หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19
หน้าคอนโดสุพรรณิการ์ตอนเย็น วัชระมองซ้ายมองขวาก่อนจะก้าวลงจากรถ สำรวจเพื่อความปลอดภัยว่าบริเวณนั้นไม่มีเนตรนภัส ก่อนจะเดินเข้าไปในคอนโด

วัชระกดออดอยู่ที่หน้าห้องสุพรรณิการ์ ครั้งแรก เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ วัชระกดอีกครั้ง เงียบอีก.. วัชระคิด
และกดอีกเป็นครั้งสุดท้ายพลางคิด
“หายไปไหนของเค้า”

หน้าเอ็มกรุ๊ป เห็นขบวนรถช่วยน้ำท่วม ทยอยขับกลับเข้ามาที่หน้าบริษัทในเวลาเย็น เมื่อรถตู้พนักงานจอดเทียบ เบญลี่และพนักงานคนอื่นๆ ทยอยลงจากรถ
เบญลี่ลงจากรถแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“เฮ่อ... เมื่อยมั่กๆ !! ต้องการคนนวดด่วน”
อีกมุมหนึ่งกริชชัยกำลังเดินมาที่รถตู้ของพนักงาน หลังจากที่มองซ้าย มองขวาไม่เห็นหาอรุณศรี กริชชัยจึงหันมาถามเบญลี่
“คุณเบญลี่..อรุณศรีล่ะ”
“แป๊บนะคะบอส” เบญลี่พูดแล้วชะโงกเข้าไปในรถตู้ ไม่พบอรุณศรี
“เมื่อกี้ยังนั่งมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่ทราบไปไหนแล้วค่ะ”
กริชชัยขมวดคิ้วนิดๆ อดแปลกใจไม่ได้ กริชชัยกวาดสายตามองหาอีกที เห็นอรุณศรีกำลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว -กริชชัยบอกเบญลี่
“เจอแล้ว !! อ้อ...ผมฝากคุณเบญลี่ดูแลพนักงานด้วย ใครที่ไม่มีรถเข้าบ้านก็ให้รถตู้ไปส่ง ส่วนใครที่บ้านโดนน้ำท่วมให้เค้าย้ายมาพักที่บริษัทได้ ผมให้แม่บ้านจัดห้องประชุมใหญ่เป็นที่พักไว้แล้ว ฝากด้วยนะ”
กริชชัยพูดจบรีบวิ่งตามอรุณศรีไปทันที เบญลี่รับคำแทบไม่ทัน
“ค่ะๆ..ได้ค่ะ”
กริชชัยวิ่งตามอรุณศรีไปแล้วด้วยความร้อนใจ เบญลี่มองตามแล้วยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นพลางหัวเราะคิกคัก
“วันนี้บอสออกตัวแรงวุ้ย อยากรู้ไอ้แอ๊วจะใจแข็งไปได้สักแค่ไหน”

อรุณศรีเดินถือกระเป๋าเดินออกมาที่ริมถนนหน้าบริษัทพอดี กริชชัยวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมตะโกนเรียก
“อรุณศรี”
อรุณศรีได้ยินเสียงกริชชัยเรียกก็หันไป
“เธอจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ..แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีคนมารับ”
กริชชัยหน้าเสียเล็กน้อย ในใจอยากถามว่าใคร แต่ปากหนักจึงไม่ถาม
ทันใดนั้นรถสุพรรณิการ์ก็เข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับบีบแตรเรียก กริชชัยและอรุณศรีหันไป สุพรรณิการ์ลดกระจกมาแล้วโบกมือทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณกริชสุดหล่อ”
กริชชัยยิ้มรับเสียงทักทายด้วยความโล่งอก
“สวัสดีครับ ที่แท้ก็คุณฝ้ายมารับนี่เอง”
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ “ อรุณศรีกำลังจะเดินไปที่รถสุพรรณิการ์
“เดี๋ยวก่อน..”
อรุณศรีหันมา กริชชัยพูดด้วยความเขิน
“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อวาน เรื่องที่ผมชอ..”
กริชชัยยังพูดไม่จบ อรุณศรีพูดแทรกขึ้น
“ฉันไม่ลืมค่ะ” กริชชัยยิ้มนิดๆ ก่อนที่อรุณศรีพูดต่อ
“เรื่องฝ้ายกับคุณวัชใช่มั้ยคะ”
กริชชัยถึงกับหุบยิ้มทันที
“ฉันจะทำตามที่รับปากคุณไว้ ฉันจะบอกฝ้ายให้ระวังตัว”
กริชชัยอ้าปากจะพูดอีก อรุณศรีรีบตัดบททันที
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
อรุณศรีพูดจบก็หันหลังเปิดประตูขึ้นรถสุพรรริการ์ กริชชัยได้แต่มองตามด้วยรอยช้ำที่โดนปรานต์ชกยังมีให้เห็นอยู่ที่ใบหน้า อรุณศรีกดกระจกค่อยๆเลื่อนปิด กริชชัยยืนหน้าเจื่อนๆอยู่ริมถนน สุพรรณิการ์โบกมือล่ำลา
“หน้าคุณกริชไปโดนอะไรมาวะ ช้ำๆ เหมือนโดนชก ไอ้แอ๊ว ! เล่ามาเลย”
สุพรรณิการ์พูดด้วยความอยากรู้อย่างเต็มที่

