หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20/3

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20/3
เป็นกริชชัยที่ยืนยิ้มให้สุพรรณิการ์อยู่หน้าห้อง สุพรรณิการ์ถามออกมาด้วยความแปลกใจ

“ทำไมคุณกริชมาถึงเร็วจัง แอ๊วยังไม่มาเลยค่ะ”
“งั้นผมไปรอที่ห้องผมก่อนก็ได้ครับ” พูดจบกริชชัยทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ รอที่นี่แหละ ฝ้ายมีข่าวดีจะบอกคุณกริชด้วยนะคะ”
กริชชัยขมวดคิ้ว ด้วยความอยากรู้
“ข่าวอะไรครับ”
“แอ๊วเลิกกับไอ้ปรานต์แล้วค่ะ”
กริชชัยใจระทึกทั้งดีใจและเป็นห่วง

สุพรรณิการ์วางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้ากริชชัยที่เวลานี้นั่งอยู่ภายในห้องรับแขก
“ขอบคุณครับ” กริชชัยยกกาแฟขึ้นจิบ
กริชชัยหน้านิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ สุพรรณิการ์มองแล้วถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“คุณกริช ไม่ดีใจเหรอคะ”
“ผมคงใช้คำว่าดีใจไม่ได้ เพราะการที่คนเราเลิกกัน ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี..แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี อย่างน้อยผมก็สบายใจที่จะจีบอรุณศรีอย่างเต็มที่”
สุพรรณิการ์ยิ้มรับ
“เพราะผมไม่ได้เป็นมือที่สาม หรือแย่งคนรักของคนอื่น” กริชชัยพูดต่อ
สุพรรณิการ์หุบยิ้มทันทีเหมือนโดนจี้ใจดำ
“เหมือนที่บางคนคิดว่าฝ้ายทำใช่มั้ยคะ”
กริชชัยรีบหันมาตอบ
“ผมไม่ได้หมายถึงคุณฝ้ายนะครับ กรณีของคุณมันไม่เหมือนกัน คุณไม่ได้แย่ง แต่ไอ้วัชมันเต็มใจมาเอง มันสารภาพกับพวกผมว่ามันชอบคุณ”
สุพรรณิการ์หลุดอมยิ้มออกมานิดๆ ที่มุมปาก แล้วกลับมาหนักใจเหมือนเดิม
“ถ้าคุณแหนมคิดเหมือนคุณก็คงดี”
สุพรรณิการ์พูดด้วยแววตาไม่สบายใจ กริชชัยมองด้วยความเห็นใจ

หลังจากเนตรนภัสออกจากร้านสาดสุราก็มุ่งมาที่คอนโดฯของกริชชัย รถเนตรนภัสปาดเข้ามาจอดที่หน้าคอนโด แล้วหันไปหยิบกระเป๋าถือที่มีปืนอยู่ข้างใน
ระหว่างที่เนตรนภัสก้มอยู่นั้น รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดอยู่ไม่ห่างนัก อรุณศรีก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้าตึก เนตรนภัสหันไปเห็นพอดี เนตรนภัสพยายามเพ่งมองแบบเมาๆ ก็จำได้
“เด็กคุณกริชนี่”
เนตรนภัสรีบลงจากรถแล้วก็เดินเซตามไป

อรุณศรียืนอยู่ที่หน้าห้องสุพรรณิการ์แล้วกดออด สักพักประตูเปิดออก
กริชชัยเป็นคนเปืดประตู และยืนอยู่ตรงหน้า อรุณศรีเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณกริช”
กริชชัยยิ้มรับนิดๆ “เชิญครับ”
อรุณศรีเดินเข้าไปด้วยความแปลกใจ
ประตูห้องอรุณศรีปิดลง ขณะที่เนตรนภัสเดินอย่างเมาๆ เข้ามาเห็นพอดี
“ทำไมคุณกริช ไปอยู่ห้องนั้น ทำไมไม่อยู่ห้องตัวเอง” เนตรนภัสอ้อแอ้พลางชี้มาที่ห้องกริชชัยที่เคยเธอมา ฉับพลันก็คิดได้
“นังฝ้าย”
เนตรนภัสตาโตวาวด้วยความแค้นใจ

สุพรรณิการ์เปิดประตูห้องน้ำออกมา มีเสียงกดชักโครกดังไล่หลัง สุพรรณิการ์เห็นอรุณศรีเดินเข้ามาในห้องก็
ยิ้มทักทาย
“ไงแอ๊ว...ไล่ราหูออกไปได้ หน้าตาสดใสเชียวนะ”
อรุณศรีเดินตรงดิ่งมาหา
“ไม่ต้องมาทำขำกลบเกลื่อน อะไร ยังไงหะ” อรุณศรีแอบชี้ไปทางกริชชัย ไม่ให้กริชชัยเห็น
สุพรรณิการ์มองตามไปที่กริชชัยแล้วก็ยิ้ม
“ก็ฉันเห็นแกเซ็งๆที่เลิกกับแฟน ฉันก็เลยชวนคุณกริชมาทานข้าวด้วยกัน แกจะได้มีเพื่อนคุย ไม่เหงา”
กริชชัยยืนเก้อเขินๆ ทำตัวไม่ถูก..
อรุณศรียิ้มกับสุพรรณิการ์ ยิ้มประชดๆ
“อ๋อเหรอ” อรุณศรียิ้มแต่แววตาดุ จากนั้นเสียงอรุณศรีก็เบาลงโดยพูดแบบไม่ขยับปาก
“สาระแนจริงๆ”
สุพรรณิการ์ขยับเข้ามาซุบซิบ
“โดนด่าว่าสาระแนแต่เพื่อนได้คนดีๆ มาเป็นแฟน ฉันยอม” สุพรรณิการ์ยิ้มใส่อรุณศรี
อรุณศรีจะเถียงต่อแต่สุพรรณิการ์ตัดบท
“คุณกริชเชิญตามสบายนะคะ เดี๋ยวฝ้ายกับแอ๊วทำอาหารให้ทานค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไปแอ๊ว” สุพรรณิการ์หันมาลากอรุณศรีไปห้องครัว
อรุณศรีจำใจไปตามแรงลาก อรุณศรีหันมาสบตากริชชัยนิดๆ แล้วก็หันกลับ ต่างคนต่างทำหน้าไม่ถูก
ทันใดนั้นออดดังขึ้นอีกครั้ง สุพรรณิการ์หันกลับไปที่ประตูเป็นคนแรกและพูดขึ้น
“ฝ้ายเปิดเองค่ะ”
สุพรรณิการ์ก้าวเดินไปได้แค่สองก้าว เสียงจากข้างนอกก็ดังเข้ามา
“นังฝ้าย นังหน้าด้าน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา”
สุพรรณิการ์ชะงักเท้า กริชชัยหันขวับไปที่ประตู แล้วก็พูดขึ้นเพราะรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงไม่เป็นมิตรคือใคร
“แหนม”
อรุณศรีหันมามองหน้าสุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์คิดและตัดสินใจ
ออดหน้าห้อง ถูกกดกระหน่ำอย่างแรงและถี่ เนตรนภัสหน้าแดงกล่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความแค้น
“นังฝ้าย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน ออกมา ฉันบอกให้ออกมา”
คราวนี้ทั้งเสียงออดและทุบประตูรัวดังขึ้น

