หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1

ตอนเช้าตรู่ของวันนี้ที่บ้านของพิมมาดา สาวสวยวัยเฉียด 30 ปีรอมร่อ ไม่ต่างจากเช้าวันอื่นๆนัก พอฟ้าเริ่มสาง ไฟในบ้านถูกเปิดสว่างพรึ่บขึ้นมา ขณะที่นาฬิกาดิจิตัลบนโต๊ะหัวเตียง บอกเวลา ตี 5 กับ 58 กับอีกไม่กี่วิ

พิมมาดา สวมเสื้อคลุมลายวาฟเฟิลสีนวลตา กำลังแต่งหน้าอยู่ที่หน้ากระจก มือไม้สั่น ดูออกว่าอยู่ในอาการรีบเร่ง
พอเวลา 6.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกดังแหวกบรรกาศอันเงียบสงบของยามเช้าขึ้นมา
“กริ๊ง..........”
พิมมาดาสะดุ้ง มือที่สั่นๆอยู่นั้นเขียนคิ้วผิด เฉขึ้นไปที่หน้าผาก พิมมาดาโกรธตัวเอง ร้องกรี๊ด “อ๊าย...” เขวี้ยงดินสอเขียนคิ้วทิ้งไป ดึงสำลีมาเช็ดๆๆ

วิทยุในห้องแจ๊สตั้งเวลาเปิดเอง เสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้นมา เป็นเพลงจังหวะเร่งเร้าอารมณ์กระตุ้นให้ตื่น แจ๊สโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เอามือกดปิดวิทยุ พอเพลงเงียบเสียง แจ๊สมุดกลับเข้าโปง ทันใด เพลงดังขึ้นมาอีก แจ๊สโผล่ออกมาจากผ้าห่มอีกกำลังจะเอามือไปปิดอีก
“โอย...เปิดเองได้ยังไงเนี่ย” แจ๊สบ่นงึมงำ
มือแจ๊สหมายจะปิดสวิทช์อีก แต่จับไปโดนมือพิมมาดาแทน พร้อมกันนั้นพิมมาดารีบดึงตัวแจ๊สขึ้นจากเตียง แจ๊สเป็นเด็กสาวผมสั้นติ่งหู ม้าเต่อ ดูเชยมากๆ
“แจ๊ส” พิมมาดาเรียกหลานสาวพร้อมกับดึงตัวขึ้นมา หยิบผ้าขนหนูมายัดใส่มือ “ไป
อาบน้ำ” แจ๊สจะล้มตัวนอนอีก พิมรีบคว้าเอาไว้ “แจ๊ส จะลุกหรือไม่ลุก! ถ้าไม่ลุก คืนนี้ก็ไม่ต้องดูเรียลลิตี้ประกวดร้องเพลง! แล้วน้าก็จะไม่ให้ยืมโทรศัพท์ไปโหวตพี่บลู วี1ด้วย”
พิมมาดางัดไม้เด็ดออกมา ซึ่งได้ผลชะงัดนัก แจ๊สลุกดึ๋งทันที พร้อมกับตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง
“น้าพิมลำเอียง สามมาตรฐาน”
แจ๊สบ่นๆ เดินตาหยีไปคว้าแว่นตา ขอบหนาเตอะมาสวม หยิบผ้าขนหนู วิ่งกระแทกเท้าตึงๆๆ เข้าห้องน้ำ ปิดประตูดังโครม!
พิมมาดากัดฟัน อยากกรี๊ด เอามือถูคิ้วที่เบี้ยวเพื่อลบที่เขียนไปพลางตะโกนตามหลังไป
“ใครเป็นพี่คนโต คนนั้นต้องโดนปลุกคนแรก มีปัญหาไรมั้ย”

