หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22
เช้าวันต่อมา สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยหน้าตาเครียดๆ เพราะคิดถึงเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ในขณะที่กำลังแกล้งจี๋เอววัชระอย่างมีความสุข และแววเดินเข้ามาเห็นจนสุพรรณิการ์ตกใจ

คำพูดของแววเมื่อวานดังเข้ามาในความคิด
“เรื่องคนเก่าก็เคลียร์จบไปแล้ว ถามจริงๆ ยังไม่เข็ด คิดจะเริ่มต้นคนใหม่อีกแล้วเหรอ ไม่เว้นวรรค พักบ้างเหรอลูก หยุดพักแล้วเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา แล้วก็จำไว้ด้วยว่าความรักไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ รีบๆ จีบกัน เป็นแฟนกัน ยังไม่ทันได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลยว่าไปด้วยกันได้หรือ ขนาดหนูแหนม คบกันมาตั้งหลายปี อยู่ดีๆนึกจะเลิกก็เลิก แล้วกับคนนี้ปุ๊บปั๊บเป็นแฟนกัน จะคบกันได้นานเหรอลูก”

สุพรรณิการ์ยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ในอาการคิดหนัก ระหว่างนั้น มีคู่รักคู่หนึ่งเดินมา ภรรยาท้องโต สามีเดินโอบไหล่มาอย่างรักใคร่สนิทสนม ดูเหมือนเป็นคู่รักที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน สุพรรณิการ์มองแล้วก็คิดถึงตัวเอง สักพักมีคนไข้เป็นผู้สูงอายุสองคนจับมือกันเดินไปอย่างช้าๆ สุพรรณิการ์เห็นแล้วก็คิด พร้อมกับตัดสินใจบางอย่าง

วัชระประหลาดใจอย่างแรง ที่เห็นสุพรรณิการ์เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนละคน
“ฝ้ายอยากจะเลิกกับผม”
สุพรรณิการ์ตอบด้วยความหนักแน่นและมั่นใจ
“ใช่ ฉันขอเลิกกับคุณ”
“ทำไมล่ะฝ้าย เกิดอะไรขึ้น ไม่พอใจอะไร หรือว่าทุกอย่างที่ผมทำฝ้ายยังไม่พอใจ”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ฉัน...อยากแบบมีสติ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันแล้วก็กระโดดขึ้นเตียง ลงจากเตียงก็เป็นแฟนกัน ฉันไม่อยากเริ่มต้นความรักแบบนั้น”
วัชระนิ่งฟัง..เริ่มเข้าใจในความรู้สึกของสุพรรณิการ์ แต่เริ่มใจหายเพราะกลัวจะโดนทิ้ง
“ผมพอจะเข้าใจ แต่เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องเลิกกันเลย ถึงความรักของเรามันจะข้ามบางขั้นตอนไปบ้าง แต่ผมก็เห็นคุณค่าของคุณ”
“แต่ฉันไม่เห็น”
วัชระชะงัก สุพรรณิการ์พูดต่อ
“ที่ฉันต้องการถอยมาตั้งต้นใหม่ เพราะฉันอยากจะมั่นใจว่า ฉันมีค่ามากพอที่ใครสักคนจะพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อฉัน”
วัชระนิ่งไป อึ้งและเถียงไม่ออก
