หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18/3
ที่สวนภายในโรงแรม ปรานต์ร้องโอดโอยทรุดหมอบอยู่ที่พื้น ปรานต์มองหน้าอรุณศรีแสร้งร้องขอความช่วยเหลือ

“แอ๊วช่วยปรานต์ด้วย”
อรุณศรีมองปรานต์ด้วยความสมเพชมากกว่าสงสาร กริชชัยมองหน้าอรุณศรีด้วยความอยากรู้ใจเธอ
ลำเภาวิ่งมาพร้อมกับพนักงานบางคน เข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
“คุณกริชเกิดอะไรขึ้น”

กริชชัยยังไม่ทันจะได้บอก ปรานต์เห็นเป็ฯจังหวะดีที่จะฉีกหน้ากริชชัยแต่อลูกน้องทุกคนจึงรีบพูดแทรกขึ้น
“มันมาแย่งแฟนฉัน เจ้านายของพวกแก..จะแย่งแอ๊วไปจากฉัน”
อรุณศรีได้ยินถึงกับรับปรานต์ไม่ได้
“ปรานต์..พอได้แล้ว หยุดพูดได้แล้ว”
ลำเภารีบแกห้สถานการณ์ด้วยการพยักหน้าให้ทุกคนกลับไปที่ห้องอาหาร
“ตรงนี้ฉันจัดการเอง กลับไปทานข้าวกันได้แล้ว”
ปรานต์เห็นคนกำลังจะเดินไปจึงเล่นละครต่อไป
“ไม่หยุด ... ทุกคนเค้าจะได้รู้ความจริงกันไปเลย ไอ้เจ้านายไฮโซของพวกแก ที่แท้ก็เป็นแค่ผัวเก็บ ผัวตัวจริงของแอ๊ว..คือฉัน”
อรุณศรีได้ยินอย่างนั้นถึงกับโกรธจนตัวสั่น พูดด้วยเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ
“เราสองคนยังไม่เคยมีอะไรกัน ไม่มีสิทธิ์มาอ้างความเป็นสามี” อรุณศรียืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง
กริชชัยมองหน้าอรุณศรีด้วยความเห็นใจ
ลำเภามองตาดุหันมาทางพนักงานบางคนยังยืนอยู่ พนักงานรู้ตัวรีบเดินกลับไป เบญลี่กำลังวิ่งมาพร้อม
กับรปภ.
“รปภ.มาแล้วค๊า” เสียงแจ๋นๆของเบญลี่ดังมาแต่ไกล
ปรานต์มองหน้าอรุณศรีด้วยความแค้น ฝ่ายอรุณศรีก็มองหน้าปรานต์อย่างเอาจริงและไม่กลัวเหมือนกัน
“หุบปากชั่วๆ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ไป..เราสองคนได้เลิกกันแน่”
ปรานต์เสียหน้า กัดฟันกรอด
เบญลี่มาพร้อมกับรปภ.กริชชัยปรายตาไปเห็นพอดี
“ผมจะพาอรุณศรีไปทำแผล ฝากคุณเบญลี่กับเภาดูแลทางนี้ด้วย”
“ค่ะ”
กริชชัยเดินมาประคองอรุณศรีที่ยืนตัวเย็นเฉียบด้วยความโกรธ ปรานต์มองอรุณศรีซึ่งเดินไปกับกริชชัยแล้วก็ลุกพรวดขึ้นจะตามไป ลำเภา เบญลี่ และรปภ.ชายฉกรรจ์อีก 3 - 4 คนก็ยืนขวางไว้ ปรานต์มองอรุณศรีกับกริชชัยที่เดินจากไปกันสองคนด้วยความแค้นยังกรุ่นอยู่ในใจ
“เชิญคุณกลับไปได้แล้ว พวกเราต้องการความสงบ” ลำเภาออกหน้า
“จะไปดีๆ หรือจะไปทั้งน้ำตา” เบญลี่ย้ำอีกครั้ง
ปรานต์หันขวับมามองหน้าเบญลี่ที่ยืนเชิดอยู่ด้วยสายตาเกลียดชัง
“ไปก็ได้โว้ย ไอ้พวกหมาหมู่ บอกเจ้านายพวกแกด้วยนะ...มันไม่มีวันแย่งแอ๊วไปจากฉันได้..ไม่มีวัน”
ปรานต์สะบัดหน้าแล้วก็เดินจากไปอย่างยะโส เบญลี่เบ้หน้า พลางพูด
“โธ่..ไอ้หลงตัวเอง คิดว่าล่ำแล้วหญิงจะหลงหรือไง มีแต่กล้ามไม่มีความดี ไม่มีใครเค้าอยู่ด้วยหรอกย่ะ”
ลำเภามองตามไปแล้วก็ถอนใจ..หนักใจแทนกริชชัยและอรุณศรี

