หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18
บริเวณหน้าบ้านลำเภาตอนกลางวัน วัชระพูดกับธีธัช ในมือถือแซนวิช ระหว่างคุยก็กินไปด้วย
“ฉันไปไม่ได้ว่ะ ติดงานด่วน แต่ฉันฝากของไอ้กริชไปช่วยแล้ว แล้วแกไปหรือเปล่า”
ธีธัชส่ายสายตามองหาลำเภาไปรอบๆบ้าน
“ไม่ได้ไป แต่ฝากเงินไปแล้ว”
ลำเภาเดินเข้ามาในชุดสะพายเป้ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าใส่อุปกรณ์การแพทย์ ธีธัชชะงักในความน่ารัก

“จะไปไหน” ธีธัชถามขึ้นอย่างห้วนๆ
“ไปช่วยคุณกริช ช่วยคนน้ำท่วม”
“เธอเนี่ยนะ”
“ฉันนี่แหละ”
“ตัวกระเปี๊ยก โดนน้ำก็แทบจะละลายอยู่แล้ว จะไปช่วยใครเค้าได้”
วัชระส่ายหน้านิดๆ นึกขำในความปากร้ายของธีธัช
“อย่างฉันไม่ใช่ช่วยแค่คนอย่างเดียว หมู หมา ช้าง ม้า วัว ควาย” สำเภาพลางสะบัดมาทางธีธัชแล้วพูดต่อ
“ฉันก็ช่วยได้ อย่างนาย ... มือไม่พาย ก็อย่าเอาเท้ามาราน้ำ ทำอะไรก็ไม่ได้นอกจากหลีหญิงไปวันๆ ไร้สาระ”
ธีธัชเชิดหน้าไม่ยอมรับ แถมยังแบะปาก ล้อเลียนเหมือนเด็กๆ
ลำเภาหันมาทางวัชระ
“คุณวัช..ฝากดูลูกๆด้วยนะ เภาไปล่ะ”
ธีธัชแอบหมั่นไส้กับคำว่า “ลูกๆ” ในขณะที่วัชระพยักหน้ารับ
“นี่..แล้วเธอจะไปยังไง ขบวนรถของไอ้กริชมันออกไปตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไปกับลูกค้ากิตติมศักดิ์ของคุณกริช พอดีบ้านเค้าอยู่แถวนี้ เค้าก็จะตามไปช่วยน้ำท่วมด้วย ก็เลยแวะมารับ แล้วก็ไปด้วยกัน”
“ลูกค้ากิตติมศักดิ์เนี่ยนะ .. ใคร”

ลูกค้าของกริชชัยที่ลำเภาว่าเป็นหนุ่มหล่อ หน้าตาดี ผิวคล้ำ คมเข้ม เป็นผู้ใหญ่กว่า และดูภูมิฐาน
“คุณลำเภา น้องสาวของคุณกริชใช่มั้ยครับ” ลูกค้าถามเพราะไม่เคยเจอหน้าลำเภามาก่อน
ลำเภายิ้มสดใสรับ ข้างๆ เห็นวัชระยืนยิ้ม แต่ธีธัชยืนหน้าบูดอยู่
“ใช่ค่ะ คุณเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของคุณกริชใช่มั้ยคะ”
“โห..จริงๆ ก็ไม่ได้กิตติศักดิ์อะไรหรอกครับ แค่ลูกค้าธรรมดา”
“หน้าตาดีแล้วยังถ่อมตัวอีกนะคะ ไม่เหมือนคนบางคน ที่ชอบหลงตัวเอง” ลำเภาพูดพลางปรายตามาทางธีธัชอย่างจงใจ
ธีธัชรับสายตาลำเภาอย่างรู้ทัน แล้วสวนกลับทันที
“เธอว่าใคร ยัยหนูตะเภา”
ลูกค้ากิติมศักดิ์ของกริชชัยถึงกับตกใจทำหน้าไม่ถูก
วัชระรีบแทรกตัดบททันที
“ผมว่าเรารีบขนของขึ้นรถ แล้วคุณกับเภารีบไปกันดีกว่าครับ จะได้รีบตามไปสมทบกับคนอื่น”
“ครับๆดีครับ”
ลูกค้าและวัชระรีบช่วยกันยกถุงอาหารและของบริจาค ในขณะที่ธีธัชกับลำเภายังยืนเชิดใส่กันแบบไม่
มีใครยอมใคร จนวัชระต้องหันมาเรียก
“ไอ้ธี มาช่วยกันหน่อยสิเว้ย เร็ว”
ธีธัชจำใจต้องไปช่วย อย่างเลี่ยงไม่ได้ ลำเภามองดูด้วยความสะใจ