“แม่คุณพูดถูก ความรักไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ รีบๆ จีบกัน เป็นแฟนกัน ยังไม่ทันได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลย มันจะคบกันไปได้ยังไง”
วัชระนิ่ง เครียดแล้วคิดตาม สุพรรณิการ์สรุปอย่างเด็ดขาด
“การถอยครั้งนี้ จะทำให้เราสองคนมีเวลามีระยะห่างมากพอจะเรียนรู้กันและกัน หลังจากรู้แล้ว ถ้าเรายังอยากจะกลับมาเป็นแฟนกัน...มันน่าจะเป็นความรักที่มั่นคงมากกว่านี้”
“ฝ้ายแน่ใจนะ ว่าต้องการให้มันแบบนี้”
สุพรรณิการ์สูดลมหายใจลึกก่อนพูดต่อไป
“แน่ใจ และฉันก็จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลคุณแทนฉันแล้ว”
“ฝ้าย” วัชระเรียกเหมือนจะแย้ง
สุพรรณิการ์รีบตัดบททันที
“ฉันนัดแอ๊วไว้ ต้องรีบไป ถ้าว่างจะแวะมาเยี่ยมใหม่...ในฐานะคนรู้จัก ไม่ใช่แฟน”
วัชระใจหายวาบ สุพรรณิการ์ตัดใจเดินออกจากห้องไปเลย วัชระรีบเรียกไว้
“ฝ้าย ฝ้าย ฝ้าย”
สุพรรณิการ์ไม่หยุดเดินและไม่หันหลังกลับ ออกไปเลย
“อะไรวะเนี่ย” วัชระช็อก
แต่พอประตูห้องคนไข้ปิดลง สุพรรณิการ์ยืนถอนใจเบาๆ ที่หน้าห้อง พยายามใจแข็งทั้งที่ในใจแอบหวั่นๆ

ทันทีที่อรุณศรีรู้เรื่องทั้งหมดจากสุพรรณิการ์ถึงกับตกใจ ทั้งคู่คุยกันที่ชั้นล่าง บริเวณมุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“แกเนี่ยนะเลิกกับคุณวัช”
“สดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้นี้เอง” สุพรรณิการ์ยืนยันพลางพยักหน้ารับ
“แก...แน่ใจแล้วเหรอ ทำไปเพราะอารมณ์หรือเปล่า”
“เรื่องนี้ฉันทำด้วยสติเต็มเปี่ยม มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจแบบนี้ และแกก็คือหนึ่งในนั้น”
“ฉันเนี่ยนะ” อรุณศรีงง
“ใช่...เพราะแกใช้ชีวิตอย่างมีสติ แกกับคุณกริชค่อยๆ พัฒนาความรักปล่อยให้มันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป มันเลยสวยงามอย่างทุกวันนี้”
สุพรรณิการ์พูดด้วยความจริงใจ อรุณศรีตั้งใจฟัง
“เมื่อก่อนฉันไม่เชื่อที่แกคอยเตือนว่าฉันต้องรอบคอบ แต่ตอนนี้...ฉันเชื่อแล้ว ขอบคุณนะแอ๊วที่แกคอยเป็นห่วงฉันมาตลอด”
อรุณศรียิ้มรับดีใจที่เพื่อนคิดได้ สุพรรณิการ์พูดต่อ
“เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่แกมีน้ำใจให้ฉันมาตลอด ฉันก็เลยโทร.ไปสั่งให้ไอ้ปรานต์มันเลิกยุ่งกับแกโดยเด็ดขาด”
อรุณศรีช็อกหุบยิ้มทันที “หะ แกโทร.ไปเมื่อไหร่”
“เมื่อวานตอนเย็น พอดีพี่เบญลี่มาเยี่ยมวัช แล้วก็เล่าว่าไอ้ปรานต์มันสะกดรอยตามแกไปที่จัดงานอีเว้นท์ของบริษัท แล้วก็ไปมีเรื่องกับคุณกริช ฉันก็เลยของขึ้น โทร.ไปทวงตังค์มันซะเลย”
