หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19/3
อรุณศรีนั่งคุยกับสุพรรณิการ์อยู่ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ภายในอาคารบริษัท M Group พอฟังเรื่องระหว่างสุพรรณิการ์และวัชระจบ อรุณศรีตกใจอย่างแรงด้วยความคาดไม่ถึง

“แกมีอะไรกับคุณวัช”
สุพรรณิการ์มองเพื่อนด้วยหางตา
“จะพูดดังไปไหนเนี่ย เรื่องส่วนตัวนะยะ ไม่ใช่ข่าวบันเทิง”
“แก...นอนกับเค้าแล้วจริงๆเหรอ” อรุณศรีเสียงเบาลงมาหน่อย

“ฉันไม่เต็มใจนะ” สุพรรณิการ์รีบแก้ตัว แต่แววตาของสุพรรณิการ์ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจแม้แต่น้อย นอกจากอายเหนียมตามประสาหญิง
“แต่ดูจากหน้าแกตอนนี้..มันไม่ได้บอกว่าแกไม่เต็มใจเลยนะ”
สุพรรณิการ์ก้มหน้าเขิน
“จริงๆ ตอนแรกมันก็เริ่มจากความเมา มันรู้สึกตัวมั่ง ไม่รู้มั่ง เหมือนฝันๆ แต่พอตื่นมาแล้วนึกๆ อีกที มันก็...ดีเหมือนกัน”
“แกพูดออกมาได้ไงเนี่ย ไม่อายปาก”
“เรื่องการสืบพันธุ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ทำไมจะพูดไม่ได้”
“แต่คนที่แกไปยุ่ง เค้ามีแฟนแล้ว และก็กำลังจะแต่งงานกัน”
“แต่ฉันว่าไม่ได้แต่งหรอก ทะเลาะกันขนาดนั้น เลิกกันชัวร์”
“ไอ้ฝ้าย” อรุณศรีเสียงดัง
“ไอ้แอ๊ว” สุพรรณิการ์เสียงดังกลับ
“แกมาเรียกชื่อฉันทำไม” อรุณศรีถาม
“แล้วแกเรียกชื่อฉันก่อนทำไม”
คนในร้านเริ่มหันมามองสองสาวอย่างงงๆ อรุณศรีมองรอบๆและเริ่มรู้ตัว จึงลดระดับอารมณ์ลงแล้วส่ายหน้า
“แกก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังจะมากวนอีกเหรอ พอได้แล้ว..แกต้องเลิกยุ่งกับคุณวัช”
“อ้าวเฮ้ย..นี่แกจะให้ฉันเสียตัวฟรีหรือไง”
“แล้วแกจะทำยังไง จะไปแย่งคุณวัชมาจากแฟนเค้าหรือไง”
“ฉันไม่ได้จะแย่ง..แต่ถ้าผู้ชายมาเอง มันก็ช่วยไม่ได้”
“แกจะก๋ากั่นไปถึงไหน ช่วยสลดหน่อยได้มั้ย เผื่อฉันจะเห็นใจแกบ้าง”
สุพรรณิการ์นิ่งลง...คิดและระบายความในใจออกมา
“แอ๊ว..ฉันก็ไม่ได้หน้าหนา ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เมื่อเช้าฉันอาละวาดจนห้องแทบพัง ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่ที่ฉันทำเป็นไม่เดือดร้อนไม่ฟูมฟายร้องห่มร้องไห้กับแก เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์”
สุพรรณิการ์พยายามเก็บอารมณ์ แต่แอบเสียงสั่นนิดๆ อรุณศรีตั้งใจฟังด้วยแววตาที่แสนจะเห็นใจเพื่อน
“ต่อให้ฉันทุกข์ใจ ฉันก็เรียกสิ่งที่เสียไปกลับมาไม่ได้ ฉันเลือกที่จะเดินต่อไป และนายวัชระจะต้องรับผิดชอบ ส่วนแฟนเค้าฉันไม่กลัวหรอก เค้าแรงได้ ฉันก็แรงได้ ก็ลองดูว่าใครจะแรงกว่ากัน”
อรุณศรีฟังแล้วได้แต่ถอนใจ
“ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะสงสารใครดีระหว่าง แก คุณแหนม แล้วก็ คุณวัช”
อรุณศรีพูดด้วยความกังวลแบบปลงๆ ตามสัญชาตญาณบอกได้เลยว่า งานนี้ยุ่งแน่ !

