อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21/2
เบญลี่ซึ่งกำลังคุมเด็กจัดงานอยู่ไม่ห่างจากอรุณศรี และกริชชัย
“ขยับป้ายขึ้นไปอีกหน่อยสิ มันดูไม่เด่นเลย เออ เลื่อนขึ้นไปจะได้เห็นชัดๆ เรามาเปิดตัวรถใหม่นะจ้ะ ไม่ใช่ตั้งโต๊ะบอล ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ”
เจ้าหน้าที่ทางห้างอีกคนหนึ่งเดินมาถาม
“คุณเบญวรรณใช่มั้ยครับ”
เบญลี่จี๊ดขึ้นมาทันทีถูกเรียกชื่อจริงที่ไม่อยากจำ
“เบญลี่ ค่ะ ... กรุณาเรียกให้เก๋ด้วย”
เจ้าหน้าที่ถึงกับงงกับความเปรี้ยว
“เออ...ครับ..คุณเบญลี่...รถมาถึงแล้ว จะให้จอดไว้ตรงไหนครับ”
“รอแป๊บนะ ถามบอสก่อน”
เบญลี่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป พลางบ่นฮุบ
“มาเรียกชื่อจริง ต่อหน้าสาธารณชนได้ยังไง...มู๊ดดี้”
“แล้ว...บอสอยู่ไหนเนี่ย” เบญลี่พูดพลางมองหากริชชัย
ทันทีที่เห็นกริชชัยยืนคุยกับอรุณศรี เบญลี่ถึงกับตาวาว ต่อมสาระแนถูกกระตุ้นอย่างแรง!! ยิ้มคิกคักอยู่คนเดียว
กริชชัยยืนเก้อๆ เขินๆ จนอรุณศรีรู้สึกอึดอัดเล็กๆ จึงพูดขึ้น
“ฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
อรุณศรีกำลังจะเดินไป กริชชัยรีบพูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
อรุณศรีหันมา กริชชัยโพล่งออกมา
“กินน้ำมั้ย”
อรุณศรีถึงกับงงเพราะรับมุกไม่ทัน
“คือ...หิวน้ำ หิวข้าว หิวขนม อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมซื้อมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันหาทานเองได้ ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ” อรุณศรีรีบบอก
ทันใดนั้นเสียงเบญลี่ก็ดังขึ้น
“ชามะนาวไม่หวานมากก็ดีค่ะบอส ของโปรดแอ๊ว”
อรุณศรีหันขวับไป เบญลี่ยืนยิ้มเสนอหน้ามายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้
“พี่เบญลี่”
“ส่วนของเบญลี่ของชอคโกแลตเย็นหวานมันจัดเต็มนะคะบอส”
กริชชัยยิ้มรับ
“ได้ครับ... แล้วคนอื่นๆล่ะ” กริชชัยหันไปถามพนักงานคนอื่น
“พวกนั้นบอสซื้ออะไรมาให้ก็กินหมดแหละค่ะ จัดมาเลยค่ะบอส”
“ได้ รอแป๊บนึง เดี๋ยวผมซื้อมาให้”
“ขอบคุณค่ะบอส” เบญลี่ฉีกยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ”อรุณศรียิ้มเกรงใจ
“ด้วยความยินดี” กริชชัยกำลังจะเดินไปนึกได้ จึงหันกลับมาพูดกับอรุณศรีว่า
“ผมทำในฐานะผู้ชายที่มาจีบคุณนะ ไม่ใช่ในฐานะเจ้านาย .. ถ้าประทับใจ กรุณาให้ความดีความชอบด้วย”
กริชชัยพูดทื่อๆ ตรงๆ อรุณศรีอายจนหน้าแดงขึ้นมา ทำตัวไม่ถูก เบญลี่ถึงกับตาโตลุกวาว