กริชชัยพาอรุณศรีมาตรงมุมสวยสงบของโรงแรม..บรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว อรุณศรีนั่งอึ้งน้ำตายังซึม อยู่เพราะความโกรธ อรุณศรีปาดน้ำตาพยายามไม่มันไหลออกมา แผลที่หน้าผากยังมีเลือดแห้งกรังติดอยู่
กริชชัยพาใบหน้าที่มีรอยชกช้ำเดินมาพร้อมยาในมือ พอเห็นอรุณศรีนั่งปาดน้ำตากริชชัยก็ชะงักเล็กน้อยแล้ว
ค่อยๆเดินเข้ามาหา
อรุณศรีได้ยินเสียงฝีเท้ากริชชัยเดินมาก็รีบสูดลมหายใจทำเข้มแข็ง กริชชัยเดินมาหยุดตรงหน้า
“ผมทำแผลให้”
อรุณศรีขยับตัวออกเล็กน้อยพลางพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ..ฉันทำเองได้ ขอบคุณค่ะ”
กริชชัยมองหน้าอรุณศรี แล้วถามอย่างเป็นห่วง
“ร้องไห้ทำไม เสียใจเหรอ”
อรุณศรีคิดเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า
“ฉัน..อายคนอื่น แล้วก็.. อายคุณด้วย” อรุณศรีพูดทั้งน้ำตา
“ฉันไม่คิดว่าปรานต์จะกล้าพูดอะไรแบบนั้น ไม่คิดเลยจริงๆ”
อรุณศรีกระพริบตาถี่ๆไม่ให้น้ำตาไหล กริชชัยเห็นแล้วสงสารอรุณศรีจับใจ
“ที่เค้าพูด เพราะเค้าหวงคุณ เค้าคงอยากประกาศให้ผมรู้ “
“แต่มันไม่เป็นความจริง ทั้งผัวเก็บ ผัวจริง มันไม่จริงสักอย่าง”
อรุณศรีคิด..แล้วก็ตัดสินใจ พูดแบบไม่มองหน้ากริชชัย
“ฉันขอร้องล่ะ..คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย “ อรุณศรีพูดอย่างหนักแน่น
กริชชัยรู้สึกเหมือนใจหายวาบไปในทันที
“ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน หรือ เจ้านายผู้หวังดี .. ฉันขอร้อง ..เลิกยุ่งกับฉันเถอะค่ะ”
กริชชัยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เหมือนมีก้อนลมจุกอยู่ที่คอ กริชชัยคิดแล้วก็พูดออกมาตรงๆ น้ำเสียงหนักแน่นพอกับอรุณศรี
“เห็นทีจะเลิกไม่ได้”
“ทำไมคะ “ อรุณศรีถามเสียงขุ่น
กริชชัยมองหน้า.อรุณศรีนิ่งนานก่อนจะบอกความในใจ
“เพราะผมชอบคุณ”
กริชชัยสารภาพด้วยหน้าแดงกล่ำด้วยความอายทำตัวไม่ถูก อรุณศรีอึ้งขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“คุณ..เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบ” กริชชัยถาม
“ฉัน..ไม่เชื่อ”
“ทำไม”
“คุณ...กับฉัน...คือ...”
อรุณศรีอ้ำอึ้งพยายามเรียบเรียงคำพูด
“มันเป็นไปไม่ได้ ฉัน..ไม่ใช่คนที่คุณจะชอบ”
“คุณคิดแบบนั้น..เพราะคุณไม่ใช่ผม”
อรุณศรีหยุดพูด..มองหน้ากริชชัย กริชชัยมองกลับ พยายามจะเก็บความอายไว้
“ผมชอบคุณ ในแบบที่คุณเป็น .. ชอบที่คุณเป็นของคุณแบบนี้ ถึงคุณไม่เชื่อ ผมก็เลิกชอบคุณไม่ได้”
อรุณศรียังอึ้งอยู่ รู้สึกตัวร้อนผ่าว ทำตัวไม่ถูก
“แต่ฉันมีแฟนแล้ว”
“ผมไม่ถือ ...ผมไม่รีบ ผมรอได้”
กริชชัยถือโอกาสรีบพูดต่อ
“วันนี้ผมต้องขอบคุณแฟนคุณ ที่ทำให้ผมกล้าสารภาพความรู้สึกที่มีต่อคุณ”
กริชชัยสบายใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกที่เคยโดนกดทับไว้เหมือนจะถูกปลดปล่อยออกมาให้เป็น
อิสระ กริชชัยวางขวดยาไว้ที่โต๊ะข้างๆอรุณศรี
“ผมว่าคุณควรจะรีบไปทำแผล ก่อนที่มันจะแห้งมากไปกว่านี้”
กริชชัยมองหน้าอรุณศรีอีกครั้ง
“คุณห้ามไม่ให้ผมทำแผลให้คุณได้..แต่คุณห้ามไม่ให้ผมเป็นห่วงคุณไม่ได้” กริชชัยพูดต่อ ..
อรุณศรีค่อยๆเงยหน้ามองหน้ากริชชัย...แววตาที่หนักแน่นของกริชชัยฉายแววประกายออกมาอย่างชัดเจน
อรุณศรีเริ่มหวั่นไหว..หัวใจที่เหี่ยวแห้งค่อยๆพองโตขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่กริชชัยทำแผลให้อรุณศรีเรียบร้อย อรุณศรีเดินกลับมาที่ห้องพัก ในมือถือขวดยา อรุณศรีมองขวดยาแล้วนึกถึงกริชชัยแล้วยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ยังไม่เต็มที่ เหมือนยังมีห่วงๆอยู่ในใจ

