อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20/2
อรุณศรีแยกจากโอบบุญเดินเข้ามานั่งอยู่ภายในห้องนอน หยิบภาพถ่ายคู่ของเธอกับปรานต์ที่ใส่กรอบวางอยู่มาดู แล้วก็ถอนใจด้วยความผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อรุณศรีค่อยๆ หันมาวางกรอบรูปไว้ในกล่องที่เตรียมไว้สำหรับเก็บความทรงจำเก่าๆ โอบบุญยืนอยู่ที่หน้าห้อง มองเข้ามาในห้องน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ได้แต่ถอนใจเบาๆ
“การจากลา...เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์”
โอบบุญคิดถึงคำคมของนักเขียนนิรนามท่านหนึ่ง
“ถ้าคิดจะเริ่มต้นรัก ควรเผื่อใจสำหรับการเลิก และทำทุกวันให้เป็นวันที่ดีที่สุด อย่างน้อยเมื่อต้องแยกทาง ยังมีสิ่งดีๆ หลงเหลืออยู่ในความทรงจำ”
โอบบุญค่อยๆ เดินออกไปจากหน้าห้อง..ปล่อยให้อรุณศรีอยู่เพียงลำพัง
ในเวลาเดียวกัน ธีธัชนั่งซึมอยู่ในรถโดยมีกริชชัยเป็นคนขับ บนตักมีโคมไฟที่ธีธัชอุ้มอยู่ด้วยว่ากลัวแตก ท้ายรถมีของมากมายที่ขนออกจากคอนโดเก่ามุ่งหน้ากลับคอนโดกริชชัย กล่องของซึ่งวางอยู่ที่เบาะหลังมีภาพของธีธัชและกรกนกวางอยู่ กริชชัยหันมามองด้วยความเห็นใจ แล้วก็ขับรถต่อไป
ธีธัชมองเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง คิดถึงช่วงเวลาดีๆ แห่งความสุขตอนที่อยู่กับกรกนก
ในขณะที่กรกนกนั่งเศร้าอยู่ในร้านสาดสุรา...กรกนกเปิดดูรูปที่ถ่ายคู่กับธีธัชในโทรศัพท์แล้วก็ยิ่งเศร้า
ส่วนวัชระกำลังขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าแสงไฟของกรุงเทพฯราตรีอยู่บนถนนด้วยความเหงา นึกถึงตอนที่วัชระตอนมีความสุขกับเนตรนภัส
ข้างฝ่ายเนตรนภัสหยิบรูปวัชระมาดูแล้วก็ปาทิ้ง พร้อมกับกวาดทุกสิ่งที่เตรียมไว้ทั้งของชำร่วย การ์ดแต่งงาน ชุดแต่งงาน เนตรนภัสดื่มอย่างหนักอย่างไร้สติและทรุดลงร้องไห้กลางห้อง
ทั้ง 6 ชีวิตในค่ำคืนนี้กับเรื่องราวของความรักแตกต่างกันไป
เนตรนภัสยังคงร้องไห้อย่างหนัก
วัชระขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าแสงไฟไปอย่างเหงาๆ
ธีธัชนั่งซึมๆ อยู่บนรถข้างกริชชัย
กรกนกขึ้นสเตตัสเป็นรูปหน้าคนร้องไห้ - T_T โอบบุญเข้ามาและกดเม้นท์เป็นรูปหน้าเป็นห่วง OB one : -_-!!
อรุณศรีหย่อนกรอบรูปอันสุดท้ายใส่กล่อง และปิดกล่องด้วยเทปกาว..ไม่คิดจะเปิดมันขึ้นมาอีก อรุณศรีเชิดหน้าขึ้น..สูดลมหายใจด้วยความเข้มแข็ง
เช้าวันต่อมา บรรยากาศสดใสภายในคอนโดของกริชชัย ธีธัชยังคงนอนคว่ำเปลือยกายอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมกายไว้หลวมๆ ลำเภายืนอยู่ในห้องนอนธีธัชในมือถือด้ามไม้กวาดพลางเขี่ยไปที่ตัวของธีธัช
ธีธัชขยับตัวงัวเงีย ลำเภาเอาไม้กวาดจิ้มต่อ ธีธัชพลิกตัวหันมาด้วยความงัวเงียและรำคาญ และจังหวะนั้นเองที่ส่วนสำคัญของธีธัช ถือโอกาสเคลื่อนตัวออกจากผ้าห่มที่คลุมอยู่ ลำเภาถึงกับตะลึง...ตาโตขึ้นเล็กน้อย
‘คุณพระช่วย หวยออก’ ลำเภารีบเอามือปิดปากด้วยความตื่นเต้น
ลำเภาใช้ไม้เขี่ยอีกที คราวนี้ธีธัชรู้สึกตัวด้วยอาการสะลึมสะลือ
“อาราย” เสียงธีธัชพูดขึ้นทั้งที่ตายังปิดเอยู่
ธีธัชค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอเห็นลำเภายืนอยู่เบื้องหน้า ธีธัชถึงกับสะดุ้งสุดตัว ร้องลั่น!!
