อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20
คำพูดเมื่อสักครู่นี้ของอรุณศรียังดังก้องอยู่ในหู แม้ว่ากริชชัยจะเดินออกมาจากร้านอาหารแล้ว
“เพื่อน” กริชชัยพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือกริชชัยก็ดังขึ้น กริชชัยหยิบโทรศัพท์และกดรับ
“ไอ้ธีว่าไง? เฮ้ย..ถามจริง” น้ำเสียงกริชชัยฟังดูร้อนรนขณะคุยมือถือกับธีธัช
กริชชัยพุ่งไปที่คอนโดของธีธัชทันที กระดาษโน้ตของกรกนกอยู่ในมือของกริชชัย
“เวลาของเราคงจะหมดลงแล้ว ของที่เหลือจะเข้ามาเก็บอาทิตย์หน้า โชคดี... กรกนก”
กริชชัยเงยหน้ามองธีธัช ที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางอยู่
“ไปจริง หรือ แค่งอน”
“คนอย่างกรไม่เคยงอน” ธีธัชตอบเสียงนิ่ง
“แล้วแกจะง้อเค้าหรือเปล่า”
“ไม่มีประโยชน์ เค้าคงจะทิ้งฉันไปจริงๆ”
“ดูท่าทางแกไม่ค่อยเสียใจ”
“ฉันทำใจมาตั้งนานแล้ว ไม่ช้าก็เร็วมันต้องมีวันนี้... ฉันกับกรไปไม่ได้ไกลกว่านี้”
“ทำไมวะ คุณกรเค้าก็เป็นคนดี ยอมแกทุกอย่าง”
“แต่บางที... เราก็ไม่ได้ต้องการคนที่ยอมเราทุกอย่าง ขัดๆ กันบ้าง บางทีก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่เราคิดไม่ถึง”
กริชชัยขมวดคิ้ว แอบคิดถึงลำเภาขึ้นมา
“ฉันจะขนของย้ายไปอยู่ที่คอนโดแก ตอนที่กรมาเก็บของ เค้าจะได้ไม่ลำบากใจ”
กริชชัยพยักหน้ารับรู้ และเห็นด้วย ธีธัชมองรอบๆห้องอีกครั้ง แล้วก็พูดขึ้น
“ฉันเพิ่งรู้..การเลิกทั้งที่ไม่ได้เกลียดกัน..มันยากจริงๆ”
กริชชัยเอื้อมมือมาตบไหล่ธีธัชด้วยความเห็นใจ...ธีธัชพยักหน้ารับนิดๆ แล้วก็ทอดสายตามองไปข้างหน้า
ด้วยความลำบากใจ
วัชระเดินเข้ามาที่หน้าบ้านอันใหญ่โตของเนตรนภัส หยุดและยืนสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อทำใจ แววตานิ่ง พร้อมเผชิญกับความจริง
นรีวรรณโผล่หน้ามาดูโพยเบอร์โทรศัพท์เกือบ10 เบอร์ที่เนตรนภัสวางลงบนโต๊ะพร้อมๆ กับคว้าโทรศัพท์มือถือมาเตรียมจะกดโทร.ออก
“เบอร์ใครเนี่ย”
“เบอร์โทร.วัช ฉันไปตามล่าหามาจากแม่เค้า แล้วก็เพื่อนๆ ตอนนี้ได้มาแปด เดี๋ยวจะโทร.ไล่ทุกเบอร์เลย มันต้องใช่สักอันสิ”
เนตรนภัสกำลังจะกดโทรออก ทันใดนั้นเสียงสีรุ้งก็ดังขึ้น
“ไม่ต้องโทร.”
