทุกคนเงียบนิ่ง และอึ้ง
“นาย..นายจะทำอะไร” พิมมาดาตกใจ
“ไปเปิดประตูรถ...เร็ว” กริสน์ร้องสั่ง
ป๊อบคอร์นเห่าอีก พิมมาดาได้สติ แต่ยังรู้สึกตกใจ รีบไปเปิดรถ

กริสน์แบกจีจ้าไป ทั้งๆ ที่มีเลือดหยดติ๋งๆ ออกมาจากบาดแผลตัวเอง โจ๊กกับแจ๊สยืนมองกริสน์แบบทึ่งๆ ทั้งคู่ตะลึงอ้าปากค้าง
อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์