หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21
แววเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูด้วยความไม่คุ้นชิน เหลียวมองซ้ายมองขวา ก็เห็นสีรุ้งนั่งรออยู่แล้ว

เด็กเสิร์ฟในร้านนำแก้วน้ำผลไม้มาวางที่โต๊ะ แววพยักรับนิดๆ เป็นการขอบใจ ส่วนสีรุ้งเป็นแก้วชาหรูหรา สีรุ้งมองหน้าแววแล้วก็เริ่มเข้าเรื่อง
“ที่ฉันเรียกคุณมาวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องจะ..ขอร้อง และขอความเห็นใจ ในฐานะที่เราเป็นแม่คนเหมือนกัน”
“เรื่องตาวัชอีกแล้วใช่มั้ยคะ” แววถึงกับหน้าเสีย
“นายวัชระบอกเลิกกับแหนม และบอกว่าจะไปคบกับผู้หญิงคนใหม่” สีรุ้งสีหน้าหนักใจ
แววตาโตเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

“ผู้หญิงคนใหม่ ใครเหรอคะ”
“คุณเป็นแม่เค้ายังไม่ทราบ ดิฉันจะไปทราบได้ยังไง” สีรุ้งแอบอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย
แววชะงักเล็กน้อย สีรุ้งพูดต่อ
“ตอนนี้แหนมเสียใจมาก จนไม่เป็นผู้เป็นคน ฉันจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าลูกชายคุณควรจะทำยังไง”
แววเศร้า ด้วยความเข้าใจ เห็นใจและเศร้าใจแทน
“ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะโยนความรับผิดชอบไปให้ลูกคุณ..แต่เค้าเป็นคนทำให้ลูกสาวฉันเป็นแบบนี้”
สีรุ้งพูดด้วยเสียงสั่นๆ พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล
“คบกันมาตั้งนาน ถึงขนาดพิมพ์การ์ดจะแต่งงาน จู่ๆ มาบอกเลิกกันไปง่ายๆ ฉันว่า...มันใจร้ายเกินไป ถ้านายวัชระยังเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง กรุณาทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ลูกสาวฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถือว่า...ฉันขอร้องก็แล้วกัน”
สีรุ้งขอความเห็นใจ โดยไม่คำนึงถึงยศศักดิ์ที่มี แววฟังแล้วน้ำตาคลอ ซึมซับรับรู้ถึงหัวอกคนเป็นแม่คนเหมือนกัน เข้าใจกันโดยไม่ต้องบอก

วัชระยืนคุยกับแววที่หน้าโบสถ์ ข้างๆ แววอยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาวเพื่อเตรียมเข้าปฏิบัติธรรม ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ใบหนึ่ง วัชระพูดน้ำเสียงจริงจัง
“มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอกครับแม่ ผมกับแหนมเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”
แววพูดด้วยความสงบ
“คุณสีรุ้งคงไม่ได้ต้องการให้ลูกกลับไปคบกับหนูแหนมเหมือนเดิม แต่คงต้องการให้ลูกช่วยเธอทำให้หนูแหนมจิตใจดีขึ้น”
“แล้วผมจะทำอะไรได้ครับแม่ ยิ่งทำ มันจะยิ่งไม่จบเปล่าๆ”
“วัช...ลูกลองเอาใจเขา มาใส่ใจเรา ลองคิดว่า ถ้าลูกเป็นหนูแหนม ลูกต้องการอะไร บางทีเธออาจจะต้องการสิ่งนั้นก็ได้”
วัชระคิด..แววถามขึ้น