วัชระ นั่งเผชิญหน้ากับกริชชัย และธีธัชที่ยืนอยู่คนละมุม ทั้งคู่กำลังไล่ต้อนวัชระที่ไปมีเพศสัมพันธ์กับสุพรณิการ์ ในมุมส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง วัชระพยักหน้า..ยอมจำนนแต่โดยดี
“ใช่...สิ่งที่คุณกรเห็นเป็นความจริง”
ทันทีที่ได้คำยืนยันจากวัชระ ทั้งกริชชัยและธีธัชถึงกับส่ายหน้า
“กรูว่าแล้ว” กริชชัยและธีธัชพูดขึ้นพร้อมกัน
“แกกับคุณฝ้าย..ไปไกลถึงขนาดนี้ แล้วแหนมหล่ะ แกจะทำไง” กริชชัยถาม
“ฉันจะต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย” วัชระพูดหนักแน่น
“แกจะเคลียร์ได้เหรอวะ เห็นหนีมาเป็นเดือนแล้ว ไม่จบสักที” ธีธํชว่า
“เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน”
“ยังไง” กริชชัยถาม
วัชระคิดก่อนตอบอย่างมั่นใจ
“ฉันคิดว่า.. ฉันชอบฝ้ายว่ะ”
ธีธัชส่ายหน้าอย่างขำๆ
“ได้เค้าดิ เลยพูดแบบนี้” ธีธัชสัพยอก
“ไอ้บ้า.. ฉันไม่ใช่แกนะเว้ย จะได้สนแต่เรื่องนั้น” วัชระว่า
ธีธัชสะดุ้งทันที
อ้าว.. ไรวะ เข้าตัวอีก”
วัชระลุกขึ้นยืนเดินออกจากมุมที่โดนต้อน วัชระคิดไป พูดไป อย่างมีสติ และรู้ตัว
“ความรู้สึกที่ฉันมีกับฝ้าย มันมาแบบไม่คาดหวัง เวลาอยู่กับเค้าแล้วมันสบายใจดี ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่มันก็พอจะเข้าใจกันได้ และที่สำคัญ..เราชอบอะไรคล้ายๆกัน มีระดับการใช้ชีวิตที่มันเสมอกัน” วัชระว่า
“โห.. ระดับการใช้ชีวิต อะไรของแกวะ” ธีธัชพูดแทรก
“ก็เค้าไม่ไฮโซเกินไปสำหรับฉัน และฉันก็ไม่โลโซเกินไปสำหรับเค้า..มันแบบ..พอดีๆ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ไม่ลำบากใจ มันสุขแบบลึกๆ ไม่ปรี๊สปร๊าส แต่มันก็รู้สึกดี .. พูดแล้วก็คิดถึงว่ะ”
“โหย... ไอ้เว่อร์”
“ไอ้วัชพูดถูก” กริชชัยพูดแทรกเข้ามา
“อ้าว” ธีธัชหันขวับมาทางกริชชัย
“ฉันก็รู้สึกแบบนี้กับอรุณศรี” กริชชัยว่า
“ใช่มั้ย” วัชระยิ้มที่ได้กริชชัยเป็นพวก
“ใช่ มันแบบยิ้มๆเวลาคิดถึงเค้า ถึงเค้าไม่ค่อยสนฉัน แต่มันก็มีความสุขเวลาที่ได้คิดถึง”
“ถูก”
ธีธัชถึงกับอึ้ง..วัชระกับกริชชัยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนธีธัชต้องรีบแทรกขึ้นมา
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยว..แกสองคนพร่ำเพ้ออะไรกันเนี่ย..วัยหวานไปปะวะ”
กริชชัยส่ายหน้า วัชระหันมาสวน
“ไอ้ธี...แกไม่เคยรักใคร..แกไม่เข้าใจหรอก”
วัชระพูดจนธีธัชสะอึก..