สุพรรณิการ์ยืน แววตานิ่ง มั่นคง และก้าวขาจะไปเปิดประตู
“ฝ้าย” อรุณศรีรีบจับตัวไว้
กริชชัยรีบเดินมาขวาง
“คุณฝ้าย..ผมว่าคุณอย่าเพิ่งเผชิญหน้ากับแหนมตอนนี้เลยนะครับ”
เสียงเนตรนภัสยังคงร้องดังที่หน้าห้อง
“นังฝ้าย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา”
สุพรรณิการ์ยืนยัน
“ไม่ค่ะ…ฝ้ายไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฝ้ายต้องหลบหน้าด้วย”
“ถึงคุณไม่ผิด แต่แหนมคงไม่เชื่อ ฟังจากเสียงผมว่าแหนมคงเมามา ถ้าเจอกันตอนนี้ ไม่ดีแน่”
“จริง...คุณกริชพูดถูก ฉันว่า...แกอย่าเพิ่งเจอกับคุณแหนมตอนนี้เลยนะ คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง”
สุพรรณิการ์เริ่มลังเล เสียงทุบประตูยังดังสนั่น
“เปิดออกมาสิเว้ย นังฝ้าย นังหมาลอบกัด ทีแย่งแฟนคนอื่นล่ะไม่กลัว แล้วจะมากลัวฉันทำไม? แน่จริงเปิดประตูมาสิเว้ย”
สุพรรณิการ์ใจร้อนรุ่ม..อรุณศรีมองด้วยความเป็นห่วง และสงสารเพื่อน กริชชัยมองไปที่ประตูแล้วคิด

เนตรนภัสกดออดจนเหนื่อย
“นังฝ้าย...นังหน้าด้าน...แกไม่ยอมออกมาใช่มั้ย ได้...”
เนตรนภัสล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ และหยิบปืนพกออกมา
“ถ้าแกไม่ยอมเปิดประตูให้ฉัน ฉันจะยิงประตูห้องแกให้กระจุยไปเลย และถ้าฉันเจอแก...ลูกกระสุนที่เหลือมันจะเป็นของแก...นังฝ้าย”
เนตรนภัสควักปืนออกมาแบบเมาๆ แล้วพยายามจะเล็งไปที่ประตู เนตรนภัสมือสั่นเทา พยายามจะเล็งยิง แต่มือไม่นิ่ง เนตรนภัสพยายามเพ่ง และเหนี่ยวไกปืน
ทันใดนั้น...ประตูก็เปิดออก เนตรนภัสตกใจ เงยหน้าขึ้น เห็นกริชชัยพุ่งเข้ามา
กริชชัยเข้าประกบอย่างรู้จังหวะ ยื่นมือเข้าเข้าจับปืนและหันออกห่างจากตัว ก่อนจะเข้ามารวบตัวเนตรนภัสจากทางด้านหลัง อรุณศรีโผล่หน้าออกมาจากหลังประตู ทั้งลุ้น ทั้งเป็นห่วงกริชชัยโดยไม่รู้ตัว กริชชัยหันมาเห็นรีบสั่ง
“อรุณศรีปิดประตู” อรุณศรีรีบหลบหลังประตู และเปิดแค่แง้มๆ ไว้
เนตรนภัสดิ้นไปมา
“ปล่อยนะ...แหนมบอกให้ปล่อย” เนตรนภัสโวยวาย
กริชชัยไม่ฟังเสียง พยายามกระชากปืนออกมาจากมือแหนมได้สำเร็จ กริชชัยรีบเก็บใส่กระเป๋าหลังทันที
“แหนม...พอได้แล้ว...ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆ จาพูดกัน”
เนตรนภัสสะบัดตัวหลุดจากกริชชัย
“ปล่อยนะ ใจเย็นแล้วโดนแย่งแฟนไปต่อหน้าต่อตา จะเย็นไปทำไม นังฝ้ายมันอยู่ไหน ไปเรียกมันออกมาเคลียร์กับแหนมเดี๋ยวนี้เลย นังฝ้าย นังหน้าด้าน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ นังฝ้าย”
เนตรนภัสกำลังจะพุ่งเข้าไปในห้อง กริชชัยเข้ามาห้ามไว้
“แหนม...คุณฝ้ายไม่อยู่”
“ไม่เชื่อ แหนมรู้ว่าห้องนี้เป็นห้องของมัน มันต้องอยู่ ที่มันไม่ยอมออกมาเพราะมันเอาวัชมาซ่อนไว้ใช่มั้ย คงจะกำลังกกกันอยู่ใช่มั้ยหะ”
น้ำตาเนตรนภัสกำลังจะไหล ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเสียใจ กริชชัยมองอย่างเห็นใจ
“ทั้งวัช ทั้งคุณฝ้ายไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณฝ้ายคงออกไปทำงานตั้งแต่เย็น”
“แหนมเพิ่งมาจากร้านมัน ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว”
“คงจะคลาดกัน”
“คุณกริชพยายามจะปิดบัง ช่วยมันใช่มั้ย คุณกริชอยู่ฝั่งไหนกันแน่”
เนตรนภัสถามกริชชัยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

