อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21/4
โอบบุญส่งถุงขนมให้กรกนก
“ตอนตักเข้าปากอย่าลืมนึกถึงหน้าคนทำด้วยนะจ๊ะ”
อรุณศรีส่ายหน้าในความเลี่ยนของพี่ชาย กรกนกยิ้มๆรับถุงขนม
“ขอบคุณนะคะ”
กรกนก โอบบุญ อรุณศรี และกริชชัยยืนอยู่ที่หน้าบ้าน
“ผมฝากคุณไปส่งกรด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมผ่านอยู่แล้ว”
กริชชัยพูดพลางยกมือไหว้โอบบุญ ก่อนที่จะบอกกับอรุณศรีว่า
“สวัสดีครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ”
“ค่ะ” อรุณศรีตอบอย่างอายๆ
โอบบุญเห็นแล้วก็เอาอย่างกริชชัยบ้าง
“สำหรับเรา...คืนนี้เจอกัน”
กรกนกหันมาทำหน้างงๆ กับนัดด่วน
“ในฝันน่ะจ้ะ” โอบบุญพูดต่อ กรกนกส่ายหน้าแต่ก็ยิ้มถูกใจ
“อย่าเลยค่ะ กลัวว่าจะกลายเป็นฝันร้าย” กรกนกแกล้งประชด
โอบบุญหุบยิ้มทันที “อ้าว”
กรกนกยิ้มๆ กับโอบบุญให้รู้ว่าพูดเล่น
“ขอบคุณสำหรับอาหารวันนี้นะคะ ไปก่อนนะคะ” กรกนกพูดก่อนแล้วหันไปบอกลาอรุณศรี
กริชชัยหันหลังเพื่อเดินไปที่รถ กรกนกเดินตามไป กริชชัยหันมาช่วยถือถุงขนมให้อย่างสุภาพ โอบบุญมองตามกรกนกแล้วก็ยิ้มกริ่มมีความสุข
อรุณศรีหันมาทางโอบบุญ จ้องตาเขม็ง โอบบุญหันมาเห็นแววตาของน้องก็สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
“พี่โอบ...คำถามเดียวเลย จริงจัง หรือแค่ขำๆ”
หลังเดินกลับเข้ามาภายในบ้าน โอบบุญตอบอรุณศรีอย่างหนักแน่น
“จริงจังสิเว้ย เรื่องความรักจะมาทำอะไรขำๆ ได้ไง”
อรุณศรีถามต่อ สองคนคุยกันอยู่ในบ้าน โอบคุยไปเก็บครัวไป
“แล้ว...มันไปสปาร์คอะไรกันตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
โอบบุญวางมือ หันมาตอบยิ้ม
“รุ่นใหญ่เค้าจีบกัน ไม่ทำอะไรโจ๋งครึ่ม เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่หนักแน่น จริงจัง เห็นผลไว ไว้ใจได้”
“แต่...คุณกรเค้าเพิ่งจะเลิกกับคุณธี... แฟนเก่าเค้านะ พี่รู้หรือเปล่า”
“รู้ เค้าเล่าให้พี่ฟังเอง แต่กรเค้าเป็นผู้หญิงฉลาด อีคิวดีเยี่ยม เค้าไม่ยึดติดกับอดีต และไม่ปิดกั้นตัวเอง พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ พี่เลยไม่สนใจอดีตของเค้า”
โอบบุญหันมาทางอรุณศรี
“เราเองก็ควรจะฉลาดได้แล้ว มีผู้ชายหน้ามึนๆ พูดจาตรงๆ มาให้เลือกถึงบ้าน ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตัวเขา และให้ตัวเองบ้าง รู้หรือเปล่า” โอบบุญบอกแล้วจับหัวอรุณศรีโยกไปมา
อรุณศรีหัวโยกไปมาตามแรงจับของพี่ชาย
“โอ้ย”
โอบบุญยิ้มๆ แล้วก็หันไปเก็บครัวต่อ
“ถามเรื่องพี่โอบ แล้วมาจบที่เรื่องแอ๊วได้ไงเนี่ย” อรุณศรีบ่นๆ
โอบบุญยิ้มๆไม่ตอบหันไปเก็บครัวต่อ อรุณศรีนิ่งลงและคิด
กริชชัยขับรถมาส่งกรกนกที่หน้าสาดสุรา
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