อรุณศรีเปิดน้ำก๊อกใส่กาละมังอย่างแรง พร้อมกับเทน้ำยาซักผ้า เสียงสุพรรณิการ์ยังโวยวายอยู่ข้างๆ
“ไอ้ปรานต์ที่มันวอนติดคุกจริงๆ นี่ถ้าฉันโดนชกแบบคุณกริช ฉันแจ้งความไปแล้ว นี่ถามจริงเจอขนาดนี้ แกยังจะทนคบอยู่อีกหรือเปล่า”
อรุณศรีกำลังแยกผ้าออกจากกระเป๋า เสื้อผ้าใหญ่ๆ ใส่เครื่อง ส่วนชุดชั้นในใส่กาละมังพลาสติก อรุณศรีคุยไปคัดผ้าไปตามประสาสาวๆ
“กำลังตัดสินใจอยู่..”
“แกยังจะต้องตัดสินใจอะไรอีกหะ ที่เห็น ที่เป็นอยู่ มันยังไม่พอหรือไง เพื่อนฉันเขาขึ้นเปล่าวะเนี่ย” สุพรรณิการ์พูดพลางแหวกหัวของอรุณศรี อรุณศรีปัดมือสุพรรณิการ์
“ฉันไม่ได้โง่ ฉันแค่มีสติ”
สุพรรณิการ์ผงะ
“โห..ออกแนวปรัชญา ... แต่มันแปลว่าอะไรวะ”
“ก็ฉันกำลังพิจารณาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ตอนนี้ฉันโกรธ ฉันไม่พอใจ และฉันก็อาย กับสิ่งที่ปรานต์ทำแต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะเลิกกับเค้า มันต้องมีเหตุผลที่มากกว่านั้น”
สุพรรณิการ์ยื่นหน้าเข้ามาหาอรุณศรี
“คุณกริชไง.. ทั้งดีกว่า รวยกว่า เลิกกับมันแล้วไปหาคนใหม่ที่ดีกว่า!! นี่แหละเหตุผลที่ดีที่สุด”
“ดียังไง” อรุณศรีเสียงนิ่งพลางอธิบายต่อ
“แกคิดดู ถ้าคนที่แกชอบมีแฟนแล้ว พอเค้ารู้ว่าแกชอบเค้า ก็เลิกกับแฟนมาคบกับแก แล้วแกจะแน่ใจได้ยังไงว่าสักวันเค้าจะไม่ทิ้งแกไปคบกับคนอื่น”
สุพรรณิการ์ชะงักคิด
“ถ้าฉันรีบทิ้งปรานต์วิ่งไปหาคุณกริช สุดท้ายฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่มีค่าในสายตาเค้า ฉันอยากจะเคลียร์ให้จบที่ละเรื่องไม่เอามาปนกัน ถ้าเค้ารอฉันได้..ก็ค่อยว่ากัน”
“แกคิดมากไปเปล่า ? คุณกริชเค้าอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้” สุพรรณิการ์พูดพลางกอดอก
“คิดมากก็ดีกว่าไม่คิด ฉันไม่อยากทำผิดเพราะคิดน้อยเกินไปจนตัวเองต้องเป็นทุกข์”
สุพรรณิการ์ส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย อรุณศรียื่นหน้าเข้ามา
“เหมือนกับที่แกกำลังเป็นอยู่ตอนนี้”
สุพรรณิการ์สะดุ้งร้องเฮ้ยพลางยืดตัวตรง เอามือที่กอดอกอยู่ และเถียง
“อาราย ใครทำไม่คิด”
อรุณศรีเปลี่ยนจุดยืนจากที่โดนสุพรรณิการ์ต้อน กลายมาเป็นคนต้อนเสียเอง
“ก็แกน่ะสิ เรื่องไปดูคอนเสิร์ตกับคุณวัช ฉันบอกแล้วว่าไม่จบง่ายๆ .. เป็นไงล่ะ”
สุพรรณิการ์ลอยหน้าไม่สนใจ อรุณศรีพูดต่อ
“ไม่ต้องมาทำลอยหน้าเลย..แกนั่นแหละผิด..แล้วแกก็ต้องไปขอโทษคุณแหนม”
“ฉันเนี่ยนะต้องไปขอโทษ”
สุพรรณิการ์ตาโตไม่เห็นด้วยกับอรุณศรีอย่างแรง

อรุณศรีเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นกระดาษโน้ตของโอบบุญติดอยู่ที่ประตูตู้เย็น
“แอ๊ว มีสลัดผลไม้อยู่ในตู้เย็น น้ำสลัดวางไว้ข้างๆ ชิมแล้วบอกพี่ด้วยว่าอร่อยหรือเปล่า ... ”
อรุณศรีเดินเข้ามาใกล้ตู้เย็นและปรายสายตาอ่านแล้วก็เปิดตู้เย็น หยิบชามผลไม้ที่หั่นไว้
อย่างสวยงามพร้อมกับขวดสลัดออกมา ขณะที่สุพรรณิการ์ยังโวยวายตามมาไม่หยุดปาก
“ต้องขอโทษทำไม ฉันไม่ได้ทำผิดสักหน่อย”
อรุณศรีวางชามผลไม้ลงบนโต๊ะ แล้วก็พูดขึ้น
“แกกำลังทำบาป หัวอกผู้หญิงเหมือนกัน แกไม่เห็นใจคุณแหนมหรือไง”
“ฉันเห็นใจ แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าฉันคิดจะแย่งนายวัชระมาก็ว่าไปอย่าง ฉันก็แค่ไปตามคำชวนแค่ครั้งเดียว และก็ไปกันแบบเพื่อน”
อรุณศรีส่ายหน้าแล้วก็หันไปหยิบน้ำสลัดมาเทใส่ผลไม้ สุพรรณิการ์พูดต่อ
“โอเค..ตอนแรกฉันกับเค้าอาจจะไม่ค่อยชอบขี้หน้ากัน แต่พอคุยกันดีๆ ด่ากันน้อยลง มันก็พอไหว ยิ่งฉันกับเค้าชอบเพลงเก่าเหมือนกัน มันก็ยิ่งคุยกันถูกคอ..มันก็แค่นั้นเอง”
สุพรรณิการ์พูดอย่างมั่นใจ แต่อรุณศรีในฐานะผู้มีประสบการณ์ความรักมากกว่า ก็พูดทักขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ฝ้าย..ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี...งานนี้แกต้องถอยออกมาให้ห่างที่สุด”
“คนไม่ผิดทำไมต้องถอยวะ ถอยทำไม เอาความจริงมาสู้กันสิ ไอ้เรื่องอารมณ์หึงของผู้หญิงฉันก็เข้าใจ แต่อย่ามาหึงฉัน มันผิดคน”
อรุณศรีมองหน้าสุพรรณิการ์พลางจิ้มผลไม้กินไป สุพรรณิการ์ยังไม่ยอมรับ!!
“ถ้าแกไม่เคลียร์กับคุณแหนม แล้วเค้าตามมาเล่นงาน แกจะทำยังไง”
“ฉันจะไม่ทำอะไรเลย..เพราะฉันไม่ผิด ! ถ้าเค้าจะเล่นงานใครสักคน เค้าก็ต้องไปจัดการแฟนเค้า ดันสะเออะมาชวนฉันเอง” สุพรรณิการ์พูดหน้าตาเฉย
“สรุป.. คุณวัชผิดที่มีแฟนแล้วแต่มาชวนแก แต่แกรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วไป ... ไม่ผิด”
“แน่นอน นายวัชระผิดเต็มๆ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงสองคนต้องมาทะเลาะกัน คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าจะฃ
อฟาดกบาลสักทีสองที โทษฐานนำความเดือดร้อนมาให้ฉัน”
สุพรรณการ์พูดด้วยความแค้นนิดๆ อรุณศรีส่ายหน้า
“ถ้าแกไม่ไปขอโทษคุณแหนม แล้วแกจะทำไงต่อไป”
“ไม่ทำไง แล้วก็ไม่หนีด้วย ฉันอยู่ของฉันดีๆ ไม่เคยคิดจะระรานใคร แต่ถ้ามาหาเรื่องก่อน ฉันสวนกลับแน่”
สุพรรณิการ์ประกาศอย่างเด็ดขาด!! อรุณศรีมองหน้าสุพรรณิการ์แล้วแอบกังวล..สังหรณ์ใจว่าเรื่องคงจะไม่จบง่ายๆ