ตรงหน้าห้องกริชชัยมีล๊อบบี้เล็กๆ เป็นมุมส่วนตัวที่ไม่มีคนอื่น กริชชัยนั่งคุยอยู่กับธีธัช ลำเภายืนอยู่ไม่
ไกล
“ฉันไปคุยโทรศัพท์กับไอ้วัชแป๊บเดียว นี่เรื่องของแกเดินไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย”
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่ะ จังหวะนั้น .. มันออกไปเอง”
ลำเภาพูดแทรกขึ้น
“เภาว่า..คุณกริชทำถูกแล้ว ชอบก็บอกว่าชอบ ยอมรับไปเลย สุภาพบุรุษจะตาย ดีกว่าบางคน ชอบก็ไม่ยอมรับ ทำเป็นฟอร์มจัดโน่น นี่ นั่น น่ารำคาญจะตาย” ลำเภาแดกดันธีธัชจนได้
“ไม่ใช่ฉันก็แล้วกัน” ธีธัชโพล่งออกมา
“ร้อนตัว” ลำเภายิ้มเยาะ
“มั่วนิ่ม” ธีธัชสวนอย่างเร็ว
“แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่จริง”
“ไม่จริงแล้วตามมาที่นี่ทำไม”
“ใครตามเธอมาหะ”
กริชชัยขี้เกียจทนฟังเสียงธีธัชกับลำเภาต่อล้อต่อเถียงจึงกพรวดพราดขึ้น แล้วโพล่งออกมา
“ไปนอนแล้วนะ”
ธีธัชกับลำเภาร้อง “อ้าว” ขึ้นพร้อมกัน
“พรุ่งนี้มีงานต้องทำแต่เช้า อยากจะทะเลาะกันต่อก็เชิญตามสบาย”
กริชชัยพูดจบก็เดินไปที่ห้องพักเลย ธีธัชรีบลุกตามไป
“ไอ้กริชรอด้วย..ฉันไปด้วย”
ลำเภามองตามแล้วก็ยิ้มๆ พร้อมกับเปรยขึ้นลอยๆ
“หนีไปนอน เพราะเถียงสู้ไม่ได้อ่ะดิ”
ธีธัชหันขวับกลับมา อ้าปากจะเถียง แต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ชี้หน้าลำเภาแล้วพูดว่า
“คิดไม่ออก ฝากไว้ก่อนเหอะ”
ลำเภาแอบขำ...หัวเราะแล้วก็กลับมาเก๊กเหมือนเดิม..ไม่นะ.. ’ฉันไม่ได้มีความสุข’ ลำเภาพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น

