หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22/2

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22/2
พอรู้ว่าด่านสุดท้ายคืออะไรธีธัชรีบมาปรึกษากริชชัยที่คอนโด ระหว่างนั้นกริชชัยกำลังเปิดดูหนังสือรถ ดูแล้วก็เอาโพสต์อิทปิดที่รถซิตี้คาร์ที่น่าสนใจ กริชชัยตอบธีธัชด้วยน้ำเสียงปกติ
“ก็ดีแล้วนี่...ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่รายงานตัว เภาทำถูกต้องแล้ว”
ธีธัชยังหน้าตายังช็อกอยู่
“แต่เกิดมา...ฉันยังไม่เคยไปหา “แม่” ของผู้หญิงที่ฉันคบเลยนะเว้ย”
กริชชัยเงยหน้าถาม

“แล้วแกจะคบน้องฉันแบบเดียวกับที่แกคบสาวๆ รายวันของแกเนี่ยนะ”
“เฮ้ย ไม่ใช่ ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ฉันก็...ตื่นเต้นว่ะ มันต้องทำตัวไงวะ ควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร แล้วแกว่า...แม่เภาจะไม่ชอบหน้าฉันเปล่าวะ แล้วถ้าเค้าไม่ชอบ เภาจะไม่คบกับฉันหรือเปล่า”
กริชชัยปิดหนังสือเลย
“หยุดเลยไอ้นอยด์ แค่ไปหาญาติผู้ใหญ่ของผู้หญิงที่แกชอบ โลกไม่ได้จะแตกสักหน่อย แกก็แค่ทำตัวให้มันมีมารยาท รู้กาละเทศะ รู้เด็กรู้ผู้ใหญ่ แล้วก็จริงใจแค่นั้นเอง”
“จริงใจ”
“ใช่...เพราะป้าจามจุรีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบคนสอพลอ แกไม่ต้องไปชเลียร์เอาใจเค้า แค่แสดงความจริงใจที่จะคบกับเภา เดี๋ยวเค้าก็สัมผัสได้เอง”
“แล้วถ้าเค้า..สัมผัสไม่ได้หล่ะวะ”
“เฮ้ย ไม่หรอก ป้าจามจุรีเค้าเป็นคนดูคนออก แล้วก็เป็นคนใจดี ไม่ตัดสินคนด้วยอคติ ไม่ต้องห่วง สบายใจได้”
กริชชัยพยายามให้กำลังใจธีธัช ธีธัชยิ้มรับนิดๆ

จามจุรีกำลังโขลกครกอยู่ในครัวเสียงดังกระหน่ำและกระชั้น จามจุรีตำไปพูดไป
“ ผู้ชายตาบอดหรือเปล่า”
ลำเภายืนอยู่ข้างๆ สะเทือนไปตามแรงตำ
“อะไรนะคะแม่”
“ก็ผู้ชายที่จะพามาหาแม่ คนที่บอกว่าเค้ามาจีบน่ะ .. ตาบอดหรือเปล่า หรือว่ามีปัญหาเรื่องเงิน”
“อ้าวแม่..ทำไมถามแบบนี้หล่ะ ธีธัชตาไม่บอด แล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินค่ะ ไม่ต้องห่วง..ว่าจะมีนัยยะแอบแฝง ลูกสาวแม่ออกจะน่ารัก น่าค้นหา เค้ามาเพราะรักล้วนๆเลยค่ะ” ลำเภายิ้มน่ารัก
“ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ พ่อแม่เป็นใคร”
“ทำงาน...”
ลำเภายังพูดไม่จบ จามจุรีพูดแทรกขึ้นมาเอง
“ไม่ต้องตอบ”
ลำเภาหุบปากแทบไม่ทัน
“เดี๋ยวแม่รอถามเจ้าตัวเองดีกว่า แล้วจะมาเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“ดี..แม่จะถ่ายวิดีโอไว้ด้วยนะ”
ลำเภาตกใจ
“ถ่ายวิดีโอ ถ่ายทำไมคะ”
“เก็บไว้ให้คุณพ่อดู เพราะอาทิตย์หน้าคุณพ่อไปประชุมที่ออสเตรเลีย เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายกล้ามาจีบลูกสาว นานๆจะหลงมาสักคน มันต้องเต็มที่กันหน่อย ฮึๆ” เสียงจามจุรีหัวเราะโหดๆเหมือนลำเภา
ลำเภามองแม่ตัวเองแล้วก็หนาวใจแทนธีธัช
“นายหมาใหญ่..ตายแน่ๆ” ลำเภาพูดเบาๆกับตัวเอง