“แกหาเรื่อง ‘สนุก’ กับสาวๆไปวันๆ แกไม่รู้หรอกว่า “ความสุข” จริงๆมันเป็นยังไง ความสนุก กับ ความสุข .. มันคล้ายกันแต่มันไม่เหมือนกัน .. ถ้าวันไหนแกเจอผู้หญิงที่ทำให้แกมีความสุขได้เหมือนฉันสองคน...แกก็จะเข้าใจเอง”
กริชชัยพยักหน้าสนับสนุน ธีธัชนิ่งอึ้ง..ทำเป็นเชิดหน้าไม่ยอมรับ..แต่ในใจแอบคิดว่า หรือ “กรูจะไม่เคยรักใครจริงๆ”

ธีธัชขับรถมอเตอร์ไซค์แล่นอยู่บนถนน คำพูดของวัชระและกริชชัยยังดังก้องอยู่ในใจ
“ความรู้สึกที่ฉันมีกับฝ้าย มันมาแบบไม่คาดหวัง เวลาอยู่กับเค้าแล้วมันสบายใจดี ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่มันก็พอจะเข้าใจกันได้..มันแบบ..พอดีๆ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ไม่ลำบากใจ มันสุขแบบลึกๆ ไม่ปรี๊สปร๊าส แต่มันก็รู้สึกดี”
“ไอ้วัชพูดถูก ฉันก็รู้สึกแบบนี้กับอรุณศรี... มันแบบยิ้มๆเวลาคิดถึงเค้า ถึงเค้าไม่ค่อยสนฉัน แต่มันก็มีความสุขเวลาที่ได้คิดถึง”
“ไอ้ธี...แกไม่เคยรักใคร..แกไม่เข้าใจหรอก แกหาเรื่อง ‘สนุก’ กับสาวๆไปวันๆ แกไม่รู้หรอกว่า “ความสุข” จริงๆมันเป็นยังไง .. ความสนุก กับ ความสุข .. มันคล้ายกันแต่มันไม่เหมือนกัน .. ถ้าวันไหนแกเจอผู้หญิงที่ทำให้แกมีความสุขได้เหมือนฉันสองคน...แกก็จะเข้าใจเอง”
ทันใดนั้นธีธัชก็เบรคเอี๊ยดกลางถนนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้...ที่อยู่ๆก็แว่บเข้ามาในสมอง
ภาพของใบหน้าลำเภาที่ตอนกวนๆ น่ารักๆ แทรกเข้ามาในสมอง เหมือนภาพในความทรง
จำที่ถูกเชื่อมต่อกับการรับรู้ “ยัยหนูตะเภา”

กรกนกเดินอยู่ในห้องภายในคอนโดเพียงลำพังคนเดียว กรกนกมองไปที่ภาพคู่ของเธอกับธีธัชด้วยสายตาเย็นชา กรกนกตัดใจค่อยๆหันหลังให้รูปที่ติดอยู่บนผนังและเดินมาหยุดที่กลางห้อง กรกนกอยู่ในชุดเตรียมออกไปนอกบ้าน ข้างๆ มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
กรกนกก้มเขียนโน้ตอย่างตั้งใจ...เขียนแล้วก็อ่านทวนอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ ห้องที่ดูโล่งขึ้น สมบัติบางส่วนของกรกนกถูกเก็บใส่กระเป๋า
ภาพของกรกนกและธีธัชสวีตหวานอยู่กันตามมุมต่างๆ ในห้อง ซ้อนเข้ามาในความทรงจำจนกรกนกน้ำตาซึมๆ ปริ่มจะไหล กรกนกเม้มปาก สูดลมหายใจ และหันไปวางกระดาษไว้บนโต๊ะ พร้อมกับกุญแจห้อง..กรกนกตัดใจเชิดหน้าและหันหลังให้กับอดีตค่อยๆเดินออกจากห้องไปอย่างเข้มแข็ง