“เฮ้ย”
ธีธัชเด้งตัวพรวดพราดขึ้น แล้วก็นึกได้ว่ากำลังโป๊อยู่ รีบคว้าผ้ามาปิดส่วนลับ แล้วก็โวยวาย
“ยัยหนูตะเภา เข้ามาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่หะ ละ...แล้วเธอเห็นอะไรบ้าง”
“ฉันเดินเข้ามา ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว และฉันก็...เห็นหมดเลย” ลำเภาตอบหน้านิ่ง
ธีธัชถึงกับหน้าเหวอ
“หะ...ยัย..เด็กบ้า หน้าไม่อาย เห็นแล้วยังยืนมองอยู่ได้เนี่ยนะ”
“ถ้าฉันหน้าไม่อาย นายก็หน้าด้าน นอนแก้ผ้าในบ้านคนอื่น แถมประตูห้องก็ไม่ปิด น่าเกลียดจริงๆ”
“รู้ว่าน่าเกลียด แล้วมองทำไม แล้วนี่เป็นผู้หญิงยังไงเข้าห้องผู้ชายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“ก็ฉันจะมาปลุกให้ตื่นมาทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว”
“หน้าที่อะไร”
ลำเภายิ้ม
“หน้าที่แฟนไง...ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว กินเสร็จแล้วก็ไปส่งฉันที่ทำงานด้วย”
“หะ” ธีธัชอ้าปากค้าง
ลำเภาพูดต่อทันที
“ไม่ต้องหะ รีบๆ ลุกเลย ก่อนที่ฉันจะเอาคลิปที่แอบถ่ายตอนนายนอนโป๊ไปโพสต์ในยูทูป”
ธีธัชหน้าเหวออย่างแรง
“หะ ธะ..เธอ” เสียงธีธัชตะกุกตะกัก
ลำเภาไม่สนใจหันหลังแล้วก็เดินออกมาจากห้องพร้อมไม้กวาดอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้ธีธัชอึ้งอยู่
“ยัยเด็กบ๊อง..ยัยหนูตะเภามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเพิ่งไป”
ธีธัชลุกพรวดจะตามออกไปด้วยโดยลืมตัวว่ายังโป๊อยู่ พอนึกได้ก็รีบเอามือกุมไว้และหันไปหยิบกางเกงมาใส่ และรีบเดินตามออกไป
“ยัยหนูตะเภาเอาคลิปมาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ่ายอะไรไปบ้างหะ”
กริชชัยเดินออกมาจากห้องนอนอยู่ในชุดเตรียมไปทำงาน เจอกับลำเภาที่เดินยิ้มกริ่มออกมาพร้อมกับไม้กวาดในมือ โดยมีธีธัชที่เดินโวยวายตามมาในชุดกางเกงนอนเปลือยอก
บนโต๊ะอาหารในคอนโดของกริชชัยไส้กรอกหลายขนาด ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ วางอยู่ในจานสวยงาม ข้างๆ มีมันบด มีขนมปังปิ้งอยู่ด้วย
“นี่..ฉันถามว่าถ่ายอะไรไว้บ้าง..เอามาให้ดูเดี๋ยวนี้เลย” ธีธัชยังคงโวยวายลั่น
“เภาไปแกล้งอะไรได้ธีมันอีกหะ ป่วนกันแต่เช้าเลย” กริชชัยถามพลางเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ตักไส้กรอกใส่จาน
ธีธัชรีบอ้าปากฟ้องก่อน
“ก็น้องนาย...”
ธีธัชยังพูดไม่ทันจบ
ลำเภาหันมาเอาด้ามไม้กวาดชี้ให้หยุด ธีธัชหยุดจริงๆ ลำเภาพูดแทรกขึ้น
“เพื่อนพี่กริชนั่นแหละอุบาทว์ นอนแก้ผ้า ไม่อายฟ้าดิน ดีนะที่เภาเรียนอนาโตมี่มาบ้างก็เลยไม่ตกใจ คนอะไรไม่มียางอาย ของตัวเองก็ไม่ได้จะใหญ่โตพออวดได้ เล็กกว่าพวกนี้อีก” ลำเภาพูดแล้วหันมาทางไส้กรอกที่กริชชัยตักมาวางไว้ในจาน กำลังหั่นเตรียมกิน
“ไม่จริง” ธีธัชผงะที่โดนสบประมาท
กริชชัยถึงกับวางมีด ส้อม และเลื่อนจานออกห่างตัว พร้อมบ่นพึมพำ ‘ไม่กินดีกว่า แสลง’ แล้วก็หันไปหยิบขนมปังมากินแทน พร้อมกับเอ็ดลำเภา
“เภา..พี่เตือนแล้วใช่มั้ย ไอ้ธีกับไอ้วัชมันไม่เหมือนพี่ เภาจะทำกับมันเหมือนกับที่ทำกับพี่ไม่ได้”
“ใช่ แล้วที่บอกถ่ายคลิปไว้..เอามาให้ดูเดี๋ยวนี้เลย ถ่ายอะไรไว้บ้าง” ธีธํชพูดพลางแบมือขอมือถือจากลำเภา
“อยากดูก็รีบอาบน้ำ แล้วไปส่งที่ทำงาน ถึงจะให้ดู” ลำเภาพูดพร้อมกับลอยหน้ากวน
“คลิปอะไร” กริชชัยถามด้วยความสงสัย
“ถามน้องแกเอาเองแล้วกัน ฉันจะรีบไปอาบน้ำ แล้วไปส่งน้องแกที่ทำงาน ก่อนจะ..ทะเลาะกันมากไปกว่านี้” ธีธัชทำเสียงฉุน
ธีธัชเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ประตูห้องปิดลง กริชชัยหันมาทางลำเภาที่กำลังยิ้มกริ่ม..ทันทีที่เห็นว่ากริชชัยยืนมองอยู่ ลำเภารีบปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม แล้วก็เฉไฉทำเป็นหันหลังเดินเอาไม้กวาดไปเก็บ
วัชระเดินงัวเงียเดินออกมาจากห้อง ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวแล้วก็ถามขึ้น
“เภากับไอ้ธีทะเลาะกันอีกแล้วดิ..เสียงดังลั่นห้องเลย”
วัชระเหลือบมาเห็นไส้กรอกที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความหิว
“ไส้กรอกใครวะ..น่ากินอ่ะ..ขอนะ”
วัชระหยิบไส้กรอกไปกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