“ด้วยความยินดีครับ”
ก่อนที่กรกนกจะลงจากรถ กริชชัยคิดสักครู่และตัดสินใจพูดขึ้น
“ผมต้องขอโทษด้วย…เรื่องของลำเภา”
กรกนกชะงักเล็กน้อย แล้วหันกลับมายิ้ม
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะมันไม่ได้มีใครผิด” กรกรกพูดยิ้มๆ อย่างเข้มแข็ง
“ชีวิตกรตอนนี้มีแต่วันข้างหน้าเท่านั้นค่ะ”
กริชชัยมองกรกนกด้วยความชื่นชม
“ตอนนี้คุณกรพักอยู่ที่ไหน หาที่พักใหม่ได้หรือยัง”
“ยังค่ะ ที่พอหาได้ไม่ถูกใจ คุณฝ้ายเลยยกห้องทำงานบนร้านให้อยู่จนกว่าจะหาห้องใหม่ได้ ขอบคุณที่ถามนะคะ”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ ผมยินดี...โชคดีครับ”
กรกนกยิ้มรับ ก่อนจะทิ้งท้าย
“กรก็ขอให้คุณกริช...โชคดีเช่นกันค่ะ..โดยเฉพาะเรื่องของคุณแอ๊ว..โชคดีนะคะ”
กรกนกยิ้มให้กำลังใจแล้วเปิดประตูลงจากรถไป กริชชัยได้ยินกรกนกพูดให้กำลังใจก็คิดถึงอรุณศรีขึ้นมาทันที
เช้าวันต่อมา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อรุณศรีนุ่งกระโจมอกนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องนอน รีบวิ่งมารับสาย
“สวัสดีค่ะพี่เบญลี่ แอ๊วกำลังแต่งตัวอยู่ค่ะ พอดีตื่นสายนิดหน่อย แต่แอ๊วจะรีบเข้าออฟฟิศให้เร็วที่สุดเลยค่ะ”
เบญลี่คุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ
“วันนี้แอ๊วไม่ต้องเข้าออฟฟิศนะจ๊ะ เพราะบอสจะให้แอ๊วออกงานนอกสถานที่พร้อมกับบอสตอนบ่ายวันนี้”
อรุณศรีแปลกใจ
“ออกงานนอกสถานที่ งานอะไรคะ”
เบญลี่ยิ้ม
“งานเปิดตัวนาฬิกาข้อมือสำหรับท่านชาย แอ๊วรู้เรื่องที่มีบริษัทโฆษณามาจ้างบอสไปเป็นพรีเซนเตอร์นาฬิกา ใช่มั้ยจ๊ะ”
อรุณศรีคิด แล้วรีบหันไปหยิบแมกกาซีนที่มีรูปกริชชัยอยู่มาเปิดดู
“ใช่ค่ะ รู้ค่ะ แป๊บนะคะ ขอเปิดดูก่อน”
อรุณศรีรีบเปิดหน้าแมกกาซีน จนเจอหน้าแอดเวอร์ทอเรียลที่มีกริชชัยสวมสูทเท่โฆษณานาฬิกา
อรุณศรีเปิดดูประกอบการสนทนากับเบญลี่
“เจอแล้วค่ะ...แล้ว..แอ๊วเกี่ยวอะไรกับงานนี้ด้วยคะงง”
เบญลี่ยิ้ม
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่บอสให้ไป ก็ไปเถอะน่ะ ถือซะว่าเป็นหน้าที่”
อรุณศรียืนมึน
“แล้ว...แอ๊วต้องแต่งตัวยังไงคะเนี่ย งงไปหมดแล้ว”
เบญลี่รีบตอบ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง บอสให้พี่เป็นคนดูแล แอ๊วแค่เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้าน หลังจากนั้นพี่จะพาไปเข้ากระบวน โมครั้งยิ่งใหญ่”
อรุณศรียิ่งงง
“กระบวนการโม....หรืออะไรคะ”
อรุณศรียืนอยู่ในชุดอยู่บ้านปกติหน้ากระจกบานโตภายในร้านแต่งตัวครบวงจร เบญลี่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ 2-3 คนแล้วออกคำสั่ง
“จัดการได้เต็มที่เลยค่ะ”
“จัดการอะไรคะ”