“ว้าว” เบญลี่อุทานราวกับฝรั่ง
กริชชัยยิ้มรับนิดๆ อรุณศรียังช็อกอยู่ กริชชัยเดินไป
เบญลี่หันมาทางอรุณศรี
“ตรงไปหน่อย แต่ก็เก๋เว่อร์อ่ะ” เบญลี่ขำคิกคัก
บรรยากาศแห่งการสนทนาที่เพิ่งผ่านไป ปรานต์ซึ่งแอบยืนแอบอยู่หลังเสาได้ยินทุกอย่าง ปรานต์กัดฟันกรอดด้วยความแค้น! ปรานต์แอบมองว่า กริชชัยเดินไปทางไหน แล้วก็เดินตามไปแบบเงียบๆ
กริชชัยเข้าไปร้านขายขนมและเครื่องดื่มภายในห้างสรรพสินค้า พนักงานกำลังเทน้ำแดงลงในแก้วแล้วรวบรวมแก้วเครื่องดื่มมาวางรวมกัน กริชชัยรอจ่ายเงิน
“420 บาท ค่ะ”
กริชชัยจ่ายเงินและหิ้วเครื่องดื่ม 4-5 แก้ว และขนมอีกสองสามถุงเต็มสองมือออกมาจากร้าน ทันใดนั้นปรานต์ก็โผล่ออกมาจากมุมตึก กริชชัยชะงักด้วยความแปลกใจ ทว่าไม่ได้ตกใจ ปรานต์มองกริชชัย ด้วยแววตาสุดกวน
“จะจีบผู้หญิงทั้งที ซื้อน้ำแก้วละไม่กี่สิบบาทให้เนี่ยนะ รวยซะเปล่า แม่งกระจอกว่ะ”
“ต้องการอะไร”
ปรานต์ยื่นหน้ามากวนๆ
“ถ้าจะให้ถูก ต้องถามว่า ต้องการเท่าไหร่”
กริชชัยชะงัก มองหน้าปรานต์แววตาเริ่มไม่พอใจ
บริเวณมุมที่จะจัดงานอีเวนท์ เบญลี่โพล่งออกมา
“ตายแล้ว”
อรุณศรีกำลังติดป้ายในงานอยู่ข้างๆ ก็หันมางงๆ
“ใครตายคะ”
“พี่นี่แหละจะตาย เมื่อกี้เดินมาหาบอสจะมาถามว่ารถมาแล้วจะให้จอดที่ไหน ดูสิ มัวแต่คิกๆ คักๆ กับเรื่องชู้สาวลืมเรื่องงานไปเลย”
“โทร.ถามมั้ยคะ”
“ไม่ดีกว่า บอสคงไปไม่นาน ต้องรีบกลับมาหาใครแถวนี้ แอ๊ว ถามจริงๆ บอสเปิดหน้าชกขนาดนี้ ไม่คิดจะใจอ่อนบ้างเลยเหรอ”
เบญลี่ยื่นหน้ามารอฟังคำตอบ อรุณศรีคิดอย่างหนักใจ ตอบไม่ถูก
บริเวณหน้าร้านขนมและกาแฟ ปรานต์ยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ
“บอกตรงๆเลยนะ ฉันค่อนข้างแปลกใจที่มีผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันสนใจแอ๊ว ผู้หญิงบ้านๆ เรียบๆ ค่อนข้างน่าเบื่อด้วยซ้ำ ที่ฉันยังทนคบ เพราะสงสาร คนมันเคยๆ ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจ”
กริชชัยเริ่มจะทนไม่ได้ อารมณ์เริ่มขึ้น แต่ยังนิ่งอยู่ ปรานต์เห็นเงียบก็พูดใหญ่
“แต่ตอนนี้มีคนมารับช่วงต่อ ฉันก็สบายใจ เอาเป็นว่า ถ้าไม่ถือสาว่าเป็นของมีตำหนิผ่านการใช้งานมาแล้ว ฉันขายให้ราคาถูกๆ”
“ขาย”
ปรานต์ยักไหล่
“ใช่! ถ้านายอยากได้ ฉันคิดแค่ “ห้าแสน” แล้วเซ้งต่อไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีรีเทิร์น หรือถ่านไฟเก่าจะคุ ห้าแสน...จบสนิท”