กริชชัยปลายตามามองวัชระนิดๆแอบคิดในใจว่า ‘ถ้ามรึงอยู่ในเหตุการณ์จะกินไม่ลง’ วัชระยังคงกินต่อไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว
กริชชัยหันหน้าหนี ค่อยๆ หันไปมองลำเภาอีกครั้ง…พร้อมกับใช้ความคิด
รถของธีธัชมาจอดที่คลินิครักษาสัตว์ขนาดย่อมแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลสัตว์ที่ลำเภาเคยทำงานอยู่ ธีธัชมองไปรอบๆ คลินิกแห่งนั้นแล้วถาม
“ทำไมมาทำงานที่นี่ ไม่ทำที่โรงพยาบาลแล้วเหรอ”
“พอดีเพื่อนเปิดคลีนิคใหม่ เค้าขอให้มาช่วยอยู่ประจำสามเดือนแรก นั่นไง.. มาแล้ว”
ลำเภาเปิดกระจกลงแล้วเรียกเพื่อนหนุ่ม“วินนี่”
ลำเภาโบกมือทักทาย “วินนี่” เพื่อนเจ้าของคลีนิคสุดหล่อ วินนี่โบกมือทักทายกลับพร้อมส่งยิ้มให้ลำเภา
“เดี๋ยวตามไป” ลำเภายิ้มรับอย่างร่าเริง
ธีธัชชะงักที่เห็นหห้าเพื่อนเจ้าของคลินิคหน้าหล่อ อาการหึงลำเภาเริ่มออกมาอาละวาดอีกแล้ว
“ไปก่อนนะ ขอบใจมากที่มาส่ง” ลำเภาบอก
ลำเภากำลังจะลงจากรถ ธีธัชแทรกขึ้นทันที
“เดี๋ยว”
ลำเภาหยุด หันมามองอย่างแปลกใจ
“วันนี้เลิกงานกี่โมง” ธีธัชเสียงเข้ม
“สามทุ่ม..ถามทำไม”
“เดี๋ยวมารับ”
“มารับทำไม”
“ก็..เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ” ธีธัชพูดพลางยิ้ม
“มาส่ง แล้วก็ต้องมารับด้วยสิ ถึงจะเป็นแฟนที่ดี”
ลำเภาหลิ่วตามองหน้าธีธัช พูดไม่ออก ธีธัชมองหน้าลำเภาแล้วก็ตัดสินใจบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เภา ฉันกับกรกนก..เราเลิกกันแล้ว”
ลำเภาอึ้ง
“แล้วมาบอกฉันทำไม”
“ก็..บอกให้เธอรับผิดชอบไง”
“รับผิดชอบอะไร”
“ก็..รับผิดชอบด้วยการเป็น “แฟนฉัน” ตามที่เธอต้องการไง”
ลำเภาถึงกับหน้าซีด ในขณะที่ธีธัชยิ้มเปิดเผยอย่างมีความสุข ลำเภาอึ้งไม่พูดไม่จา เปิดประตูลงจากรถของธีธัชพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าธีธัช ธีธัชสะดุ้งรีบเปิดประตูรถตามไปทันที
“อ้าว...เฮ้ย.เภา...เภา”
ลำเภาก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว ธีธัชรีบวิ่งตามมา
“เภา..หยุดก่อน..เภาคุยกันก่อนเดินหนีทำไม” ธีธัชวิ่งมาดักที่หน้าลำเภา
ลำเภายังไม่ยอมหยุด เดินไปพูดไป
“ฉันไม่ได้อยากได้นายมาแฟนจริงๆ สักหน่อย ฉันก็แค่เล่นๆ แกล้งให้มันสะใจ นายไปกับคุณกรเค้าทำไม ไม่สงสารเค้าหรือไงหะ”
ธีธัชดินตามลำเภาและพูดไปเช่นเดียวกัน
“ก็สงสาร แต่เค้าเองก็อยากเลิกกับฉันอยู่แล้ว เราเลิกกันด้วยดี... ไม่มีปัญหา”
ลำเภาหยุดเดินแล้วเริ่มโวยวายใส่
“ถึงไม่มีปัญหา...ฉันก็เป็นแฟนกับนายจริงๆไม่ได้ ฉันแค่อยากเป็นแฟนเล่นๆ แค่เอาชนะเฉยๆ ตอนนี้ฉันก็ชนะแล้ว..เพราะฉะนั้นฉัน..ขอยกเลิกการท้าทายทั้งหมด..จบเกม”
“เฮ้ย...จบไม่ได้นะ เพราะฉันอยากเป็นแฟนกับเธอจริงๆ...เภาฉันชอบ”
ธีธัชพูดยังไม่ทันจบ ลำเภางัดเอาหูฟังอันใหญ่มากออกมาจากกระเป๋ามาครอบหูไว้ ลำเภากดเปิดเพลงอย่างดัง “เพลง ยาพิษ ของ บอดี้สแลม” ดังสนั่นกลบเสียงธีธัช
“เภา ฉันชอบเธอจริงๆนะ ฉันไม่ได้พูดเล่น แล้วฉันก็ไม่ได้เล่นเกมส์ ฉันชอบเธอ มันคือความจริง”
ลำเภาทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่สนใจธีธัช เดินเลี่ยงตัวไปอีกทางเพื่อเดินเข้าคลีนิค ธีธัชยังตะโกนไล่หลังไป
“เภา..เภา..ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันชอบเธอจริงๆ”
ธีธัชตะโกนจบหอบและเพิ่งจะรู้ตัวว่า คนแถวนั้นหันมามองธีธัชเป็นตาเดียว ธีธัชยิ้มอายก่อนจะรีบเดินก้มหน้างุดๆกลับไปที่รถด้วยความเขิน
เมื่อเข้าสู่คลินิกลำเภาค่อยๆ ดึงหูฟังออก หน้าตายังตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลำเภายืนใจเต้นตูมตามอยู่ที่มุมหนึ่งของคลินิค คำพูดธีธัชดังแทรกเข้ามาย้ำ เสียงหัวใจของลำเภาใจเต้นระส่ำ
ปรานต์เปลือยท่อนบนซิทอัพอย่างมืออาชีพ เหงื่อแตกซิกๆ ปรานต์ยืนหอบด้วยความเหนื่อย ระหว่างที่ปรานต์
ออกกำลังกายไป ภาพของอรุณศรีที่บอกเลิกแทรกเข้ามาในความคิดเป็นระยะๆ
“มันถึงเวลาแล้ว.. เราควรจะเลิกกันได้สักที”
“ยอมรับความจริงซะเถอะ เราสองคนเดินมาถึงทางตันแล้ว อย่าทนอยู่เพื่อจะเกลียดกันไปมากกว่านี้เลย”
ปรานต์ซิทอัพด้วยหน้าตาเคร่งเครียด เสียงลมหายใจหอบดังเป็นระยะต่อเนื่อง
ภาพตอนปรานต์ซื้อแหวน และให้แหวนขอแต่งงาน แต่อรุณศรีปฎิเสธ ภาพอรุณศรีอยู่กับกริชชัย ตอนมาส่งที่บ้าน ตอนมาส่งที่ทำงาน ตอนอยู่ด้วยกันที่ รีสอร์ท ภาพเหตุการณ์ตอนกริชชัยชกหน้าปรานต์ และอรุณศรีไล่กลับไป แวบเข้ามาในความทรงจำ จนถึงตอนที่อรุณศรีพูดเรื่องเงิน