“แล้วลูกมีคนใหม่จริงๆ เหรอ”
“จริงครับแม่... เธอชื่อฝ้าย นิสัยใช้ได้เลย เค้ารู้ว่าผมเป็นคนยังไง และยอมรับในแบบที่ผมเป็น”
แววถอนใจแล้วว่า
“เฮ่อ...โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมคนหนึ่งเสียใจปางตาย ร้องห่มร้องไห้จนแม่ทุกข์ไปด้วย ส่วนอีกคนก็ร่าเริงกับคนใหม่...ชะตาชีวิตช่างสองมาตรฐานซะจริง”
“แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้แหนมเป็นแบบนี้นะครับ”
“ไม่อยากให้เป็น แต่มันก็เป็นไปแล้ว...เราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราอาจจะมีวิธีทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นได้ คิดด้วยความรักและเมตตาแล้วถามตัวเองว่าเราควรจะทำอะไร”
วัชระฟังไปคิดไป
“แม่ไปก่อนนะ ได้เวลาแล้ว แม่คงจะปฎิบัติธรรมอยู่ที่นี่ซักพัก จะกลับเมื่อไหร่จะโทร.บอก”
“สวัสดีครับ” วัชระยกมือไหว้
แววพยักหน้ารับแล้วก็เดินไป วัชระมองตามแม่แล้วก็คิดถึงคำพูดของแวว
“วัช...ลูกลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองคิดว่า ถ้าลูกเป็นหนูแหนม ลูกต้องการอะไร บางทีเธออาจจะต้องการสิ่งนั้นก็ได้ คิดด้วยความรักและเมตตาแล้วถามตัวเองว่าเราควรจะทำอะไร”
วัชระคิด..คิด..แล้วก็..คิด วัชระพยายามหาทางออกให้กับปัญหา แววตาของวัชระแข็งขึ้นอีกนิดนึงเหมือนกับว่าจะเจอทางออกแล้ว

ภายในห้องพักในคอนโด กริชชัยกำลังสเก็ตซ์ภาพอยู่ จู่ๆ ธีธัชก็สารภาพด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันชอบลำเภา”
กริชชัยช็อก เพราะคาดไม่ถึง ดินสอที่กริชชัยใช้สเก็ตซ์ภาพถึงกับไส้หักเพราะแรงกดจากความตกใจ กริชชัยหน้าขรึมขึ้นมานิดๆ ธีธัชยืนย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันจะจีบน้องสาวแก... แบบจริงจัง หวังแต่ง”
กริชชัยมองหน้าธีธัช
“เภาเอาอาหารหมาให้แกกินมากไปหรือเปล่า อยู่ๆ ถึงได้เชื่อง” กริชชัยเยาะขำๆ
“ไม่ใช่อาหารหมา แต่เป็นความฮาของน้องแก”
กริชชัยเลิกคิ้ว
“น้องแกทำให้ฉันมีความสุข...ความสุขที่มันไม่ใช่แค่ความสนุก อย่างที่แกกับไอ้วัชบอก ลำเภาไม่เหมือนคนอื่น เค้าทำให้ฉันยิ้มได้เวลาที่คิดถึงและอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกแบบนี้...ใช่เลย”
ธีธัชยิ้มกว้างสดใส ดวงตาเป็นประกายจนกริชชัยวางมือจากการวาดรูป แล้วถามธีธัชจริงจัง
“แกแน่ใจนะว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากเอาชนะ”
“ฉันกับเภา เดินเลยจุดนั้นมาไกลแล้ว”
“แกบอกเภาแล้วเหรอ”
“อือ...ฉันบอกเภา ฉันเคลียร์กับกร แล้วก็มารายงานให้แกรับทราบ แล้วก็...ขอความช่วยเหลือ”
“ช่วยอะไรวะ”
ธีธัชพุ่งเข้าหากริชชัย
“คือ เภาเค้าไม่ยอมรับรักฉัน..เอาแต่เดินหนี ทำหน้ามึน ไม่รับรู้ ฉันควรจะทำยังไงดีวะ”
กริชชัยใช้หางตามองธีธัช