อรุณศรียืนแอบอยู่หลังประตูที่ไม่ได้ถูกปิด เสียงเนตรนภัสคุยกับกริชชัยดังเข้ามา อรุณศรียืนฟังด้วย
ความเห็นใจ และระมัดระวัง
“ผมไม่ได้อยู่ฝั่งไหนทั้งนั้น ทำไมถึงถามแบบนี้”
เนตรนภัสยังระบายความในใจออกมาด้วยความเสียใจ
“เพราะแหนมไม่เหลือใครแล้ว แหนมเหมือนตัวคนเดียวถอยมาจนหลังชิดกำแพง แหนมต้องลุกขึ้นสู้ วัชทำกับแหนมเกินไป ทำเหมือนแหนมไม่ใช่คน นึกอยากจะเลิกก็เลิก อยากจะทิ้งก็ทิ้ง เค้าเห็นแหนมเป็นอะไร ทำไม..ทำไม ทำแบบนี้”
กริชชัยเห็นแล้วก็สงสาร..เนตรนภัสร้องไห้โหออกมา กริชชัยค่อยๆ ดึงแหนมเข้ามากอดปลอบใจด้วยความเป็น
มิตร เนตรนภัสยิ่งร้องไห้หนัก
“วัชใจร้าย วัชนอกใจแหนม...วัชหักหลัง ทรยศ”
“แหนม ถ้าร้องแล้วมันสบายใจ ก็ร้องออกมา”
เนตรนภัสยิ่งร้องไห้หนักขึ้นและกอดกริชชัยไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้ายด้วยทั้งเมา ทั้งเสียใจ

อรุณศรีค่อยแง้มประตูแล้วแอบดูสถานการณ์หน้าห้อง เห็นเนตรนภัสกอดกับกริชชัยอยู่ อรุณศรีค่อยๆ ปิดประตูลง ใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก เนตรนภัสยังคงฟูมฟายต่อ
“แหนมดีกับวัช ทำไมเค้าตอบแทนด้วยการทำร้ายแหนม เค้าทำแบบนี้ แหนมจะมองหน้าใครได้ แหนมไม่อยากเป็นคนเดียวที่ต้องเสียใจ ไม่ มันต้องไม่เป็นแบบนี้”
เนตรนภัสฟูมฟายใหญ่โต จนกริชชัยต้องคลายกอด แล้วจับไหล่หันมาพูด พยายามดึงสติกลับมา
“แหนม...ผมว่าคุณกลับบ้านดีกว่า...กลับไปพักผ่อน ตอนนี้คุณทั้งเมา ทั้งเหนื่อยถ้าร้องไห้มากไปกว่านี้ ไม่ดีแน่ กลับบ้านนะ เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”
เนตรนภัสปาดน้ำตาไม่ตอบและไม่ได้ปฎิเสธ เนตรนภัสปาดน้ำตาไป ร้องไห้ไป กริชชัยมองเนตรนภัสแล้วก็ถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองที่ประตูห้องสุพรรณิการ์ เหมือนจะบอกกับอรุณศรีว่าเดี๋ยวมา หลังประตูอรุณศรียืนนิ่งยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองอยู่ดี

กริชชัยเปิดประตูรถด้านคนนั่งให้ เนตรนภัสเดินเข้าไปนั่งในรถ อาการยังเบลอๆ มึนๆ กริชชัยเปิดประตูด้านคนนั่ง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสะบัดและเช็ดลายมือตัวเองที่ผืนพก ก่อนจะวางเสียบไว้ที่ช่องหนึ่งด้านเบาะหลังที่ค่อนข้างปลอดภัย ระหว่างที่เนตรนภัสนั่งซึมอยู่ กริชชัยขับรถไปอย่างระหว่างระวัง และใช้ช่องว่างนั้นส่งข้อความ

อรุณศรีหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความ ด้านหลังเห็นสุพรรณิการ์เดินออกมาด้วยใบหน้าหน้าซึมๆ
“ฝ้าย”
“แกคิดว่า มันเป็นความผิดของฉันหรือเปล่า” สุพรรณิการ์เสียงเครียดนิ่งทว่าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิด อรุณศรีอึ้งไป..ไม่รู้จะตอบสุพรรณิการ์อย่างไร

ในรถของเนตรนภัสซึ่งมีกริชชัยเป็นคนขับวิ่งอยู่บนถนนยามค่ำคืน เนตรนภัสหันมาทางกริชชัย แล้วก็ถามขึ้น
“แหนมขอถามอีกครั้ง..คุณกริชอยู่ฝั่งไหนกันแน่ ระหว่างนังฝ้ายกับแหนม คุณกริชเลือกข้างไหน”
“ผมเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น” กริชชัยตอบนิ่งๆ
“ไม่ได้ คุณกริชต้องเลือก จะทำตัวเป็นนกสองหัวไม่ได้ แหนมไม่ยอม คุณกริชต้องเลือกแหนมนะ คุณกริชต้องช่วยแหนม” เนตรนภัสพูดพลางเขย่าแขนกริชชัย
“แหนม…ผมขับรถอยู่”
“งั้นก็จอดเลย..จอด..จอด..จอด”
เร็วเท่าความคิด นตรนภัสหักพวงมาลัยที่กริชถืออยู่เข้าข้างทาง กริชชัยร้องลั่น
“เฮ้ย”
กริชชัยพยายามจะยื้อพวงมาลัยไว้ และชะลอความเร็ว ก่อนจะเหยียบเบรกในระยะกระชั้นชิด รถเนตรนภัสจอดเอี๊ยดทันที