ภารกิจต่อมาพิมมาดาพาตัวเองมาอยู่ในห้องโจ๊ก พิมมาดายืนอยู่ใช้มือข้างนึงเช็ดลบคิ้ว อีกมือนึงไพล่หลังซ่อนบางอย่างไว้ พลางกวาดตามองหาไปรอบๆ และไปหยุดอยู่บนเตียงไม่มีร่างโจ๊ก
“นายโจ๊ก นายนึกว่าชั้นเป็นเพื่อนเล่นนายเหรอ” พิมเดินตรงไป กระชากบานตู้เสื้อผ้าออก
ผัวะ
จริงอย่างที่พิมมาดานึกไม่มีผิด โจ๊กใส่กางเกงมวยไทย เสื้อกล้ามและสวมหน้ากากยอดมนุษย์คนโปรด นอนขดตัวหลับอยู่ในตู้เสื้อผ้า
โจ๊กรู้ตัวหรี่ตาขึ้นมาต่อรอง “ขออีกสิบนาที”
พิมมาดากอดอก เงียบไม่ยอมตอบ
“ห้านาที” โจ๊กโพล่งขึ้นมาเอง
พิมมาดาเผยสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ที่ในมือข้างหลัง มันคือหนังสือพิมพ์ที่ม้วนแน่น จนแข็งเหมือนท่อนไม้
“สามนาที” โจ๊กหดเวลาลงมาอีก
พิมมาดาฟาดม้วนหนังสือพิมพ์นั้นกับฝ่ามือตัวเอง เสียงดังปั๊กๆๆ ฟังดูน่ากลัว
คราวนี้โจ๊กโดดเด้งดึ๋ง ถอดหน้ากากออกมาร้องโวยลั่น
“อ๊าก..น้าพิมใจยักษ์ น้าพิมพ์เป็นนางยักษ์ขมูขี ชอบตีเด็ก คอยดู โจ๊กจะไปแจ้งมูลนิธิป
วีณา”
ว่าพลางโจ๊กวิ่งจู๊ดไปคว้าผ้าขนหนู วิ่งตึงๆๆออกไป
แม้ร่างของหลานชายจะไม่อยู่แล้ว พิมมาดายังคงฟาดม้วนหนังสือพิมพ์นั้นไปมาใน
อากาศ
“ต่อให้เธอไปบอกลีน่า จัง ชั้นก็ไม่กลัว...” หญิงสาววัยเฉียดเลขสาม หันกลับมา แววตา
มุ่งมั่นหน้าโหดเหนือจริง “ต่อไป..คนสุดท้าย”

พิมมาดาอยู่ที่ห้องของจีจ้าที่เวลานี้หัวฟูยุ่งเหยิง จีจ้าดีดตัวเด้งขึ้นมานั่งทันทีราวกับอัตโนมัติ รายงานตัวเสียงแจ๋ว
“จีจ้าตื่นแล้วค่า”
พิมมาดาแปลกใจ แต่ก็รู้สึกดี “ดี งั้นก็ไปอาบน้ำ”
“ค่า..”
พอพิมมาดาหันหลังให้ จีจ้ากลับล้มตัวลงนอนอีก พิมมาดาชะงัก หันกลับมา จีจ้าเด้งตัวขึ้นอีก
“จีจ้า” พิมมาดาเสียงดัง
“ตื่นแล้วค่า”
“ตื่นแล้วก็ลุกสิ ไปอาบน้ำ”
“ค่า..”
พิมมาดาหันหลังจะเดินออกไป จีจ้าก็ล้มลงนอนอีก พิมมาดาหันขวับกลับมา
“จีจ้า” พิมมาดาเสียงขุ่น
จีจ้าเด้งตัวขึ้นมานั่งอีก “ตื่นแล้วค่า”
พิมมาดาเหลืออด เข้าไปอุ้มจีจ้าออกมาจากเตียง จีจ้าฟุบหน้าหลับตลอด จังหวะหนึ่งจีจ้าเด้งตัวมานั่งบนแขนพิมมาดาขณะที่เธออุ้มอยู่
“ตื่นแล้วค่า”
“ยังไม่ได้เรียกเลย”
“อ้าว...” จีจ้าอย่างเซ็งฟุบตัวนอนต่อ
ระหว่างที่พิมมาดาอุ้มจีจ้าออกไป แต่ต้องชะงักตรงใกล้ๆ ประตู เพราะเจ้าป๊อปคอร์น น้องหมาพันธุ์ชิววาก็ยังนอนหงายสี่เท้าหลับอยู่
“ป๊อปคอร์น ตื่น”
พิมมาดาออกไป
ป๊อปคอร์นโงหัวขึ้นมาหาว “ฮ้าว” แล้วหลับต่อ
เสียงพิมมาดาตะโกนดังเข้ามา “ป๊อปคอร์น มีคนซื้อขนมมาให้แน่ะ”
คราวนี้ป๊อปคอร์นสะดุ้งโหยง ตาโตรีบตื่น วิ่งออกไปทันที