“แล้วปรานต์ว่าไงบ้าง”
สุพรรณิการ์เล่าเหตุการณ์เมื่อเย็นวานให้ฟัง

ปรานต์ด่ากรอกหูมาในโทรศัพท์ ใส่สุพรรณิการ์
“อีบ้า!! แกเป็นใครกล้ามาสั่งคนอย่างฉัน”
สุพรรณิการ์ด่ากลับไปทันที
“ฉันก็เป็นเจ้าหนี้แกไง สี่แสนน่ะ สัญญาเงินกู้ก็มี ลืมหรือไงหะ แหม...พอฉันไม่ทวงเข้าหน่อย ทำเนียนไม่จ่าย ทั้งต้นทั้งดอกไม่เห็นส่งมาเลย”
ปรานต์สุดแค้น และโวยวายสวนกลับไปทันที
“โธ่เว้ย...แค่สี่แสน คนอย่างฉันจะคืนเมื่อไหร่ก็ได้”
สุพรรณิการ์สวน
“แล้วทำไมไม่คืนวะ คนเราอย่าดีแต่โม้ พูดแล้วกรุณาทำให้ได้ด้วย คืนเมื่อไหร่ก็ได้ใช่มั้ย..ฉันให้เวลาสองวันรีบเอามาคืนเลย ถ้าภายในสองวันเงินยังไม่มา แกนั่นแหละไสหัวออกไปจากชีวิตเพื่อนฉันได้แล้ว เงินสี่แสนก็ไม่ต้องคืน ฉันยอมแลกกับความสุขของเพื่อน”
“คิดว่ารวยแล้วจะเอาเงินฟาดหัวคนอื่นได้หรือไง เงินแค่สี่แสนฉันก็มีเว้ย ฉันเอาไปคืนแน่ ส่วนเรื่องแอ๊ว...อย่าหวังเลยว่าฉันจะปล่อยไปให้ไปได้ดีมีความสุข เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนบอกเลิกฉัน แล้วยังควงคนอื่นมาหยามกันแบบนี้ ไปบอกเพื่อนแกด้วย คนที่ทำให้ฉันเสียใจไม่มีใครมีความสุข ระวังตัวไว้ให้ดี” ปรานต์สวนกลับและวางสายไปด้วยความโกรธ

อรุณศรีได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงขนาดกุมขมับด้วยความเครียด สุพรรณิการ์ถึงกับหน้าเสีย
“ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรง ฉันกะว่าถ้ามันยอมไปดีๆ สี่แสนฉันก็ไม่เอาคืน แต่เท่าที่ฟัง...ฉันว่ามันไม่ยอมปล่อยแกแน่”
“ฉันก็ว่างั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปรานต์จะกร้าวร้าวร้ายกาจขนาดนี้” อรุณศรีเงยหน้าพร้อมกับถอนใจ
“ฉันขอโทษนะแอ๊ว ฉันโทร.ไปเพราะหวังดี” สุพรรณิการ์เสียงอ่อยฃ
อรุณศรียิ้มให้ด้วยความเข้าใจ
“ฉันรู้ แล้วฉันก็ขอบใจมากที่แกยอมเสียเงินตั้งเยอะเพื่อฉัน”
“ฉันว่า...มันคงแค้นมากๆ ที่แกทิ้งมัน แล้วยังควงคุณกริชที่ดีกว่ามันทุกอย่าง เท่าที่ฉันฟังเสียง มันแค้นแกมากๆ”
อรุณศรีถึงกับส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจและหนักใจ
“แกก็ระวังตัวไว้หน่อยนะแอ๊ว มันรู้จักบ้านแก จะบุกมาทำร้ายแกเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันว่าคนอย่างมัน เพื่อรักษาหน้าตา รักษาฟอร์ม มันยอมทำได้ทุกอย่าง”
อรุณศรีฟังแล้วคิดหนักด้วยความเครียด

วิถีแห่งคู่รักระหว่างธีธัชและลำเภาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ วันนี้ทั้งคู่นั่งอยู่บนศาลา มีถังสังฆทานวางอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนกำลังกราบพระพุทธรูปก่อนจะหันมากราบหลวงพ่อ