เย็นนั้น สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในร้านสาดสุรา พนักงานรีบเดินมารายงานทันที
“คุณฝ้ายครับ..มีแขกมารอพบครับ”
สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วพลางถาม “ใคร” สุพรรณิการ์แอบคิดว่าเป็นเนตรนภัสแน่ๆ ที่แท้...
วัชระยืนรออยู่หน้าห้องทำงานสุพรรณิการ์
“ไอ้ธีมันโทร.มาบอกผมเรื่องแหนม .. ผมก็เลยรีบมาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง”
“มาก็ดีแล้ว” สุพรรณิกาณ์บอกแล้วหันไปคว้าไม้ตีแมลงวันที่วางอยู่แถวนั้น มาตีหัววัชระอย่างแรงหนึ่งโป้ก!
“โอ้ย! นี่คุณมาตีหัวผมทำไม”
“โทษฐานทำให้ฉันซวยน่ะสิ”
วัชระหน้าจ๋อยๆยอมรับผิด สุพรรณิการ์ใส่ต่อ
“ถามจริง คุณรู้หรือเปล่าว่าแฟนคุณเป็นคนขี้หึงแบบไร้เหตุผล”
“ก็รู้”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่า ถ้าเค้ารู้ว่าฉันไปกับคุณแล้วฉันจะซวย”
“ก็...รู้”
“รู้แล้วยังชวนเนี่ยนะ”
วัชระนิ่ง พูดไม่ออก สุพรรณิการ์หันไปคว้าไม้จะตีอีกที คราวนี้เงื้อมมือคว้าไม้ไว้ได้
“มันน่าจะซัดอีกซักที”
“เฮ้ย.เดี๋ยวสิคุณ..ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกันก่อน ผมขอโทษ”
สุพรรณิการ์ยังคงจับไม้ตียุงค้างไว้
“ไม่ต้องมาเสียเวลาขอโทษเลย รีบๆไปบอกแฟนคุณ..ว่าเราสองคนไม่มีอะไรกัน รีบไปเคลียร์ก่อนที่ฉันจะเดือดร้อน”
สุพรรณิการ์ปล่อยมือจากไม้ตียุงด้วยความอารมณ์เสีย แล้วก็เดินเข้าห้องทำงานไปอย่างหงุดหงิด วัชระรู้สึก
ค้างๆคาๆจึงเดินตามเข้าไปเคลียร์ต่อ

สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในห้องทำงาน วัชระเดินตามเข้ามา สุพรรณิการ์หันไปโวยต่อ
“อ้าว.. เข้ามาทำไม กลับบ้านไปเคลียร์กับแฟนคุณสิ จะอยู่หาเรื่องให้ฉันเดือดร้อนหรือไงหะ”
“ผมก็แค่อยากรู้..ตกลงแหนมเค้ายังไม่ได้มาหาคุณใช่มั้ย”
“ยัง..แต่แอ๊วบอกว่าเค้าโทร.หาคุณกริชแล้วก็โวยวายสั่งให้ฉันเลิกยุ่งกับคุณ แฟนคุณเวิ่นเว้อเกินเหตุ จะหึงคนอื่นก็หึงไป นึกไงมาถึงฉัน”
“นั่นดิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน อย่างคุณไม่เห็นจะน่าหึงเลย”
สุพรรณิการ์ชักสีหน้าทันที
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหะ อยากโดนอีกหรือไง” สุพรรณิการ์หันไปคว้าของมีคมแถวนั้นทำท่าจะตีหัววัชระอีกที
วัชระถึงกับผงะรีบแก้ตัวทันที
“ผมล้อเล่น .. ก็เมื่อก่อนคุณชอบแต่งตัวแปลกๆ ผู้หญิงก็ไม่ใช่ กระเทยก็ไม่เชิง แต่ตอนนี้..สวยแล้ว ก็น่าหึงอยู่”
สุพรรณิการ์เชิดหน้า
“แน่นอน..ฉันน่ะคนมีของ แค่ไม่ชอบแต่ง มันก็เลยหลบใน”
วัชระมองไปที่หน้าอกด้วยสัญชาติญาณผู้ชาย แล้วก็รำพึงออกมา
“มีของจริงๆด้วย”
สุพรรณิการ์ใช้หนังสือที่วางอยู่แถวนั้นฟาดป้าบเข้าที่หน้าวัชระอย่างแรง
“โอ้ย ตบทำไมอีกเนี่ย” วัชระร้องเสียงหลง
“ทะลึ่งแหละ เพื่อนเล่นหรือไงหะ”
“อ้าว..ก็คุณพูดเข้าประเด็นเอง ผมแค่ตามน้ำ”
วัชระค่อยทรุดนั่งลงที่โซฟาด้วยความมึน ข้างโซฟาเห็นว่ามีแผ่นซีดีสุนทราภรณ์วางอยู่มากมาย
“เล่นซะมึนเลย”
“สมน้ำหน้า”
วัชระปรายตาและตะแคงหน้ามอง.. ซีดีแผ่นเพลงสุนทราภรณ์
“มีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย..เอาไว้ประดับหรือว่าฟังจริง”
“โห..ดูถูกนะเนี่ย..คนอย่างฉันไม่เคยทำอะไรแค่เปลือกๆ ถ้าฟังก็ต้องฟังจริงๆ ฉันจำได้หมดทุกเพลง ขึ้นมาไม่ถึงสิบวิ รู้เลยว่าเพลงอะไร”
“สิบวิทำคุย ผมได้ยินไม่ถึงห้าวิ ก็รู้แล้วว่าเพลงอะไร”
“ขี้โม้”
“แข่งกันหรือเปล่าหล่ะ ถ้าเปิดเพลงขึ้นมาใครทายชื่อเพลงถูกก่อนชนะ ส่วนคนแพ้ก็...”
วัชระหยิบขวดเตกิล่าที่วางอยู่ข้างๆในรินใส่แก้วจอกเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเลื่อนมาทางสุพรรณิการ์
“ต้องดื่มให้หมดแก้ว .. กล้าหรือเปล่า”
“เตรียมตัวแพ้ได้เลย”
สุพรรณิการ์รับคำท้าอย่างไม่กลัว ต่างคนต่างมั่นใจว่าไม่แพ้ชัวร์ !

เครื่องเล่นซีดีเล่นแผ่นสุนทราภรณ์แต่ละเพลงขึ้นมาแค่อินโทรสุพรรณิการ์และวัชระแข่งกัน
ทายว่าเป็นเพลงอะไร
เพลงแรกเพียงแค่ขึ้นอินโทรเพียงหนึ่งวินาที - “นางฟ้าจำแลง” สุพรรณิการ์โพล่งออกมา
วัชระอ้าปากค้างตอบไม่ทัน พลางตบโต๊ะด้วยความเสียดาย สุพรรณิการ์เลื่อนแก้วเตกิล่ามาข้างหน้าพร้อมทำหน้ากวน วัชระตบเพียวๆรวดเดียวหมด บีบมะนาวตาม
เพลงที่สองขึ้นมาอีกประมาณหนึ่งวินาที - “สุขกันเถอะเรา”
วัชระได้แต่อ้าปากค้างตอบไม่ทัน สุพรรณิการ์เลื่อนแก้วให้พร้อมกับทำหน้ากวน วัชระยกแก้วกระดกกรึ๊บ!
เพลงที่สาม อินโทรขึ้นสองวินาที - “มองอะไร”
สุพรรณิการ์ตบเข่าด้วยความเสียดาย พอหันมาเห็นแก้วเตกิล่าลอยอยู่ข้างหน้า วัชระส่งให้หน้า
เย้ยหยัน สุพรรณิการ์ยกดื่มพรวดด้วยความแค้น
เพลงที่สี่ อินโทร.ขึ้นแค่สองวินาที วัชระชิงตอบอีก - “รำวงดาวพระศุกร์”
สุพรรณิการ์ยกซดพรวดด้วยความเซ็งสุดๆ วัชระขำคิกคักเริ่มเมา เริ่มคึก
เพลงที่ห้าอินโทรขึ้นมาราวๆสามวินาที วัชระตอบได้อีก - “บุพเพสันนิวาส”
สุพรรณิการ์ปรายตามองด้วยความแค้น วัชระยื่นแก้วให้พร้อมกับยักคิ้ว สุพรรณิการ์คว้ามากรอกลงคอ
อย่างรวดเร็วด้วยความเซ็ง
สุพรรณิการ์ และวัชระ พลัดกันแพ้ - ชนะ และยกจอกเตกิล่าขึ้นมากรึ๊บติดต่อกันอีก 3 - 4แก้ว จนเริ่มมึนด้วยกันทั้งคู่!