เบญลี่ไม่ตอบ แต่เจ้าหน้าที่สองคน ตรงเข้ามารุมและลากอรุณศรีออกไป อรุณศรีเดินตามด้วยความแปลก
ใจ
เจ้าหน้าที่จัดการขัดหน้า ทำหน้า แต่งหน้า ทำผม ลองชุดมากมาย และสุดท้ายก็จบลงที่ชุดราตรีสั้น
สมวัย ดูลำลอง สบายๆแต่เข้ากับอรุณศรีได้เป็นอย่างดี อรุณศรียืนอยู่หน้ากระจก เบญลี่ถึงกับมองด้วยความพอใจ
“ยู อาร์ เวรี่ บิวตี้ฟูล” เบญลี่บอก
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ให้แอ๊วแต่งตัวแบบนี้แล้วจะให้ไปทำอะไรต่อคะ” อรุณศรีตอบอายๆ
“เดี๋ยวถามคนโน้นเอาเองแล้วกันค่ะ”
เบญลี่ผายมือไปทางหน้าร้าน
กริชชัยเดินเท่เข้ามาในร้านด้วยชุดสูท คนในร้านถึงกับหันไปมอง อรุณศรีหันไปมองแล้วทึ่งในความหล่อสมาร์ท กริชชัยมองอรุณศรีแล้วยิ้มทึ่งในสวยพิเศษเหมือนกัน กริชชัยเดินมาหา
“คุณสวยมาก” กริชชัยบอก
“ขอบคุณค่ะ” อรุณศรียิ้มรับอายๆ
อรุณศรีแม้จะคิดอยู่ในใจว่ากริชชัยหล่อ แต่ไม่กล้าพูดตามประสาหญิง แต่เบญลี่กลับเสนอหน้าพูดขึ้นทันที
“บอสก็หล่อมากค่ะ”
กริชชัยยิ้มรับเขินๆ
“ขอบคุณครับ”
อรุณศรีกับกริชชัยมองหน้ากันอย่างเขินๆ ต่างคนต่างเขิน เบญลี่ตั้งกล้องมือถือรอถ่าย สองคนเลยต้องขยับตัวเข้าหากัน
“สรุปว่าทั้งหล่อทั้งสวย ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะคะ ชิดหน่อยค้า ชีสส...ค่ะ” เบญลี่พูดแล้วฉีกยิ้มกว้างนำ
“ชิดกันหน่อยค่ะ...อีกหน่อยค่ะ..อีกนิดค่ะ น่านแหละค่ะ”
อรุณศรีและกริชชัยยิ้มตามสั่ง ... แชะ !!
ที่งานเปิดตัวนาฬิกาในเวลาค่ำคืน ทันทีที่กริชชัยและอรุณศรีเดินก้าวลงมาจากรถคันหรูด้วยความสวยและหล่อสมกัน นักข่าวสายสังคมเซเลบริตี้รุมกันถ่ายรูปด้วยความตื่นเต้น แสงแฟลชวูบวาบ อรุณศรีตื่นเต้นทำหน้าไม่ถูก อายๆ เขินๆ กริชชัยหันมายิ้มให้กำลังใจกับอรุณศรี
“ยิ้มไว้...ไม่มีอะไรน่ากลัว”
อรุณศรีสบตามองหน้ากริชชัย ววตาที่อบอุ่นของทำให้อรุณศรีรู้สึกดีขึ้น และค่อยๆยิ้มออกมา นักข่าว - ช่างภาพรุมกันถ่ายรูปรัวเป็นระวิง อรุณศรีหันมามองกล้องแล้วยิ้ม อรุณศรีกับกริชชัยโพสท์ท่าให้ถ่ายรูปคู่กัน แสงแฟลชวูบวาบจนแสบตา
ภาพข่าวที่อรุณศรีและกริชชัยออกงานด้วยกัน ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “เปิดตัวหวานใจไฮโซสุดฮอต” สุพรรณิการ์อ่านแล้วถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความชอบใจ
“เปิดตัวหวานใจไฮโซสุดฮอต... ไม่มีใครรู้ว่า สาวนิรนามข้างกายไฮโซกริชชัยแห่งเอ็มกรุ๊ป เป็นใครมาจากไหน รู้แต่ว่า...สวยบาดใจไปทั้งงาน ทำเอานักข่าวรัวชัตเตอร์แทบไม่ทัน”
สุพรรณิการ์ยิ้มกริ่ม
“เพื่อนฉัน...ดังใหญ่แล้ว ถ่ายส่งไปให้มันดูดีกว่า”
สุพรรณิการ์วางหนังสือพิมพ์ลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายพร้อมกับอัพโหลดและพิมพ์โน่นพิมพ์นี่
กุ๊กกิ๊กๆ ในโลกส่วนตัวของตัวเอง