“เพลย์บอยอย่างแก มาปรึกษาวิธีจีบหญิงจากไอ้บื้ออย่างฉันเนี่ยนะ”
ธีธัชถึงกับยิ้มแหยๆ เขินอาย แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นหน้าจริงจัง พร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ลำเภาเดินครอบหูฟังอยู่ตรงบริเวณคอ เตรียมพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่ในคลินิก ลำเภาเดินมองโน่น มองนี่อย่างมั่นใจและมีความเข้มแข็งอยู่ในตัวเอง
ธีธัชยืนรอยิ้มรับอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นลำเภาเดินมา ธีธัชนึกถึงคำพูดของกริชชัย
“อย่างแรกที่แกควรจะรู้คือ เภาไม่เคยมีแฟน มีแต่คนมาจีบแต่ไม่คิดจะจริงจังกับใคร พ่อแม่เค้าก็เป็นคนดี และรักกันมาก เภาเกิดและเติบโตมาด้วยความรัก เพราะฉะนั้นเค้าไม่ใช่คนขาดความรัก” อีกประโยคตามมาติดๆ
“แกจะไปใช้มุกหยอดๆ ให้ความหวัง ไม่มีทางสำเร็จ เพราะเภาไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่บนความเพ้อฝัน สิ่งที่แกทำได้คือ ต้องใช้ความจริงใจเท่านั้น”
ธีธัชพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ความจริงใจ”
เสียงกริชชัยดังเข้ามาอีก
“ใช่..แกต้องทำให้เภาเห็นว่าแกจริงจัง ตอนนี้เภามีความคิดด้านลบจากความเจ้าชู้ของแก เพราะฉะนั้นแกต้องทำให้เภาเห็นว่า แกหยุดแล้ว...และเค้าอยากจะอยู่กับแกหรือเปล่า”
ธีธัชหน้าตาฮึกเหิม
“โอเค ลุย”
ธีธัชเดินพุ่งเข้าไปหาลำเภาด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม

ธีธัชโผล่เข้ามายืนขวาง ลำเภาที่กำลังเดินเพลินๆ ชมนกชมไม้ไปตามประสาถึงกับตกใจ รีบยกหูฟังมาครอบหูทันที แล้วก็เปิดเพลง เสียงเพลง “ยาพิษ” บอดี้แสลมดังมาก เสียงเพลงดังลั่นก้องหูได้ไม่กี่วินาที เสียงเพลงก็หายไปกลายเป็นความเงียบ
ด้วยความฉับไวธีธัชดึงสายหูฟังออกจากที่เล่นเพลง ลำเภาชะงัก ก้มมองที่เครื่องเล่น ธีธัชยิ้มหน้าบานไม่สะทกสะท้านอยู่ตรงหน้า
“จะหนีไปไหน”
“หนีอะไร” ลำเภาเอาที่ครอบหูฟังออก
“ก็หนีฉัน กลับไปอยู่บ้านแม่เธอไง”
“ไม่ได้หนีสักหน่อย”
“รับความจริงไม่ได้ละสิ๊” ธีธัชทำเสียงสูงใส่
“ความจริงอะไร”
ธีธัชดึงสายหูฟังในมือรั้งหน้าลำเภาให้เคลื่อนเข้ามาใกล้คนเกือบจะชนกัน
“ก็ความจริงที่เราเป็นแฟนกันไง”
ลำเภาอึ้ง ใจเต้นแรง หน้าแดงไม่รู้ตัว
“ฉันชอบเธอจริงๆ นะเภา ฉันบอกไอ้กริชไปแล้วด้วย ว่าฉัน...ชอบเธอ”
ลำเภาพยายามไม่แสดงออกดึงสายหูฟังออกจากมือธีธัช พร้อมกับดึงตัวกลับ
“บอกพี่กริชก็ไปเป็นแฟนกับพี่กริชซิ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
ลำเภาพูดจบจะเดินต่อไปที่คลินิก ธีธัชพูดไล่หลัง
“ถ้าฉันบอกไอ้กริช แล้วต้องไปเป็นแฟนกับไอ้กริช...แบบนี้...ฉันบอกเธอ ฉันก็ต้องเป็นแฟนกับเธอสิ”
ลำเภาชะงัก ธีธัชรีบพุ่งเข้ามาปาดหน้า
“งั้นฉันบอกอีกทีนะ...เภา...ฉัน ..”