เนตรนภัสตัวเอียงตามแรงเบรกกะทันหัน เซมาเบียดซบเข้าที่ไหล่ของกริชชัย เนตรนภัสร้อง “โอ้ย” ด้วยความเจ็บๆ กริชชัยปล่อยมือจากพวงมาลัยมาประคอง
“จ็บหรือเปล่า”
เนตรนภัสเงยหน้าขึ้นเห็นกริชชัยมองมาด้วยความเป็นห่วง แววตาอบอุ่นและแสนดีของกริชชัยทำให้
เนตรนภัสยิ้มออกมา
“จะว่าไป...คุณกริชนี่ก็หล่อเหมือนกันนะ”
กริชชัยผงะ
“นิสัยก็ดี... รวยก็รวย ดีกว่าวัชทุกอย่าง... แถมก็ยังโสดอีกต่างหาก แหนมว่า คุณกริชตัดใจจากนังพนักงานระดับล่างจะดีกว่า มันไม่คู่ควรกับคุณสักนิด” เนตรนภัสพูดแล้วก็ค่อยไล่ๆมือไปตามแขนของกริชชัย
กริชชัยมองหน้าเนตรนภัสด้วยแววตาไม่วางใจ และแอบดูแคลนในคำพูดที่เนตรนภัสดูถูกอรุณศรี
เนตรนภัสไล่นิ้วมาที่ริมฝีปากของกริชชัย
“ผู้ชายอย่างคุณ ต้องได้ผู้หญิงที่ดีกว่ามัน อย่างแหนมเป็นต้น เราสองคนเหมาะสมกันที่สุด แหนมอยากรู้จริงๆ ถ้าวัชรู้ว่าเราสองคน มีอะไรกัน จะเจ็บปวดมากแค่ไหน” เนตรนภัสพูดแล้วก็ โน้มตัวมาหากริชชัยแบบเมาๆ
เนตรนภัสโน้มศรีษะของกริชชัยมา เนตรนภัสเผยอริมฝีปากรับ เตรียมจะประกบปากเต็มที่ แต่แล้วกริชชัยก็
เบี่ยงหน้าหนี พร้อมกับปัดมือเนตรนภัสออกมาจากโน้มนำ
“พอได้แล้วแหนม...อย่าทำให้ตัวเองตกต่ำมากไปกว่านี้เลย”
คำพูดของกริชชัยถึงกับทำให้เนตรนภัสกรีดร้องออกมาลั่นรถ จนกริชชัยถึงกับยกมือปิดหูข้างที่โดนไปเต็มๆ
“กรี๊ด”
“คุณกริชพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหะ ถ้าสิ่งที่แหนมทำมันต่ำ แล้วสิ่งที่วัชทำมันสูงส่งนักหรือไง ทำไมไม่ไปด่าเพื่อนตัวเองบ้าง สันดานผู้ชายมันเลวเหมือนกันหมด ถ้าไม่เลว มันก็โง่ ให้ฟรีๆยังไม่เอา ไอ้โง่ ไอ้บื้อ”
กริชชัยได้แต่ส่ายหน้ารับอาการของกริชชัยรับไหว
“อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านแล้ว...ขับเข้าไปเองแล้วกัน ผมส่งคุณได้แค่นี้”
กริชชัยตัดบท และเปิดประตูลงจากรถทันที เนตรนภัสอึ้ง
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป คุณกริช หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณกริช”
กริชชัยลงจากรถและเดินไปอย่างไม่คิดจะหันกลับ เนตรนภัสถึงกับกรีดร้องออกมา
“อ๊าย..ไอ้โง่ ไอ้..ไอ้..ไอ้...ไอ้ซื่อบื้อ”
เนตรนภัสกรีดร้องจนสาใจแล้วก็หยุดหายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นแรง สมองหมุนติ้ว สติสัมปัญชัญญะแตก
กระเจิง เนตรนภัสสะบัดหน้าหันไปมองกริชชัยที่เดินไปทางหลังรถอีกครั้ง พลันสายตาก็ไปสะดุดหยุดอยู่ที่ปืนที่
กริชชัยซ่อนไว้ เนตรนภัสรีบพุ่งไปหยิบปืนด้วยแววตาเคียดแค้น ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม เนตรนภัสเชิดหน้าขึ้น แววตายังมุ่งมั่นในการใช้ปืน

อรุณศรีนอนอยู่บนเตียงสุพรรณิการ์ที่คอนโด นาฬิกาปลุกจากมือถือดังตอน 8 โมงเช้า อรุณศรีคลำๆ หามือถือบนเตียงแล้วก็กดปิด ก่อนจะค่อยๆ หยีตาลืมสู้แสงแดดอ่อนยามเช้า ทันทีที่รู้สึกตัวก็พลิกตัวมาดูข้างๆ แต่พบกับความว่างเปล่า สุพรรณิการ์ไม่อยู่ อรุณศรีแปลกใจ
“ฝ้าย ไอ้ฝ้าย”
อรุณศรีรีบลุกจากเตียง และเดินออกไปจากห้องนอนทันที
“ฝ้าย”
สุพรรณิการ์นั่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น หน้าตาทรุดโทรม เหมือนคนอดนอน อรุณศรีค่อยๆเดินมาหา
“เมื่อคืนแกได้นอนหรือเปล่าเนี่ย”
“นอนไม่หลับ” สุพรรณิการ์พูดพลางส่ายหน้า
อรุณศรีจับไหล่เพื่อนด้วยความสงสาร)
“แกหยุดคิดบ้างเถอะ คิดมากไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น”
“แต่ถ้าฉันไม่คิดเลย แกว่า…อะไรๆมันดีขึ้นเหรอ”
อรุณศรีอึ้ง ไม่รู้จะตอบสุพรรณิการ์อย่างใด
สุพรรณิการ์ละสายตาจากอรุณศรี มองออกไปข้างนอกด้วยแววตามุ่งมั่น
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อคืนมันเกิดขึ้นอีก ผู้หญิงสองคนไม่ควรมาทะเลาะกัน เพราะผู้ชายเพียงคนเดียว” สุพรรณิการ์พูดด้วยความหนักแน่น
“คนที่ทำให้เกิดปัญหา...จะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้”
สุพรรณิการ์คิดถึงวัชระ