กรกนกคิดถึงบางประโยคที่ มาริลีน มอนโร เคยพูดจึงขึ้นไว้บนสเตตัสเฟซบุ๊กของตัวเอง

“ผู้หญิงฉลาด..จูบแต่ไม่รัก...ฟังแต่ไม่เชื่อ...และบอกลาก่อนจะโดนบอกเลิก”

เมื่อธีธัชกลับมาที่ห้อง พบกระดาษโน้ตยังคงวางอยู่บนโต๊ะ... ธีธัชเอื้อมมือหยิบอ่านแล้วก็นิ่งไป ธีธัช
หยิบกุญแจห้องมากำไว้ พร้อมกับมองไปรอบๆห้องที่ว่างเปล่า ธีธัชมองด้วยความเศร้าแต่เข้าใจ และ
โล่งใจอยู่ลึกๆระคนกัน

โอบบุญเห็นข้อความสเตตัสของกรกนกถึงกับอมยิ้มนิดๆ และกด Like อรุณศรีเดินมาและมองอย่างจับผิด
“ยิ้มอะไร”
โอบบุญหันมายักคิ้วให้อรุณศรีพลางบอก
“กำลังจีบหญิงอยู่”
“ใคร”
“เดี๋ยวก็รู้”
โอบบุญพูดพลางยิ้มกริ่ม อรุณศรีหลิ่วตามองด้วยความอยากรู้ โอบบุญเปลี่ยนเรื่องทันที
“แล้วทำไมไม่ไปทำงาน” โอบบุญถาม
“เจ้านายหยุดให้สำหรับพนักงานไปที่ช่วยงานในวันหยุด”
“นี่..ตกลงเรากับเจ้านาย.. เป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
อรุณศรีสะดุ้งนิดๆที่เจอคำถามยิงตรงจากโอบบุญ
“ยัง ไม่ได้เป็น”
“เหรอ..แล้วทำไมแฟนแกถึงร้อนตัว โทร.มา โอดครวญ บอกว่าเย็นนี้จะมาหาฉัน อยากจะปรึกษาเรื่องของเราน่ะ”
“นี่กะจะเข้าทางพี่โอบเหรอเนี่ย..เฮ่อ.. พี่โอบ..การที่เราแอบสืบหรือละลาบละล้วงเรื่องของแฟนเราบ้าง มันน่าเกลียดหรือเปล่า”
“ถ้ารู้เพื่อไม่ให้โดนหลอก มันก็ดี แต่ถ้ารู้เพื่อไประรานเค้ามันก็ไม่ดี”
อรุณศรีคิดตาม
“นี่ถามหน่อย แกเคยเปิดดูโทรศัพท์มือถือไอ้ปรานต์บ้างหรือเปล่า” โอบบุญพูดต่อ อรุณศรีส่ายหน้ากับคำถามของโอบบุญ
“เชคเฟซบุ๊ค เชคอีเมล ไปที่ทำงาน” อรุณศรีส่ายหน้ากับทุกคำถามของโอบบุญ
“เจริญแล้ว” โอบบุญบอก
“ก็ไว้ใจไง..เลยไม่อยากวุ่นวาย” อรุณศรีบอก
“แล้วตอนนี้..ยังไว้ใจอยู่หรือเปล่า”
อรุณศรีชะงักคิด...นั่นสิ

อรุณศรีเดินเข้ามาหยุดยืนที่ริมถนนซึ่งเป็นที่ตั้งร้านเครื่องเสียงปรานต์ อรุณศรีมองเข้าไปในร้านแล้วเริ่มคิด..และตัดสินใจ อรุณศรีกำลังจะเดินเข้าไป ทันใดนั้น รถเกียวพุ่งเข้าไปที่หน้าร้านด้วยความรวดเร็วอย่างชำนาญ อรุณศรีชะงักเท้า ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ อรุณศรีมองตามนิดๆ แล้วก็ส่ายหน้า
ขณะที่เกียวเดินเข้าไปที่ทำงานปรานต์ด้วยความมั่นใจ แต่อรุณศรีเดินเข้ามาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆเพราะไม่คุ้นเคย และเก้อๆเขินๆที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า อรุณศรีมองซ้าย มองขวา แล้วก็เดินไปหาพนักงานที่ทำงานอยู่ไม่ไกล