“ต่อจากนี้ เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง มีแค่เรื่องเดียวที่อยากจะให้รับผิดชอบ.. เงินของฝ้าย”
ปรานต์ถึงกับบันดาลโทสะ หยุดซิทอัพและหันไปปัดขวดน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆกระเด็นกระดอนไปด้วยความ
หงุดหงิด
“โธ่เว๊ย” ปรานต์กัดฟันกรอดคิดถึงอรุณศรีและกริชชัยด้วยความแค้น
“คิดจะทิ้งกัน...มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”
ภายในห้องที่คอนโดของปรานต์ เกียวเปิดประตูห้องน้ำออกมาในชุดเสื้อคลุมเซ็กซี่ เกียวมองไปรอบๆ ห้องและร้องเรียก
“ปรานต์...ปรานต์...ปรานต์”
เกียวมองไม่เจอปรานต์ แต่เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแปะไว้ที่ประตู เกียวเดินมาหยิบดู
“ผมไปลงฟิตเนสข้างล่างนะครับ”
เกียวยิ้มรับ
“เมื่อคืนก็เกือบเช้า..ตื่นมายังมีแรงไปออกกำลังกาย..ฟิตดีจริงๆ แบบนี้ต้องให้รางวัล”
เกียวยิ้มกริ่มด้วยความลุ่มหลง แล้วก็หันไปหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองมาเปิดและหยิบกล่องนาฬิกาหรูออกมา เกียวยิ้มพอใจแล้วก็คิด
“หาอะไรมาห่อหน่อยดีกว่า”
เกียววางกล่องนาฬิกาไว้แล้วก็หันซ้ายหันขวา รื้อหากระดาษและอุปกรณ์ห่อของขวัญ ที่ลิ้นชักในห้องถูกเปิดออกมา มีทั้งลิ้นชักเสื้อผ้า ลิ้นชักเก็บของ เก็บซีดี เก็บของใช้ส่วนตัว และมาหยุดที่ลิ้นชักที่ใส่อุปกรณ์ช่างต่างๆ ทั้งคีม สายไฟ ค้อน ไฟฉาย ของผู้ชายๆ ที่เธอคงไม่มีวันจะสนใจเปิดดู เกียวรื้อๆหากรรไกร และคัตเตอร์ แล้วก็เหลือบไปเห็นกล่องพลาสติกที่ซุกอยู่ในมุมลิ้นชัก ในกล่องมีผ้าด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มห่ออะไรบางอย่างอยู่ เกียวคิด
“ไม่มีกระดาษ เอาผ้าห่อก็ได้”
เกียวยิ้มและหยิบห่อผ้าออกมา ทันใดนั้น...กล่องแหวนที่อยู่ในห่อผ้าก็ล่วงลงพื้น
เกียวเหลือบไปดูด้วยความแปลกใจ เกียวมองแล้วขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะก้มลงหยิบมาเปิดดู กล่องใบนั้นมีแหวนแต่งงานวางอยู่อย่างสง่า น้ำเพชรส่องประกายเจิดจ้า เกียวถึงกับยิ้มด้วยความตื่นเต้น..ตาโตวาวด้วยความดีใจมากถึงมากที่สุด
ปรานต์ออกจากฟิตเนสชั้นล่างของคอนโด ขึ้นลิฟต์และเดินมาหยุดที่หน้าห้อง และเคาะประตู ปรานต์ยืนรอด้วยความเหนื่อย และเครียด เกียวเดินมาเปิดประตูห้อง
ประตูถูกเปิดออก..เกียวยืนหน้าเด้ง แต่งหน้า แต่งตัวเซ็กซี่สวยงามอยู่ตรงหน้าปรานต์ เกียวยื่นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยผ้ากำมะหยี่ให้ปรานต์ พร้อมกับส่งเสียงอย่างน่ารัก
“เซอร์ไพร์ส”
ปรานต์แปลกใจ ยิ้มนิดๆที่ริมฝีปาก
“อะไรครับพี่”
“ของขวัญพิเศษ เนื่องในวัน...อยากให้”
ปรานต์ยิ้มและรับกล่องมาพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง ประตูห้องปิดลง
ปรานต์พิจารณาดูกล่องนาฬิกาที่อยู่ในมือแล้วก็ชะงัก เพราะจำผ้ากำมะหยี่ได้ รอยยิ้มหายไปจากริมฝีปาก ปรานต์ทันที ปรานต์รีบแกะผ้าออกเห็นว่าเป็นกล่องนาฬิกา
“ชอบมั้ย” เกียวถามพลางยิ้มรอคำพูดจากปากปรานต์
ปรานต์เงยหน้ามองเกียว แล้วถามว่า
“พี่เอาผ้านี้มาจากไหน”
เกียวแอบยิ้มนิดๆ ทำเป็นซื่อๆ
“เอามาจากในลิ้นชักโน่น”
เกียวพูดแล้วเอามือข้างที่มีแหวนขึ้นชี้ ปรานต์มองตามนิ้วไปที่ลิ้นชักที่ตัวเองเก็บแหวน แล้วพบว่า แหวนที่ตั้งใจซื้อให้อรุณศรี บัดนี้อยู่ในนิ้วของเกียวเสียแล้ว
ปรานต์ถึงกับฉุนกึกขึ้นมาทันที
“พี่ไปเอาแหวนมาใส่ได้ยังไง”
กียวตกใจหันขวับมา รอยยิ้มหายไป สวนปรานต์กลับทันที
“แล้วทำไมพี่จะใส่ไม่ได้”
ปรานต์ชะงัก เกียวพูดต่อ
“ทำไมหะ หรือว่า..มันไม่สมควรจะเป็นของพี่”
ปรานต์อึกอัก เกียวไล่รุกปรานต์ต่อ
“และถ้ามันไม่ใช่..มันเป็นของใคร”
ปรานต์รู้สึกตัวรีบแถไปแบบเนียนๆ
“คือ..มันเป็นแหวนของเพื่อนผมน่ะพี่..มันแอบซื้อจะเอาไปขอแฟนแต่งงาน แต่พอดีแฟนมันไปต่างประเทศ บ้านมันก็โดนน้ำท่วมก็เลยต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น มันไม่อยากเอาแหวนไปด้วย ก็เลยเอาฝากผมไว้”
เกียวมองหน้าปรานต์ด้วยแววตาที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“ถ้าพี่ไม่เชื่อ ผมจะเรียกมันมาให้พี่สัมภาษณ์เลย จะให้มันมาตอนนี้เลยมั้ย” ปรานต์ทำเป็นหยิบมือถือทำท่าจะกดโทร.