“จะมาขอฤกษ์เหรอ” หลวงพ่อมองแล้วถามซื่อๆ
ลำเภาสะดุ้ง ธีธัชยิ้มหน้าบาน
“จะแต่งกันซักเมื่อไหร่ล่ะ” หลวงพ่อถามต่อ
ลำเภาอ้าปากจะแย้ง ธีธัชสวน
“ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ”
ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ ลำเภารีบแทรกทันที
“อย่าไปฟังคนเพ้อเจ้อค่ะ วันนี้หนูมาถวายสังฆทานค่ะ ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนตัวเองกำลังเบียดเบียนคนอื่น เหมือนเราไปแย่งของรักของคนอื่นมาน่ะค่ะ”
ธีธัชสะดุ้งหันมามองลำเภาเขม็ง
“หนูเลยอยากจะทำบุญให้คนที่หนูไปทำร้าย เบียดเบียน ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ส่วนคนนี้ที่ชวนมาเพราะไปเบียดเบียนสาวๆ ไว้เยอะ มาทำบุญซะบ้าง เผื่อชีวิตจะดี”
ลำเภาหันมามองหน้าธีธัชแล้วก็พยักพเยิดให้เออออ ธีธัชเลยต้องหันไป รีบรับอย่างเสียไม่ได้
“แหะๆ ใช่ครับหลวงพ่อ ทำบุญซะบ้าง เผื่อผลบุญจะทำให้คนนี้ เห็นใจ”
“ขอมากไปแล้วย่ะ หลวงพ่อคะ เชิญค่ะ”
ลำเภาพนมมือ ธีธัชพนมมือตาม หลวงพ่อนำสวดถวายสังฆทาน สองคนพูดตาม ตอนยกถังถวายลำเภาขยับประเคนถัง ธีธัชนั่งนิ่ง ลำเภาหันมาพยักหน้าให้มาประเคนด้วย ธีธัชรีบเข้ามาช่วยลำเภาประเคนของด้วยความดีใจ หลังจากประเคนแล้วก็กรวดน้ำอย่างสงบ
ออกจากศาลา ลำเภาและธีธัชเดินมาถึงหน้าวัด ธีธัชมองลำเภาแล้วก็ยิ้มกริ่ม
“เภา ชวนมาทำบุญแบบนี้ แสดงว่าใจอ่อน ยอมเป็นแฟนแล้วใช่ปะ” ธีธัชเสียงอ้อน
“ไม่ใช่”
“โธ่”
“แต่เกือบแล้ว”
ธีธัชตาวาวกลับมาอีกครั้ง
“จริงเหรอ”
“จริง หลังจากที่ฉันทบทวนความรู้สึก ฉันก็เริ่มค้นพบอะไรบางอย่าง”
“ชอบเราใช่มั้ยล่ะ” ธีธัชทำตาปริบๆ
ลำเภาทำเป็นยักไหล่ ตอบเหมือนไม่ใส่ใจ
“ก็ทำนองนั้น”
“จริงเหรอ” ธีธัชตาโตลุกวาว
“แต่... ยังไม่เป็นแฟนตอนนี้”
ธีธัชหุบยิ้ม
“อ้าว ไม่เป็นตอนนี้แล้วจะไปเป็นตอนไหน”
“หลังจากปฎิบัติภารกิจสำคัญสองอย่าง ถ้าผ่านสองด่านนี้ไปได้...ก็โอเค”
“โอเค แค่สองด่านสบายมาก ด่านแรกคืออะไร บอกมาได้เลย”
ธีธัชพูดด้วยความมั่นใจ ลำเภามองแล้วก็พูดเสียงหนักแน่น
“พาฉันไปหาคุณกร”
ธีธัชเหวอ ความมั่นใจหายไปบางส่วนในทันที

ในช่วงเย็น ที่ร้านสาดสุรา โต๊ะยังว่างเปล่าไม่มีลูกค้า ลำเภายืนอยู่กับธีธัชที่มุมหนึ่งหน้าร้าน
“เภาแน่ใจเหรอว่าจะอยากคุยกับกรจริงๆ” ธีธัชถามลำเภาด้วยหน้าเครียดๆ
“กลัวเหรอ”
“ผมไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรต้องกลัว”
“แต่ฉันกลัว” ลำเภาพูดตรงๆ
“อ้าว แล้วเภากลัวกรทำไม”