เนตรนภัสนั่งอยู๋ที่บ้าน ตอนนั้นเป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว เนตรนภัสมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่นิ่งสงบแล้วกัดฟันกรอด
“หมดเวลารอ”
เนตรนภัสคว้าโทรศัพท์มากดโทร.ออกหาธีธัชทันที

โทรศัพท์มือถือซึ่งธีธัชวางอยู่ที่โต๊ะเตี้ยข้างโซฟา ดังต่อเนื่องแต่ไม่มีคนรับ ธีธัชในชุดเดิมที่กลับจากช่วยน้ำท่วมยังนอนคว่ำหน้าไร้สติเพราะความเหน็ดเหนื่อยอยู่บนเตียง กรกนกไม่ได้ไปทำงาน เดินออกมาจากห้องนอนในชุดสบายๆ
“ธี..โทรศัพท์ค่ะ”
ธีธัชยังสลบอยู่ กรกนกเดินมาสะกิดธี
“ธีคะ..ธี..”
ธีธัชพลิกตัวมาอย่างงัวเงียๆร้อง “หือ...” แล้วหลับต่อ เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง
กรกนกส่ายหน้า สายตาเหลือบไปเห็นเสื้อทีมงานที่ธีธัชใส่อยู่ กรกนกเริ่มใช้ความคิด
“คนอย่างธีธัชไปแจกของน้ำท่วม..ไม่อยากเชื่อเลย”
เสียงโทรศัพท์เงียบไป กรกนกหันมาดูที่หน้าจอขึ้นว่า 1 สายไม่ได้รับ “แหนม” และ วอลล์เปเปอร์ด้านหลังเป็นรูปลำเภา กรกนกถึงกับอึ้งไป ค่อยๆหยิบโทรศัพท์ธีธัชมากดดู เป็นรูปที่ลำเภาถ่ายรูปตัวเองในมือถือของธีธัช กรกนกจุกอก..ค่อยๆ วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วก็หันมามองธีธัชอีกที ดวงตาคู่นั้นฉายชัดให้เห็นเป็นแววตาแห้งแล้ง ไม่มีเยื่อใยอย่างเมื่อก่อน กรกนกลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนไป โทรศัพท์ของธีธัชยังมีรูปลำเภาโชว์อยู่

ย้อนกลับไปก่อนที่ธีธัชที่นอนสลบอยู่บนเตียงภายในห้องพักของกรกนก เมื่อเย็นที่ผ่านมา ธีธัชเดินมาที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านลำเภาด้วยความเหนื่อยอ่อน ธีธัชเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ลำเภาเดินมาเรียกไว้
“เดี๋ยว”
“อาราย..จะกวนประสาทอะไรฉันอีก” ธีธัชชักสีหน้าเหนื่อยๆ
“โทรศัพท์มือถืออยู่ไหน”
ธีธัชคลำที่กระเป๋ากางเกงแล้วก็หยิบออกมา ลำเภาก็หยิบไปจากมือเลย ธีธัชงง
“เฮ้ย”
ลำเภาไม่สนใจ เปิดกล้อง แล้วก็ถ่ายรูปหน้าตัวเองอย่างน่ารัก
“เธอทำอะไร”
ลำเภาไม่ตอบแต่กดเซทรูปตัวเองเป็นวอลล์เปเปอร์แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้
ธีธัชรับมาดูแล้วโวยวาย
“เฮ้ย..เธอมาตั้งรูปเธอไว้ในโทรศัพท์ฉันทำไมเนี่ย”
“ก็คนที่เค้าเป็นแฟนกัน ต้องทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“มุกนี้อีกแหละ..แหม..ทีอยู่ต่อหน้าพวกคุณลูกค้า ไม่เห็นประกาศว่าฉันเป็นแฟนสักคำ พอลับหลังผู้ชายคนอื่นทำเป็นแสดงความเป็นเจ้าของ”
“แล้วรู้สึกยังไงล่ะ หดหู่ เซ็งซึม ทุกข์ระทม ขมขื่นใจใช่ป่ะ จำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดี จะได้รู้ว่าเวลาที่สาวๆโดนนายคบแบบทิ้งๆขว้างๆ เค้าเศร้าแค่ไหน จำได้แล้วทีหลังก็ทำอีก”
ธีธัชผงะเมื่อเจอลำเภาสั่งสอน
“ส่วนรูปของฉันก็เก็บไว้บูชา กราบไหว้สี่เวลาก่อนอาหาร และก่อนนอนเพื่อความเป็นสิริมงคล” ลำเภาพูดทิ้งท้าย
“โห...” ธีธัชอึ้ง
“กลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน..ออกไปแล้วอย่าลืมปิดประตูด้วยล่ะ”
ลำเภาเดินเข้าบ้านไปท่ามกลางความงุนงงของธีธัช
ธีธัชค่อยๆก้มลงดูโทรศัพท์ในมือ และกดดูรูปลำเภาที่ขึ้นไว้ ลำเภาทำหน้าทะเล้นน่ารักมาก ธีธัชเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อนึกขึ้นได้จึงรีบหุบยิ้มเก๊กหน้านิ่ง แล้ววางโทรศัพท์ตัวเองไว้ที่เบาะข้างๆรถ ไม่ได้เปลี่ยนรูป หรือลบทิ้งแต่อย่างไร