ปลุกตื่นแล้วใช่ว่าภารกิจของสาวสวยจะจบและได้กลับไปบรรจงแต่หน้า อย่าหวัง!! เพราะในเวลาต่อมาโจ๊กกำลังบีบยาสีฟันเล่น บีบใส่จีจ้า เล่นกันวุ่นวายอยู่ในห้องน้ำ โดยเจ้าป๊อปคอร์นกระโดดเหยงๆ เห่าเล่นด้วยอีกตัว
พิมมาดาโผล่เข้ามาดุใส่ “เลิกเล่น แปรงฟันเร็วๆ”
ทุกคนรีบแปรงฟันต่อ
จีจ้าสำลักอยู่โพล่งบอก “น้าพิมแปรงฟันให้หน่อยจิๆๆๆ”
“โจ๊ก ช่วยแปรงฟันให้น้องหน่อยสิ” พิมมาดาหันไปบอกหลานชาย
“ไม่” โจ๊กเซย์โน
พิมมาดาเห็นจีจ้าสำลักอีก “มาๆๆ” เลยต้องจำใจยอมแปรงให้
“ถ้าน้าพิมแปรงฟันให้จีจ้า ก็ต้องแปรงให้โจ๊กด้วย” โจ๊กขอมั่ง
“นายโตแล้วนะโจ๊ก ชายชาตรี ต้องแปรงฟันเอง”
“โจ๊กไม่ใช่ชายชาตรี โจ๊กเป็นเด็ก เป็นเด็กมีปัญหามากๆ ด้วย” โจ๊กบอกพิมมาดา
“จีจ้าก็มีปัญหาๆๆๆ”
หลังจากนั้นโจ๊กกับจีจ้าก็กรี๊ดใส่กัน โจ๊กเอายาสีฟันบีบใส่หน้าจีจ้า พิมมาดาแย่ง ยาสีฟันปลิ้นออกมาหมดหลอด จีจ้าเปิดก๊อกน้ำสุดแรง แล้วเอามือไปอุดรู ให้น้ำฉีดใส่ทุกคน น้ำฉีดเต็มหน้าพิมมาดาเต็มๆ
แจ๊สซึ่งเดินผ่านห้องน้ำมาพอดี มองเข้าไปทำหน้าเอือมระอา แล้วเดินเลยไปอย่างไม่สนใจ