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำผิด ฉันกลัว ไม่กล้าสู้หน้า ฉันคงจะเป็นแฟนกับนายไม่ได้ ถ้าฉันยังรู้สึกแบบนี้กับตัวเอง ฉันไม่อยากได้แฟนที่ไปแย่งคนอื่นมา”
ทันใดนั้นเสียงกรกนกก็ดังขึ้น
“คุณไม่ได้แย่ง แต่ผู้ชายเค้าอยากจะไปเอง”
ลำเภากับธีธัชหันไป กรกนกสะพายกระเป๋าเดินเข้ามาในร้านสาดสุรา
“ขอโทษที่เข้ามาแทรก แต่คิดว่าน่าจะพูดเพื่อความสบายใจของเราทั้งสามคน”
ลำเภาเดินมาหากรกนก
“เภาขอโทษที่ทำไม่ดี เภาเอาแต่เล่นมากเกินไป คิดแต่จะเอาชนะ ไม่คิดว่าสุดท้ายมันจะจริงจังแบบนี้ เภาเสียใจที่ทำให้คุณสองคนต้องเลิกกัน”
ธีธัชอ้าปากจะแย้ง กรกนกพูดเร็วกว่า
“เราเลิกกันเพราะเราไปต่อไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคุณเข้ามา กรรู้ก่อนธีอีกค่ะ ว่าเค้าชอบคุณ” ลำเภาแปลกใจที่กรกนกรู้ ฝ่ายธีธัชได้แต่เขินและเหวออยู่
“คุณเภาไม่ต้องเสียใจ เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ชีวิตกรยังดีอยู่ค่ะ” กรกนกยิ้มใบหน้าสดชื่น
ธีธัชยักไหล่ให้ลำเภาเป็นทำนองว่า...เห็นมั้ยผิดจากที่พูดที่ไหน ลำเภาหันมามองกรกนกด้วยความชื่นชม
“คุณกรเข้มแข็งจังเลยค่ะ”
“ถ้าเราทำตัวเปราะบาง ใจเสาะ เราก็อยู่ยากค่ะ เพราะว่าโลกไม่มีที่ เหลือให้เรามัวแต่นั่งสงสารตัวเอง” กรกนกยิ้มรับอย่างเข้มแข็ง ธีธัชยิ้มเห็นด้วย ลำเภาฟังด้วยความชื่นชม
“กรขอตัวไปเตรียมร้านก่อนนะคะ” กรกนกมองหน้าธีธัชแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินไป
ลำเภามองตามนิดๆ ธีธัชรีบเสนอหน้าพร้อมกับยิ้มสบายใจ
“ผมบอกแล้วว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล สบายใจหรือยัง”
“อื้อ แต่...นี่แค่ด่านแรก ยังเหลืออีกหนึ่งด่าน”
“โอเค ว่ามาเลย ด่านที่สองคือ”
“ยังไม่บอก”
“อ้าว”
“ถึงเวลาเมื่อไหร่จะบอก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ รอไปก่อน”
ธีธัชรีบเดินตามลำเภาออกจากร้านไป
“เภา...รอด้วย...ใบ้ให้หน่อยได้มั้ย เกี่ยวกับอะไร แล้วจะเมื่อไหร่ ถ้าผ่านด่านสองแล้วได้เป็นเลยหรือเปล่า เภา..รอด้วย”
ลำเภายังคงนิ่งไม่ตอบอะไรสักอย่าง
กรกนกยืนยิ้มมองลำเภาและธีธัชที่เดินออกไป
“โชคดีนะคะธี”

ค่ำคืนนั้น ไฟในบ้านอรุณศรีปิดมืด โอบบุญไม่อยู่ ระหว่างที่อรุณศรีกำลังเดินมาเพื่อจะเปิดรั้วเข้าบ้าน อรุณศรีมองซ้ายมองขวาด้วยความระมัดระวัง
มือที่อรุณศรีกำลังไขกุญแจบ้าน ถูกมือหนึ่งจับไว้ อรุณศรีถึงกับตกใจ สะดุ้งเฮือก!! เมื่อเกียวปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอรุณศรี
อรุณศรีผงะนิดๆ แต่พยายามใช้สติ ไม่ลนลาน