โทรศัพท์มือถือของธีธัชวางอยู่ที่เดิม กรกนกอยู่ในชุดออกจากบ้านเพื่อเตรียมพร้อมจะไปทำงาน กรกนกหันมามองธีธัชที่นอนไร้สติอยู่บนเตียงอีกครั้งด้วยแววตาแห้งผาก
กรกนกเดินออกจากห้องไป ธีธัชยังนอนอยู่ที่เดิม มือถือของธีธัชมีแสงไฟวาบขึ้นมา..แหนมโทร.มาอีกครั้ง!

เนตรนภัสกดวางสายด้วยความฉุนเฉียว
“ทำไมธีไม่ยอมรับสาย เป็นเหมือนกันหมดทั้งแกงค์”
เนตรนภัสตัดสินใจหันไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆตัวก้าวเดินฉับๆ ออกจากบ้านไปด้วยความแน่วแน่

วงดนตรีในร้านสาดสุรากำลังเล่นเพลง “ฉันหวง” เพลงโดนใจของ ปาน ธนพร
“ฉันหวง !! ฉันมาทวงของฉันคืน ฉันไม่เคยแย่งของคนอื่น”
นักร้องก็ร้องได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ราวกับกำลังโดนแย่งสามีไปจริงๆ กรกนกก้าวเข้ามาในร้านในชุดเซ็กซี่ แต่ยังมีอาการเบื่อๆ เซ็งๆ แทรกอยู่ แคชเชียร์หันมาเห็นกรกนกจึงทักขึ้น
“อ้าว..พี่กร วันนี้วันหยุดพี่ไม่ใช่เหรอ”
“อืม... เบื่อๆ น่ะ ขี้เกียจอยู่บ้านเฉยๆ วันนี้แขกเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีพี่ หนาอยู่”
กรกนกพยักหน้ารับรู้พลางถาม
“แล้วคุณฝ้ายล่ะ วันนี้เข้าหรือเปล่า”

ในห้องทำงานของสุพรรณิการ์ เครื่องเล่นซีดีกำลังเล่นเพลง “กลิ่นราตรี” .. อินโทร.ยาวมาจนเข้าเนื้อเพลง ก็ยังไม่มีคนตอบ วัชระและสุพรรณิการ์เริ่มเมา...ต่างคนต่างทำเป็นคิด...
“เพลงอารายว้า....ติดอยู่ที่ปากเนี่ย..นึกไม่ออก” สุพรรณิการ์เสียงอ้อแอ้
“อ่อนจริง .. แค่นี้ก็นึกไม่ออก” เสียงวัชระ
“แล้วนายรู้หรือไง... หะ”
“ไม่รู้ ..” วัชระแสยะยิ้มก่อนตอบ
“น่านไง..ก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะว้า..ไม่รู้ก็ดื่มเลย..ดื่ม”
สุพรรณิการ์หยิบแก้วมาแล้วทำท่าจะกรอกปากวัชระ วัชระไม่ยอม พูดทั้งที่โดนบีบปาก
“เฮ้ย... ทำไมผมต้องดื่มด้วย คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เออจริง.. งั้นคนละครึ่ง”
สุพรรณิการ์ว่าพลาง ตัวโฮนเอนไปมาแล้วกระดกเข้าปากไปหมดแก้ว วัชระก็ตามอย่างมองงง
“อ้าว..ไหนบอกคนละครึ่ง”
สุพรรณิการ์ดูแก้วว่างเปล่า
“เออนั่นดิ..ฮ่าๆ .. ขอโทษที..ลืม”
วัชระขำ
“อะไรเนี่ย พูดเอง ลืมเอง .. เมาแล้วรั่วนะเราเนี่ย”
“คนนะ ไม่ใช่ กาละมัง.. เมาแล้วจะได้รั่ว ฮ่าๆๆ” สุพรรณิการ์ขำอย่างอารมณ์ดี
“ฮ่าๆๆ คิดได้ไงเนี่ย ขำแทบไม่ทันเลย ฮ่าๆๆ” วัชระขำตาม
“มุกเทพก็เงี้ยะ คนธรรมดาขำไม่ทัน ฮ่าๆๆ”
วัชระมองแล้วยิ้ม
“คุณนี่...ฮาว่ะ ชอบ”
สุพรรณิการ์กับวัชระหัวเราะขำร่วนด้วยความเมา... ท่ามกลางเสียงเพลงสุนทราภรณ์อันไพเราะที่ดังคลออยู่
สวยงามและโรแมนติกมากมาย