เกียวเห็นปรานต์เอาจริงเลยพูดแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไร ไม่ต้อง พี่เชื่อ มันก็แค่เสียใจและเสียดายที่มันไม่ใช่ของพี่..ก็แค่นั้นเอง” เกียวถอดแหวนออกจากนิ้วมือและวางไว้บนโต๊ะ
ปรานต์เก็บแหวนมาอย่างไม่สนใจความรู้สึกเกียวที่อยู่ในอาการเศร้า
“พี่ไม่ต้องเสียดายหรอก..เอาไว้ถ้าผมรวยเมื่อไหร่ ผมจะซื้อให้..เอาให้วงใหญ่กว่านี้ แพงกว่านี้ด้วย”
“พี่ไม่ต้องการของแพงๆ เพราะพี่มีปัญญาซื้อเองได้ สิ่งที่พี่ต้องการคือ ความรัก ความจริงใจ ต่อให้มันเป็นแค่ห่วงฝาโซดาพี่ก็ดีใจแล้ว”
ปรานต์ยิ้มเจื่อนๆ
“แหะ..ครับพี่”
ปรานต์ยิ้มรับแล้วหันหลังไปหยิบแหวนบนโต๊ะและเดินไปเก็บที่ลิ้นชักตามเดิม เกียวมองตามด้วยความเสียใจ และเสียดายพลางมองนิ้วนางข้างซ้ายมือที่ตอนนี้ว่างเปล่า...ด้วยความหวังว่า สักวันจะมีวันที่เธอคงจะได้ใส่แหวนของตัวเองจริงๆ
ภายในห้องพักที่คอนโด สุพรรณิการ์วางอุปกรณ์ตรวจครรภ์บนเคาน์เตอร์หน้าห้องน้ำ ผลตรวจเป็นลบ..ไม่ท้อง สุพรรณิการ์ถึงกับโล่งอก ครั้นเมื่อปรายสายตาไปเห็นขวดเหล้ายี่ห้อต่างๆซึ่งวางอยู่ตามชั้นวางของ สุพรรณิการ์เดินไปหยิบทิ้งลงถังขยะด้วยความแค้น
“มันจะต้องไม่มีครั้งที่สอง”
สุพรรณิการ์เงยหน้าขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว
เสียงออดดังขึ้น เมื่อประตูห้องเปิดออก วัชระยืนอยู่ตรงหน้า สุพรรณิการ์ชะงักเล็กน้อย ต่างคนต่างมองหน้ากัน เก้อๆ เขินๆ ทำตัวกันไม่ค่อยถูก
“ขอเข้าไปคุยหน่อยได้มั้ย”
สุพรรณิการ์คิดแล้วก็พูดกลับ
“ได้..แต่ถ้าคิดจะลวนลาม ฉันฆ่านายแน่”
วัชระส่ายหน้า
“ผมไม่ใช่ไอ้บ้ากามสักหน่อย ตกลงเข้าไปได้หรือเปล่า”
สุพรรณิการ์คิดแล้วก็ดันประตูออกให้กว้างขึ้น แล้วเดินนำเข้ามาในห้อง วัชระเดินตามเข้าไปประตูห้องปิดลง
สุพรรณิการ์เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำผลไม้ออกมา วัชระเดินเข้ามาเห็นขวดเหล้าที่กองอยู่ในถังขยะก็รู้สึกสะท้อนใจ พลันสายตาไปเห็นแผ่นทดสอบครรภ์ สุพรรณิการ์หันมาเห็นพอดี..รีบเดินไปกวาดทิ้งลงถังขยะ วัชระมองตามแล้วก็พูดขึ้น
“เพิ่งมีอะไรกันแค่วันเดียว ตรวจไม่รู้หรอก ต้องรอให้ประจำเดือนไม่มาสักวันสองวันแล้วค่อยตรวจ”
“เหรอ.แหมรู้ดีจังนะ เมาแล้วปล้ำผู้หญิงบ่อยหรือไง”
“ที่รู้เพราะแหนมเค้าใช้”
สุพรรณิการ์ชะงัก วัชระรู้ตัว จึงรีบอ้อน
“แต่...เมาแล้วทำอย่างนั้น..ผมเป็นกับคุณคนเดียวนะ”
สุพรรณิการ์ปรายตามาเหล่ๆ แล้วเบ้ปากใส่
“ช้าไปแล้ว ฉันอารมณ์เสีย ตั้งแต่ประโยคแรกแล้วย่ะ”
สุพรรณิการ์หันหลังเดินด้วยความหงุดหงิด วัชระเห็นท่าไม่ดีจึงพูดขึ้น
“ถ้าคุณท้องจริงๆ ผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง คุณไม่ต้องกังวล”
“ก่อนจะคิดไกลไปถึงรับผิดชอบลูกฉัน รับผิดชอบฉันคนเดียวให้รอดเหอะ”
“ฝ้าย” วัชระหน้าตาจริงจัง
“อะไร”
“ผมเลิกกับแหนมแล้ว งานแต่งงานทุกอย่างก็ยกเลิกไปแล้ว และผมก็บอกเค้าว่า ผมจะเริ่มต้นคบกับคุณ”
สุพรรณิการ์ชะงัก สีหน้าจริงจังขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่า ควรจะดีใจหรือว่าเสียใจ .. วัชระมองหน้าสุพรรณิการ์ ส่งสายตาแอบอ้อน
“คุณรู้ตัวหรือเปล่า คุณเป็นแฟนผมแล้วนะ”
สุพรรณิการ์เงยหน้ามองวัชระแล้วเฉไฉเบือนหน้าหนีด้วยความอายพลางบ่น
“ได้แฟนแบบไม่ตั้งใจแท้ๆ นังฝ้าย”
“ถึงคุณไม่ตั้งใจ แต่ผมตั้งใจ”
วัชระเอื้อมมือมาจับมือสุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์มองลงมาที่มือวัชระซึ่งกุมอยู่แล้วตีมือวัชระดังเพี้ยะ !