วัชระนอนอยู่บนเตียง...ปรายตามามองหน้าสุพรรณิการ์ แล้วแกล้งทำมารยาร้องเสียงดังออกมา
“โอ้ย โอ้ย”
สุพรรณิการ์ตกใจรีบหันไป
“วัช...เป็นอะไร เจ็บแผลเหรอ ให้เรียกพยาบาลหรือเปล่า” สุพรรณิการ์เดินไปดู
“โอ้ย” วัชระยังไม่หยุดร้อง
สุพรรณิการ์จับที่ขอบเตียงและพูดด้วยความป็นห่วง
“เป็นอะไร หยุดร้อง..แล้วบอกมาก่อนว่าเป็นอะไร”
วัชระทำหน้าละห้อยมองสุพรรณิการ์
“เหงาอ่ะ”
สุพรรณิการ์ชะงัก วัชระอ้อนต่อ
“แฟนไม่สนใจ เอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ อัพเฟซบุ๊ก โดนทอดทิ้ง มันเลย..เหงา”
สุพรรณิการ์มองด้วยความหมั่นไส้ แล้วดึงหมอนออกจากหัววัชระ เอาวัชระหัวโขลกกับเตียง วัชระร้องลั่น
“โอ้ย”
สุพรรณิการ์หยิบเอาหมอนฟาดเข้าไปที่กลางลำตัวของวัชระ
“นี่แน่ะ .. แกล้งเค้าเหรอ”
“เอ้ย..เอ้า มาตีเค้าทำไมเนี่ย เค้าป่วยอยู่นะ โอ้ย โดนทำร้ายทั้งกายทั้งใจ”
“โอ้ย หมั่นไส้ แบบนี้มันต้องโดนหนักๆ” สุพรรณฺการ์โยนหมอนทิ้งแล้วเข้ามาจี๋เอว
วัชระดิ้นพราด เพราะบ้าจี้
“เฮ้ย อย่านะ ฮ่าๆๆ โอ้ย หยุดนะ โรงพยาบาลนะคุณ เค้าห้ามแกล้งคนไข้..โอ้ยเจ็บๆๆ เจ็บแผล ฮ่าๆๆ เฮ้ยๆๆๆ ฮ่าๆๆ”
“สมน้ำหน้า อยากแกล้งคนอื่นเค้าดีนัก” สุพรรณิการ์แกล้งวัชระไปขำไป
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผัวะเข้ามา แววเดินพรวดพราดเข้ามาด้วยความตกใจ
“วัชเป็นไงบ้างลูก”
สุพรรณิการ์กำลังจี๋เอววัชระในท่าเหมือนกำลังกอดกันอยู่ สุพรรณิการ์ตกใจนิ่งค้าง แววเดินเข้ามาแล้วก็ตะลึง วัชระเหวอเพราะคิดไม่ถึง
“แม่”
สุพรรณิการ์รีบยืนตรงเรียบร้อยทันที พร้อมกับยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
แววรับไหว้ สีหน้ายังเห็นสุพรรณิการ์เป็นคนแปลกหน้าในชีวิต
“แม่ครับ...นี่ฝ้าย แฟนผมครับ” วัชระเสียงหนักแน่น
สุพรรณิการ์ยิ้มนิดๆ แววมองหน้าสุพรรณิการ์และพูดอย่างสุภาพ
“ฉันขอคุยกับวัชเป็นการส่วนตัวสักครู่ เธอคงไม่ว่านะ”
วัชระมองสุพรรณิการ์ด้วยความสงสาร..เพราะเวลานี้เป็นจังหวะไม่ดีที่ที่แววและสุพรรณิการ์ได้เจอกัน
สุพรรณิการ์เดินออกมาจากห้องพักและนั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง เสียงแววดังออกมา
คุณสีรุ้งโทร.ไปเล่าให้แม่ฟังถึงในวัด แล้วขอให้แม่มาเจรจากับวัช เรื่องหนูแหนม”
สุพรรณิการ์ได้ยินถึงกับสะดุด แล้วก็เงี่ยหูฟังต่อ
วัชระแปลกใจ
“แล้วเค้ารู้ได้ยังไงครับว่าแม่อยู่วัด”
แววเดินมานั่งข้างๆเตียงของวัชระ
“เค้าไปหาแม่ที่บ้าน ไม่เจอใคร ก็เลยถามป้าตู่ที่อยู่ข้างบ้านเรา แม่บอกเค้าไว้ว่าจะไปปฎิบัติธรรม”
“คุณสีรุ้งเค้าบอกแม่ว่ายังไงบ้าง”
“ก็เล่าหมดทุกอย่าง รวมทั้งที่เราไปยืนยันว่าจะตายแทนคนนั้น จนต้องเป็นแบบนี้” แววพูดพลางปรายสายตาไปที่หน้าห้อง