สีรุ้งเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกและพูดต่อ
“เจ้าตัวเค้ามาแล้ว”
“วัชมาเหรอคะแม่” เนตรนภัสเงยหน้าทันที
สีรุ้งพยักหน้าเอือมๆ
“รออยู่ที่สวนทหน้าบ้าน “
เนตรนภัสปัดกระดาษเบอร์โทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะลุกเดินพุ่งออกไปหน้าบ้านด้วยความโกรธ เม้มปากด้วยความแค้นทันที สีรุ้งมองตามด้วยความเป็นห่วง นรีวรรณรีบวิ่งมาหาสีรุ้งพลางถาม
“คุณแม่คะ..เราควรเรียกรถตำรวจหรือรถพยาบาลเตรียมไว้มั้ยคะ”
สีรุ้งถึงกับผงะ
ทันทีที่เนตรนภัสเห็นหน้าวัชระก็เปิดฉากใส่แบบไม่ไว้หน้าทันที
“วัชไปดูคอนเสิร์ตกับนังนั่นได้ยังไง ถ้ามีคนรู้จักแหนมไปเห็น แหนมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วโทรศัพท์เป็นอะไรทำไมไม่เปิด เปลี่ยนเบอร์ก็ไม่บอก คิดจะหนีหรือไงหะ แล้วเรื่องการ์ดแต่งงานอีก แหนมส่งให้ดูเป็นชาติแล้ว ตกลงวัชจะเอายังไง แหนมจะสั่งเค้าพิมพ์แล้วนะ”
วัชระ ฟัง..ฟัง..ฟัง และสุดท้ายก็พูดออกมา
“แหนม...ผมมีคนใหม่แล้ว”
เนตรนภัสช็อก คาดไม่ถึง
“งานแต่งงานของเรา..คงต้องยกเลิก”
เนตรนภัสหน้าแดงกล่ำ บันดาลโทสะส่งเสียงดังสนั่น
“นังผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร บอกมานะ..มันเป็นใคร” เนตรนภัสเข้าไปเขย่าตัวคาดคั้งความจริงจากวัชระ
“ฝ้าย...ผมกำลังจะคบกับเค้า”
“ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้ วัชโกหก แหนมไม่เชื่อ”
“มันเป็นความจริง.. ที่ผมบอก เพราะแหนมจะได้ไม่ต้องหวัง”
“ไม่!! แหนมไม่ยอมเลิก ถ้าเลิกกันแหนมจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
“แหนม..เค้าจะคิดยังไงก็เรื่องของเค้า คุณรู้ตัวหรือเปล่า ตั้งแต่คุณหมกหมุ่นเรื่องการแต่งงาน คุณไม่มีความสุขเลย ถ้าการแต่งงานทำให้คุณทุกข์แบบนี้ คุณจะแต่งไปทำไม”
“ถึงไม่มีความสุข แหนมก็จะแต่ง” เนตรนภัสเถียงเสียงดังลั่น
วัชระถึงกับส่ายหน้าที่เนตรนภัสไม่พยายามรับรู้เรื่องใดๆ
นรีวรรณชะเง้อมองจากในบ้านด้วยความอยากรู้และเป็นห่วง สีรุ้งนั่งหันหลังให้หน้าต่าง แต่หูผึ่ง
ตลอดเวลา นั่งไม่ค่อยจะติดเพราะเป็นห่วงพอกัน
“พี่แหนมกรี๊ดๆ ใหญ่เลยค่ะคุณแม่”
สีรุ้งอดทนต่อไปไม่ไหวลุกขึ้นยืนพรวด!
เนตรนภัสใส่วัชระต่อ
“เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนแค่สองคน แต่มันเป็นเรื่องของการเข้าสังคม มีตั้งหลายคู่ที่เค้าแต่งกันทั้งที่ไม่ได้รัก แต่เค้าอยู่ด้วยกันได้เพราะความเหมาะสม”
“แล้วคุณกับผม..เหมาะสมกันตรงไหน ฐานะคุณก็ดีกว่าผม รสนิยมคุณกับผมก็ไม่เหมือนกัน แถมรูปร่างหน้าตาการแต่งตัว... คุณก็ดูหรูหรา ต่างกับผมราวฟ้ากับเหว ผมไม่เห็นว่าเราจะเหมาะสมกันตรงไหน” วัชระสวน
“ใช่สิ!! คุณกำลังจะทิ้งแหนม อะไรๆ มันก็พาลแย่ไปหมด”
วัชระพยายามใช้สติอธิบายอย่างหนักแน่น
“ผมไม่ได้พาล ผมพูดด้วยเหตุผล คุณอาจจะแต่งงานทั้งที่ไม่รักได้..แต่ผมทำไม่ได้ .. ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้จริงๆ”
“วัช”
“หยุดตามหาผม... ถ้าเราห่างกันสักพัก คุณจะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันเป็นความจริง”