เช้าวันเดียวกัน ทั้งกริชชัย วัชระ ธีธัช คุยกันอยู่ในห้องรับแขก โดยทั้งกริชชัยและธีธัชขนาบข้างวัชระ เมื่อกริชชัยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง วัชระถึงกับหน้าเสีย
“แหนมมาหาฝ้าย พร้อมกับปืน”
“เออ ฉันต้องเสี่ยงชีวิต เข้าชาร์จ แล้วก็ลากออกจากคอนโดไป ดีนะที่ไม่มีใครโทร.เรียกรปภ. ไม่งั้น ได้ซวยกันหมดแน่”
วัชระกุมขมับทันทีด้วยความเครียด ธีธัชสงสัย
“แหนมเอาปืนมาจากไหนวะ”
กริชชัยชะงักคิด วัชระเงยหน้าขึ้น แล้วก็ตอบแบบเซ็งๆ
“ปืนฉันเอง”
“หะ” กริชชัยและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกัน
“ปืนแกไปอยู่กับแหนมได้ยังไง” ธีธัชถาม
“นั่นดิ ปกติแกไม่พลาดเรื่องแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้น แล้วแหนมเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่” กริชชัยถามบ้าง
วัชระถอนหายใจด้วยความหนักใจ แล้วก็คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
“ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน” วัชระบอก

เหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่วัชระเดินเข้ามาในห้องทำงาน ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาตาม
“ผู้กองครับ...ท่านรองให้มาตามไปพบครับ”
“ขอบใจมาก” วัชระตอบพลางพยักหน้า
ลูกน้องเดินออกไปจากห้อง วัชระล้วงปืนพกออกมาจากที่เก็บ วางไว้ในลิ้นชักปิด แต่ยังไม่ทันเก็บเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย ลูกน้องคนเดิมก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา
“ผู้กองครับ แฟนผู้กองกำลังเดินมาครับ”
“เฮ้ย...จริงเหรอ” วัชระตกใจ
ลูกน้องโผล่หน้าออกไปดูให้อีกทีเพื่อความแน่ใจ
“จริงครับ ใกล้จะถึงแล้วครับผู้กอง”
“ถ้าแหนมถามบอกว่าฉันไม่อยู่นะ”
“ครับผม”
วัชระรีบวิ่งมาที่หน้าต่างแล้วปีนหนีออกไปชำนาญ เนตรนภัสเดินพรวดพราดเข้ามา เห็นลูกน้องยืนหน้าเด๋อๆอยู่ เนตรนภัสกวาดสายตาแล้วหันมาถาม
“วัชหายไปไหน”
“ผู้กองยังไม่มาครับ”
“ไม่จริง ก็ฉันเห็นรถจอดอยู่ข้างหน้า”
“อ๋อ...รถนั่นจอดไว้นานแล้วครับ แต่วันนี้ผู้กองยังไม่มาเลยครับ ผม...ขอตัวก่อนนะครับ”
ลูกน้องวัชระรีบเลี่ยงไปอย่างฉลาด นตรนภัสยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ภายในห้องทำงานของวัชระคนเดียว
“บ้าจริงๆ หายไปไหนนะ”
เนตรนภัสเดินมาที่โต๊ะแล้วก็วางกระเป๋าบนโต๊ะอย่างแรง พลางกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะปราย
ตามาเห็นปืนที่วางอยู่ในลิ้นชัก…เนตรนภัสคิด

นึกถึงตอนนี้วัชระหน้าเครียด แล้วก็เล่าด้วยเสียงกลุ้มใจ
“พอฉันประชุมกับเจ้านายเสร็จ กลับมาที่ห้อง ปืนก็หายไปแล้ว”
ธีธัชกับกริชชัยส่ายหน้า
“แกนี่มัน..กลัวแหนมจนเสียสติจริงๆ” ธีธัชว่า
“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้านี่หว่า มันก็ต้องรีบหนีไปก่อน”
“ถ้าแหนมเอาปืนไปยิงคนอื่นตาย แกซวยแน่” ธีธัชบอก
“รู้เว้ย ไม่ต้องย้ำ”
“ถ้าฉันรู้ว่าปืนกระบอกนั้นเป็นของแก เมื่อคืนจะได้เก็บไว้ให้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นของใครก็เลยวางไว้ในรถ ไม่อยากโดนข้อหาพกพาอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” กริชชัยบอก
“ฉันเข้าใจ...ถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากหยิบปืนคนอื่นเหมือนกัน” วัชระบอก
“แต่ฉันว่าแหนมไม่คิดแบบนั้นแน่ และตอนนี้เค้าก็รู้แล้วว่าคุณฝ้ายทำงานอยู่ที่ไหน พักอยู่ที่ไหน เกิดแหนมบ้าเลือดขึ้นมาไล่ยิงคุณฝ้าย แล้วก็พาลมาไล่ยิงพวกฉันต่อ แกจะว่าไงหะ” กริชชัยว่า
วัชระสะอึก หน้าเครียดขึ้นทันที
ทันใดนั้นเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น สามหนุ่มหันขวับมาจ้องหน้ากัน ในใจหวาดหวั่นคิดไปต่างๆนานา