กริชชัยมองหน้าปรานต์ด้วยความไม่พอใจอย่างแรง ในใจคิดว่า “แม่งหน้าตัวเมียจริงๆ”
ปรานต์ไม่ได้รู้ความในใจกริชชัยแม้แต่น้อย ยังคงสำรากต่อไป
“อ้อ..หรือถ้าเพิ่มให้อีกสักห้าหมื่น เป็นห้าแสนห้าเพิ่มออพชั่นเชียร์แขกให้เป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้แอ๊วยังเล่นตัวทำเป็นไม่สนใจ แต่ถ้าฉันเอ่ยปากแค่คำเดียว เปิดห้องรอได้เลย”
กริชชัยมองหน้าปรานต์ด้วยแววตาดุดัน..ของขึ้น ใจเต้นแรง กริชชัยยกมือขวาที่มีถุงน้ำอยู่ในมือขึ้นแล้วก็ชู
นิ้วชี้ทำนองว่า... “รอแป๊บ” ปรานต์มองตาม กริชชัยหันไปวางถุงเครื่องดื่มไว้ที่ม้านั่งในห้าง แล้วเอามือควานไปที่กระเป๋ากางเกง
ปรานต์มองตามแล้วอมยิ้มนิดๆ คิดว่ากริชชัยคงจะขยับหยิบเช็คมาเขียนให้
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น กริชชัยซัดหมัดตรงเข้าที่หน้าปรานต์อย่างแรง ปรานต์เซไปตามแรงชก แถไปหาแก้วน้ำที่กริชชัยวางไว้ แรงชนกวาดเอาแก้วน้ำล้ม น้ำตกกระจายเต็มพื้น ปรานต์ล้มลงที่พื้น เสียงกรีดร้องของคนที่ยืนอยู่แถวนั้นดังสนั่น
อรุณศรีกับเบญลี่หันขวับไปตามต้นเสียงกรี๊ด
“เสียงอะไร” เบญลี่โพล่งขึ้น
ปรานต์ค่อยๆตั้งหลักยันตัวขึ้นด้วยความมึน โหนกแก้มแดงเห่อจากแรงชก ปรานต์หันขวับมาที่กริชชัย
“อย่าพูดถึงอรุณศรีแบบนี้อีก”
ปรานต์โวยกลับ
“กูจะพูด ใครก็ห้ามกูไม่ได้”
ปรานต์พุ่งเข้ามาแล้วก็ชกกริชชัยเต็มแรง กริชชัยเซแล้วก็ตั้งหลัก หันกลับมาซัดปรานต์กลับ สองคน
แลกหมัดกันนัว ท่ามกลางไทยมุง ที่ส่งเสียงฮือฮา
อรุณศรีขยับเดินมาชะเง้อๆมองที่ต้นเสียง เห็นกริชชัยและปรานต์กำลังต่อยกันอยู่ อรุณศรีตกใจ
“ปรานต์ คุณกริช”
“ถามจริง” เบญลี่ถึงกับหันขวับ รีบชะเง้อมองด้วยความตกใจ
ไม่ทันจะได้คำตอบ อรุณศรีก็วิ่งพุ่งเข้าไปหาทั้งสองคนทันที เบญลี่หันมาเรียกด้วยความตกใจ
“อ้าว...แอ๊วๆ รอด้วย”
กริชชัยล้มถลาไปตามแรงชกของปรานต์ ปรานต์กำลังจะเข้ามาซ้ำ กริชชัยรีบหลบวูบ และสวนกลับจนปรานต์หน้าหงาย กลุ่มไทยมุงกำลังยืนดูด้วยความสนใจ เสียงนกหวีดของรปภ. ดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องของเบญลี่และอรุณศรี
“บอสคะ บอส”
“ปรานต์หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด” อรุณศรีตะโกนบอก
เบญลี่รีบเข้าไปเคลียร์กับรปภ.ทันที
“พี่คะพี่...คือ...ไม่มีอะไรค่ะ มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอโทษทีนะคะ”
อรุณศรีรีบเข้ามายืนขวางไม่ให้ปรานต์ทำร้ายกริชชัย
“หยุดก่อเรื่อง และกลับไปได้แล้ว” อรุณศรีเสียงแข็ง