“พี่คะ...เอ่อ..มาหาปรานต์น่ะค่ะ วันนี้ปรานต์มาทำงานหรือเปล่าคะ”
พนักงานเงยหน้าจากรถที่กำลังติดเครื่องเสียง มองซ้ายมองขวา แล้วก็มองไปที่ห้องทำงานปรานต์
ทันใดนั้นปรานต์กับเกียวเดินควงกันออกมาหน้าตาชื่นบาน...ปรานต์ใส่แว่นดำอำพรางแผลที่โดนชก อรุณศรีหันไปเห็นพอดี...อรุณศรีอึ้งเพราะไม่คาดคิดมาก่อน พนักงานหันหน้ามาจะบอกกับอรุณศรี ทว่าอรุณศรีหายไปแล้ว

อรุณศรียืนหลบอยู่หลังรถ หน้าซีด มือเย็น ตัวเย็น ช็อกกับเหตุการณ์ที่พบตรงหน้า อรุณศรีค่อยๆโผล่หน้าออกมาแอบดู ด้วยใจสั่นระรัว อยากจะตรงเข้าไปอาละวาดสุดๆ แต่สติรั้งไว้
เกียวกับปรานต์เดินหน้าฉ่ำขึ้นรถกันไป เกียวส่งกุญแจให้ปรานต์
“ขับนะ พี่หิว ไม่อยากเครียด เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน”
“ได้เลยครับ..ผมบริการเอง”
ปรานต์ยิ้มรับกุญแจรถมา แล้วเปิดประตูรถให้อย่างเอาใจ ก่อนจะเดินไปที่คนขับ และขับรถออกไปอย่างมีความสุข
อรุณศรีค่อยๆก้าวออกมา...ตัวชา..หน้าซีด..หายใจหอบถี่..เหมือนมีก้อนลมขนาดใหญ่มาจุกอยู่ที่คอ อรุณศรีกำมือแน่น..ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหักหลังอย่างแรง

ปรานต์ขับรถของเกียวอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างรถติดไฟแดง ปรานต์ถอดแว่นดำ ใบหน้ายังมีร่องรอยของแผลอยู่ ปรานต์หันมาบอกเกียว
“พี่เกียวครับ..เย็นนี้ผมมีไปพบลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ผมจะยืมรถพี่ไปได้มั้ยครับ...คือ..พอดีว่า..จ๊อบนี้มันใหญ่มากๆ ถ้าเค้าเห็นว่าผมขับรถคันนี้ไป เค้าอาจจะไว้ใจมากขึ้น”
“ได้สิ..ก่อนไปประชุมปรานต์ก็ไปส่งพี่ที่สปาแล้วกัน ประชุมเสร็จเมื่อไหร่ก็มารับ”
“ขอบคุณครับพี่..พี่เกียวดีกับผมจริงๆ” ปรานต์พูดพลางจับมือออดอ้อนเกียว
“ก็ปรานต์เป็นแฟนพี่ มากกว่านี้พี่ก็ให้ได้” ปรานต์ยิ้มรับ เกียวนึกได้
“เอ้อ..แล้วเรื่องไอ้โจรงัดรถที่มันทำให้เราเป็นแบบนี้” เกียวพูดพลางไปชี้หน้าปรานต์ที่รอยช้ำอยู่
“แน่ใจนะว่าจะไม่แจ้งความ พี่มีเพื่อนเป็นตำรวจ เผื่อจะช่วยได้” เกียวพูดต่อ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่อยากเอาเรื่องไอ้พวกโจรกระจอก! ลดตัวไปยุ่งกับมันเสียศักดิ์ศรี” ปรานต์พูดพลางนึกถึงกริชชัยด้วยความแค้น
ทันใดนั้นมือถือปรานต์ก็ดังขึ้น ปรานต์ปล่อยมือจากเกียวมาหยิบดู ที่หน้าจอขึ้นชื่อ “แอ๊ว” ปรานต์ชะงักนิดๆ คิดและกดทิ้ง เกียวมองปรานต์แล้วถามหยั่งเชิง