วัชระก้มหน้ารับทุกอย่าง สุพรรณิการ์ได้ยินที่แววพูดถึงกับหน้าเสีย
แววพูดต่อ
“คุณสีรุ้งเค้าฝากมาถามว่าเราจะเอาเรื่องหนูแหนมหรือเปล่า เค้าไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล ให้เป็นข่าวใหญ่โต”
“ไม่ต้องห่วงครับแม่ ผมบอกตำรวจไปแล้วว่าปืนลั่น รับรองว่าแหนมไม่เดือดร้อน บอกให้ทางนั้นสบายใจได้”
แววถอนใจ
“เราทำถูกแล้ว เพราะที่ผ่านมา เราเองก็ทำให้ฝ่ายนั้นเค้าทุกข์ใจมามากแล้ว ถือซะว่า...เลิกแล้วก็กันไป”
“ครับแม่” วัชระพยักหน้ารับ
“เรื่องคนเก่าก็เคลียร์จบไปแล้ว... ถามจริงๆยังไม่เข็ด คิดจะเริ่มต้นคนใหม่อีกแล้วเหรอ ไม่เว้นวรรค พักบ้างเหรอลูก” แววถาม
วัชระอึกอักตอบไม่ถูก สุพรรณิการ์นิ่งฟังแล้วถึงกับคิดหนัก
“หยุดพักแล้วเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา... แล้วก็จำไว้ด้วยว่าความรักไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ รีบๆ จีบกัน เป็นแฟนกัน ยังไม่ทันได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลยว่าไปด้วยกันได้หรือเปล่า”
สุพรรณิการ์คิดตาม แล้วก็เริ่มเห็นด้วยกับแวว แววอบรมวัชระต่อ
“ขนาดหนูแหนม คบกันมาตั้งหลายปี อยู่ดีๆนึกจะเลิกก็เลิก แล้วกับคนนี้ปุ๊บปั๊บเป็นแฟนกัน จะคบกันได้นานเหรอลูก”
สุพรรณิการ์ถึงกับสะอึก
“ที่แม่เตือนเพราะหวังดี ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวแบบนี้อีก แค่ครั้งเดียวมันก็มากพอแล้วนะลูก”
สุพรรณิการ์ฟังแล้วคิดเครียดถึงตัวเอง
แววกลับถึงบ้านก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับสีรุ้งที่บ้าน
สีรุ้งคุยโทรศัพท์ด้วยความโล่งอก
“ฉันเข้าใจ...ขอบใจมากนะ”
สีรุ้งวางไป แล้วถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันมาทางเนตรนภัสที่นั่งอยู่กับนรีวรรณ
“แม่ของนายวัชระบอกว่า เค้าไม่เอาเรื่อง นายวัชระบอกทางโรงพยาบาลว่าปืนลั่น เพราะปืนและลูกกระสุนพิสูจน์แล้วก็เป็นของเค้า ทางเราสบายใจได้”
นรีวรรณเบ้ปาก
“อย่างน้อยก็ยังพอจะมีดีกับเค้าบ้าง นึกว่าจะเลวบริสุทธิ์”
วันนี้เนตรนภัสนิ่งสงบลง มีสติมากขึ้น แต่ก็ยังสะเทือนใจอยู่บ้างในฐานะคนรักเก่า
สีรุ้งได้ยินคำพูดของนรีวรรณแล้วส่ายหน้า ปรามด้วยสายตาว่าไม่ให้พูดรุนแรง นรีวรรณเงียบอย่างรู้ตัว สีรุ้งเดินมานั่งข้างๆ เนตรนภัส
“ถึงเค้าจะไม่เอาเรื่อง แต่แหนมต้องจำไว้นะลูก ความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหา ถึงแม้วันนั้นลูกยิงเค้าจนตาย แต่ความเจ็บปวดที่มีก็ยังเท่าเดิม แถมยังต้องไปอยู่ในคุกอีกต่างหาก”
เนตรนภัสกลืนน้ำลาย..คิดแล้วใจหาย ไม่นึกว่าตัวเองจะทำได้
“ตอนนี้เค้าไม่เอาเรื่องก็ดีแล้ว แต่คราวหน้าไม่ว่ากับใคร ใช้สติให้มากๆก่อนที่จะทำอะไร อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจิตใจ จนเราต้องมาเสียใจภายหลัง”