ปรานต์มองหน้าอรุณศรีด้วยความแค้น
“ทำไมคิดว่าปรานต์เป็นคนก่อเรื่อง ทำไมไม่คิดว่ามันหาเรื่องปรานต์ก่อน”
กริชชัยชะงักมองหน้าอรุณศรี อรุณศรีปรายตามาทางกริชชัยนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปพูดต่อ
“เพราะแอ๊วฉลาดขึ้น ถึงรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เลิกสะกดรอยตาม แล้วก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก เรื่องของเรามันจบแล้ว”
อรุณศรีประกาศอย่างไม่ไว้หน้า ปรานต์รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง กริชชัยรู้สึกใจชื้นกับท่าทีของอรุณศรี เบญลี่แอบอมยิ้มนิดๆ ไทยมุงคนอื่นๆที่ยังยืนอยู่ก็มองด้วยแววตาหยามหมิ่น ปรานต์กัดฟันกรอดด้วยความแค้น เพราะเสียหน้า
“คิดเหรอว่าจะมาไล่กันได้ง่ายๆ แอ๊วทำให้ปรานต์ไม่มีทางเลือก แอ๊วจะต้องชดใช้”
ปรานต์ประกาศด้วยความแค้น อรุณศรีเชิดหน้ารับอย่างไม่กลัว กริชชัยมองอยู่ไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง ปรานต์สะบัดมือลง แล้วก็สะบัดหน้าเดินไปด้วยความแค้น
อรุณศรีมองปรานต์ที่เดินไปด้วยความผิดหวัง แล้วก็หันมาทางกริชชัยที่กำลังเอามือขยับจับใบหน้าที่โดนชกอย่างยับเยินพอดี
อรุณศรีเห็นแล้วรู้สึกผิดและสงสาร
อรุณศรีนั่งอยู่ข้างๆ เบญลี่เอาผ้าหุ้มน้ำแข็งประคบแผลบนหน้าของกริชชัย เจอน้ำเย็นเข้าวูบแรกกริชชัยถึงกับร้อง “โอ้ย” ออกมา จนเบญลี่ตกใจ
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ เบญลี่คงจะมือหนักเกินไป อะ..แอ๊ว .. จัดการที” เบญลี่หันมาส่งผ้าหุ้มน้ำแข็งให้อรุณศรี
อรุณศรีรับมาแล้วมองไปที่หน้ากริชชัย
“ขอโทษนะคะ” อรุณศรีค่อยๆประคบอย่างเบามือ
กริชชัยนั่งนิ่งด้วยความเต็มใจ เบญลี่เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
“เบญลี่ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ แอ๊ว..ฝากบอสด้วยนะ”
เบญลี่รีบเดินเลี่ยงไป อรุณศรีหันมาทางกริชชัยแล้วก็พูดขึ้น
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ .. ที่จริงผมเองเป็นคนเริ่มชกเค้าก่อนด้วยซ้ำ แต่ผมทนฟังสิ่งที่เค้าพูดถึงคุณไม่ได้จริงๆ”
“ปรานต์เค้าพูดอะไรกับคุณบ้าง”
“อย่ารู้เลย รู้ไปก็ไม่สบายใจเปล่าๆ รู้แค่ว่ามันไม่จริง และผมไม่เชื่อ แค่นี้ก็พอ”
“เค้าจะเที่ยวด่าฉันเละเทะไปหมดแล้ว..เฮ่อ”
อรุณศรีฟังแล้วคิด..ยิ่งคิดยิ่งเศร้า คำพูดปรานต์ดังแว่วเข้ามา
“คิดเหรอว่าจะมาไล่กันได้ง่ายๆ แอ๊วทำให้ปรานต์ไม่มีทางเลือก แอ๊วจะต้องชดใช้”