“เอ๊ะๆๆ อย่ามาเนียน”
“โอ้ย ตีผมทำไม..แค่จับมือเองนะ ยิ่งกว่านี้..ยังเคยมาแล้ว” วัชระยื่นหน้ามาหาสุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์ดึงหนวดวัชระอย่างแรง
“โอ้ย” วัชระร้อง
“ครั้งนั้นฉันพลาด ถ้ายังไม่ได้อยู่กินกันเป็นเรื่องราว อย่าหวังเลยว่าจะได้แอ้ม”
“โหด” วัชระพึมพำทำหน้าเสียดาย
“บ่นอะไร”
“เปล่าจ้ะ”
“นี่ฉันถามจริงๆ...การที่คุณไปบอกคุณแหนมแบบนั้น...คิดว่าเรื่องมันจะจบจริงเหรอ”
สุพรรณิการ์ถามด้วยความอยากรู้จริงๆ วัชระนิ่ง...คิด..ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะลึกๆก็คิดว่า..ไม่จบแน่
เวลาต่อมา ทันทีที่ไฟในร้านสาดสุราเปิดเพื่อนับหนึ่งของยามราตรี เนตรนภัสก็ก้าวอย่างมั่นใจเข้ามาในร้าน กรกนกกำลังจัดร้านปรายตามาเห็นลูกค้าคนแรกของร้านถึงกับชะงักด้วยความประหลาดใจ เนตรนภัสรี่มาที่เคาน์เตอร์และวางกระเป๋าลงอย่างเสียงดัง
“มันอยู่หรือเปล่า”
“มัน..คือใครคะ”
“นังผู้หญิงหน้าด้านที่ไม่มีปัญญาหาผู้ชายโสดๆมาทำแฟน ต้องแย่งของคนอื่นไปเป็นของตัวเอง” เนตรนภัสเสียงดังขึ้น
เด็กในร้านหันมามองด้วยความแปลกใจ..กรกนกยังนิ่งคุมสถานการณ์
“ฉันพูดแบบนี้ คุณคงรู้ว่าฉันหมายถึงใคร”
“ที่จริง..ผู้หญิงลักษณะที่คุณบอกก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะในสังคม ฉันว่าคุณพูดชื่อมาดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ผิดคน” กรกนกพยามเลี่ยงอย่างฉลาด
“นังฝ้ายไง เจ้านายของพวกแก มันแย่งแฟนฉัน มันแย่งวัชไปจากฉัน” เนตรนภัสเสียงแหวขึ้นทันที
เด็กในร้านมองหน้ากันเลิกลั่ก กรนกมองรอบๆแล้วพยายามทำให้เหตุการณ์เบาลง
“ตอนนี้คุณฝ้ายยังไม่เข้ามาค่ะ”
“มันจะมาเมื่อไหร่”
“ปกติก็ประมาณสองถึงสามทุ่ม”
เนตรนภัสนั่งลงและหันมาสั่งกรกนก
“ฉันจะรอ รอจนกว่ามันจะมา ขออย่างเดิม ๒ ที่ แรง ๆ”
“ค่ะ”
กรกนกรับคำอย่างสุภาพและหันหลังให้เนตรนภัสสาตาไปเจอกับพนักงานที่ยืนรอดูเหตุการณ์ กรกนกพยักหน้าส่งสายตาดุให้กลับไปทำงาน ทุกคนรู้สึกตัวรีบกระจายกลุ่มกลับไปทำงานตามปกติ
กรกนกเดินมายังมุมชงเหล้า กรกนกทำเป็นจะชงเหล้า แต่ค่อยๆหยิบมือถือออกมาและส่งข้อความให้สุพรรรณิการ์ทันที
“คุณแหนมรออยู่ที่ร้านนะคะ สถานการณ์ไม่ค่อยดี”
กรกนกค่อยเก็บมือถือไม่ให้มีพิรุธและเริ่มต้นชงเหล้าอย่างมืออาชีพ
เนตรนภัสนั่งหูตาขวางอยู่ที่เคาน์เตอร์ เนตรนภัสเอามือจับกระเป๋าถือที่วางอยู่ใกล้ตัวบนเคาท์เตอร์ตลอดเวลา
มือถือของสุพรรณิการ์มีสัญญาณกระพริบข้อความเข้า สุพรรณิการ์กดอ่านถึงกับหน้าเสียอย่างฉับพลัน วัชระยืนมองขวดเหล้าที่อยู่ในถังขยะด้วยความเสียดาย..วัชระกำลังก้มจะเก็บขึ้นมา สุพรรณิการ์โพล่งขึ้น
“คุณแหนมรอฉันอยู่ที่ร้าน”
วัชระได้ยินดังนั้นถึงกับปล่อยขวดเหล้าหล่นจากมือ ตกลงในถังขยะเหมือนเดิม
“อย่าไป”
“ทำไม ไหนคุณบอกว่าเคลียร์แล้วไง ทำไมฉันจะไปเจอเค้าไม่ได้”
“ก็แหนมเค้าคิดว่าคุณแย่งผมไปจากเค้า”
“แต่ฉันไม่ได้แย่ง คุณมาของคุณเอง” สุพรรณิการ์สวน
“ก็เค้าไม่เข้าใจไง และเค้าก็ยอมรับไม่ได้ว่าเราเลิกกันเพราะเราไปกันไม่ได้ มันง่ายกว่าถ้าจะโยนความผิดให้..มือที่สาม”
สุพรรณิการ์ผงะ
“เอ๊า สรุปฉันซวย โอเค ฉันจะไปบอกให้เค้าเข้าใจเอง “ สุพรรณิการ์พูดแล้วหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป
วัชระรีบเอาตัวมากันและห้ามไว้
“ไม่ได้..แหนมไม่มีวันเข้าใจ และเค้าก็ไม่ฟังด้วย ขนาดผมพูด..แม่เค้าพูด..เค้ายังไม่ฟังเลย”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง หลบหน้าเหมือนฉันทำผิดงั้นเหรอ”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ขอแค่วันนี้อย่าเพิ่งไปเผชิญหน้า รอให้แหนมเย็นลงกว่านี้ ถ้าเจอกันอีกที..สถานการณ์มันอาจจะดีขึ้น”
สุพรรณิการ์ยังไม่ยอม.. วัชระมองด้วยความเป็นห่วง
“นะ..ฝ้าย..ผมขอร้อง..อย่าไปเลยนะ..ผมเป็นห่วงคุณ”
สุพรรณิการ์มองหน้าวัชระแล้วก็ยอม วางกระเป๋าลง
“ฉันไม่ไปก็ได้” สุพรรณฺการ์ว่า วัชระถอนใจเบาๆโล่งอก
สุพรรณิการ์อดคิดตามคำพูดของวัชระแล้วถาม
“ถ้าฉันเจอกับคุณแหนมจริงๆ คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น .. เค้าจะเข้ามาตบฉันเหมือนในละครหรือเปล่า”
วัชระคิดเล็กน้อยแล้วตอบเสียงเครียด
“มันอาจจะมากกว่านั้น”
สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วแปลกใจ มากกว่านั้นของวัชระมันคืออะไร ?