เนตรนภัสพยักหน้ารับแต่โดยดี ไม่มีเถียง
“ค่ะแม่”
รุ้งยิ้มอบอุ่นและอ่อนโยนให้เนตรนภัส เนตรนภัสโผเข้าสวมกอดแม่ไว้ ให้พลังแห่งความรักเยียวยาหัวใจ
เนตรนภัสนึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเธอกับวัชระ
ตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก ตอนสวีตหวาน เริ่มคุยเรื่องแต่งงาน วันถ่ายรูปแต่งงาน เริ่มทะเลาะกัน เนตรนภัสอาละวาด วัชระบอกเลิก เนตรนภัสเมาอาละวาดที่คอนโดสุพรรณิการ์ วัชระมาหา และเหตุการณ์ยิงปืนใส่วัชระ
เสียงปืนดังขึ้น “ปังๆๆ” เป้ายิงปืน ถูกยิงที่บริเวณหน้าอก และกลางหัวอย่างแม่น
เกียวกำลังซ้อมยิงปืนอยู่ที่สนามปืนยิงแห่งหนึ่ง มีคนยืนดูเกียวอย่างชื่นชมอยู่ 2-3 คน เกียวดูผลงานตัวเองด้วยความพึงพอใจ เกียวเก็บปืนด้วยความชำนาญ แล้วเดินออกมา
“เจ๊เกียวแม่นเหมือนเดิม” คนที่ยืนดูเดินมาทักด้วยความสนิทสนม
“ศัตรูเยอะก็อย่างเนี้ยะ” เกียวพูดทีเล่นทีจริง
คนดูรายนั้นถึงกับชูนิ้วให้เกียว
“สุดยอด ใครเป็นศัตรูเจ๊..หนาวแน่”
เกียวยิ้มรับ
ออกจากซ้อมยิงปืนที่สนามแล้ว เกียวยังมีนัดหมายอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ชายแปลกหน้ายื่นแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับอรุณศรีให้เกียว
“อรุณศรี หรือ แอ๊ว อายุยี่สิบสาม ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์พิเศษที่บริษัทเอ็มกรุ๊ป ตอนเรียนรับจ้างเป็นพริตตี้ตามงานต่างอยู่บ้าง แต่พอเรียนจบก็เข้าทำงานประจำ นี่เป็นประวัติการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย”
ที่แท้…เกียวได้จ้างนักสืบ สืบพฤติกรรมของปรานต์และอรุณศรี เกียวหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดู
“เรียนมหาลัยเดียวกันจริงๆ แล้วชีวิตส่วนตัวเป็นยังไง” เกียวหันไปถามนักสืบ
“พ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตอนอยู่มหาวิทยาลัย ญาติสนิทไม่ค่อยดี มีพี่ชายคนเดียวเป็นเชฟอยู่ที่โรงแรมแถวสุขุมวิท”
“แล้วเรื่องแฟนล่ะ” เกียวซัก
“ตอนนี้เหมือนจะกำลังคบอยู่กับเจ้าของบริษัท เพราะเพิ่งจะออกงานด้วยกัน”
เกียวขมวดคิ้ว นักสืบพูดต่อ
“เจ้าของบริษัทชื่อ กริชชัย รวย หล่อ และกำลังฮอตมากในหมูไฮโซ คนก็ยังงงๆอยู่ว่า ทำไมมาคบกับพนักงานในบริษัท”
นักสืบส่งรูปตอนออกงานด้วยกันให้เกียวดู เกียวหยิบมาดูแล้วก็งงๆ เพราะปรานต์พูดเหมือนอรุณศรีนิสัยไม่ดี
และเป็นฝ่ายไม่ยอมเลิก ทุกคำพูดของปรานต์แว่วเข้ามายังหูของเกียวอีกครั้ง
“ข่าวนี้..เค้าบอกให้ผมเข้าไปดู ตั้งใจจะเย้ยว่าตัวเองมีแฟนใหม่แล้ว รวยกว่าผม เค้าอยากจะให้ผมหึง เพราะเค้าไม่อยากเลิก แต่ผมไม่สนใจแล้ว เค้าจะมีใครรวยแค่ไหน ผมก็ไม่สน แล้วก็ไม่หึงด้วย”