วัชระพูดจบก็เดินออกไปจากบ้านเนตรนภัสทันที เนตรนภัสมองตามแล้วก็ส่งเสียงกรี๊ด
“ไม่จริง วัช กลับมาเดี๋ยวนี้นะ แหนมบอกให้กลับมา วัช! วัช! แหนมบอกให้กลับมา วัชทิ้งแหนมไปแบบนี้ไม่ได้นะ...วัช วัช...วัช” เนตรนภัสน้ำตาร่วงปล่อยโฮ วัชระยังคงเดินไปข้างหน้า
เนตรนภัสจะออกวิ่งตามไป แต่สีรุ้งและนรีวรรณรีบวิ่งมาจับตัวไว้
“แหนม...อย่าไปลูก แหนม...ปล่อยเค้าไปลูก...ปล่อยเค้าไปนะ”
“พี่แหนม..ผู้ชายห่วยๆแบบนี้ จะเอามาทำสามีทำไม พอได้แล้ว”
เนตรนภัสร้องไห้ฟูมฟาย
“ไม่..ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอมเป็นคนโดนทิ้ง ได้ยินมั้ย ฉันไม่ยอม ทำไมต้องเป็นฉัน...ทำไม...ทำมาย”
นรีวรรณมองเนตรนภัสด้วยความสงสาร สีรุ้งมองลูกแล้วน้ำตาพาลจะไหลตาม ทุกข์ไม่น้อยไปกว่ากัน
วัชระเดินมาที่หน้าบ้านของเนตรนภัสแล้วก็หยุด...ค่อยๆหันหลังกลับไปมอง แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าและรู้สึกผิด ในใจลึกๆ ยังเป็นห่วง แต่ก็ต้องตัดใจ วัชระค่อยๆ หันหลังให้บ้านเนตรนภัส และไม่คิดว่าจะได้กลับมาอีก
รถสุพรรณิการ์เข้ามาจอดที่หน้าปากซอยบ้านอรุณศรี
“ไม่ให้ฉันไปส่งที่บ้านจริงๆเหรอ”
“ไม่ต้องหรอก..วันนี้พี่โอบบอกว่าปรานต์จะมาหาที่บ้าน จะมาคุยเรื่องฉัน ฉันอยากรู้ว่าตอแหลอะไรอีก ถ้าแกขับไปจอดที่หน้าบ้าน เดี๋ยวมันไหวตัว”
“ฉะ...ฉันไปด้วย เดี๋ยวจอดรถไว้แถวนี้แหละ”
“อย่าเลยฝ้าย...ฉันอยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
อรุณศรีพูดด้วยแววตาเข้มแข็ง และมุ่งมั่น
รถสปอร์ตของเกียวคันที่อรุณศรีเห็นเมื่อบ่ายนี้จอดอยู่ที่หน้าบ้าน อรุณศรีหน้านิ่งเครียด..ใจเต้นระส่ำด้วยความโกรธ แต่พยายามระงับไว้ใจเย็นๆ..ใจเย็นๆ
ปรานต์นั่งหน้าซึมอยู่ในห้องรับแขกในบ้านของอรุณศรีคุยอยู่กับโอบบุญ ปรานต์เริ่มบทบาทการแสดงอีกครั้ง
“ผมขอบคุณพี่โอบ ที่ยอมเสียเวลามาคุยกับผม ผมจนปัญญาไม่รู้จะหันไปปรึกษาใครแล้วจริงๆ”
โอบบุญปรายตาไปที่หน้าบ้านเห็นรถสปอร์ตคันหรู
“แล้วนี่ไปเอารถใครเค้ามา หรือว่าเปลี่ยนรถใหม่”
“รถผมเอง...พอดีที่ร้านเพิ่งจะปันผลครึ่งปี ก็เลยได้มานิดหน่อย” ปรานต์ยิ้มอย่างภูมิใจ
โอบบุญพยักหน้ารับรู้ แอบคิดในใจว่า มีเงินขนาดนี้ ทำไมต้องมายืมเงินอรุณศรีเมื่อครั้งที่แล้ว
อรุณศรีเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ แอบฟังปรานต์คุยอยู่กับโอบบุญ
“ผมเห็นกิ๊กแอ๊ว เอารถสปอร์ตมารับมาส่ง ผมไม่อยากน้อยหน้า อยากทำให้แอ๊วเห็นว่าผมก็มีเหมือนกัน แค่รถสปอร์ตสักคัน ไม่เห็นจะยาก”
โอบบุญเบือนๆหน้าหนีอย่างเอือมๆ อรุณศรีส่ายหน้าด้วยความเซ็ง ปรานต์ยังพูดต่อโดยไม่รู้ตัว
“ผมไม่เข้าใจริงๆ แอ๊วสนใจมันได้ยังไง หน้าตาก็บื้อๆ เก๊กๆ บุคลิกก็เหมือนเกย์ ถ้ามันไม่รวย มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
โอบบุญเริ่มรำคาญนิดๆ จึงตัดบท
“ตกลง..จะปรึกษาเรื่องอะไร เข้าเรื่องเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา”