ธีธัชยังพูดไม่ทันจบประโยค ลำเภาก็ควักสก็อตเทปออกมากระเป๋าแปะเข้าที่ปากธีธัชทันที
“เฮ้ย อะไรเนี่ย” ธีธัชส่งเสียงอู้อี้
ลำเภาไม่สนใจรีบเดินเข้าคลินิกไปเลย ธีธัชรีบดึงสก็อตเทปออก เสียงดังแคว่กเจ็บระบมรอบปากจนต้องร้อง
“โอ้ย”
ธีธัชรีบหันขวับไปทางลำเภา
“เภารอด้วย”
ธีธัชวิ่งไปพร้อมกับสก็อตเทปในมือ และเมื่อวิ่งผ่านถังขยะก็รีบปาทิ้งพร้อมกับบ่นๆ
“คิดได้ไงวะเนี่ย”
ธีธัชส่ายหน้า แล้วก็รีบตามไป “เภา รอด้วย”

ลำเภาเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว พนักงานทักทาย
“คุณหมอสวัสดีค่ะ”
ลำเภายิ้มรับพร้อมทักทายกลับ
“สวัสดีค่ะ”
ลำเภารีบเดินไปในห้องตรวจทันที
ธีธัชเปิดประตูตามลำเภาเข้ามา มองซ้ายมองขวา พนักงานต้อนรับทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ…คือผมชื่อธีธัช…ป็นแฟนของหมอเภาน่ะครับ”
ภายในห้องตรวจ เสียงจากภายนอกแว่วดังเข้ามา ลำเภาถึงกับชะงัก
“แฟนหมอเภาเหรอคะ หล่อจังเลย”
ธีธัชยิ้มรับหน้าบานด้วยความพอใจ
“ขอบคุณครับ”
จังหวะเดียวกัน “วินนี่” เจ้าของคลินิก เปิดประตูเดินเข้ามาพอดี ธีธัชหันไปเห็น ก็พุ่งเข้าไปแนะนำตัวทันที
“สวัสดีครับ”
วินนี่ไม่ทันตั้งตัว
“สวัสดีครับ”
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“ผมชื่อธีธัช...เป็นแฟนของลำเภาครับ”
วินนี่ทำหน้างง และงงหนักกว่าเดิม ทันใดนั้นลำเภาก็โผล่พรวดออกมาจากห้องตรวจ
“นายหมาใหญ่”
“อ่อ..นี่ไงครับ แฟนผม” ธีธัชยิ้มกว้างหันหน้าไปทางวินนี่แล้วบอกอย่างภูมิใจ
ทั้งวินนี่ และพนักงานคนอื่นๆ มองลำเภาแล้วยิ้มหัวกันคิกคัก
“แฟนหมอเภา หล่ออ่ะ” เสียงซุบซิบของเหล่าพนักงานแซวขึ้นพร้อมกับหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่
ลำเภาถึงกับเขินส่งเสียงดุ
“มานี่”
ธีธัชยิ้มอย่างว่าง่าย
“คร้าบ...ไปก่อนนะครับ แฟนเรียก”
“เฮ่อ...กรรมตามสนองแท้ๆ” ลำเภาพึมพำ ก้มหน้าอย่างอายๆ
ธัชรีบเดินไปหาลำเภาที่ยืนกอดอก หน้าบึ้งตึงด้วยความเคือง ธีธัชยิ้มกว้างไม่สนใจ แถมยังหันมาโบกมือให้กับเจ้าหน้าที่และวินนี่ที่ยืนมองยิ้มๆ อยู่ข้างหลัง ลำเภาตรงเข้าจิกเสื้อลากธีธัชเข้าไปในห้องตรวจทันที

ลำเภากอดอกถามธีธัชด้วยความไม่พอใจ
“นายทำอะไรของนาย”
“ก็ประกาศความเป็นแฟนให้ทุกคนรับทราบโดยทั่วกันไง”
“แต่ฉันยังไม่ได้รับเป็นแฟนนาย”
“เอาน่า...ฉันกล่อมประสาทมากๆเข้า เดี๋ยวก็เคลิ้ม เธอก็เคยใช้วิธีนี้กับฉัน ดูสิ ตอนนี้เชื่องจะตาย”
ธีธัชเริ่มถึงเนื้อถึงตัวด้วยการย่อตัวเอาหัวมาซบไหล่ลำเภาส่งสายตาปิ๊งๆ ลำเภาตกใจ อายจนหน้าแดง แล้วก็ไสหัวธีธัชออกจากไหล่