เกียวครุ่นคิด..แววตานิ่งโหด
“แล้วแฟนเก่าล่ะ”
“มีคนนึงครับ ชื่อ ปรานต์ เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย พึ่งจะเลิกกันไป แต่ดูเหมือนผู้ชายจะไม่อยากเลิก”
ได้ยินชื่อของปรานต์เกียวจุกขึ้นมาทันที
“มีข่าวตามตื้ออยู่เหมือนกัน เจ๊อยากให้ผมสืบเรื่องแฟนเก่าด้วยมั้ยครับ” นักสืบถามเกียว
“ไม่ต้อง...เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เกียวคิดและมองดูรูปในมืออีกครั้ง รูปอรุณศรีกับกริชชัยที่ออกงานคู่กัน ดูสวยหล่อสมกันเป็นอย่างดี
ปรานต์กำลังอ่าน ภาพข่าวที่มีรูปอรุณศรีและกริชชัยออกงานเปิดตัวด้วยความแค้นใจและอิจฉา ปรานต์ทนไม่ได้คว้าหนังสือพิมพ์มาขยำๆ แล้วปาทิ้งลงถังขยะด้วยความหงุดหงิด
ภาพข่าวเดิมอยู่ในในมือจามจุรี ขณะที่าจามจุรี ลำเภา และกริชชัยนั่งกินข้าวกันอยู่
“อือ..สวยดี” จามจุรีบอก กริชชัยยิ้มรับด้วยความภูมิใจ
“นิสัยดีด้วยนะคะแม่ แล้วก็ไม่เห่อความหล่อ ความรวยของคุณกริชด้วย” ลำเภาชียร์
จามจุรีพูดด้วยหน้านิ่งๆ
“มีศักดิ์ศรีเหมือนนางเอกละครอย่างงั้นน่ะเหรอ”
“ทำนองนั้นหล่ะค่ะ คุณกริชก็นิสัยเหมือนพวกพระเอกละครไงคะ ดีเว่อร์ ก็เลยสมกันดี” ลำเภาพูดขำๆ
“เภาก็พูดเกินไป .. อรุณศรีเค้าเป็นคนมีน้ำใจน่ะครับ มองโลกในแง่ ดี ไม่เคยคิดร้ายใคร”
จามจุรีวางหนังสือพิมพ์ลง
“อ้อ หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี มีอะไรที่ไม่ดีบ้างมั้ย”
กริชชัยสะอึกพูดไม่ออก ลำเภาทำหน้าที่ตอบแทน
“มีสองอย่างค่ะ อย่างแรก...ไม่ดี ที่เค้าไม่ยอมเป็นแฟนกับคุณกริชสักที อย่างที่สองคือ มีแฟนแล้ว แต่ตอนนี้เลิกกับแฟนแล้วค่ะ”
“เราก็เป็นมือที่สามงั้นสิ” จามจุรีถามกริชชัย
“เปล่านะครับคุณป้า ผมแค่รอให้เค้าเลิกกันเอง”
“แล้วไป นึกว่าไปแย่งของใครเค้ามา..บาปแย่”
คำพูดของจามจุรีทำเอาลำเภากำลังที่ยิ้มๆ อยู่ถึงกับหุบยิ้ม หน้านิ่ง เครียดขึ้นเล็กน้อย กริชชัยหันมาเห็นพอดี มองอย่างเข้าใจ
“แม่ไปดูละครก่อนนะ เมื่อคืนกำลังสนุกเลย” จามจุรีบอกแล้วลุกไปปล่อยให้ลำเภานั่งอยู่กับกริชชัย
“เภาเก็บโต๊ะเลยนะ”
ลำเภาก้มหน้าก้มหน้าเก็บจานและยกจานเข้าไปในครัว กริชชัยมองตามแล้วก็คิด
ลำเภาเดินยกจานเข้ามาเก็บในครัว และหยุดยืนคิดสิ่งที่แม่พูด ด้วยความเป็นกังวล กริชชัยเดินตามมา
“คิดมากเรื่องไอ้ธีล่ะสิ”
ลำเภาหันมาพยักหน้ายอมรับ
“อือ .. เภาก็งงๆอยู่เนี่ย”
“งงความรู้สึกตัวเอง หรือว่างงไอ้ธี”
“นายหมาใหญ่น่ะนะ ทำให้เภางงไม่ได้หรอก ผู้ชายแบนๆแบบนั้น ปาดตาทีเดียวก็รู้แล้วว่าคิดยังไง”
“แล้วเภาหล่ะ..คิดยังไง เภาชอบมันหรือเปล่า”
“มันก็..คงจะชอบมั้ง” ลำเภาอมยิ้มเขิน
“แน่ใจนะ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกแล้วนะเภา”