ลูกค้าของกริชชัยมัดเชือกขึงคลุมผ้าเต้นท์บนรถกระบะอย่างทะมัดทะแมง เผยมัดกล้ามที่ต้นแขน ลำเภายืน
อยู่ข้างๆ มองแล้วอมยิ้มพร้อมกับพูดเบาๆว่า
“ล่ำดีจริงๆ”
ธีธัชปรายตามมองลำเภาด้วยความหมั่นไส้ ทว่าในใจซุกซ่อนความหึงหวงไว้ และ เมื่อปรายตามามองกล้ามตัวเองก็พบว่า มัดกล้ามของตัวเองเล็กกว่าลูกค้าของกริชชัยมาก
“นอกจากเภาแล้ว มีคนอื่นไปกับคุณอีกหรือเปล่าครับ” วัชระถามขึ้น
“ไม่มีครับ ผมไปกับคุณลำเภาแค่สองคน”
ลำเภาฉีกยิ้มกว้าง ธีธัชหันขวับมาเห็นพอดี แอบหมั่นไส้ ตัดสินใจฉับพลันแล้วรีบโพล่งขึ้นทันที
“ผมไปด้วย”
ลำเภาหุบยิ้มทันที
“แกจะไปไหน “ วัชระถาม
“ไปช่วยน้ำท่วมไง”
“แกเนี่ยนะ” วัชระใจเดียวกับลำเภาพูดขึ้นพร้อมกัน
“ใช่..ฉันนี่แหละ เรารีบไปกันดีกว่านะครับ ผมอยากจะช่วยสังคมเต็มที่แล้ว สำนึกสาธารณะกำลังตื่นตัวเลย ไปครับ”
“ครับ” ลูกค้ายิ้มรับอย่างไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว และรีบเดินนำขึ้นรถไป
ธีธัชเดินด้วยหน้าตาเบิกบานขึ้นรถไปนั่งหน้าคู่กับคนขับทันที ลำเภามองธีธัชด้วยหางตาอย่างรู้ทัน
“ฟอร์มหมาใหญ่อีกตามเคย” ลำเภาพึมพำ
วัชระหันมามองลำเภา …
ขณะที่ลูกค้าขับรถออกไป ธีธัชโผล่มือออกมาโบกลาวัชระ วัชระโบกมือส่ง
“สำอางค์อย่างไอ้ธีเนี่ยนะ...ยอมไปลุยช่วยคนท่วม”
“มันเป็นอะไรของมัน” วัชระคิดและเริ่มสงสัย

ธีธัชส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มาบอกกรกนก
“วันนี้ไปช่วยคนน้ำท่วม กับบริษัทไอ้กริชนะ กลับพรุ่งนี้เย็นๆจ้ะ”
กรกนกอ่านข้อความด้วยความแปลกใจ
“ผีเข้าแน่ๆ ธีเนี่ยนะ ไปช่วยคนน้ำท่วม ..หรือว่าอ่านผิด”
กรกนกก้มอ่านข้อความจากโทรศัพท์มือถืออีกที
“ต้องไปเพราะผู้หญิงแน่ๆ”
กรกนกพูดอย่างรู้ทันพลางคิด ...
“บริษัทคุณกริช..หรือว่า”
กรกนกคิดถึงลำเภาขึ้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น..คิดดังนั้น แววตาของกรนกก็เศร้าหม่นลงเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจพิมพ์กลับไป
“โชคดี”

เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือ ธีธัชหยิบมากดอ่าน หน้าจอขึ้นว่ากรกนกส่งมาว่า “โชคดี” ธีธัชเก็บโทรศัพท์ไม่ได้รู้สึกถึงนัยยะของคำว่าโชคดีของกรกนกว่ามันเศร้าแค่ไหน ธีธัชยิ้มนิดๆ แล้วก็ปรายตามามองลำเภาที่นั่งอยู่เบาะหลัง
ลำเภาหลับอ้าปากหวอเหมือนเด็กๆ หมดสภาพ ธีธัชส่ายหน้าด้วยความสมเพช โดยที่ธีธัชไม่รู้เลยว่าจริงๆมันคือความบริสุทธิ์ที่เขาต้องการ
ลำเภาหลับหัวสั่นหัวคลอน ธีธัชค่อยๆเปลี่ยนจากความสมเพชเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

กรกนกวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่หน้ากระจก แล้วนั่งนิ่งไม่ไหวติง..มองตัวเองผ่านกระจกด้วยด้วยความหดหู่อยู่ลึกๆ จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กรกนกหันไปมองด้วยความหน่ายๆ กรกนกหยิบมาดู พอเห็นชื่อก็แปลกใจ ..

เนตรนภัสนัดกรกนกไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง.
เนตรนภัสถามกรกนกด้วยความอยากรู้ และร้อนใจอย่างสุดๆ
“เรื่องที่แหนมอยากจะคุย เป็นเรื่องของเจ้านายคุณกร ยัยผู้หญิงที่เป็นเพื่อนบ้านคุณกริช”
“คุณฝ้ายน่ะเหรอคะ”
“ใช่..ยัยนั่นแหละ..แหนมอยากรู้ว่ามันมีแฟนหรือยัง”
กรกนกชะงักนิดๆที่เนตรนภัสเรียกสุพรรณิการ์ว่ามัน
“แล้วมันสนิทสนมกับวัชแค่ไหน มันเคยไปไหนมาไหนกับวัชหรือเปล่า”
“คุณฝ้ายเธอยังไม่มีแฟนค่ะ เธอสนิทกับคุณวัชแค่ไหน กรไม่ทราบ และเธอเคยไปกับคุณวัชหรือเปล่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“อะไรๆ ก็ไม่ทราบ..ถามจริงๆ ไม่รู้หรือว่าช่วยปิดบัง”
กรกนกพยายามทำใจเย็น
“ถ้าคุณแหนมไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะคะ กรจะได้กลับ”
กรกนกทำท่าจะลุกกลับ เนตรนภัสรีบจับแขนไว้
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป..โอเคๆ เชื่อก็ได้”
กรกนกนั่งลง เนตรนภัสเสียงอ่อนลง แล้วก็ระบายความในใจออกมา
“ที่แหนมถามก็เพราะมีคนเห็นวัชไปดูคอนเสิร์ตกับผู้หญิงอื่น แหนมจนปัญญาไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ผู้หญิงในชีวิตวัชที่แหนมรู้จักก็มีอยู่แค่สามคน คือ แม่เค้า ยัยเด็กบ๊องน้องคุณกริช แล้วก็ยัยฝ้าย”
กรกนกรับฟังด้วยความเห็นใจ
“แม่เค้าไม่ใช่แน่นอน ส่วนยัยเด็กบ๊องก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นก็เหลือคนเดียวที่น่าสงสัย”
“คุณกรช่วยแหนมสืบหน่อยได้มั้ยคะ แหนมอยากรู้ว่าใช่มันหรือเปล่า”
“กรเข้าใจความรู้สึกของคุณแหนม..กรรู้ว่ามันเศร้าแค่ไหนที่รู้ว่า..คนรักของเราไปกับคนอื่น”
กรกกนกคิดถึงตัวเอง เนตรนภัสนั่งฟัง กรกนกพูดต่อ
“แต่กรช่วยไม่ได้จริงๆ..ขอโทษด้วยนะคะ”
“คุณกรต้องการเท่าไหร่ บอกมาเลยค่ะ”
กรกนกชะงักทันทีเพราะคิดไม่ถึงว่า เนตรนภัสจะกล้าที่จะคุยเรื่องแบบนี้กับคนที่ไม่คุ้นเคย
“คุณกรไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ช่วยสืบว่าสองคนนั้นนัดเจอกันหรือเปล่าหรือถ้าเห็นอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ รีบโทร.บอกแหนมทันที ที่เหลือแหนมจัดการเอง” เนตรนภัสว่าต่อ
กรกนกปฎิเสธอย่างอ่อนโยน และเห็นใจ
“ขอบคุณที่ยื่นข้อเสนอมาให้ แต่กรช่วยไม่ได้จริงๆ”
“คุณกร”
“ขอโทษด้วยนะคะ”
กรกนกตัดบทและค่อยๆลุกและเดินออกไป ปล่อยให้เนตรนภัสนั่งจมอยู่กับความเครียดที่ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องวัชระ
กรกนกเดินออกมานอกร้าน..และตัดสินใจมองกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง กรกนกเห็นเนตรนภัสนั่งหน้าเครียด ไม่มีความสุขอยู่ในร้านอาหารที่แสนจะสวยหรู เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อดหดหู่ใจแทนไม่ได้