อรุณศรีขมวดคิ้วคิดด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่น่าเชื่อ..คนเคยรู้สึกดีๆต่อกัน วันนึงจะเปลี่ยนเป็นเกลียดกันขนาดนี้”
กริชชัยมองด้วยความเห็นใจ
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมปรานต์ถึงไม่ยอมปล่อยฉันไป ในเมื่อเค้าก็มีคนใหม่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ขี้เหร่ ดูรักเค้าดี ฐานะก็ดี ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเค้ายังมายุ่งวุ่นวายกับฉัน เค้าคงจะไม่พอใจ”
กริชชัยมองอรุณศรีด้วยความชื่นชมที่ยังเห็นใจคนอื่น
“นอกจากจะเป็นห่วงคนอื่นแล้ว ผมอยากให้คุณห่วงตัวเองด้วย แฟนเก่าคุณเค้าคงไม่ยอมจบแค่นี้แน่”
อรุณศรีเห็นด้วย..แววตาอรุณศรีเริ่มมีความกังวลเจืออยู่
เย็นวันนั้น บนห้องส่วนตัวของปรานต์ เกียวกำลังทำความสะอาดห้อง รื้อโน่นรื้อนี่ออกมาดูดฝุ่น เช็ดฝุ่น อย่างมีความสุข เกียวรื้อของที่อยู่ใต้โต๊ะทำงานออกมาเพื่อดูดฝุ่น ทันใดนั้นก็เจอกับกล่องใส่ของเก่าใบหนึ่ง เกียวเปิดดูด้วยความสนใจ
กล่องใบนั้นมีของส่วนตัวของปรานต์เก็บไว้ เกือบเต็มกล่อง มีทั้งบัตรประชาชนอันแรก บัตรนักเรียน ใบขับขี่เก่า บัตรโรงพยาบาล บัตรโน่นบัตรนี่มากมาย เกียวดูไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เกียวยิบรูปในบัตรประชาชนสมัยปรานต์เป็นเด็กหนุ่มหน้าใสกิ๊งมาดู
“น่ารักอ่ะ” เกียวพึมพำมองด้วยความปลาบปลื้ม แล้วก็รื้อดูต่อจนมาเจอรูปปรานต์สมัยเรียนกับเพื่อนในมหาวิทยาลัย เกียวรีบวางของอย่างอื่นและหยิบกองรูปมาดู ด้วยความสนใจ
รูปปรานต์อยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย ถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนๆ ฮาๆ ขำๆ ในรูปมีหลายคน เป็นแกงค์ๆ และในแก๊งก็มีอรุณศรีอยู่ด้วย เกียวดูไปยังยิ้มไป เพราะภาพถ่ายใบนั้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
“สมัยมหา'ลัยก็น่ารักดีนะเนี่ย หน้าใสอ่ะ”
เกียวดูต่อ จนมาถึงรูปคู่กับอรุณศรี ตอนอรุณศรีเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เกียวเริ่มชะงัก ภาพอรุณศรีใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์ถ่ายกับเพื่อนๆ มีปรานต์ยืนอยู่ด้วย ตามมาด้วยปรานต์และอรุณศรีคู่กันอย่างสนิทสนมมอีกหนึ่งชุดใหญ่
สีหน้าเกียวเริ่มเปลี่ยน..เริ่มเครียด..ยิ่งภาพคู่แสนสวีต จนภาพสุดท้าย ทั้งปรานต์และอรุณศรีใส่ชุดทำงานแล้วถ่ายคู่กัน เกียวรู้สึกได้ว่า
“รูปนี้เหมือนเพิ่งถ่ายมาไม่นาน”