บริเวณหน้าบ้านอรุณศรี กริชชัยส่งกุญแจรถให้อรุณศรี อรุณศรีรับมาอย่างงงๆ
“กุญแจรถ”
“ผมให้คุณเบญลี่สั่งรถคันใหม่มาให้คุณไว้ใช้ ผมปรึกษากับคุณฝ้ายและเลือกรุ่นที่คุณน่าจะชอบ”
กริชชัยหันไปมองรถป้ายแดงที่จอดอยู่หน้าบ้าน เป็นรถซิตี้คาร์รุ่นใหม่ น่ารัก หลังรถใหม่ รถตู้ของกริชชัยจอดรอรับอยู่ อรุณศรีมองอึ้ง
“คุณซื้อรถให้ฉัน” อรุณศรีถามย้ำ
“ใช่ ผมไม่อยากให้คุณไปไหนมาไหนโดยลำพัง แต่ผมก็ดูแลคุณยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้ เลยคิดว่าน่าจะหารถให้ใช้สักคัน อย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยกว่าเดินกลับบ้านดึกๆ คนเดียว”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัยแล้วก็ยื่นกุญแจคืนให้
“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไป”
กริชชัยดันมืออรุณศรีกลับ
“ผมรับปากกับคุณฝ้ายและพี่คุณไว้แล้วว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุดและทั้งสองคนก็เห็นด้วยว่าคุณควรจะมีรถ เผื่อแฟนเก่าคุณมาดักทำร้าย อย่างน้อยคุณอาจจะขับรถหนีไปได้”
“สรุปว่าทั้งพี่ฝ้าย พี่โอบ รู้เห็นเป็นใจกับคุณหมด”
“ใช่ครับ ถ้าไม่เห็นแก่ผม ก็เห็นแก่เพื่อน และพี่ชายคุณ”
อรุณศรีคิดหนัก
“คุณรับไว้เถอะ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรามั่นใจว่าปรานต์จะไม่มายุ่งกับคุณ ค่อยคืนผมก็ได้”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย ก่อนพูดดักคอ
“คุณนี่ เจ้าบุญทุ่มเหมือนกันนะเนี่ย”
“แน่นอน..ผมเป็นเต็มที่”
“แล้วคิดว่ารถจะซื้อใจฉันได้เหรอ”
“มันไม่ใช่แค่รถ แต่มันเป็นความห่วงใยที่ผมมีให้คุณ...และผมหวังว่า ความห่วงใยที่ผมมี จะทำให้คุณใจอ่อนได้บ้าง” กริชชัยยิ้มนิดๆ
อรุณศรีอึ้งไป เถียงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าๆ มองไปทางอื่นด้วยความเขิน
“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับรถ โทร.ถามผมได้ตลอดเวลา อรุณศรี..ดูแลตัวเองด้วย” กริชชัยพูดด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ”
กริชชัยยิ้มรับ และหันหลังเดินกลับออกไป อรุณศรีเรียกไว้
“คุณกริชคะ”
กริชชัยหันมา อรุณศรียิ้มและพูดว่า
“ขอบคุณค่ะ”
กริชชัยยิ้มรับอย่างสุภาพ ถ่อมตัว และก็เดินกลับออกไปขึ้นรถตู้ และรถตู้ก็แล่นออกไป อรุณศรีได้แต่มองตามและมองกุญแจรถพร้อมกับรถที่จอดอยู่ด้วยความคิดไม่ถึง อรุณศรีคิดๆ แล้วก็นึกได้
“ผู้สมรู้ร่วมคิด”