เนตรนภัสใช้ความคิดอย่างหนักด้วยการใช้นิ้วเคาะโต๊ะ ฉับพลันก็นึกได้หันไปหยิบโทรศัพท์มาโทร.หากริชชัยเนตรนภัสรอสาย แต่ไม่มีคนรับ เนตรนภัสกดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมคุณกริชไม่รับสาย”
โทรหาธีธัช
“โอ้ย..ธีก็ไม่รับ”
เนตรนภัสโทร.ออกอีกครั้ง
“เบอร์วัชก็ไม่เปิด”
เนตรนภัสเหลืออด กระแทกโทรศัพท์บนโต๊ะและพลางสบถ
“บ้าจริงๆ ติดต่อใครก็ไม่ได้ หายหัวไปไหนกันหมด”

กริชชัย อรุณศรี และพนักงานในบริษัทบางคนนั่งอยู่บนเรือท้องแบนของชาวคณะเอ็มกรุ๊ป บนเรือมีถุงยังชีพที่จะนำไปแจกจ่ายวางอยู่ เรือแล่นเข้ามาในหมู่บ้านที่น้ำท่วม กริชชัยส่งของให้ชาวบ้านและพูดคุยถามไถ่ด้วย
ความเป็นห่วง อรุณศรีมองดูอยู่ไม่ห่างสายตา

ที่บ้านอีกหลัง อรุณศรีก็ส่งของให้ชาวบ้าน และยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ มีกริช
ชัยมองอยู่ใกล้ๆ

บ้านที่เรือเข้าไม่ได้ กริชชัยลงไปลุยด้วยตัวเอง อรุณศรีมองกริชชัยด้วยความชื่นชม จนเรือแล่นจอดเทียบที่อาคารที่พักซึ่งมีชาวบ้านมาหลบน้ำท่วมอยู่หลายคน กริชชัย อรุณศรี เบญลี่และพนักงานคนอื่นช่วยกันยกของลงจากเรือและนำไปในชาวบ้านที่อยู่บนอาคาร

อรุณศรีเดินขนของอยู่แต่ด้วยความลื่นของพื้น ทำให้อรุณศรีเสียหลักจะล้ม กริชชัยเข้ามาประคองไว้ อรุณศรีขอบคุณอย่างอายๆ แล้วก็ทำหน้าที่ขนของต่อ กริชชัยยิ้มนิดๆ ด้วยความตื่นเต้น ที่ได้ใกล้ชิดกับอรุณศรี

ทั้งกริชชัยและอรุณศรีช่วยเหลือคนอื่นด้วยความตั้งใจและทุ่มเท บรรยากาศการช่วยเหลือเต็มไปด้วยความอบอุ่น กริชชัยและอรุณศรีมีความสุขที่เห็นรอยยิ้มของชาวบ้าน

กริชชัยแอบมองอรุณศรียิ่งเห็นเธอทำงานแบบไม่ห่วงสวย ลุยเต็มเหนี่ยว กริชชัยยิ่งตอบตัวเองได้ว่า... นี่แหละคือผู้หญิงที่เค้าต้องการ

หน้าบริษัท M Group หลือพนักงานอยู่ไม่มาก บรรยากาศเงียบกว่าทุกวัน ปรานต์เดินเข้ามาและหยุดมองเข้าไปด้วยแววตาไม่เป็นมิตร และเดินอาดๆเข้าในบริษัท..

ปรานต์เดินเข้ามา แล้วก็เดินตรงดิ่งมาที่เคาน์เตอร์ โอเปอเรเตอร์ของบริษัทนั่งรับโทรศัพท์อยู่ ปรานต์เพ่งอ่านป้ายประชาสัมพันธ์เรื่องบริจาคของน้ำท่วมอยู่ทางด้านหลังด้วยความสนใจ ป้ายนั้นบอกสถานที่ที่นำของไปบริจาคอย่างชัดเจน แววตาของปรานต์เหมือนเจอเบาะแสใหญ่
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
“ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”