“ทำไมไม่รับ”
“หุ้นส่วนที่บริษัทน่ะ เดี๋ยวค่อยโทร.กลับ ตอนนี้เวลาพักกลางวัน ยังไม่อยากคุยเรื่องงาน”
“น่ารักที่สุด” เกียวหยอกล้อด้วยการจับจมูกปรานต์โยกไปมา ปรานต์ยิ้มรับหน้าชื่น แต่แววตาแอบกังวลเล็กน้อยที่ไม่ได้รับสายอรุณศรี
อรุณศรียืนถือโทรศัพท์ค้างอยู่ คิดไม่ถึงว่าปรานต์จะไม่รับสาย อรุณศรีแค้นใจไม่หายตัดสินใจ กดโทร.ออกอีกครั้ง

มือถือสุพรรณิการ์ดังขึ้น ขณะที่เธอยืนเลือกซื้อชุดตรวจครรภ์อยู่ในร้านขายยา สุพรรณิการ์กดรับ
“ฉันเห็นปรานต์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น” อรุณศรีบอก
“เฮ้ย ถามจริง” สุพรรณิการ์ตกใจ ยืนนิ่ง ในมือยังถือชุดตรวจครรภ์อยู่
อรุณศรียืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณป้ายรถเมล์ที่มีคนยืนรอรถอยู่ 4-5 คน อรุณศรียืนโวยวายให้สุพรรณิการ์ฟังผ่านมือถือ
“จริง ฉันเห็นกับตาตัวเอง เต็มๆสองตา ไอ้ปรานต์มันโกหกฉัน มันบอกว่าเป็นลูกค้ามาติด แต่ที่ฉันเห็นแม่งมันนั่นแหละเกาะติดเค้ายังกะปลิง หน้าตามันมีความสุขมากเลยฝ้าย ฉันเห็นแล้วอยากจะเข้าจับหัวมันโขลกกับกำแพง”
คนที่ป้ายรถเมล์แอบเหล่ๆหันมามองอรุณศรีเป็นตาเดียว
สุพรรณิการ์หอบที่ตรวจการตั้งครรภ์มาวางไว้ที่เคาเตอร์ พนักงานเก็บเงินอึ้งที่เห็นสุพรรณิการ์ซื้อไปเยอะแยะ
“แอ๊ว..แอ๊ว ใจเย็นๆแก..แล้วแกไปเห็นมันที่ไหน” สุพรรณิการ์ปลอบและถามต่อด้วยความอยากรู้
อรุณศรีพยายามระงับอารมณ์อย่างยากลำบาก
“ที่ทำงานมันนั่นแหละ ฉันแอบมาไม่บอกล่วงหน้า กะจะเซอร์ไพรส์ ...แม่ง เซอร์ไพรสจริงๆ ขนาดฉันโทร.ไปหา มันยังกดสายทิ้ง ไม่ยอมรับสายดูมันทำ.. ไอ้ปรานต์นะไอ้ปรานต์ สตอตัวบอสจริงๆ!! โอ้ยย แค้นเว้ย”
คนที่ป้ายรถเมล์หันมามองอีก คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆขยับถอยนิดๆ ด้วยความเกรง
“แกว่าฉันจะทำยังไงดี ตามไปด่ามันตอนนี้เลยดีมั้ย”
สุพรรณิการ์พูดกับอรุณศรีพร้อมๆกับจ่ายเงินไปและกวาดที่ตรวจครรภ์ลงกระเป๋าแล้ว
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆ ตอนนี้แกมีหลักฐานที่เหนือกว่ามัน มันยังไม่รู้ตัวว่าแกจับได้ แกอย่าเพิ่งวู่วาม ค่อยๆคิด ตอนนี้แกอยู่ไหน”
อรุณศรีมองไปรอบๆ แล้วตอบด้วยเสียงขุ่น
“ริมถนน..ที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันโกรธก็เลยเดินมาเรื่อยๆ”
สุพรรณิการ์เดินออกมาจากร้านขายยา พลางบอก