ภายในร้านสาดสุรายังไม่มีลูกค้า เนตรนภัสมองไปที่ประตูร้านอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่มีวี่แววของสุพรรณิการ์ เนตรนภัสหันกลับมาที่กระเป๋า และเปิดออก ภายในกระเป๋าใบนั้นมีปืนอยู่กระบอกหนึ่งที่วางนิ่งอยู่ เนตรนภัสมองด้วยความพอใจ....สะใจ และไม่กลัวที่จะต้องใช้มัน
เนตรนภัสยังคงรอสุพรรณิการ์ต่อไป
ประตูห้องสุพรรณิการ์เปิดออก วัชระเดินออกมา สุพรรณิการ์เดินตามมาส่ง
“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” วัชระถาม
“ฉันอยู่คนเดียวมาเป็นสิบปี ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้ รีบไปทำงานได้แล้ว ได้ข่าวว่ากินเงินเดือนหลวงไม่ใช่เหรอ ภาษีฉันทั้งนั้น ทำงานให้มันเต็มที่ เต็มเวลาหน่อย”
“ครับผม” วัชระตะเบ๊ะยิ้มๆ ให้สุพรรณิการ์
สุพรรณิการ์เผลอยิ้มรับ วัชระได้จังหวะหอมแก้มหนึ่งฟอด สุพรรณิการ์ตกใจฟาดฝ่ามือลงที่ใบหน้าเพี้ยะ !
“โอ้ย แค่หอมแก้ม ตบเลยเหรอเนี่ย ทีเมื่อคืนทำมากกว่านี้ ไม่เห็นจะ” วัชระทำหน้ายิ้มล้อกวนๆ
สุพรรณิการ์ดึงหนวดวัชระอย่างแรง
“นี่แน่ะ”
“โอ้ย เจ็บนะฝ้าย” วัชระร้องอีก
“รู้ว่าเจ็บไงถึงได้ทำ”
วัชระมองค้อนๆ สุพรรณิการ์พูดประชดต่อ
“แหม...เดี๋ยวนี้มีความสุขนะ ลูกเล่นแพรวพราว ทะลึ่งตึงตัง ไม่เห็นหน้าอมทุกข์เหมือนเมื่อก่อน”
“ก็เพราะคุณไง..คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้” วัชระยิ้มรับ
สุพรรณิการ์สะดุดกับรอยยิ้มของวัชระ
วัชระพูดต่อ
“ขอบคุณนะฝ้าย...ขอบคุณที่ทำให้ผมกลับมาหัวเราะได้อีกครั้ง”
“หัวเราะให้มันได้ตลอดก็แล้วกัน..ไปทำงานได้แล้ว ต้องไปจับผู้ร้ายไม่ใช่เหรอ หมกหมุ่นแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนยิงตายกันพอดี ไปเลย”
สุพรรณิการ์ดันหลังวัชระให้รีบไป..
วัชระไปตามแรงดัน
“ค้าบ ไปแล้วค้าบ เฮ่อ..ไล่จริงๆ”
วัชระเดินไปแต่โดยดี ก่อนจะไปยังหันมายิ้มให้สุพรรณิการ์อย่างมีความสุข พร้อมกับทำมือเหมือนโทรศัพท์แนบไว้ที่หู
“เสร็จงานแล้วผมโทร.หา”
สุพรรณิการ์ยิ้มรับเขินๆ
สุพรรณิการ์ปิดประตูห้องแล้วยืนยิ้มอยู่คนเดียว ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สุพรรณิการ์หยิบมาดูชื่อ แล้วก็กดรับ
“ฉันกำลังโทรหาแกอยู่พอดี”
อรุณศรีโทร.คุยกับสุพรรณิการ์ ขณะที่กำลังเดินไปปิดหน้าต่างและประตูบ้าน เตรียมออกไปข้างนอก
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน แกอยู่คอนโดหรือเปล่า ตอนนี้ฉันอยู่บ้านกำลังจะไปหา”
สุพรรณิการ์เดินไปคุยไป
“อยู่บ้าน ทำไมแกไม่ไปทำงาน มีอะไรหรือเปล่า”
อรุณศรีหยุดเดินแล้วก็พูดตรงๆ
“ฉันเลิกกับปรานต์แล้ว”
สุพรรณิการ์กำหมัดชกเข้าหาตัว พร้อมกับทำปากร้อง “เยส” แต่ไม่มีเสียง ดีใจแทนเพื่อนจนออกนอกหน้า
“เลิกกันเมื่อวาน วันนี้ก็เลยเซ็งๆ ขอลาป่วยหนึ่งวัน .. ตกลงแกอยู่คอนโดหรือเปล่า”
“อยู่ๆ แกรีบมาเลย จะได้ฉลอง” สุพรรณิการ์รีบบอกด้วยความดีใจ
อรุณศรีส่ายหน้าด้วยความเข้าใจ..รู้ว่าเพื่อนคงจะเตรียมจุดพลุรอ
“เอ๊ย!! เลี้ยงปลอบใจ.. แกรีบมาเลยนะ เจอกัน”
“อืม เจอกันจ้ะ”
อรุณศรีวางสายไปและเดินออกจากบ้านด้วยความรู้สึกในใจยังมีอารมณ์แบบค้างคา เซ็ง เบื่อ งงกับชีวิต ต่างจากสุพรรณิการ์ที่วางสายไปด้วยความดีใจ
“เยส! ในที่สุด..ไอ้แอ๊วก็ตาสว่าง”
สุพรรณิการ์คิดถึงกริชชัย แล้วก็รีบจิ้มกดโทรศัพท์ โทร.หาทันที
หน้าคลินิคลำเภาตอนเย็น รถธีธัชเข้ามาจอดเทียบและเดินลงจากรถอย่างมีความสุข
ลำเภายืนอยู่ริมหน้าต่าง..หน้านิ่ง เห็นห็นธีธัชกำลังเดินมา