เวลาเดียวกันนั้นที่บริเวณโกดังสินค้าท่าเรือแห่งหนึ่ง แหงนหน้ามองขึ้นไปเห็นบิลบอร์ดโฆษณาสส.สุขสันต์ที่กำลังยืนยิ้มอยู่ท่ามกลางเด็กๆ โดยมีข้อความโฆษณาโครงการหรา “เยาวชนสุขสันต์ห่างไกลยาเสพติด” มองต่ำลงมาเห็นรถยนต์ 3 คัน แล่นมาเป็นขบวน ฝ่าเปลวแดดมาตามทาง
ในรถคันแรก มีชายฉกรรจ์ 5 คน รวมคนขับ รถคันที่ 2 มีคนขับหน้าตาแปลกๆ ท่าทีตลกๆเขาคือ เดช คนขับรถของ เสี่ยอธิป มาเฟียใหญ่
และคนนั่งเคียงคือกริสน์ นายตำรวจนอกเครื่องแบบซึ่งทำผมยาวเด้ดร็อค มีหนวดมีเครา รุ่มร่าม ใส่ตุ้มหู เอาแว่นดำคาดผมแทนที่คาดผม สีหน้าเคร่งขรึม กริสน์แฝงตัวมา โดยใช้ชื่อกรด
ผู้ที่นั่งอยู่ที่นั่งตอนหลังคนเดียวคืออธิป ที่วันนี้ใส่เสื้อหมีพูห์ ในมือถือโทรศัพท์ไอโฟน 4 โดยที่หน้าจอโทรศัพท์เป็นรูป โอปอล์ ลูกสาววัย 16 ที่อธิปรักปานดวงใจ เวลานั้นอธิป นั่งเลื่อนดูรูปโอปอล์ ไล่เรียงวัยตั้งแต่ทารก อนุบาล จนปัจจุบันในวัย 16 ปี รูปชุดนี้ มีถึง 4-5 เวอร์ชั่น
“ถึงเวลาที่ชั้นจะต้องล้างมือซะทีแล้ว..” อธิปรำพึงเบาๆ
กริสน์เปิดกระเป๋า หยิบเจลล้างมืออนามัยมาส่งให้ “นี่ครับ เสี่ย”
“อะไร?” อธิปมองอย่างงงๆ
“เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แบบไม่ต้องใช้น้ำ เสี่ยควรล้างมือครับ เพราะเค้าว่ากันว่า ไวรัส
2009 มันพัฒนามาเป็น ไวรัส 2011 แล้ว คำขวัญนั้นยังไม่เชยครับ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” กริสน์ในคราบกรดพูดเป็นต่อยหอย
อธิปเอาเจลเขวี้ยงใส่กริสน์ แต่พอดีเป็นจังหวะรถตกหลุมเลยพลาดไปโดนเดชเข้า...เต็มๆ
“โอ๊ย...เจ็บครับเสี่ย ผมทำอะไรผิดเนี่ย”
อธิปไม่สนใจฟังเดชหันมาใส่กริสน์
“ไอ้กรด..แกเคยได้ยินคำเปรียบเทียบว่า..ฉลาดเป็นกรดไหม..แต่มันใช้ไม่ได้กะแกจริงๆ
เพราะแกมันโง่สุดๆ ไอ้เดช...บอกไอ้กรดมันซิ ว่าที่ชั้นพูดว่า..ล้างมือ..มันหมายความว่ายังไง”
“ล้างมือ..ย่อมาจากคำว่า ล้างมือในอ่างทองคำ..มีที่มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ล..เมื่อพวกยิวจับ
พระเยซูตรึงกางเขน..ทางจักรวรรดิโรมัน..ต้องการจะแสดงออก ว่าพวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง..” เดชผู้รอบรู้ร่ายยาว
“เดช..ขอสั้นๆ..” อธิปบอกเสียงขุ่น
“แปลว่าเลิก..วางมือ..หรือลาออกจากวงการ เช่น..สำหรับนักมวย จะเรียกว่า..แขวนนวม
และสำหรับนางแบบถ่ายนู้ด..เราจะเรียกว่า..แขวนเต้า สำหรับนัก..”
เดชพูดอวดภูมิยังไม่จบดี กริสน์ในคราบกรดก็สวนขึ้น
“เข้าใจแล้วๆๆ พอแล้วครับพี่เดช ผมเข้าใจแระ..” หันมาหาอธิป “แต่..นายครับ นายจะ
ลาออกจากวงการอะไรล่ะครับ”
อธิปถอนหายใจยาวอย่างระอา
“วงการเกษตรกรสวนผสมมั้ง..ไอ้กรด ดูนี่ ดูๆๆ” ยืนโทรศัพท์ให้ดูรูปลูกสาว “น้องโอปอล์..
ลูกชั้นก็โตขึ้นทุกวันๆ แกดูดิ นางฟ้าชัดๆ” ดึงเอาโทรศัพท์กลับมาจูบ “โอปอล์ควรจะมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ดีงาม อุดมด้วยปัญญา และปราศจากพิษภัย เพราะฉะนั้น ธุรกิจเลวร้ายทั้งหมด ที่ชั้นเคยทำมา ไม่ว่าค้าอาวุธ ค้าคน หรือค้ายาเสพติด..ชั้นจะเลิกให้เกลี้ยง”
“อ่ะจิงดี้!” กริสน์โพล่งขึ้นมา
เดชเบรกรถเอี๊ยด กริสน์หน้าคว่ำ ตกเก้าอี้นั่ง เพราะมัวแต่หันหน้ามาคุยกะอธิปที่ด้านหลัง