“เอางี้..แกจำร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆคอนโดฉันได้เปล่า ร้านที่เราไปกินประจำ แกไปรอฉันที่ร้านนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปหา แล้วเราค่อยคุยกัน ตอนนี้แกห้ามทำอะไรทั้งนั้น และห้ามติดต่อไอ้ปรานต์ด้วย ถ้ามันโทร.กลับมาก็ไม่ต้องรับ รู้เปล่า” สุพรรณิการ์ย้ำหนักแน่น อรุณศรีรับคำ
“เออ..จะพยายาม”
อรุณศรีวางสายจากสุพรรณิการ์ หน้าตาเต็มไปด้วยความแค้นปรานต์อย่างรุนแรง อรุณศรีรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่จึงขวับไปยังคนที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ทุกคนรีบก้มหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อรุณศรีเริ่มรู้สึกตัวค่อยๆเดินเลี่ยงออกไปด้วยความอาย
หลังสุพรรณิการ์กดวางสายจากอรุณศรีแล้ว เธอใช้เวลาคิดเพรียงครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และตัดสินใจโทร.ออก ทันที
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ”

อรุณศรีนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดสายตาทอดยาวออกไปนอกร้านที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ แก้วน้ำแดงวางอยู่บนโต๊ะ แต่น้ำแข็งละลายจนน้ำแดงแยกตัวออกจากน้ำเปล่า อรุณศรีไม่ได้สนใจจะดื่มมันแม้แต่น้อย
กริชชัยหย่อนตัวลงนั่งข้างอย่างแนบเนียน อรุณศรีหันมาแล้วก็ชะงัก..แปลกใจ
“คุณกริช”
กริชชัยรีบบอกก่อนที่อรุณศรีจะถาม
“คุณฝ้ายโทร.บอกให้ผมมาดูแลคุณ เค้ากำลังเดินทางมา ผมอยู่ใกล้กว่าก็เลยถึงก่อน ผมซื้อมาฝาก” กริชชัยพูดพลางส่งถุงเล็กๆให้อรุณศรี
อรุณศรีหยิบมาดูด้วยความแปลกใจ ในถุงเป็นเจลปิดตา อรุณศรีขมวดคิ้วเงยหน้ามองกริชชัย
“เจลปิดตา ใช้ได้ทั้งร้อนทั้งเย็น เอาไว้ประคบตาหลังจากร้องไห้ ตาจะได้ไม่บวม” กริชชัยพูดหน้านิ่งๆตามสไตล์
อรุณศรีเชิดหน้านิดๆ
“ซื้อมาเยาะเย้ยฉันหรือไง”
“เปล่านะคุณ ผมเป็นห่วงจริงๆ ผมรู้มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องขำๆ”
“จริงอ่ะ” อรุณศรีมองหน้ากริชชัย
“จริง” กริชชัยย้ำ
อรุณศรีก้มๆหน้าแล้วก็ระบายออกมา
“ในสายตาคนอื่น..ฉันคงโง่มาก ไม่รู้อะไรเลย คุณคิดดู..ฉันยังไม่รู้เลยว่าปรานต์ทำงานอยู่ตรงไหนของบริษัท แต่ผู้หญิคนนั้นเดินพรวดๆๆ เข้าไปจิกตัวออกมาแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน สรุป..ใครเป็นแฟน ใครเป็นกิ๊กกันแน่ ฉันเริ่มไม่แน่ใจ”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร .. ที่แน่ๆ เค้าไม่ได้มีคุณคนเดียว”