เกียวเริ่มนิ่ง แววตาเครียดขึ้นมาทันที คิด แล้วลุกพรวดพราดขึ้นทันที
เกียวพยายามรื้อค้นทุกซอกมุม ตามสมุดงาน หนังสือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด เปิดหาข้อมูลเพิ่ม
โน้ตบุ๊กถูกเปิดขึ้น เกียวกดคลิ๊กเข้าไปในโฟลเดอร์ต่างๆ ไฟล์ต่างๆ ไอแพดก็ถูกเกียวเปิดรื้อเข้าไปดูโฟลเดอร์ภาพต่างๆ แม้แต่การไล่อ่านเฟซบุคย้อนหลัง เข้าไปดูในรายชื่อเพื่อนพันกว่าคน หนักไปทางผู้หญิง เป็นส่วนใหญ่
“แม่งแอดแต่ผู้หญิงนะมึง”
เกียวพยายามแม้กระทั่งเดารหัสผ่านเข้าไปในอีเมล เกียวรื้อจนมาเจอ ภาพอรุณศรีในงานเปิดตัวกริชชัย รูปอรุณศรีในครั้งนั้นสวย เซ็กซี่และมีสง่าราศี เกียวเกิดอาการหึงขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” เกียวเสียงเริ่มเครียด
ภายในบ้านของเนตรนภัส จานอาหารว่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกเนตรนภัสปัดตกแตกเกลื่อนเต็มพื้น !!! เสียงเนตรนภัสดังสวนขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“ฉันบอกว่าไม่กิน ไม่กิน เอามาวางขวางสายตาฉันทำไม เอาออกไป เดี๋ยวนี้เลย เอาออกไป”
เนตรนภัสหันไปคว้าตะกร้าผลไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ ปาออกไปนอกห้องนั่งเล่น ตะกร้าร่วงลงที่พื้น ผลไม้เกลื่อนกระจาย
สีรุ้ง นรีวรรณตกใจรีบวิ่งเข้ามาเห็นข้าวของเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น คนใช้นั่งตัวสั่นด้วยความกลัว
“แหนม...ใจเย็นๆลูกใจเย็น ๆ”
“รีบๆ เก็บออกไปก่อน” นรีวรรณบอกกับคนรับใช้
คนใช้รีบก้มเก็บงุดๆ “ค่ะๆ”
ทันทีที่คนรับใช้เก็บของเสร็จก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
สีรุ้งรีบเข้ามาปลอบเนตรนภัส
“แหนม..แม่เป็นคนให้เด็กเอาของว่างมาให้ลูกเอง ลูกไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันๆแล้วนะ กินสักหน่อยเถอะลูก”
“ไม่กินค่ะ แหนมไม่อยากกิน มันกินไม่ลง กินลงไปก็อยากจะอ้วก”
นรีวรรณยืนอยู่ที่เดิม กอดอก มองพี่สาวด้วยความเวทนา
“แต่ถ้าไม่กินอะไรเลย ร่างกายลูกจะไม่ไหวนะแหนม” สีรุ้งเสียงเครียด
“ใช่ พี่แหนมรู้หรือเปล่า ตอนนี้พี่แหนมโทรมมาก ทั้งผอม ทั้งหมอง พี่แหนมจะปล่อยตัวให้เป็นแบบนี้ทำไม มันไม่ใช่พี่แหนมเลยนะ”
เนตรนภัสหันขวับมาหานรีวรรณ
“ฉันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เรื่องเดียวที่ฉันอยากรู้ .. ทำไมวัชทำแบบนี้ ทำไมวัชทิ้งฉันไป .. ทำไมไปเอานังนั่น ทำไม..ทำมาย” พูดแล้วน้ำตาของเนตรนภัสก็ไหลพรากออกมาอีก