เวลาต่อมารถเริ่มทยอยเข้าจอดเทียบบริเวณท่าเรือแห่งนั้น แล้วก็ไปจอดเรียงต่อๆ กันแบบพรึ่บๆๆ ตรงลานกว้างหน้าโกดัง
รถคันแรกสุดเปิดประตู พวกลูกน้องกลุ่มไลอ้อนคิงก้าวลงมา กระจายตัวไปทั่ว 4 ทิศ หันไปมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง
พอรถคันที่สองจอด กริสน์ปีนขึ้นมา นั่งในท่าสง่า ในมาดบอดี้การ์ด ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้ดูดี ดึงแว่นกันแดดจากหัว ลงมาที่ตาเปิดประตู ลงจากรถมา แล้วรีบไปเปิดประตูรถด้านผู้โดยสาร
อธิปลงจากรถ แต่ยังคงง่วนกับมือถืออยู่ จังหวะหนึ่งอธิปทำเสียงเล็กเสียงน้อยจ๊ะจ๋ากับลูกสาว
“โอปอล์จ๋า ป๊าเตรียมการแสดงพิเศษสุดเพื่อวันเกิดหนูแล้วน๊า”
จตุพลลงจากรถคันสุดท้าย พร้อมกับสมุนอีก 2 คน ทุกคนใส่เสื้อการ์ตูน ยกเว้นจตุพล ที่ใส่สูทสีเบจ เดินมาประกบมองอธิปด้วยสายตาสมเพช
“อยากรู้มั้ย..ป๊าไม่บอกหรอก” อธิปจ๊ะจ๋ากับโอปอล์อยู่ ก่อนจะหันมาวางมาดขรึมกับลูกน้อง “พวกมันยังไม่มาใช่มั้ย”
“ยังครับ” เดชตอบ
อธิปหันมาเห็นจตุพล ที่รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นสงบ เทิดทูน บูชาทันควัน
“เอ้อ จตุพล หลานรักของอา..หลานมีอะไรจะฝากถึงน้องมั้ย” อธิปถามยิ้มๆ
จตุพลฉีกยิ้ม อย่างเอาใจ ประจบตามนิสัยสอพลอโปรโมชั่นในสันดาน
“บอกว่า..รักนะ เด็กโง่..เอ๊ย..เด็กฉลาดของคุณพี่..จุ๊บส์ๆ” จตุพลเล่นด้วย
อธิปยิ้มแฉ่ง ดีใจ
จังหวะนั้นกริสน์ขยับแว่น แล้วมองไปที่มุมด้านหนึ่งสูงเหนือโกดังขึ้นไป

บนโกดังสูงแห่งนั้น จ่าเม้งตำรวจกำลังส่องกล้องซุ่มจับตาดูกลุ่มของอธิปอยู่ หันไปรายงานผู้บังคับบัญชาทีม หมวดภัทรดนัย
“หัวหน้าครับ เสี่ยอธิปมาถึงแล้วครับ” จ่าเม้งรายงาน
ภัทรดนัยไม่สนใจฟังกำลังง่วนกับการตรวจล็อตเตอร์รี่อยู่
“หัวหน้าครับ..”
“จะเรียกทำไม คนยิ่งเสียๆอยู่..พวกแกจับตาไว้ให้ดี ถ้าสายสืบของเราได้หลักฐานที่แน่ชัด
เมื่อไหร่ว่าเสี่ยอธิปไม่ได้วางมือจากธุรกิจผิดกฎหมายจริงๆ อย่างที่ประกาศ สายของเราจะส่งสัญญาณมา แล้วเราถึงบุกเข้าจับกุมทันที..เข้าใจมั้ย” ภัทรดนัยวางมาดเข้มหันไปง่วนกับการตรวจล็อตเตอรี่ต่อ
“ทราบครับ..เอ่อ หัวหน้าครับ”
“อะไรอีก”
“ขอยืมตรวจบ้างได้มั้ยครับ”
ภัทรดนัยทำมะเหงกใส่ แล้วตรวจล็อตเตอร์รี่ต่อ พวกลูกน้องออกอาการเซ็งไปตามๆ กัน

กริสน์หันมองไปอีกด้าน พบว่ามีเรือสปีดโบ๊ทกำลังแล่นฝ่าน้ำมาจอดเทียบท่า เดชรีบเข้าไปรายงานอธิป
“เสี่ยอธิปครับ..พวกมิสเตอร์ทาเคชิมาแล้วครับ..”
ทาเคชิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เดินออกมาพบกับอธิปโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามประกบ ทั้งหมดเข้ามาเผชิญหน้ากัน อธิปให้ลูกน้องเอากระเป๋าเงินมาเปิดให้ดู ข้างในมีเงินเต็มกระเป๋า
ทาเคชิให้ลูกน้องเข็นลังไม้ที่ใส่ของออกมาเปิด อธิปอาสาจะเข้าไปตรวจเอง
“ผมไปตรวจให้เองครับ”
อธิปหันมามองกริสน์ด้วยสายตาเป็นเชิงถามประมาณว่ามึงจะไหวไหม?
“คือ เสี่ยไม่น่าจะต้องไปเสี่ยง ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมา” กริสน์ว่า
“พวกนั้นไม่กล้าตุกติกกะชั้นหรอก” ในที่สุดอธิปเข้าไปตรวจของด้วยตัวเอง แล้วก็มีท่าทาง
ถูกใจมากๆ “เยี่ยม..เยี่ยมมาก..ของเกรดเอทั้งนั้น..เอาเงินให้เค้าไป”
กริสน์พยายามมอง แต่ไม่เห็นว่าเป็นอะไร