ป้ายแบรนเนอร์ของคณะ “M Group ประสานน้ำใจต้านภัยน้ำท่วม” ติดอยู่ที่ผนังโถงของโรงแรม
ต่างจังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่ง ข้าวของถูกแบ่งเป็นกล่องๆ กองๆ บางส่วนใส่ถุงไว้แล้ว บางส่วนยังไม่ได้
ใส่ถุง พนักงาน 5-6 ช่วยกันบรรจุอย่างขะมักเขม้น
ลำเภา ธีธัช และลูกค้าช่วยกันยกของมาสมทบ ลำเภาวางของไว้ และรีบเสนอตัว
“พี่คะ เดี๋ยวเภาช่วยแพ็ก ต้องทำยังไงบ้างคะ”
พนักงานที่แพ็กของอยู่มาช่วยสอน ลำเภาฟังอย่างตั้งใจ ลำเภากุลีกุจอลงไปนั่งช่วยพนักงาแพ็กของ
ธีธัชวางของ พร้อมกับปาดเหงื่ออย่างเหนื่อย
“ยัยหนูตะเภาหายไปไหน “
ธีธัชมองไปมองมาก็เห็นว่า ลำเภากำลังบรรจุของใส่ถุงยังชีพอย่างทะมัดทะแมง
“ไฟแรงจริงๆ” ธีธัชแอบประชดประชัน
ทันใดนั้นลูกค้าก็ปาดหน้าธีธัชเข้ามายืนประกบลำเภา
“ผมช่วยครับ น้องเภา”
“น้องเภา”
ธีธัชรำพึงคำว่าน้องเภาพร้อมๆกับแบะปาก
“ ขอบคุณค่ะ มาค่ะ เดี๋ยวเภาสอนให้”
ธีธัชมองดูลำเภาสอนลูกค้าด้วยสายตาหึงหวง

พนักงานช่วยกันขนของขึ้นรถกระบะยกสูงจนเต็มรถ พนักงานคนหนึ่งหันไปเห็นออฟโรดของลูกค้าจอดอยู่ก็ถามขึ้น
“รถคันนี้ของใครครับ ผมจะรบกวนช่วยขนของไปส่งที่เต็นท์ส่วนกลางได้มั้ยครับ”
ธีธัชหันขวับแล้วก็ตะโกนกลับไปราวกับเจ้าของรถ
“ได้ครับ เดี๋ยวจัดให้”
ลำเภากับลูกค้ายืนช่วยกันแพ็กของอย่างสนิทสนม ทันใดนั้นธีธัชก็เดินแทรกเข้ามาระหว่างสองคน
“ขอโทษนะครับ”
ทั้งลำเภาและลูกค้าต่างก็งงที่เห็นธีธัชยืนอยู่ตรงกลางก่อนที่จะหันมาทางบอกลูกค้า
“คือว่ารถที่มีอยู่ไม่สามารถบรรทุกของไปส่งที่เต็นท์ส่วนกลางได้หมด คุณช่วยขับไปอีกคันได้มั้ยครับ”
ธีธัชพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นการเป็นงานเป็นการ
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา”
“งั้นก็เชิญครับ ทางด้านโน้นเลยครับ” ธีธัชยิ้มกว้าง
ธีธัชผายมือให้ลูกค้าเดินไปอีกทางซึ่งลูกค้ารีบเดินไปอย่างว่าง่าย และเต็มใจ ลำเภาปรายตาแล้วก็เปรยๆขึ้น
“นึกว่าเนียนหรือไง”
“เนียนอะไร “ ธีธัชปากแข็งไม่ยอมรับ
“กำจัดคู่แข่งแบบเนียนๆไง นึกเหรอว่าฉันไม่รู้ ที่มาไล่คุณลูกค้าไป เพราะหึงอ่ะดิ”
“หึงเธอเนี่ยนะ .. หึงเพื่อ ฉันจะบอกให้นะ ผู้ชายอื่นที่เค้ามาสุงสิงกับเธอมันก็แค่ผิวเผิน ถ้าเค้าสัมผัสความเพี้ยนในตัวเธอได้เมื่อไหร่ รับรองเผ่น”
“หึหึหึหึ” ลำเภาหัวเราะกวนเหมือนเดิม
“นี่เลิกหัวเราะแบบนี้สักทีได้มั้ยหะ มันกวนประสาท” ธีธัชหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“คนไม่ยอมรับความจริง เป็นแฟนก็ไม่ยอมรับ ชอบก็ไม่ยอมรับ หึงก็ยังไม่ยอมรับอีก.. เห็นแล้วมันเลยขำ”
ลำเภาทำหน้ากวน แล้วก็ลอยหน้าลอยตาเดินไปช่วยพนักงานที่มุมอื่นต่อไป ธีธัชพูดไล่หลัง
“ที่ฉันไม่ยอมรับ เพราะมันไม่เป็นความจริง”
ลำเภาลอยหน้าไม่สนใจ หันไปแพคของอีกมุม จู่ๆก็มีหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างหลังหันมาเห็นลำเภายืนน่ารัก
อยู่ ก็ยิ้มแฉ่ง แล้วก็ฟอร์มเข้ามาคุยด้วย
“ผมช่วยนะครับ”
ลำเภายิ้มและพยักหน้าแทนคำตอบ
ธีธัชสะอึกถึงกับหน้าเสียทันที .ไล่ไปคนหนึ่ง มาอีกคนหนึ่งแล้วเหรอ.ลำเภายิ้มนิดๆด้วยความสะใจเว้ย