“ขอบคุณที่ซ้ำ”
“ผมไม่ได้ซ้ำ ผมแค่ย้ำความจริง ผู้หญิงที่คุณเห็น ผมสั้นๆ ขาวๆ อวบๆ ดูรวยๆ แล้วก็อายุมากกว่าแฟนคุณใช่หรือเปล่า”
อรุณศรีนึกแปลกใจที่กริชชัยบอกรูปพรรณสัญฐานได้อย่างถูกต้อง
“ใช่...คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเคยเห็นเค้าสองคนเดินด้วยกันที่พารากอน”
“คุณเห็น” กริชชัยพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ ปล่อยให้ฉันเป็นอีโง่อยู่ได้ตั้งนาน” อรุณศรีพูดต่อ
“ถึงผมบอก...คุณก็คงไม่เชื่อ ดีไม่ดีจะหาว่าผมใส่ร้ายแฟนคุณ”
อรุณศรีนิ่งไม่เถียง กริชชัยเริ่มถามหยั่งเชิง
“แต่ตอนนี้คุณก็รู้ด้วยตัวเองแล้ว... คุณ...จะทำยังไงต่อ”
“ฉันก็ต้องยอมรับความจริง”
“ยอมรับแล้ว...ทำยังไงต่อ” กริชชัยรีบถามต่อ
อรุณศรีมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่พูดออกมา กริชชัยมองหน้าอรุณศรีด้วยความอยากรู้คำตอบที่อยู่ในใจนั้นเหลือเกิน
จังหวะนั้น สุพรรณิการ์เดินพรวดเข้ามาในร้านอาหารพอดี รุณศรีถือโอกาสตัดบทเอาตัวรอด
“ฝ้ายมาพอดี.. ฝ้าย” อรุณศรีตะโกนขึ้น
สุพรรณิการ์รีบเดินเข้ามาหา
“คุณกริชขอบคุณนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อนแอ๊ว”
“ด้วยความยินดีครับ”
“เป็นไงบ้างแก” สุพรรณิการ์หันมาทางอรุณศรีแล้วถาม
“ก็..ดีขึ้นนิดหน่อย”
กริชชัยอมยิ้มนิดๆ กับคำตอบ สุพรรณิการ์รีบนั่งลงข้างๆอรุณศรีและเปิดฉากคุยด้วยความอยากรู้ทันที
“ไหน แกเล่ามาดิ มันเป็นยังไง แกเจอมันที่ไหน แล้วนังผู้หญิงนั่นมันเป็นใคร ขอแบบละเอียดๆ ให้เห็นภาพ เลยนะ”
อรุณศรีตั้งท่าจะเล่าตามประสาหญิง แล้วก็นึกได้ว่ากริชชัยนั่งอยู่ อรุณศรีอึกอักเล็กน้อย กริชชัยรู้ตัว และพูดขึ้นอย่างมีมารยาท
“หมดหน้าที่ของผมแล้ว .. เชิญคุณสองคนตามสบาย” กริชชัยพูดพลางลุกขึ้น
“อ้าว ไปเลยเหรอคะ” สุพรรณิการ์ถาม
“ครับ..ถ้าต้องการให้ช่วยอะไรโทร.หาผมได้ตลอดเวลา” กริชชัยพูดกับอรุณศรี
อรุณศรียิ้มรับ
“ขอบคุณค่ะ”
กริชชัยยิ้มรับและกำลังจะหันหลังไป อรุณศรีนึกได้จึงเรียกไว้
“คุณกริชคะ”
กริชชัยหันมาอีกครั้ง อรุณศรีชูเจลปิดตาขึ้น
“ขอบคุณที่ซื้อมาให้ แล้วก็ขอบคุณที่มานั่งเป็นเพื่อนค่ะ”
กริชชัยแอบจ๋อยตรงคำว่าเพื่อน
“ด้วยความยินดีครับ”

กริชชัยหันหลังเดินออกไป ด้วยใบหน้าและหัวใจเหี่ยวๆ ดวงเดิม
จบสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์