ภาพจากระยะไกล มองเห็นอธิปกับทาเคชิจับมือตกลงธุรกิจกันอยู่
“หัวหน้า พวกมันตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้ว จะเอายังไงดีครับ” เม้งรายงาน
“ทำไมมันยังไม่ส่งสัญญาณอีก” ภัทรดนัยดึงกล้องมาส่องเอง มองไปที่กริสน์ “ไอ้กริสน์ ไอ้
เร้กเก้สกาเอ๊ย..ยืนทำหล่ออะไรอยู่วะ ทำไมยังไม่ถอดแว่นอีก..ถอดแว่นออกสิเว้ย พวกชั้นจะได้บุก”
ที่แท้กริสน์กับภัทรดนัยตกลงกันว่า หากกริสน์ถอดแว่น ให้ภัทรดนัยบุกเข้าไปทันที!!!

ทาเคชิจับมือกับอธิปเสร็จ กำลังจะแยกย้ายกลับไป แต่พอดีหันมาเห็นกริสน์เข้าก่อน ทาเคชิเดินอาดๆ เข้ามาหากริสน์ ทุกคนเล็งว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“โอ้ว เรย์แบนด์ คลาสสิคเวอร์ชั่น ใช่มั้ยๆ..ว้าว ขอดูหน่อยสิ ถอดให้ดูหน่อย พลีส”
“เอ่อ..คือ..” กริสน์อึกอัก
“ยกให้เค้าไป เดี๋ยวชั้นซื้ออันใหม่ให้”
อธิปสั่ง กริสน์อึกอัก เหลือบมองไปด้านบน
“นายสั่ง..ให้แกถอด..ไอ้โง่ ไอ้ทึ่ง ไอ้กรด มองไปทางนั้นทำไม” จตุพลผสมโรงเอาหน้า
“ผม..ผมกลัว..รังสียูวีเอและยูวีบี” กริสน์เอ่ยออกมา
“ระหว่างรังสียูวีเอ ยูวีบี กับรังสีรองเท้าหนังเบอร์43 ของชั้น แกจะเอาอะไรว่ามา” อธิปว่า
กริสน์อึ้ง จำใจถอดแว่นดำออกมา ส่งให้ทาเคชิไป ทาเคชิดีใจมากๆ
กริสน์เหล่ๆ หรี่ตา มองดูทางที่พวกตร.อยู่ หมุบหมิบปากภาวนา
“เป็นเรื่องแล้ว...”

ภัทรดนัยส่องกล้อง เห็นกริสน์ถอดแว่นกันแดดออกส่งให้ทาเคชิ ก็เข้าใจผิดคิดไปเองว่าเป็นสัญญาณจากกริสน์
“เฮ้ย ถอดแว่นแล้ว ฮั่นแน่! มีการมองเหล่มาหลิ่วตาให้ชั้นด้วยเว้ย..ไอ้กริสน์นี่มันชิลล์จริงๆ
เพื่อนชั้น ทุกคนลุย”
ภัทรดนัยเก็บล็อตเตอรี่และนำทีมตำรวจบุกเข้าทันที