เสียงออดดังขึ้น ประตูห้องกริชชัยเปิดออก เนตรนภัสยืนอยู่ตรงหน้าจนกริชชัยอดแปลกใจไม่ได้
“แหนม...”
“นังฝ้ายมันอยู่ห้องไหน” เนตรนภัสเสียงขุ่น
“แหนมจะรู้ไปทำไม”
“แหนมจะไปดูว่าวัชกกอยู่กับมันหรือเปล่า บอกมา มันอยู่ห้องไหน”
“ผมบอกไม่ได้”
“ทำไม ? อ๋อ..หรือว่าจะรวมหัวกันปกปิดแหนม สนับสนุนให้วัชเลิกกับแหนมไปคบกับมันใช่มั้ย คุณกริชทำแบบนี้เพราะอยากจะเอาใจนังผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบอยู่ล่ะสิ ได้กันเองซะให้หมด”
“ผมว่ามันจะไปกันใหญ่แล้ว..ที่ผมไม่บอกเพราะผมไม่อยากให้มีเรื่อง และไอ้วัชมันก็ไม่ได้อยู่กับคุณฝ้าย” กริชชัยพูดพลางส่ายหน้า
“ไม่เชื่อ แหนมไม่เชื่อคำพูดของใครทั้งนั้น ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง แหนมถึงจะเชื่อ บอกมามันอยู่ห้องไหน”
กริชชัยเริ่มหนักใจที่เนตรนภัสไม่ฟังเหตุผล
“ผมบอกไม่ได้จริงๆ ! ถ้าผมบอกเท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล”
เนตรนภัสกัดฟันกรอดจอบโต้ทันควัน
“แล้วที่มันมาละเมิดสิทธิ์ส่วนแฟนของแหนมหล่ะ คุณกริชเคยแคร์หรือเปล่า”
กริชชัยชะงักนิดๆ ที่เนตรนภัสคิดไปได้
“ถ้าคุณกริชไม่บอกว่ามันอยู่ห้องไหน แหนมจะไปนั่งเฝ้าที่หน้าร้านของมัน จะไปประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามันแย่ง ‘ว่าที่สามี’ ของคืนอื่น ดูสิว่ามันจะหน้าด้านทนได้สักแค่ไหน”
เนตรนภัสพูดจบก็สบัดหน้าจะเดินออกไป กริชชัยเรียกไว้ เนตรนภัสชะงัก หยุดเดินแล้วหันกลับมา
“แหนม.... เอาอย่างนี้แล้วกัน..เพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่านี้..ผมจะรีบตามตัวไอ้วัชมาหาแหนมและเคลียร์เรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
“คุณกริชแน่ใจเหรอคะว่าทำได้”
“ไม่แน่ใจ แต่จะทำให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างวัชกับแหนม ผมไม่อยากให้ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอ้วัชมันเป็นคนสร้างปัญหา มันก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหา”
เนตรนภัสเชิดหน้า
“ ถ้าคุณกริชคิดว่า..เพื่อนคุณมีปัญญาจะแก้ได้ ก็ลองดูค่ะ แหนมให้เวลาอีก ๑ วัน ถ้าวัชยังไม่มาคุยกับแหนมเรื่องนังฝ้าย มันกับแหนมได้เจอกันแน่”

เนตรนภัสสบัดหน้าเดินออกไป กริชชัยถอนหายใจ...พร้อมกับปิดประตูด้วยความเซ็ง

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์