ธีธัชเดินเปิดประตูเข้ามาในคลีนิค มองซ้ายมองขวา แล้วก็เดินยิ้มเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ต้อนรับ ธีธัชถามเจ้าหน้าที่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ลำเภากลับไปหรือยังครับ”
เจ้าหน้าที่มองซ้ายมองขวาพลางตอบ
“เอ..เมื่อกี้เห็นแว่บๆ .. นั่นไงคะ...หมอเภาเดินออกไปโน่นแล้วค่ะ”
เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่หน้าคลีนิค ธีธัชรีบหันไปทันที เห็นลำเภากำลังจะรีบเดินหนี
“เฮ้ย ยัยหนูตะเภา”
ธีธัชรีบวิ่งตามออกไปทันที ระหว่างที่กำลังจะออกไปพลันนึกได้จึงหันมาทางเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
“ขอบคุณครับ”
ที่ริมถนนหน้าคลินิค ลำเภากำลังเปิดประตูรถแท็กซี่และเข้าไปนั่งในทันที
“รังสิตคลองหกค่ะ” ลำเภาบอกโชเฟอร์
ธีธัชรีบวิ่งมาที่รถ แล้วร้องเรียก
“เภา รอด้วยเภา เภา เภา”
ลำเภาไม่หันมามอง แต่กลับรีบเร่งคนขับ
“รีบไปเลยค่ะ”
คนขับรถออกตัวไปตามสั่ง รถแท๊กซี่แล่นออกไป ธีธัชพยายามจะรีบวิ่งตาม
“เภา เภา เภา อย่าเพิ่งไป เภา”
รถแท๊กซี่ห่างออกไปไกลแล้ว ธีธัชวิ่งตามจนเหนื่อยพลางครุ่นคิดปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่
“แฮ่กๆ ยัยเด็กบ๊อง”
ลำเภานั่งอยู่บนรถแท๊กซี่หน้านิ่งๆ แต่หัวใจกำลังตื่นเต้นอย่างที่ไม่เป็นเป็นมาก่อน
วงดนตรีกำลังเล่นดนตรีสดอยู่บนเวที ในร้านสาดสุราลูกค้าเริ่มมากขึ้น บรรยากาศกำลังคึกคัก เนตรนภัสเริ่มเมามายจนได้ที่ เพลงหวานบนเวที ทำให้เนตรนภัสเกิดอาการเลี่ยนขึ้นมาโดยฉับพลัน จนต้องตะโกนดังก้องไปทั่วร้าน
“อีนังหน้าด้าน ทำไมมันยังไม่มา หะ มันอยู่ไหน โทร.ไปตามมันมาเดี๋ยวนี้เลย ไปเรียกมันมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
ลูกค้าในร้านหันมามองด้วยความงุนงง นักดนตรีบนเวที มองหน้ากัน นักร้องยังพยายามร้องต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนตรนภัสเมาอาละวาดต่อ
“โอ้ย...ร้องอยู่ได้หนวกหูเว้ย หนวกหู”
นักร้องยังร้องต่อ บอดี้การ์ดคุมร้านกำลังจะเดินมาทางเนตรนภัส กรกนกหันมาเห็นพอดี กรกนกรีบเดินเข้ามาแล้วพยักหน้าบอกการ์ดเป็นทำนองว่าจะดูแลเอง การ์ดหยุดดูท่าที อยู่ไม่ไกล
“คุณแหนมคะ...กรว่า คุณแหนมรอไปก็จะเสียเวลาเปล่านะคะ ดึกขนาดนี้ คุณฝ้ายคงไม่มาแล้วล่ะคะ” กรกนกบอก
“ทำมาย ทำมาย มันไม่มา” เสียงเนตรนภัสดังอ้อแอ้
“กรก็ไม่ทราบเหมือนกัน..คุณแหนมอย่ารอเลยค่ะ”
“มันไม่มา แสดงว่ามันคงจะกกอยู่กับวัชแน่ๆ วัชต้องอยู่กับมันแน่ๆ” พูดแล้วเนตรนภัสก็พรวดพราดลุกขึ้นจนเซเกือบจะล้ม
“คุณแหนมระวังค่ะ” กรกนกช่วยจับไว้
เนตรนภัสพยายามยันตัวยืนให้อยู่แล้วพูดต่อ
“มันต้องอยู่ด้วยกัน..มันต้องอยู่วัชแน่ๆ ฉันจะไปตามหามัน..ฉันจะต้องตามหามันให้เจอ”
เนตรนภัสยันตัวยืนแล้วก็เดินไปอย่างเซๆตามประสาคนเมา แต่นึกได้ว่ายังไม่ได้จ่ายเงิน จึงล้วงแบงค์พันมา
สองใบแล้วก็ยัดใส่มือกรกนก
“ไม่ต้องทอน”
กรกนกรับเงินไว้ คนในร้านมองตามเนตรนภัสแล้วเริ่มซุบซิบกันไปต่างๆนานา กรกนกมองตามไปด้วยความเห็นใจ
ที่หน้าร้านสาดสุรา เนตรนภัสเดินเป๋ออกมาจนเกือบจะล้ม ดีที่จับเสาไว้ วูบนั้น เนตรนภัสก็นึกถึงคอนโดของกริชชัยขึ้นมาทันที
เสียงออดดังขึ้นที่หน้าห้องสุพรรณิการ์
“มาแล้วค่ะ” สุพรรณิการ์เสียงใส
ประตูห้องสุพรรณิการ์เปิดออก แขกที่มาเยือนทำให้สุพรรรณิการ์ต้องแปลกใจเพราะคิดไม่ถึง!?!
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์