อรุณศรีนั่งอยู่บนเตียง ขวดยาวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงในห้องพัก ใบหน้าอรุณศรีครุ่นคิด เบญลี่เดินออกมาจากห้องน้ำ มองอรุณศรีด้วยความเห็นใจ
“แอ๊ว...ทำใจให้สบายนะ เรื่องเมื่อเย็นพี่บอกคนอื่นในบริษัทไปหมดแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด จริงๆแล้วไม่มีอะไร”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เบญลี่นั่งลงที่เตียงข้างๆ คิดแล้วจึงถามอรุณศรี
“แอ๊ว..พี่ถามจริงๆนะ .. แฟนแอ๊วเป็นแบบนี้ทำไมถึงไม่เลิกๆไปซะ คนดีๆอย่างคุณกริชก็รออยู่เห็นๆ พี่ว่ามาถึงวันนี้ แอ๊วไม่ต้องแอ๊บทำเป็นไม่รับรู้ว่าคุณกริชคิดอะไรอยู่”
อรุณศรีคิดแล้วตอบออกมาจากความรู้สึกที่แบบตรงไปตรงมา
“ถ้าแอ๊วจะเลิกกับแฟน แอ๊วอยากเลิกเพราะเราไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ใช่เลิกเพราะเรามีคนอื่น”
เบญลี่ฟังแล้วก็พยักหน้าไปด้วย อรุณศรีคิดและพูดต่อ
“และการที่เราจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน..มันไม่ใช่แค่วันสองวัน พอรู้ว่าเค้าชอบเรา แล้วก็วิ่งไปหาเค้าเลยมันก็ไม่ใช่..ความรักมันต้องใช้เวลา”
“โห..แม่พลอย..หลุดออกมาจากสี่แผ่นดินหรือเปล่าจ้ะ หญิงสาวสามจีอย่างเรา ไม่ต้องรอขนาดนั้นก็ได้ คลิ๊กปุ๊บ ดาวน์โหลดปั๊บ อัพสเตตัสทันที .. โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณกริช ไม่ต้องดูนานจัดการได้เลย” เบญลี่พูดขำๆ
“ถ้ากับปรานต์ยังไม่จบ แอ๊วยังไม่อยากจะเริ่มใหม่ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น ต่อให้ดีแค่ไหน .. ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้”
อรุณศรีพูดอย่างหนักแน่น ... เบญลี่ยื่นหน้าเข้ามาถาม
“แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะจบ”
แม้แต่อรุณศรีก็ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง

ฟ้าเริ่มมืด ปรานต์ขับรถมาที่จอดร้านสะดวกซื้อข้างทางแห่งหนึ่ง ปรานต์นั่งส่องกระจกดูใบหน้าที่บอบช้ำอยู่ในรถ ปรานต์กำลังใช้ยาทาด้วยความหงุดหงิด พอทาเสร็จก็ปาขวดยาทิ้งไว้เบาะข้างๆ พร้อมทั้งโวยวายระบายอารมณ์ออกมา
“โธ่เว้ย”
ปรานต์คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา นึกถึงภาพที่กริชชัยประคองอรุณศรี ตอนกริชชัยชกปรานต์แล้วอรุณศรีไม่ช่วยแต่กลับซ้ำเติมด้วยคำพูดต่างๆนานา
“หุบปากชั่วๆ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ไป..เราสองคนได้เลิกกันแน่”
นึกถึงตอนนี้ ปรานต์กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้น
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” ปรานต์พูดกับตัวเอง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น ปรานต์คิดว่าเป็นอรุณศรีพลางคิดในใจ “โทรมาง้อล่ะสิ” และเมื่อปรานต์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วก็ชะงัก จอโทรศัพท์หน้าจอขึ้นชื่อ และรูป “เกียว” ปรานต์หุบยิ้ม ชักสีหน้าทันที
“อีแก่..โทร.มาทำไมเนี่ย”

เสียงเกียวดังเข้ามายังโทรศัพท์ของปรานต์อย่างหงุดหงิด
“อยู่ไหน”
“ผมประชุมอยู่” ปรานต์โกหก
“ประชุม.. สองทุ่มเนี่ยนะ”
ปรานต์หงุดหงิดอยากจะด่ากลับ แต่ก็ทำไม่ได้ พยายามเสียงเครียดใส่
“ก็งานที่บริษัทมันยุ่งมาก เครื่องเสียงล็อตใหม่ก็เพิ่งจะมาลง ถ้าพี่ไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะทำยังไง”
น้ำเสียงของเกียวเย็นลงเล็กน้อยเพราะกลัวปรานต์จะโกรธ
“พี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ แต่พอดีกลับมาคอนโดแล้วไม่เห็นปรานต์ พี่ก็..เป็นห่วง”
ปรานต์ขมวดคิ้ว
“พี่อยู่คอนโด ไหนบอกว่าไประยองสองสามวัน”
“ก็พี่ทนคิดถึงปรานต์ไม่ไหว ก็เลยแอบกลับมาเซอร์ไพรส์น่ะ”
ปรานต์ส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
“แล้วนี่ปรานต์จะประชุมเสร็จกี่โมง” เสียงเกียวเริ่มออดอ้อน
“ก็..อีกสักพัก”
“รีบกลับมานะ พี่คิดถึง”
ปรานต์เบ้หน้านิดๆ แล้วก็พยายามตอบน้ำเสียงปกติ
“ครับพี่”
ขณะที่ปรานต์วางสายไปด้วยความเซ็ง หงุดหงิด แต่เกียววางสายไปพร้อมรอยยิ้มละไมอย่างมีความสุข
“มาทำไมวะเนี่ย” ปรานต์บ่นด้วยความเซ็ง ..