“เธอเป็นอะไรกับปรานต์” เกียวถามอรุณศรีตรงๆด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันเคยเป็นแฟนปรานต์ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว”
“เลิกกันนานหรือยัง”
“นานแล้วค่ะ”
“เมื่อไหร่”
อรุณศรีคิด มองหน้าเกียว แล้วตอบ
“ดิฉันว่า...คุณไปถามปรานต์ดีกว่านะคะ เพราะดิฉันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเลิกกันไปเมื่อไหร่ แต่เราสองคนไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อกันมาสักพักแล้วค่ะ คุณสบายใจได้”
เกียวมองหน้าอรุณศรี อรุณศรียิ้มให้นิดๆ ด้วยความจริงใจ เกียวแปลกใจนิดๆ กับท่าทีที่ดูไม่มีพิษมีภัยของ
อรุณศรี
“ดิฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ”
อรุณศรีปิดประตูรั้ว แล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน เกียวคิดแล้วเรียกไว้
“เดี๋ยว”
อรุณศรีหันมา
“ปรานต์เค้าเคย...ขอเธอแต่งงานหรือเปล่า”
อรุณศรีนิ่งคิด แล้วก็ตอบ
“คุณไปถามปรานต์เองดีกว่าค่ะ ขอโทษนะคะ”
อรุณศรีเดินเข้าบ้านไปอย่างสุภาพ เกียวยืนนิ่งคิด...ไม่ตอบ แปลว่าไม่ปฎิเสธ

เช้าวันต่อมา บรรยากาศสดใส ธีธัชขับรถมาส่งลำเภาที่หน้าคลินิก
“ขอบใจมาก”
ลำเภากำลังจะลงจากรถ ธีธัชรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ลำเภาหันมามองหน้าธีธัช
“มีอะไร”
ธีธัชรีบหันไปหยิบถุงหลังรถมาให้ลำเภา
“นี่...ฉันเตรียมมาให้ แซนด์วิชโคตรชีส ไอ้กริชบอกว่าเธอชอบชีส ฉันใส่มาให้สามแผ่นเลย จัดหนักกันไป แล้วนี่ก็ของว่าง พยาบาลบอกว่าเธอชอบทำงานลืมกินข้าว ถึงได้ผอมแบบนี้ ไม่ไปกินข้าวกินขนมที่ฉันเตรียมไว้ให้ก็ยังดี แล้วนี่ก็น้ำผลไม้กับผลไม้สดเพิ่มความสดชื่น เอาไปทั้งถุงเลย ฉันเตรียมมาให้”
“เอาใจหรือไง”
“ใช่ แต่ไม่ใช่แค่เอาใจเฉยๆ นะ เนี่ย เอาใจใส่อย่างเต็มที่ ไม่ได้สักแต่ว่าจัดของกินมาให้งั้นๆ แต่ฉันหาข้อมูลมาอย่างดี รับไว้แล้วอย่าลืมกินนะ อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกเดี๋ยวเอามาให้”
ลำเภารับมาแล้วก็คิด มองหน้าธีธัชที่ยิ้มกว้างแอบใจอ่อน
“ฉันไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินหรอกนะ...แต่เห็นว่าตั้งอกตั้งใจ ฉันก็เลยคิดว่าถึงเวลาสำหรับด่านสุดท้ายสักที ถ้านายผ่านด่านนี้ไปได้ ฉันจะเสียสละชีวิตเป็นแฟนกับนาย”
“จริงนะ” น้ำเสียงธีธัชระรื่น
ลำเภายักไหล่แทนคำตอบว่าใช่ ธีธัชยิ้มดีใจ แล้วก็นึกได้
“แล้วด่านสุดท้ายของเธอ...มันคืออะไร”
ลำเภาพยักหน้าเชิดๆ
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์