เวลาแห่งราตรีเริ่มต้นขึ้นอีกค่ำคืนหนึ่ง ป้ายร้านสาดสุราเปิดไฟเตรียมต้อนรับลูกค้า สุพรรณิการ์นั่งคุยกับกรกนกในมุมสงบด้วยสีหน้าจริงจัง
“กรก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณแหนมถึงระแวงคุณฝ้าย พยายามจะยัดเงินให้กรคอยส่งข่าว แต่กรไม่ได้รับ ที่มาบอกคุณฝ้ายเพราะจะได้รู้ตัว และระวังตัวไว้ คุณแหนมคงไม่หยุดแค่นี้แน่”
สุพรรณิการ์ครุ่นคิด
“แต่จะว่าไป..เค้าพูดถูกนะคะ”
กรกนกแปลกใจ สุพรรณิการ์พูดตรงๆ
“ฝ้ายไปดูคอนเสิร์ตกับคุณวัชมาค่ะ”
“แต่ไปในฐานะเพื่อนนะคะ เจอกันที่หน้าคอนเสิร์ต ดูจบแล้วก็แยกย้ายกันกลับ ไม่มีอะไรต่อจากนั้น” สุพรรณิการ์ยอมรับความจริง
กรกนกถึงกับพูดไม่ออก
“เอ่อ.. คุณฝ้ายไม่มี แล้วคุณวัชมีหรือเปล่าคะ”
สุพรรณิการ์คิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“คงไม่มั้งคะ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ฝ้ายกับคุณวัช เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”
กรกนกฟังแล้วก็นิ่ง แอบสังหรณ์บางอย่างในใจ แต่เลือกพูดแค่บางส่วน
“ถึงจะเป็นเพื่อน คุณแหนมก็คงไม่พอใจ ระวังตัวไว้ก็ดีนะคะ .. คุณแหนมเธอเป็นคนแรงใช้ได้เลย ถ้าโกรธหน้ามืดขึ้นมา อาจจะทำอะไรที่เราคิดไม่ถึง”
“ขอบคุณค่ะ ฝ้ายจะระวังตัว..หวังว่าการไปดูคอนเสิร์ตแค่ครั้งเดียวจะไม่ทำให้ซวยไปตลอดชีวิตนะคะ”
สุพรรณิการ์พยายามจะมองโลกในแง่ดี กรกนกแอบสังหรณ์ใจด้วยความกังวลและคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่าย

หน้าร้านสาดสุรา ฯ นรีวรรณยืนอยู่กับเพื่อน นรีวรรณยืนอึ้ง ตามองมาที่สุพรรณิการ์ราวกับ
โดนมนต์สะกด
“ผู้หญิงคนนี้”
เพื่อนที่ยืนเม้าท์อยู่ข้างๆ หันมาถามด้วยความสงสัย
“ไอ้นุ้ย เป็นอะไร แกมองใครวะ”
นรีวรรณยังอึ้งอยู่เพราะคาดคิดไม่ถึง
“กิ๊กแฟนพี่แหนม”
“ถามจริง”
เพื่อนขาเม้าท์ทุกคนตกใจ นรีวรรณไม่ตอบรีบล้วงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปทันที
“โชคดีจริงๆ ที่แบตไม่หมด”
นรีวรรณกระหน่ำถ่ายรูปสุพรรณิการ์อย่างเร็ว หลังถ่ายเสร็จก็อมยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะกดไล่เช็กกับรูปเดิมที่เคยถ่ายไว้ขณะที่ไปดูคอนเสิร์ตกับสีรุ้ง นรีวรรณมั่นใจว่าภาพผู้หญิงคนนี้กับผู้หญิงที่เห็นในงานคอนเสิร์ต เป็นคนเดียวกัน
“คนเดียวกันชัวร์” นรีวรรณปรากฏรอยยิ้มร้ายบนริมฝีปาก

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์