กลุ่มตำรวจจู่โจมออกมาพร้อมกันทุกด้าน โดยมีหน่วยหนึ่งโรยตัวลงมาสมทบด้วย และทั้งหมดเข้ามารุมล้อมพวกอธิปและทาเคชิเอาไว้หมด
จตุพลและบรรดาบอดี้การ์ดของอธิปยกปืนพร้อมสู้ พรึ่บพรั่บ
กริสน์ตบกะบาลตัวเอง นึกในใจ ซวยแล้วงานนี้
อธิปยกมือเป็นเชิงสั่งห้ามลูกน้องยิง
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว อย่าขัดขืน!! ยกมือขึ้น” ภัรดนัยตะโกนบอก
“นายครับ...โบราณไปมั้ยครับนาย” จ่าเม้งบอก
“เฮ้ย” ภัทรดนัยหันมาพูดกับจ่าเม้ง “อย่างงี้แหละคลาสสิก...” แล้วหันไปทางเสี่ยอธิป
“วันนี้เสี่ยไม่รอดแน่” หันไปสั่งลูกน้องน้ำสียงหมายมาด “เปิดลังเดี๋ยวนี้”
จ่าเม้งและพวกเข้าไปเปิดลังสินค้าออก ภัทรดนัยเดินเข้าไปดู พบว่าในลังมีแต่ส้มยูสุ ซึ่งเป็นส้มญี่ปุ่น สีเหลือง ผิวหนา ขรุขระ
“ส้มหรือ” ภัทรดนัยอึ้งไป
“ก็ส้มน่ะสิครับ แล้วทำไม..ตำรวจต้องมาจับพวกผมด้วย พวกผมขนส่งอย่างถูกต้อง เสีย
ภาษีทุกอย่าง” จตุพลว่า
“ใช่ครับ..นอกจากนั้นพวกเรายังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรญี่ปุ่นด้วย เพราะ
นี่คือส้มยูสุ จากหมู่บ้านอุมะจิ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะชิโกกุ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามันซี และฟลาโวนอย ที่สำคัญ..มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ” เดชผู้รอบรู้อธิบาย
ภัทรดนัยหยิบส้มมาดม “
กลิ่นหอมพิเศษรึ..มันต้องยัดไส้เอาไว้แน่ๆ ตรวจให้ละเอียด!! คิดจะใช้กลิ่นหอมมากลบ
กลิ่นยาเสพติดเหรอ หึๆ ฉลาดมาก แต่ชั้นฉลาดกว่า”
ภัทรดนัยควักมีดสั้นออกมา ยื่นให้จ่าเม้งพิสูจน์ จ่าเม้งรับมีดมารีบกรีดส้มแบะออกเป็น 2
ซีก
“ไม่มีอะไรเลยครับ”
“ลังนี้ก็ไม่มีอะไรเลยครับ” ตำรวจอีกคนบอก
“ไม่จริง!!” ภัทรดนัยหันไปถลึงตาใส่กริสน์ พูดแดกดันขึ้นมา “สายของผมไม่เคยมั่ว ไม่
เคยซี้ซั้ว ไม่เคยผิดพลาด”
กริสน์รีบเมินหน้าหนีแทบไม่ทัน
“งั้นคุณก็ไล่สายของคุณออกได้แล้ว ส้มพวกนี้ ผมจะทำเยลลี่ผลไม้ เพื่อนำมาเป็นสินค้าตัว
แรก ของโรงงานขนมดีมีประโยชน์ ยี่ห้อ สวีทโอปอล์ แปลกตรงไหน” อธิป บอก
“แล้วทำไมไม่นัดกันแบบคนปกติ ทำไมต้องทำยังกับนัดส่งยาบ้า” ภัทรดนัยซัก
“อ้าว ก็ผมชิน เคยแต่นัดส่งของแบบนี้ มาสามสิบกว่าปี จะให้ผมไปนัดแบบอื่น ผมทำใจ
ไม่ได้หรอก..ผมบอกว่าผมจะล้างมือจากวงการมาเฟียแล้ว ทำไมตำรวจไม่เชื่อใจผมเลย”
ภัทรดนัยอึ้ง หันไปมองกริสน์ กริสน์ยกปืนและส่ายหน้าถี่ๆ
ตำรวจหันปืนเล็งมาที่กริสน์พร้อมกันพรึ่บพับ ทันใดนั้นทั้งจตุพลทั้งลูกน้องอธิปก็หันปืนไปจ่อตำรวจเช่นกัน เหมือนจะเริ่มยิงกัน ทุกคนตกอยู่ในความเครียด
“เอ่อ...” กริสน์เอามือที่ถือปืนบังแดดที่ตา “ผมแสบตาจากรังสียูวีเอน่ะ...”
จตุพลหันมา มองหน้าสมุนทีละคน
“ตำรวจรู้กำหนดการนี้ได้ แสดงว่า..ต้องมีหนอนตำรวจแทรกซึมอยู่ในพวกของเราแน่ๆ
ใคร!!”
จตุพลคาดคั้นสมุนทุกคน
ทันใดนั้นเอง บริเวณห่างออกไปมีกลุ่มคนขี่มอเตอร์ไซค์ ใส่ชุดวอร์มสีส้ม เหลือง และชมพู มาจอด 5-6 คัน เว้นระยะห่างกันแบบรอบด้าน ครบทั่วทุกมุม
“เสี่ยสั่งคนมาล้อมตำรวจอีกทีนึงเหรอครับ โหว เสี่ยมองการณ์ไกลสุดเลยครับ”
“ไม่ใช่พวกชั้น ชั้นไม่รู้เรื่อง” อธิปปฏิเสธลั่น
“ไม่ใช่พวกเรา ไม่ใช่พวกตำรวจ แล้วมันพวกไหน” จตุพลเองก็สงสัย
กลุ่มคนพวกนั้นควักปืนอูซี่ออกมา ขึ้นลำอย่างพร้อมเพรียง แล้วก็กราดยิงมาเป็นชุดราวกับห่าฝน
“ปังๆๆๆๆ”