สีรุ้งและนรีวรรณเดินลงจากบ้าน ทั้งสองคนอยู่ในชุดนอน แต่เนตรนภัสอยู่ในชุดเตรียมออกไป
ข้างนอก สีรุ้งถามขึ้นด้วยความแปลกใจที่เห็นเนตรนภัสกำลังจะออกจากบ้านในเวลาดึกดื่น
“แหนม..จะไปไหนลูก”
“จะไปด่าอีนังจอมอ่อย แหนมจะไปประกาศให้มันรู้ว่าแหนมไม่โง่ และถ้ามันไม่อยากตาย รีบๆเลิกยุ่งกับวัชระ”
“แม่ไม่ให้ไป เราฝากเพื่อนเค้าไปบอกนายวัชระแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้เค้าจัดการไปสิ”
นรีวรรณพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง เนตรนภัสไม่ยอมรับ
“แหนมทนไม่ได้ค่ะ จะให้แหนมนั่งอยู่เฉยๆ ทั้งๆที่รู้ว่านังนั่นมันแอบไปดูคอนเสิร์ตกับแฟนตัวเอง แหนมทำไม่ได้จริงๆ มันจี๊ดๆๆอยู่ในใจค่ะแม่ กินก็กินลง นอนก็นอนไม่หลับ มันเครียดไปหมด ถ้าแหนมไม่ได้ด่ามัน ไม่ได้ตบมันสักฉาดสองฉาด แหนมต้องขาดใจตายแน่ๆ”
สีรุ้งส่ายหน้าด้วยความหนักใจได้แต่พยายามพูดเตือนสติ
“แหนมต้องทนให้ได้ เรื่องนี้แหนมไม่ผิด สองคนนั้นผิด เค้าต้องรับผิดชอบ”
“ใช่ ถ้าพี่แหนมอาละวาดตอนนี้นะ จะกลายเป็นตัวอิจฉาไปทันที แต่ถ้าพี่แหนมอยู่เฉยๆนะ นางเอกมากๆ”
เนตรนภัสเสียงอ่อนลงเมื่อได้ยินนรีวรรณพูด เพราะลึกๆแล้วเนตรนภัสอยากเป็นนางเอกมากกว่าตัวอิจฉา
“แหนมเรารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อาละวาดไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้เราแย่ตามสองคนนั้นไปด้วย นิ่งไว้ลูก นิ่งไว้แล้วเราจะอยู่สูงกว่าพวกนั้น อย่าลดตัวลงไปให้ต่ำกว่านี้ .. ถ้านายวัชระเป็นคนดีจริง เค้าจะต้องจัดการให้เรียบร้อย โดยที่ลูกไม่ต้องแปดเปื้อน” สีรุ้งพูดพลางเดินเข้ามาจับมือเนตรนภัสให้สติ
“ก็ได้ค่ะ..แหนมจะให้เวลาวัชหนึ่งวัน ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และรีบมาขอโทษแหนม แต่ถ้าวัชยังไม่ทำอะไร..แหนมทำแน่”
-เนตรนภัสจิกหางตาอย่างมุ่งมั่น เป็นตายเดี๋ยวก็รู้กัน

วัชระเดินเข้ามายังร้านสาดสุราด้วยความร้อนใจ วัชระส่ายสายตามองหาสุพรรณิการ์ไปทั่วร้านแต่ไม่เห็น วัชระเดินตรงไปถามเด็กเสิร์ฟ
“น้อง..คุณฝ้ายอยู่หรือเปล่า”
“วันนี้พี่ฝ้ายไม่เข้าครับ”
วัชระพยักหน้ารับรู้ เด็กที่เขาสอบถามเดินไปแล้ว วัชระคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่ธีธัชโทร.มาหา
“แหนมโทร.หาไอ้กริช” วัชระทวนประโยคที่ธีธัชบอกมาทางโทรศัพท์
“ใช่ ใส่ชุดใหญ่เลย แหนมโกรธมากที่แกไปดูคอนเสิร์ตกับคุณฝ้าย ฉันไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไง แต่ถ้าประกาศอาฆาตคุณฝ้ายไว้ แกรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนคุณฝ้ายจะเดือดร้อนไปอีกคน” วัชระส่ายหน้าด้วยความหนักใจ