ลำเภาหุบยิ้ม สีหน้าจริงจังขึ้น
“เภารู้ว่ามันไม่ใช่เล่นๆ ถึงได้รู้สึกไม่ดีแบบนี้ เภาไม่คิดว่าเรื่องเล่นๆมันจะกลายเป็นจริงจัง แล้วก็ทำให้คนอื่นต้องเสียใจ”
ลำเภานึกถึงกรกนกขึ้นมาทันที
“คุณกรใช่มั้ย”
ลำเภาพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น คุณกรกับไอ้ธีเค้าจากกันไปด้วยดี ถึงไม่มีเภาเค้าสองคนก็ต้องเลิกกันสักวัน”
“ทำไมคุณกริชมั่นใจแบบนั้น”
“ก็ถ้าไอ้ธีมันอยากจะจริงจังมากกว่านี้ มันทำไปนานแล้ว”
ลำเภารับฟังแล้วเก็บมาคิด
“ตอนนี้เภาไม่ต้องกังวลเรื่องคนอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ..ตัวเภาเอง ถามตัวเองให้ดีๆ ว่าเราคิดยังไง จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง”
ลำเภาฟังแล้วก็คิด
ค่ำคืนนั้น ลำเภากำลังนั่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและธีธัชที่แว่บเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ บนห้องนอนส่วนตัว ภายในบ้านจามจุรี
เป็นต่อกับพอใจกระโดดขึ้นมาบนเตียง แล้วสาระแนมานอนหนุนตักเป็นกำลังใจให้เจ้านาย
ลำเภาลูบขนลูกสาวลูกชายไปพลางคิดไปพลาง นึกถึงตอนธีธัชเริ่มเข้ามาจีบและทำให้ตัวเองเริ่มเขิน คิดถึงตอนนี้ ลำเภาก็ถึงกับอมยิ้ม
“ฉันชอบเธอนะเภา ฉันชอบเธอจริงๆ”
ลำเภาคิดแล้วเขินและพึมพำกับตัวเองว่า
“ฉันว่า..ฉันคงจะชอบนายแล้วหล่ะ..นายหมาใหญ่”
ลำเภายิ้มอย่างมีความสุข ที่รู้ใจตัวเองสักที
คืนเดียวกันนั้น เกียวเดินเข้ามาในคอนโดอย่างรีบร้อน ในใจเดือดพล่าน ระหว่างที่เดินมาเสียงบอกเล่าเรื่องราวจากนักสืบก็ดังเข้ามาในหู
“แล้วแฟนเก่าล่ะ”
“มีคนนึงครับ ชื่อปรานต์ เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย พึ่งจะเลิกกันไป แต่ดูเหมือนผู้ชายจะไม่อยากเลิก”
“มีข่าวตามตื้ออยู่เหมือนกัน เจ๊อยากให้ผมสืบเรื่องแฟนเก่าด้วยมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เกียวคิดตามและนึกขึ้นมาได้
“แหวน”
เกียวรีบพุ่งเข้าไปและรื้อที่เก็บแหวน แหวนยังวางอยู่ที่เดิม เกียวอึ้งๆ แล้วก็รีบรื้อต่อ จนเจอใบเสร็จของแหวน
เกียวรีบคลี่ออกมาดู
“วงตั้งเกือบสองแสนเลยเหรอ”
ภาพของปรานต์ที่ขอยืมเงินสองแสน อ้างว่าจะเอาไปลงทุนผ่านเข้ามาในสมองของเกียว...เกียวอึ้ง รีบก้มดูวันที่ในใบเสร็จ และรีบลุกไปหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดูเทียบวันที่ถอนเงิน
“วันเดียวกัน”
ทั้งปรานต์ยังโกหกว่า แหวนวงนี้เป็นของเพื่อนอีก เกียวใจเต้นระทึกด้วยโทสะพร้อมที่จะระเบิดทุกขณะ
เกียวกำหมัดแน่นคิดอย่างสับสน...เรื่องนี้มันยังไงกันแน่?
-------จบตอนที่ 21--------
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 21/4
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์