สุพรรณิการ์และอรุณศรียืนอยู่หน้าห้องเมื่อประตูถูกเปิดออกโดยวัชระ
“ฝ้าย”
“เราต้องคุยกัน...จะคุยที่นี่ หรือจะคุยที่ห้องฉัน เลือกมา” เสียงสุพรรณิการ์เข้มและจริงจังมาก
วัชระอึกอัก กริชชัยเดินมาตอบให้แทน
“คุยที่นี่แหละครับ เดี๋ยวพวกผมออกไปข้างนอกเอง เชิญครับ”
กริชชัยพูดแล้วก็เดินจะออกนอกห้องไป แต่ธีธัชยังนั่งอยู่ที่เดิมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนกริชชัยหันมาเรียก
“ไอ้ธี”
กริชชัยพยักเพยิดให้ธีธัชออกมา
“อ้อ...ตามสบายครับ” ธีธัชรีบลุกเดินตามกริชชัยออกไป

อรุณศรียังยืนอยู่หน้าห้อง สุพรรณิการ์เดินเข้าไปในห้อง
“ฝ้าย...ใจเย็นๆ ค่อยคุย รู้เรื่องเปล่า”
อรุณศรีเตือน สุพรรณิการ์พยักหน้ารับ
“ฝากฝ้ายด้วยนะคะคุณวัช” อรุณศรีบอกวัชระ
“ครับ”
สุพรรณิการ์แอบปรายสายตามาที่อรุณศรี ก่อนหันไปทางกริชชัยที่ยืนอยู่หน้าห้องกับธีธัชแล้วพูดขึ้น
“คุณกริชคะ พอดีแอ๊วกำลังจะกลับบ้าน ฝากแอ๊วด้วยนะคะ”
อรุณศรีเจอสุพรรณิการ์ย้อนศรเข้าให้
“ครับ” กริชชัยยิ้มรับ
ประตูห้องปิดลง กริชชัยและอรุณศรีต่างคนต่างมองหน้ากัน อรุณศรีเดินนำไปกริชชัยเดินตาม ธีธัชยังยืนอยู่
ที่เดิมมองตามกริชชัยที่เดินไปกับอรุณศรี
“อ้าว ไรวะ ทำไมเหลือฉันอยู่คนเดียวเนี่ย”
ธีธัชมองซ้ายมองขวาเห็นเพื่อนๆมีคู่กันหมดก็เกิดอาการว้าเหว่ คิดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับกดข้อความ “ว่างหรือเปล่า อยากเจอ” ไปยังเครื่องของกรกนก
ธีธัชนิ่งคิด..อยากรู้ว่ากรจะมาหรือเปล่า

ภายในห้องพักของกริชชัยในคอนโด สุพรรณิการ์ตบโต๊ะเสียงดังและเริ่มยิงคำถามใส่วัชระทันที
“ฉันไม่ยอมตายด้วยเรื่องไร้สาระหรอกนะ”
วัชระอึ้งแล้วรีบพูด “ผมก็ไม่อยากคุณตาย”
“แต่เมื่อคืน ถ้าคุณกริชกับแอ๊วไม่อยู่กับฉัน ฉันอาจจะตายไปแล้ว”
“ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริงๆ นะฝ้าย ผมไม่คิดว่าแหนมจะทำแบบนี้”
“แล้วไงต่อ”
“แล้วไง อะไร” วัชระงง
“ก็ขอโทษแล้วยังไงต่อ ที่ฉันมาคุยไม่ได้อยากได้ยินคำว่าขอโทษ อยากรู้ว่าคุณจะแก้ปัญหานี้ยังไง ฉันไม่ยอมอยู่อย่างขวัญผวาแบบนี้หรอกนะ”
“ผมบอกตรงๆ นะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สุพรรณิการ์ถึงกับผงะ
“อ้าว คุณไม่รู้ แล้วใครจะรู้ แล้วชีวิตฉันต้องแขวนอยู่บนความไม่รู้ของคุณเนี่ยนะ “
วัชระพูดไม่ออก แม้หน้าและแววตาจะรู้สึกผิดมากๆ แต่วัชระก็ยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ อย่างที่บอกสุพรรณิการ์จริงๆ สุพรรณิการ์ส่ายหน้าแล้วก็พูดเสียงสั่นๆ พยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงร้ายๆ ที่จะลุกขึ้นมาตบตีกับใครเพื่อแย่งผู้ชาย แต่ถ้าคนกลาง มันไม่ทำอะไร ผู้หญิงอย่างฉันก็ต้องลุกขึ้นมาป้องกันตัว”
“ฝ้าย” วัชระเอื้อมมาจับมือ สุพรรณิการ์ดึงมือออกทันที
“ฉันไม่ต้องการความเห็นใจ แต่ฉันต้องการความมั่นใจ ที่ผ่านมาคุณวิ่งหนี จนปัญหามันทับถมมากเกินกว่าจะแก้ไขด้วยการบอกเลิกเพียงคำเดียว ถ้าฉันเป็นคุณแหนม..ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
วัชระกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“ฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าควรทำอะไร ก่อนที่ฉันหรือใครสักคนต้องตาย”
สุพรรณิการ์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
“ฝ้าย ฝ้าย”
วัชระร้องเรียก แต่สุพรรณิการ์ไม่หยุด เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลง ปล่อยให้วัชระยืนถอนหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่คนเดียวภายในห้อง

สุพรรณิการ์เดินพรวดเข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตูห้องตัวเองลง ยืนพิงประตูอย่างหมดแรง..น้ำตาร่วง ความรู้สึกผิด ความสับสน ถาโถมเข้ามาอย่างมากมาย
วัชระนั่งอยู่ที่เดิม...คิดหนัก เครียดและไร้ทางออก
“แล้วกูจะรู้มั้ยเนี่ย โอ้ย...กลุ้มเว้ย”
สุพรรณิการ์ทรุดตัวลงนั่งที่ประตู ปาดน้ำตา เพียงสักพักเดียวก็เชิดหน้าขึ้น ยืนยันกับตัวเองว่า จะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว

รถกริชชัยแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน อรุณศรีหันมาทางกริชชัย
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
อรุณศรีเดินลงจากรถไปแล้ว กริชชัยคิดอยู่ไม่กี่วินาที ก็ตัดสินใจเปิดประตูรถตามและเรียกไว้
“อรุณศรี”
อรุณศรีหันมา กริชชัยกำลังเดินมาหา มองหน้าอรุณศรีแล้วก็พูดขึ้นด้วยความเขินๆ
“ผม..มีเรื่องอยากจะบอก คุณจะได้…เตรียมตัว”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัยอย่างงงๆ
“เรื่องอะไรเหรอคะ เรื่องงานหรือเปล่า”
“ไม่ใช่...เรื่องส่วนตัว”
อรุณศรีแอบตื่นเต้น
“ผม...จะจีบคุณอย่างจริงจังนะ” กริชชัยพูดน้ำเสียงจริงจัง
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย แล้วขำ
“ตลก...เหรอ” กริชชัยแอบเสียความมั่นใจเล็กน้อย
อรุณศรีพยายามหยุดขำ
“มันก็...ไม่ตลกหรอกค่ะ”
“แล้วขำทำไม” กริชชัยถามประสาซื่อๆ
“ก็คุณพูดยังกะมันเป็นแถลงการณ์ระดับชาติ จริงจังไปหรือเปล่าคะ”
“ใช่..ก็ผมจริงจัง ผมก็ต้องพูดจริงจังสิ เดี๋ยวคุณจะคิดว่าผมจีบคุณเล่นๆ”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย
“ฝ้ายบอกคุณเรื่องฉันกับปรานต์แล้วใช่มั้ยคะ”
“ใช่ เพราะคุณเลิกกับเค้า ผมถึงกล้าจีบคุณ”
“แล้วคุณไม่กลัวว่าฉันจะกลับไปคืนดีกับเค้าเหรอคะ”
“ไม่กลัว ผมรับได้ทุกอย่าง”
กริชชัยจริงจังจนอรุณศรีแอบใจหวั่นไหว อรุณศรีหันหน้าหนีและเดินไปพูดไป กริชชัยเดินตามจนถึงรั้วบ้าน
“ตอนนี้ชีวิตฉันเหมือนเพิ่งผ่านช่วงฝุ่นตลบ อะไรๆ ที่ฉันเห็น มันก็ฟุ้งๆ ยังไม่ชัดเจน ฉันอยากรอให้ฝุ่นมันหายไปซะก่อน ก่อนจะเริ่มต้นใหม่” อรุณศรีพูดพลางมองหน้ากริชชัย
กริชชัยตอบอย่างมั่นใจ ด้วยประโยคติดปาก
“ไม่เป็นไร ผมรอได้ ผมไม่รีบ ถ้าฝุ่นมันหายไปเมื่อไหร่ เดี๋ยวคุณก็เห็นผมเอง”
กริชชัยยิ้มและเดินกลับไปที่รถ อรุณศรีมองตามแล้วก็ยิ้ม กริชชัยหันมาเห็นพอดี อรุณศรีตกใจรีบหุบยิ้มทันทีแล้วรีบหันหน้าหนีเดินอายๆเข้าบ้านไป กริชชัยยิ้มมีความสุข หัวใจพองโตอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

กรกนกกำลังเก็บของที่เหลือใส่กระเป๋าใบเล็กภายในคอนโด ห้องที่เคยมีความสุขกับธีธัช
ธีธัชเปิดประตูเข้ามาพอดี กรกนกชะงักเล็กน้อย ธีธัชมองเข้ามาในห้องอย่างซีเรียส
“นึกว่ากรจะไม่มา”
“ถ้าคิดว่าจะไม่มา แล้วนัดมาทำไมคะ” กรกนกย้อน
“กรอ่ะ” ธีธัชเดินเข้ามาอ้อน
กรกนกยิ้มแล้วเอากระเป๋ามาขวางไว้
“อย่ามาทำเสียงออดอ้อนเลยค่ะ มันไม่ได้ผลหรอก..นัดมามีอะไรคะ”
“ผมก็แค่...เป็นห่วง มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่กร...สบายดีค่ะ” กรกนกยิ้ม
กรกนกตอบอย่างเข้มแข็ง จนธีธัชพูดไม่ออก ธีธัชตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ
“กร...บอกตรงๆ นะ ยิ่งคุณนิ่ง ผมยิ่งรู้สึกแย่ คุณไม่คิดจะตบ หรือ ถีบ ผมบ้างเลยเหรอ ถ้าคุณอยากทำ ก็ทำได้เลยนะ ผมพร้อม”
“อย่าเลยค่ะ ทำแบบนั้น คนอย่างคุณ ไม่รู้สึกหรอก เปลืองแรงเปล่าๆ” กรกนกยิ้มขำๆ
“โห...เจ็บอ่ะ” ธีธัชสะอึก
“ต้องปล่อยให้...คุณเภาเป็นคนดัดนิสัย มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ” กรกนกว่าโดยไม่มีความริษยาเจือในน้ำเสียง
ธีธัชสะอึกถึงขั้นจุกเลยทีเดียว
“คุณรู้ได้ยังไง” ธีธัชถามด้วยความอยากรู้
กรกนกยิ้ม แล้วก็หันมารูดซิปกระเป๋า
“ฉลาดไงคะ” กรกนกยิ้มกวน
“คุณเภาเธอเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แล้วก็หายากมาก ฉันพูดแค่นี้ คุณคงรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป” กรกนกพูดต่อ
ธีธัชอึ้งกับคำพูดและความใจกว้างของกรกนก...กรกนกยิ้มให้นิดๆ แล้วก็หันมาหิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้องไป
“กร” ธีธัชเรียกไว้
กรกนกหันมา ธีธัชเดินเข้ามา และสวมกอดกรกนกไว้ กรกนกซบหน้าลงที่ไหล่กว้างอย่างคุ้นเคย น้ำตาแอบซึมๆ ทั้งสองคนกอดเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายเพียงครู่เดียว กรกนกยันตัวเองออกมา ธีธัชยอมคลายอ้อมแขน
“โชคดีนะคะ” กรกนกมองหน้าธีธัช
“คุณก็เหมือนกัน”
กรกนกยิ้มรับและเดินออกไป ธีธัชถอนหายใจเบาๆ ทว่ามีความสบายใจที่เกิดขึ้นปะปนไปกับความเหงารวมอยู่ด้วย