“อย่ามาทำเนียน”
ธีธัชทำหน้าเซ็ง เสียดาย
“ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อนจะได้เคลิ้มง่ายๆ เหมือนนาย”
“ฉันหัวอ่อน แต่ก็ใจแข็งนะ ไม่ชอบใครง่ายๆ ชอบแล้วก็เลิกยาก”
“แหวะ เชื่อตาย กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน” ลำเภาหันหลังให้
“ไม่กลับ จนกว่าจะยอมให้มารับกลับบ้าน”
ลำเภาหันกลับมาอ้าปากจะปฏิเสธ ธีธัชพูดต่อ
“ถ้าไม่ยอมให้มารับ จะนั่งอยู่หน้าคลินิกแล้วก็บอกกับทุกคนว่าฉันเป็นแฟนเธอ บอกจนกว่าเธอจะยอมรับ”
“บ้าหรือเปล่า”
“ก็ฉันอยากจะคบกับยัยเด็กบ๊องอย่างเธอ มันก็ต้องบ้าแบบนี้แหละ..เหมาะสมกันดี” ธีธัชยิ้มลอยหน้าลอยตา
ลำเภาเจอรุกหนักจนสะอึก..พูดไม่ออก ได้แต่กุมขมับ
“เฮ่อ..เวรกรรม” ลำเภาพึมพำเบาๆ
ธีธัชยื่นหน้ามาถาม
“ตกลงจะให้มารับหรือเปล่า”
ลำเภาเงยหน้ามองธีธัชที่ยิ้มหน้าทะเล้นอย่างน่ารักอยู่ตรงหน้า ลำเภามองหน้าแล้วก็เริ่มใจอ่อนคิดในใจ..อีตาบ้าท่าจะไม่หยุดง่ายๆ

วัชระและสุพรรณิการ์คุยกันอยู่ในห้องของสุพรรณิการ์บนคอนโด วัชระตอบด้วยหน้าตามุ่งมั่น
“ผมจะไปหาแหนม”
สุพรรณิการ์ยืนกอดอกรอฟังอยู่
“เพื่อ...”
“ผมจะไปยอมรับผิดทุกอย่าง และยอมรับกรรมทุกอย่างแต่โดยดี ถ้าแหนมอยากจะฆ่าใครสักคน คนที่โดนน่าจะเป็นผมไม่ใช่คุณ”
สุพรรณิการ์จ้องหน้าวัชระอย่างจริงจัง
“แน่ใจเหรอ ว่าจะเอาตัวรับลูกกระสุนจริงๆ”
“ถ้าแหนมเค้ากล้ายิง ผมก็กล้ารับ”
“ทำแบบนี้ทำไม ไม่กลัวตายหรือไง”
“กลัว แต่มันน่าจะเป็นทางสุดท้ายที่ผมพอจะทำได้.. ที่ผ่านมาผมหนีมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาต้องหยุดและรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไว้สักที”
วัชระพูดอย่างมุ่งมั่น จริงใจ สุพรรณิการ์แอบทึ่ง
“ฝ้าย...ถ้าผมไปหาแหนมแล้วเป็นอะไรไป ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมดีใจที่ได้รู้จักคุณ คุณคือผู้หญิงที่ทำให้ผมมีความสุข ถึงมันจะเป็นแค่เวลาสั้น แต่มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับผม ขอบคุณมาก” วัชระมองตาสุพรรณิการ์ด้วยความจริงใจ
วัชระพูดจบค่อยๆ หันหลัง จะเดินออกไป สุพรรณิการ์คิดแล้วก็พูดขึ้น
“เดี๋ยว ฉันจะไปกับคุณ”
วัชระอึ้ง หันกลับมา
“มันอันตราย อย่าเลย”
สุพรรณิการ์เดินมาหาวัชระ
“ที่จริง เรื่องที่เกิดขึ้น ฉันก็มีส่วนทำให้มันเป็นแบบนี้ ฉันเองก็ควรจะได้รับกรรมเหมือนกัน .. อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ฉันก็ไม่อยากหนี ไม่อยากหลบอีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน”