ทุกคนกระโดดหาที่กำบัง กลุ่มตำรวจพยายามจะยิงตอบโต้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะคนร้ายระดมยิงแบบไม่เว้นจังหวะให้โงหัวได้

กริสน์มาหลบอยู่ที่เดียวกับภัทรดนัย
“ไอ้กริสน์ ไอ้สายสืบห่วยแตก ไม่มีหลักฐานแล้วถอดแว่นให้สัญญาณหาสวรรค์อะไรวะ”
ภัทรดนัยโวยใส่
“ก็อาเฮียทาเกชิแกอยากได้แว่นชั้น แล้วไอ้อธิปให้ชั้นถอดให้เว้ย..ก็บอกแล้วไง ว่า
สัญญาณแบบนี้มันง่ายไป อาจเกิดความผิดพลาดได้ แกก็ไม่เชื่อชั้น! แล้วไอ้พวกที่มาดักยิงอยู่นี่ พวกไหนวะ” กริสน์สงสัยไม่หาย
“ไม่รู้เว้ย..ไปๆ เดี๋ยวพวกมันเห็น สถานะแกจะถูกเปิดเผย” ภัทรดนัยบอก
“ใช่” กริสน์ชกไปเต็มๆ ที่ใบหน้าภัทรดนัย...ตุ๊บ “เฮ้ย...แก...ไอ้ตำรวจ”
แล้วกริสน์วิ่งออกไป ภัทรดนัยร้องโอดยโอย
“โอย...ไอ้นี่ทีเผลอ...สมจริงไปรึเปล่าวะ”
แต่พอภัทรดนัยจะออกไปบ้าง กลับมีกระสุนรับขวัญสลอน ยิงมาดักหน้าเอาไว้
“ปังๆๆๆ”
ภัทรดนัยโดดหลบเหยงๆ บ่นงึมงำ

“ทีเวลาไอ้กริสน์ไป พวกมึงไม่ยิง ทีพอกูจะไป ยิงเป็นห่าฝนเลยนะ”

จตุพลแอบหลบอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ไอ้กู๋อธิปเอ๊ย ไอ้แก่หวงสมบัติ ชั้นเป็นหลานแท้ๆ แต่แกไม่เคยเห็นหัว งั้นแกก็ตายๆ ไปซะ
เถอะ”
จตุพลหันไปเห็นหัวหน้าการ์ดกำลังปกป้องอธิปอยู่ จตุพลมองไปอีกด้านไกลๆ เห็นทีมสังหารสไนเปอร์ซุ่มอยู่ จตุพลตาวาว คิดจัดการอธิป
จตุพลตะโกนสั่ง “ไอ้เดช!! พากู๋ไปที่รถ..ฝ่าไปเลย เดี๋ยวชั้นยิงกันให้ ไป”
“เสี่ยครับ นับหนึ่งถึงสาม วิ่งเลยนะครับ..โอเค สาม” เดชว่า
“ฮะ แล้ว 1 กับ 2 ล่ะ อธิปยังมีเวลายิงมุก
เดชวิ่งพาอธิปออกไปทันที จะพาไปที่รถ
จตุพลแอบผุดยิ้มร้ายออกมา ด้วยความสาสมใจ

กริสน์วิ่งผ่านมาหลบใกล้ๆ กัน กำลังมองหาทางหนี แต่อยู่ๆ มีแสงสะท้อนมากระทบตา กริสน์หันไปมองที่แสงนั้น เห็นร่างคนซุ่มอยู่ไกลออกไป นอนอยู่ในท่าซุ่มยิงแบบสไนเปอร์ กริสน์ มองเป้าหมายที่สไนเปอร์เล็ง พบว่าเป็นอธิปที่กำลังออกมาจากกำบังพอดี
สไนเปอร์เหนี่ยวไก ยิง
“ระวัง”
กริสน์ตะโกน พร้อมกับกระโจนไปผลักอธิปออก เอาตัวเองบังแทน กริสน์ถูกยิงเข้าอย่างจัง ล้มฟุบลงไปแล้วหมดสติทันที
“ไอ้กริสน์”
ภัทรดนัยตกใจจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกยิงกันเอาไว้ จนต้องถอยหลบออกมา

ปล่อยให้กริสน์นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น

อ่านมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 1
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์