“ก็เรื่องแอ๊วนี่แหละครับ..พูดตรงๆนะพี่โอบ..ผมว่า..แอ๊วกำลังโดนหลอก ไอ้กริชชัยมันไม่ได้คิดจะจริงจังกับแอ๊ว มันก็คงเห็นเป็นแค่พนักงานในบริษัท พอได้แล้วก็คงทิ้ง”
ปรานต์ใส่ไฟต่อ
“และตอนนี้..ผมว่าแอ๊วกับมันคงมีอะไรกันแล้ว”
อรุณศรีอึ้งหนักกว่าเดิม.. โอบบุญทำหน้าเบื่อๆ ปรานต์ยังไม่รู้สึกตัวยังคงใส่ไฟต่อไป
“ผมพยายามเตือนแล้วแต่แอ๊วไม่ฟัง ถ้าพี่โอบเป็นห่วงแอ๊ว ต้องบอกให้เค้าระวังตัว อยู่ห่างไอ้กริชชัยได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี หรือถ้าพี่ไม่อยากให้แอ๊วต้องเสียตัวฟรี ก็ให้ลาออกมาซะ ก่อนที่จะเสียไปมากกว่านี้”
เสียงอรุณศรีดังแทรกขึ้นอย่างเหลืออด
“พอได้แล้วปรานต์ หยุดโกหก เอาดีใส่ตัว โยนความชั่วให้คนอื่นได้แล้ว”
ปรานต์ถึงกับหน้าเสียในทันที ไม่คิดว่าอรุณศรีจะแอบฟังอยู่
“แอ๊ว”
อรุณศรียืนหน้าแดงกล่ำด้วยความโกรธ โอบบุญลุกขึ้นยืน
“พี่ไปรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
โอบบุญปรายตามามองปรานต์นิดๆอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป โอบบุญเดินออกมานั่งรอที่หน้าบ้าน ในใจก็ยังกังวลด้วยความเป็นห่วง
ทันทีที่ปรานต์เจอหน้าอรุณศรีก็รีบทำเสียงออดอ้อนทันที
“แอ๊ว...แอ๊ว..อย่าโกรธปรานต์เลยนะ ที่ปรานต์พูดทุกอย่างเพราะปรานต์หวังดี ปรานต์ไม่อยากให้แอ๊วต้องเสียใจ”
อรุณศรีมองหน้าด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าไม่อยากให้เสียใจ แล้วโกหกทำไม”
“โกหกอะไร” ปรานต์ทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่อง
“โกหกเยอะมาก โกหกต่อหน้าอื่นว่าเรามีอะไรกัน โกหกพี่โอบว่าแอ๊วมีอะไรกับคุณกริช แล้วก็โกหกแอ๊วว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
“ผู้หญิงคนไหน ปรานต์ไม่รู้เรื่อง”
“คนที่เป็นเจ้าของเบนซ์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน คนที่ออกไปกินข้าวด้วยกันเมื่อกลางวัน” อรุณศรีพูดเสียงดัง
เสียงอรุณศรีดังมาจากในบ้านถึงภายนอกมุมที่โอบบุญนั่งอยู่ หัวอกพี่ชายสุดจะแค้นแทน
“รู้หรือยังว่าผู้หญิงคนไหน”
ปรานต์ยังพยายามจะแก้ตัว
“แอ๊ว...เอ่อ..แอ๊วกำลังเข้าใจผิด”
อรุณศรีโบกมือ
“พอเหอะปรานต์ หยุดโกหกสักที มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง”
ปรานต์สะอึก..น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้น
“แอ๊วไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ต้องมีคนตั้งใจจะใส่ร้ายปรานต์แน่ๆ ไอ้กริชชัย หรือว่านังฝ้าย หรือทั้งสองคน”
“ไม่มีใครใส่ร้ายทั้งนั้น แอ๊วเห็นเองกับตา ผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อสีชมพู กระโปรงสีดำ ขับรถคันนั้น” อรุณศรีชี้ไปที่หน้าบ้าน
“แล้วปรานต์กับเค้าก็ออกไปด้วยกันชัดมั้ย” อรุณศรีพูดต่อน้ำตาซึมด้วยความโกรธ
ปรานต์อึ้ง...คิดไม่ถึง เถียงไม่ออก
“คยบอกแล้วไง เรื่องอื่นพอทนได้ แต่เรื่องมีคนอื่น..รับไม่ได้จริงๆ”
“แอ๊ว...ผมขอโทษ..ผม”
“ไม่ได้รู้สึกผิด จะขอโทษทำไม ถ้ารู้สึกผิดสักนิด มันไม่คิดจะทำตั้งแต่แรกแล้ว”
ปรานต์อึกอัก พยายามคิดทางออก
อรุณศรีสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมกับตัดสินใจ
“มันถึงเวลาแล้ว.. เราควรจะเลิกกันได้สักที”
ปรานต์ช็อก นึกไม่ถึงว่าอรุณศรีจะบอกเลิกอย่างกระทันหันชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว อรุณศรีเชิดหน้าอย่างหนักแน่น ปรานต์ตะโกนกลับทันทีที่ได้สติ
“ไม่ ไม่มีทางหรอก เราคบกันมาตั้งหลายปี ปรานต์ดีกับแอ๊วมาตลอด อยู่ๆมาเลิกกันง่ายๆแบบนี้เนี่ยเหรอ ปรานต์ไม่ยอม”
โอบบุญยืนอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงเอะอะ ก็หันมามองด้วยความเป็นห่วง โอบบุญลุกขึ้นยืนดูท่าที
“ไม่ว่ายังไงปรานต์ก็ไม่เลิก” ปรานต์ย้ำ
ปรานต์พูดหน้าตาถมึงทึง โทสะพุ่งพรวด ทั้งโกรธ แค้น และเสียหน้า
อรุณศรียังย้ำอย่างหนักแน่น
“ยอมรับความจริงซะเถอะ เราสองคนเดินมาถึงทางตันแล้ว อย่าทนอยู่เพื่อจะเกลียดกันไปมากกว่านี้เลย”
“ไม่..ปรานต์ไม่มีวันจะเกลียดแอ๊วอยู่แล้ว..ปรานต์เคยรักแอ๊วยังไง ทุกวันนี้ก็ยังรักเหมือนเดิม”
“พอเหอะ..ไม่อยากฟังเพราะมันไม่จริง จากนี้ เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง .. มีแค่เรื่องเดียวที่อยากจะให้รับผิดชอบ... เงินของฝ้าย” อรุณศรีเสียงเข้มเด็ดขาด
ปรานต์ชะงักเหมือนโดนมีดกรีดกลางต่อมยะโส
“สี่แสนที่ยืมไป อยากให้จ่ายคืนให้ครบ ถึงเราจะเลิกกันแต่หนี้ก้อนนี้ก็ยังคงอยู่”
“หน้าเงิน ตั้งแต่มีเศรษฐีมาจีบ หายใจเข้าออกเป็นเงินไปหมด ขนาดเลิกกันก็ยังทวงเงิน อยากได้คืนนักใช่มั้ย..ไปบอกไอ้บื้อมันสิ ให้มันจ่ายมาสี่แสน เป็นค่าตัวที่มันแย่งแอ๊วไปได้สำเร็จ”
“ปรานต์อย่าพาล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณกริช”
“มันน่ะเกี่ยวเต็มๆ ถ้าไม่มีมันเข้ามา แอ๊วก็ไม่เป็นแบบนี้ บอกไว้ก่อนเลยนะ ถึงจะเลิกกัน ก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข แอ๊วทำปรานต์เจ็บ แอ๊วจะต้องเจ็บกว่า” ปรานต์พูดพลางเดินเข้ามาหาและมองอรุณศรีอย่างคุกคาม
เสียงโอบบุญดังขึ้น
“ออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว”
ปรานต์ยังมองหน้าอรุณศรี
“จำไว้”
ปรานต์ข่มขู่ทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไปด้วยความโกรธ โอบบุญมองตามด้วยความไม่พอใจอย่างแรง
อรุณศรีทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง...แล้วน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ซึมๆ ออกมา
“นึกไม่ถึง...ว่าปรานต์จะเป็นคนแบบนี้..นึกไม่ถึงเลยจริงๆ”
โอบบุญเดินมานั่งข้างๆ พยายามปลอบใจด้วยความเห็นใจ โอบบุญโอบไหล่น้องสาว
“เอาน่า..ถือซะว่าโชคยังดีที่ได้เห็นตอนนี้ ดีกว่าไปเห็นหลังจากแต่งงานกันไปแล้ว ถ้าไปรู้ตอนนั้น...กรรมหนักกว่านี้แน่”
อรุณศรีพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็อดน้ำตาร่วงไม่ได้ โอบบุญโอบเอาร่างอรุณศรีมากอดไว้ ให้กำลังใจผ่านอ้อมกอดของพี่ชาย
อรุณศรีร้องไห้ออกมาระบายความเก็บกด เป็นคืนเศร้าที่เจือไว้ด้วยความสุขระหว่างสองพี่น้อง
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์