กระเป๋าเดินทางถูกวางบนพื้นในบ้านของจามจุรี จามจุรีมองกระเป๋าลูกสาวแล้วก็เงยหน้ามองถามลำเภา
“เภาจะย้ายมาอยู่กับแม่เหรอลูก”
นอกจากกระเป๋าเดินทางแล้ว ลำเภายังสะพายกระเป๋าใส่เป็นต่อกับพอใจไว้ข้างๆ
“ค่ะแม่” ลำเภาพยักหน้ารับ พร้อมๆเป็นต่อกับพอใจที่เห่าขานรับ
“น้..นังพอใจ เป็นต่อเห่ารับเลยนะ จะมาอยู่กับยายหรือไงหะ”
เป็นต่อกับพอใจเห่าอีกตอบรับคำพูดของจามจุรี จามจุรีถึงกับส่ายหน้าในความดัดจริตของหมาสองตัวนี้
ลำเภาหย่อนเป็นต่อพอใจลงที่พื้น หมาทั้งสองตัววิ่งดุ๊กๆ ไปอย่างร่าเริง จามจุรีหันมาถามลำเภาอีกที
“ทำไมอยู่ๆถึงเปลี่ยนใจกลับมาอยู่กับแม่ เมื่อก่อนห้ามไม่ให้ไปอยู่ที่บ้านสวนก็ไม่ยอมเชื่อ จะไปอยู่ให้ได้ .. หนีใครมาหรือเปล่า” จามจุรีถามประสาซื่อ ลำเภาถึงกับสะอึกรีบเฉไฉทันที
“เภาก็แค่ไม่อยากอยู่คนเดียว คุณกริชก็ย้ายออกไปแล้ว อยู่คนเดียวเซ็งๆ อีกอย่าง..เป็นต่อ พอใจ ก็บ่นคิดถึงคุณแม่ด้วย เภาก็เลยย้ายกันออกมาซะเลย จะได้หายคิดถึง”
“จริงเหรอ เหตุผลฟังดูแปลกนะ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ” จามจุรีหลิ่วตา
“จริ๊ง ไม่เชื่อถามเป็นต่อกับพอใจก็ได้นะคะ” ลำเภาเสียงสูง
จามจุรีชะงักนิดๆ ลำเภารีบกลบเกลื่อน
“เภาเอาของไปเก็บก่อนนะคะ”
ลำเภาลากกระเป๋าเดินหนีไปทันทีจะโดนจามจุรีซักต่อ จามจุรีได้แต่มองตามลำเภาด้วยความแปลกใจ
“ลูกฉันวันนี้แปลกๆ ต้องมีอะไรแน่”
จามจุรีคิดด้วยความสงสัยและอยากรู้

ภายในบ้านของเนตรนภัส พอสีรุ้งไปเปิดประตูห้องนอนเนตรนภัส ก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ และรีบพุ่งเข้ามาหาเนตรนภัสคว้าแก้วเหล้าออกจากมือ เนตรนภัสในสภาพเมามายไร้สติ ขวดเหล้าวางระเกะระกะไปหมด
“แหนม แหนมพอได้แล้วลูก หยุดดื่มได้แล้ว พอ พอ พอกันที”
สีรุ้งหันไปหยิบถังมาเก็บขวดและแก้วทิ้งด้วยความหงุดหงิด
“คุณแม่ ทิ้งทำไม ทิ้งทำมาย” เนตรนภัสแผดเสียงอ้อแอ้
“แล้วเราจะกินมันทำไม เหล้าพวกนี้ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะลูก มันยิ่งทำให้แหนมแย่ลง แม่ขอร้อง พอเถอะนะลูกนะ “
สีรุ้งน้ำตาคลอๆ ปิ่มจะขาดใจ
“แค่เหล้า มันไม่ทำให้แหนมแย่ไปกว่านี้หรอกค่ะแม่..แหนมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว” เนตรนภัสพูดน้ำตาซึม
“ทำไมจะไม่เหลือ...แหนมยังเหลือแม่..เหลือน้อง..แหนมยังเหลือครอบครัวที่เป็นห่วงแหนมนะลูก..แค่ผู้ชายคนเดียว ตัดใจให้ได้ อย่าปล่อยให้เค้าทำลายชีวิตลูกแบบนี้”
“ไม่! แหนมไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ถ้าแหนมไม่มีความสุข อย่าหวังว่าใครจะมีความสุข ทั้งวัช ทั้งนังฝ้าย มันจะต้องตายให้หมด”
“แหนม...พูดอะไรออกมาน่ะลูก”
“พูดความจริงไงคะแม่ วัชกล้าหักหลังแหนม เค้าทำให้แหนมเจ็บ..เค้าก็ต้องเจ็บเหมือนกัน”
เนตรนภัสสาปส่งด้วยความอาฆาตมาดร้าย
สีรุ้งมองเนตรนภัสด้วยความเป็นห่วง ทั้งร้อนรุ่มในใจ ทั้งเจ็บปวด สีรุ้งคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

สีรุ้งกดโทรศัพท์เพื่อโทร.ออก รอสายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เมื่อมีคนรับ สีรุ้งก็พูดขึ้น ในน้ำเสียงนั้นทั้งหยิ่ง ถือตัว และไม่พอใจซึ่งรับรู้ได้อย่างชัดเจน

“ฉันเอง...ฉันมีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับเธอโดยเร็วที่สุด”
จบสามหนุ่มเนื้องทอง ตอนที่ 20
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 20/3
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์