วัชระยืนอยู่หน้าร้านสาดสุรา วัชระโทร.หาสุพรรณิการ์ โทรศัพท์สุพรรณิการ์ขึ้นชื่อ “ผู้กอง” ขณะที่สุพรรณิการ์กำลังนั่งดูละครอยู่ที่ห้องพักในคอนโด เมื่อเห็นว่าเป็นสายของวัชระก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งและยังไม่ได้รับสาย
สุพรรณิการ์คิดถึงเรื่องราวที่อรุณศรีโทร.มาเล่าให้ฟัง
“แฟนเค้ารู้ก็รู้ดิ ฉันไม่ได้จะปิดสักหน่อย”
“ฉันรู้ว่าแกไม่อยากปิด แต่แกก็ไม่ต้องห้าวทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อตอนนี้ แกอาจจะไม่คิดอะไรกับคุณวัช แต่แฟนเค้าคิดว่าแกคิด” อรุณศรีว่า
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”
“อยู่เฉยๆ และอยู่ห่างๆจากคุณวัชไว้สักพัก ฉันจะกลับพรุ่งนี้ แล้วเราค่อยคิดกันว่าจะทำยังไงต่อ”
สุพรรณิการ์ฟังอรุณศรีแล้วคิดตาม

ที่ห้องพักในคอนโดฯ สุพรรณิการ์เบือนหน้าหนีจากโทรศัพท์ ทั้งที่ในใจอยากจะรับสายของวัชระ ได้แต่พยายามทำใจให้อยู่นิ่งๆ
“ทำไมไม่รับสาย .. มีอะไรหรือเปล่าวะ” วัชระกดวางสายพลางคิดหนัก

เช้าวันต่อมา หน้าโรงแรมบรรยากาศคึกคัก คนทยอยขนของขึ้นรถ เพื่อนำไปบริจาคเป็นวันที่สอง ทั้งกริชชัยและอรุณศรีต่างเดินลงมาจากห้องตัวเอง และมาเจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่างคนต่างชะงักเท้า มองหน้ากันด้วยความเขินทั้งคู่ กริชชัยทักขึ้นก่อน
“แผลเมื่อคืน เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“ไม่แล้วค่ะ แผลไม่ได้ใหญ่มาก ขอบคุณที่ถามค่ะ”
“แล้ววันนี้ออกไปแจกของไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวพักที่นี่ก็ได้นะ”
“ไหวค่ะ”
“ถ้าไม่ไหวบอกผมนะ” กริชชัยมองหน้าอรุณศรีอย่างอ่อนโยน
“ค่ะ”
กริชชัยคิดแล้วก็ถามขึ้น
“อ่อ..เรื่องที่เราคุยกันเมื่อวาน..เรื่องที่ผมชอ.. “
กริชชัยยังพูดไม่จบ อรุณศรีรีบแทรกขึ้น
“ฉันว่าเรื่องนั้นเราค่อยคุยกันนอกเวลางานดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากเสียสมาธิ”
กริชชัยพยักหน้ารับ
“ได้ครับ.. เป็นความคิดที่ดี.. ผมจะได้มีเหตุผลชวนคุณไปทานข้าวหลังเลิกงาน..เพื่อคุยเรื่องส่วนตัวของเราสองคน”
“เอ่อ...” อรุณศรีจะแย้ง
กริชชัยไม่ยอมฟัง ตัดบททันที
“ผมไปรอที่รถนะครับ”
กริชชัยเดินเลี่ยงนำไปเล่วงหน้า อรุณศรีมองตามแล้วส่ายหน้าพลางบ่นพึมพำ
“พลาดซะแล้ว..อรุณศรี...เฮ่อ”