เนตรนภัสร้องห่มร้องไห้ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สีรุ้งและนรีวรรณมองเนตรนภัสด้วยความเวทนาสุดๆ สีรุ้งน้ำตาซึมพาลจะร้องไปด้วย นรีวรรณกอดอกแน่นแค้นแทนพี่สาว
“แหนม”
เสียงทุ้มๆ ของวัชระดังเรียกขึ้น นรีวรรณหันมาเป็นคนแรก
“พี่วัช” นรีวรรณเรียก
สีรุ้งไปมองเป็นที่วัชระแล้วก็ชะงัก แววตาของสีรุ้งมองวัชระอย่างไม่ค่อยปลื้มอย่างเห็นได้ชัด
เนตรนภัสหันมาเป็นคนสุดท้าย ทันทีที่เห็นหน้าวัชระก็เชิดหน้าขึ้น อารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาอีก วัชระยืนนิ่งอยู่ที่เดิม วัชระพร้อมที่จะยอมรับผิดกับเนตรนภัสในทุกสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด
สุพรรณิการ์นั่งรออยู่ในรถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านเนตรนภัส พยายามที่จะชะเง้อมองเข้ามาในบ้านด้วยความ
เป็นห่วง
สุพรรณิการ์กำโทรศัพท์ไว้แน่น พร้อมที่จะกดโทร.ออกตลอดเวลา
เนตรนภัสมองหน้าวัชระ แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง และเสียใจ
“ทำไมไม่รอให้แหนมเสียใจจนตายไปก่อน แล้วค่อยโผล่มา”
วัชระผงะ สีรุ้งจับแขนเนตรนภัสเบาๆ เตือนให้ลูกสาวใจเย็นๆ สีรุ้งพูดกับวัชระ
“เธอมาครั้งนี้ หวังว่าจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้นนะ”
“ผมก็ไม่ทราบความหมายของคำว่า “ดีขึ้น” ของคุณ.ท่าน หมายถึงอะไร แต่ที่ผมมาเพราะอยากจะแสดงความรับผิดชอบ” วัชระพูดโดยเปลี่ยนสรรพนามเรียกสีรุ้งว่า “คุณท่าน” แทนที่จะเป็น “คุณแม่” อย่างเมื่อก่อน
วัชระหันมาทางเนตรนภัส
“ผมรับผิด ที่ทำให้แหนมเสียใจ ถ้าแหนมอยากจะระบายความโกรธ ความเกลียด ขอให้มาลงที่ผมคนเดียว อย่าไปลงกับคนอื่น”
เนตรนภัสสะบัดแขนจากสีรุ้ง แล้วก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับโวยวายด้วยความโกรธ
“อ๋อ..ที่มาเนี่ย เพราะเป็นห่วงนังนั่นใช่มั้ย กลัวว่าแหนมจะฆ่ามันตายหรือไง ถึงได้รีบเสนอหน้ามาตายแทน”
“พี่แหนม” นรีวรรณ่รียกพี่สาวประหนึ่งเตือนสติ
สีรุ้งเตือนอีกครั้ง
“แหนมๆ...ใจเย็นๆลูก”
“ถ้าผมตายแล้วแหนมรู้สึกสบายใจขึ้น ผมยินดี เพื่อชดใช้ความผิดทั้งหมดที่ผมทำ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะผมคนเดียว ฝ้ายเค้าไม่เกี่ยว” วัชระโพล่งออกไป
“วัชรักมันมากขนาดนี้เลยเหรอ” เนตรนภัสเสียงสั่น
“ใช่... ผมรักฝ้าย” วัชระเสียงหนักแน่น
เนตรนภัสเจ็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจ
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์