สุพรรณิการ์พูดแบบตรงๆ วัชระมองด้วยความปลาบปลื้มแล้วก็สวมกอดสุพรรณิการ์ด้วยความซาบซึ้งใจ
“คุณแมนมากเลยฝ้าย...แบบนี้ผมชอบ”
วัชระกอดกับสุพรรณิการ์ประหนึ่งจะร่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพากันไปตาย ในจังหวะเคลิ้มมือของวัชระที่
โอบหลังสุพรรณิการ์อยู่ก็ค่อยๆเคลื่อนที่ก้นแล้วก็สัมผัสอย่างนุ่มนวล สุพรรณิการ์ลืมตาโพลง...แล้วก็ใช้มือที่กอดวัชระอยู่จิกไปที่กลางหลังวัชระจนวัชระร้องจ๊ากลั่น
สุพรรณิการ์ผลักวัชระออกไปด้วยความฉุน
“มือไวนักนะ คนกำลังซึ้งๆ ดันมาทำลามก ไม่รู้กาละเทศะแบบนี้ เข้าไปตายคนเดียวก็แล้วกัน ฉันจะนั่งรออยู่ในรถ”
สุพรรณิการ์ด่าใส่แล้วก็หันไปหยิบกระเป๋าเดินอาดๆๆออกไป วัชระยืนหน้าจ๋อย
“ก็มันเคลิ้มนี่..นิดหน่อยเอง ทำเป็นดุไปได้”
สุพรรณิการ์เดินออกจากห้องไปแล้ว วัชระจำใจต้องเดินตามออกไป

มุมหนึ่งกลางห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีรถใหม่ 3-4 คันจอดอยู่ ระหว่างนั้นเบญลี่กำลังคุมพนักงานอีกสองสามคน เพื่อเตรียมการจัดอีเว้นท์เล็กๆ โชว์รถใน ธีมงาน “Freshy M!” อรุณศรีรับโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
“แกจะไปหาคุณแหนม แน่ใจเหรอฝ้าย”
“ฉันดูแลตัวเองได้ แกไม่ต้องห่วง ที่โทร.มาบอกเพราะจะได้รู้ไว้ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินจะรีบโทร.บอก”
“โอเค แกก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็รีบโทร.มา เรียบร้อยแล้วก็รีบโทร.บอกด้วย”
อรุณศรีวางสายไปด้วยความเป็นห่วง
กริชชัยเดินมาเห็นอรุณศรียืนหน้าตาไม่สบายใจก็เข้ามาถาม
“อรุณศรี...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ฝ้ายกับคุณวัชกำลังไปหาคุณแหนมค่ะ คุณวัชโทร.บอกคุณกริชหรือเปล่าคะ”
กริชชัยพยักหน้ารับ
“มันบอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับ แต่ไม่ได้บอกว่าคุณฝ้ายจะไปด้วย”
สีหน้าของอรุณศรีเป็นห่วงสุพรรณิการ์อย่างเห็นได้ชัด
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก วัชมันคงไม่ยอมให้คุณฝ้ายเป็นอันตราย มันต้องดูแลอย่างดีที่สุด ผมว่า..ไอ้วัชมันเอาอยู่ไม่ต้องกังวล”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย แอบแปลกใจนิดๆที่รู้สิ่งที่กำลังคิด
“ดิฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น” อรุณศรีพยักหน้าทั้งๆที่ลึกๆแล้วเป็นห่วงเพื่อนมาก
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์