ธีธัชใส่เสื้อทีมงานเดินมาจากห้องพัก เห็นลูกค้ายืนชะเง้อๆ เหมือนรอใคร ธีธัชชะงัก คิดก่อนที่จะเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับ ตื่นเช้าจังเลยนะครับ” ธีธัชแสร้งยิ้มเหมือนจะเป็นมิตร
“สวัสดีครับ” ลูกค้ายิ้มรับแล้วก็ชะเง้อมองต่อ
ธีธัชเห็นอาการแล้วไม่ไว้ใจจึงถามต่อทันที
“เอ่อ รอใครหรือเปล่าครับ”
ลูกค้าแอบเขินนิดๆ
“อ๋อ.. รอน้องเภาน่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าตอนไปแจกของ รถจะพอหรือเปล่า ถ้าน้องเภายังไม่รู้จะไปคันไหน จะได้ไปกับผม”
“คุณไม่ต้องห่วงครับ..เพราะเภาเค้าไปคันเดียวกับผมกับกริช คุณล่วงหน้าไปได้เลยครับ เดี๋ยวเภาไปกับผมเอง”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง.. “น้องสาวเพื่อนผม” แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมดูแลเอง” ธีธัชแอบสวมรอยแสดงความเป็นเจ้าของ
ดูเหมือนว่าลูกค้าจะฉลาดพอที่จะเข้าใจในความหายของธีธัช
“งั้น.. ผมไปก่อนนะครับ”
“เชิญครับ”
ลูกค้าเดินคอตกออกไป ธีธัชมองตาม เมื่อเห็นว่าไกลพอควรก็แอบบ่น
“ยัยหนูตะเภา..เสน่ห์แรงใช่เล่น”

ลำเภาเดินออกมาจากโรงแรมในชุดทะมัดทะแมง ถือกระเป๋าใบโตใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์มาด้วย
ธีธัชหันมาเห็นลำเภาก่อน แอบทึ่งในความน่ารัก แต่แว่บเดียวก็ดึงตัวกลับมาทำเก๊ก ขรึม ทำฟอร์มนิ่งไม่แคร์
ธีธัชยืนอยู่กับกริชชัยเตรียมพร้อมออกเดินทาง เบญลี่และอรุณศรียืนอยู่ไม่ไกล กริชชัยหันไปเห็น
ลำเภาก็พูดขึ้น
“เภามาแล้ว..เราไปกันเลย”
กริชชัยพยักหน้าให้อรุณศรีและเบญลี่ขึ้นรถ สองสาวพยักหน้ารับและเดินมาจะขึ้นรถ กริชชัยรีบหันมาเปิด
ประตูให้อรุณศรีอย่างสุภาพ เบญลี่แอบยิ้มแซว อรุณศรีพยายามทำตัวปกติและขึ้นรถไป เบญลี่ขึ้นตาม กริชชัยปิดประตูให้อย่างสุภาพ
ลำเภาเดินมาถึงรถ ธีธัชมองๆแล้วถามกวนๆ
“กระเป๋าอะไรของเธอ แบกไปทำไมเนี่ย”
“เดี๋ยวก็รู้”
ลำเภาเปิดประตูแล้วก็ขึ้นมานั่งคู่กับอรุณศรี ธีธัชขึ้นไปนั่งคู่กับกริชชัย ในใจยังแอบสงสัยเรื่องกระเป๋าของลำเภา กริชชัยขับรถนำออกไปจากโรงแรม รถคันอื่นทยอยขับตามมาเป็นขบวน

ในพื้นที่น้ำท่วม กริชชัยดูแลอรุณศรีอย่างเต็มที่ เปิดเผย ช่วยจับมือ ช่วยประคอง คอยมอง และห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางสายตาชื่นชมของเบญลี่ อรุณศรีส่งของให้กริชชัยคอยแจกให้ชาวบ้าน
ธีธัชอยู่บนเรือลำเดียวกับลำเภา ธีธัชกับลำเภาช่วยแจกของ บางบ้านที่มีสัตว์ ลำเภาช่วยเหล่าสัตว์อย่างอารี
ธีธัชมองด้วยความชื่นชม ลำเภาทำงานอย่างตั้งใจ จริงจัง คล่องแคล่ว ผิดจากตอนกวนๆอย่างสิ้นเชิง
อรุณศรีมองกริชชัยด้วยความชื่นชม และกริชชัยก็มองอรุณศรีด้วยความพอใจ
ฝ่ายธีธัชมองดูลำเภาด้วยสายตาชื่นชมและประหลาดใจ ที่เห็นลำเภาเอาการเอางาน และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่เหลือคราบเด็กกะโปโลแม้แต่น้อย ธีธัชเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
จบสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 18/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์