โทรศัพท์สุพรรณิการ์ดังขึ้น สุพรรณิการ์หยิบมากดรับ
“ได้รถแล้วใช่มั้ย” สุพรรณิการ์พูดอย่างรู้ทัน
อรุณศรียืนพูดโทรศัพท์อยู่ข้างๆรถป้ายแดง
“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนนะ ไว้ใจไม่ได้ใหญ่แล้ว” อรุณศรีโวย
“แกไม่ต้องมาโวยเลย มีผู้ชายเอารถมาให้ใช้ ดีกว่ามีผู้ชายมาไถเงินนะเว้ย”
อรุณศรีสะอึก
“โห..จี๊ดเลย เจ็บนะเนี่ย”
“เอาน่า..คุณกริชเค้าทำถูกแล้ว มีรถไว้ใช้ในตอนนี้มันก็ดีกับแก รับๆไว้ อย่าเรื่องมาก”
อรุณศรีคิดๆ
“ฉันก็ไม่อยากเรื่องมาก แต่ก็ลำบากใจอยู่ดี ไม่ค่อยมีผู้ชายมาทุ่มเทให้มั้ง เลยไม่ชิน แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ห้องหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปหา”
สุพรรณิการ์ตอบเสียงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
“เปล่า..ฉันไม่ได้อยู่ที่ห้อง”
“แล้วแกอยู่ไหน”
สุพรรณิการ์คิด ก่อนจะตอบ
“อยู่ที่หน้าบ้านคุณแหนม”
อรุณศรีตกใจ
“แล้วแกไปทำอะไร”
สุพรรณิการ์มองเข้าไปในบ้านด้วยสายตามุ่งมั่น
“ฉันอยากจะเคลียร์กับเค้าแบบหญิงๆ คุยกันให้รู้เรื่อง เคลียร์กันให้ชัดๆ ถ้าฉันไม่ได้พูด ฉันไปต่อไม่ได้จริงๆ มันคาใจ”
อรุณศรีพยายามเกลี้ยกล่อม
“ฝ้าย.. ฉันว่าเคลียร์ไปตอนนี้มันจะยิ่งยุ่ง รอให้เรื่องซาๆแล้วหาเวลามาคุยกัน มันน่าจะดีกว่านะ”
สุพรรณิการ์ตอบอย่างหนักแน่น
“ไม่ต้องรอหรอก..คุยตอนนี้แหละ ดีที่สุด แกไม่ต้องห่วง ฉันต้องมีชีวิตกลับไปเจอแกให้ได้”

สุพรรณการ์พูดจบก็กดวางและปิดเครื่องไปทันที
“ฝ้ายอยู่ที่บ้านแหนม!!” วัชระโพล่งออกมาด้วยความตกใจ หลังจากได้ฟังเรื่องราวที่อรุณศรีโทร.มาบอก

เวลานั้นวัชระยืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ในมือถือถุงยาอยู่ด้วย
“แล้วฝ้ายไปถึงนานหรือยังครับ”
“น่าจะเพิ่งถึงนะคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ แอ๊วกลัวว่าฝ้ายจะเป็นอันตรายน่ะค่ะ” อรุณศรีรีบบอก
“เดี๋ยวผมไปดูเองครับ ตอนนี้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว บ้านแหนมอยู่ ไม่ไกล เดี๋ยวผมเรียกมอเตอร์ไซด์ไปเลยครับ” วัชระรีบตอบอย่างไม่ลังเล
“ฝากฝ้ายด้วยนะคะคุณวัช ขอบคุณค่ะ” อรุณศรีโล่งใจนิดๆ
อรุณศรีวางสายไปแล้ว แต่ใจยังอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ วัชระเดินกะเผลกๆมาที่ริมถนนหน้าโรงพยาบาล มองซ้ายมองขวาเห็นวินมอเตอร์ไซด์อยู่ไม่ไกล วัชระรีบกระเผลกไปทันที

สุพรรณิการ์ยืนอยู่ในห้องรับแขก หน้าตาเตรียมพร้อมรับมืออย่างมีสติ สีรุ้งเดินนำเข้ามาก่อนเป็นคนแรก
“เธอจะมาที่นี่ทำไม ต้องการอะไรอีก”
“ฉันต้องการคุยกับคุณแหนม”
เนตรนภัสเดินเข้ามา นรีวรรณตามมาติดๆ
“แต่ฉันไม่อยากคุยกับเธอ”
สุพรรณิการ์หันมาทางเนตรนภัส
“ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณกับวัชเลิกกัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนส่วนหนึ่งมันเป็นอุบัติเหตุ ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เสียใจ แล้วทำทำไม” เนตรนภัสเสียงดังขึ้น
สีรุ้งรีบจับเนตรนภัส
“แหนม...ใจเย็นๆลูก”
นรีวรรณหันมาพูดกับสุพรรณิการ์
“พี่สาวฉันกำลังจะทำใจได้แล้ว เธอกลับไปดีกว่า เธอยิ่งมา พี่ฉันยิ่งรู้สึกแย่”
“แต่ถ้าคุณยิงคุณวัชแล้วทำให้คุณทำใจได้ คุณอยากจะทำอะไรกับฉันก็เชิญ เผื่อมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ฉันยินดีรับทุกอย่าง”
“อยากทำให้ฉันรู้สึกดีใช่มั้ย ได้...ให้ฉันตบเธอสักที ฉันจะรู้สึกดีขึ้นมาก”
เนตรนภัสสะบัดมือจากสีรุ้งแล้วพุ่งตรงไปหาสุพรรณิการ์พร้อมง้างมือ สีรุ้งตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
“แหนม”
สุพรรณิการ์หลับตารอรับฝ่ามือ ฝ่ามือเนตรนภัสกำลังจะฟาดลงที่ใบหน้าของสุพรรณิการ์แล้วก็ชะงักค้างไว้ สุพรรณิการ์งง ค่อยลืมตาขึ้นเห็นมือเนตรนภัสง้างมือค้างอยู่ สีรุ้งและนรีวรรณมองงงๆ
เนตรนภัสเอามือลง
“แม่ฉันสอนไว้ว่า...ความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหา”
สีรุ้งมองเนตรภัสด้วยความโล่งใจที่คิดได้
“ต่อให้ฉันตบเธอ ชีวิตฉันก็ไม่ดีขึ้น วัชก็ไม่มีวันกลับมา มือฉันยังต้องเจ็บ อารมณ์ฉันก็ต้องเสีย ถ้าเธออยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อลบล้างความรู้สึกผิด และทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น กรุณาออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว และอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก...ทั้งสองคน”
เนตรนภัสพูดจบก็สบัดหน้าเดินออกไป สีรุ้งและนรีวรรณเดินตามไป สุพรรณิการ์ยืนอยู่ที่เดิมรู้สึกมึนๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ใจหนึ่งก็โล่งอย่างน้อยก็ได้แสดงความรับผิดชอบ

มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาจอดเทียบหน้าบ้านเนตรนภัส วัชระรีบกระเผกลงจากรถ และจ่ายเงิน สุพรรณิการ์เดินออกมาจากบ้านเนตรนภัสพอดี
“ฝ้าย”
วัชระรีบกระเผกมาหาสุพรรณิการ์
“ฝ้ายเป็นยังไงบ้าง” วัชระพูดพลางจับแขนและมองหน้าด้วยความเป็นห่วง
“สบายดี”
“ฝ้ายมาที่นี่ทำไม มาแล้วยังไม่บอกผมอีกต่างหาก ถ้าแอ๊วไม่โทร.บอกผมก็คงไม่รู้ ฝ้ายก็รู้ว่าแหนมเค้าอารมณ์ยังไง ทำไมยังมาอีก”
“คุณยังกล้าเผชิญหน้ายอมรับผิดได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ เพื่อให้หมดเรื่องคาใจ ตอนนี้ทั้งฉันและเค้าเราไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันอีกแล้ว”
วัชระมองหน้าสุพรรณิการ์ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ วัชระดึงฝ้ายมากอดปลอบใจ
“ฝ้าย ผมขอย้ำ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด คนนั้นคือผม อย่าโทษตัวเองรู้หรือเปล่า”
สุพรรณิการ์ฟังแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น
สุพรรณิการ์อยู่ในอ้อมกอดของวัชระ ทันใดก็นึกได้และรีบดันตัวออกจากอ้อมกอดของวัชระ ก่อนจะพูด
“เรื่องระหว่างฉันกับคุณแหนมจบไปแล้ว แต่เรื่องระหว่างฉันกับคุณ ยังเหมือนเดิม อย่าลืม”
“ผมไม่ลืมหรอกน่า กลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่”
“ไม่ใช่นับหนึ่ง แต่นับศูนย์”
“ศูนย์เลยเหรอ”
“ใช่ นับศูนย์ใหม่ รับได้หรือเปล่า”
“ผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว”
วัชระรับคำท้า สุพรรณิการ์ยิ้มรับนิดๆ ทั้งสุพรรณิการ์และวัชระหันมามองหน้าบ้านเนตรนภัสอีกครั้ง แล้วก็คิดในใจ “จบแล้ว”

เช้าวันต่อมาปรานต์แต่งตัวเตรียมไปทำงาน เกียวยืนกอดอกในชุดเสื้อคลุมเดินเข้ามายืนด้านหลัง
“พี่ไปเจอผู้หญิงที่ชื่ออรุณศรีมาแล้วนะ”
ปรานต์กำลังผูกเนคไทอยู่ถึงกับชะงักนิดๆแต่ก็ทำเป็นผูกเนคไทต่อเหมือนไม่อยากรู้
“เค้าก็ดูปกติ ไม่ได้จะเลวร้าย เหมือนพี่ปรานต์บอกพี่”
“เค้าเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ทำให้ตัวเองดูดี และผมดูแย่ในสายตาคนอื่น” ปรานต์น้ำเสียงเรียบ
“พี่ถามจริงๆนะ แหวนแต่งงานวงนั้น ของปรานต์หรือของเพื่อนกันแน่”
ปรานต์ทำหน้าเซ็ง เกียวรีบพูดต่อ
“พี่เห็นใบเสร็จแล้วก็ใบการันตีเพชรมันเป็นวันเดียวกับที่ปรานต์ยืมเงินพี่ แล้วราคามันก็เกือบสองแสน มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า หรือปรานต์หลอกเอาเงินพี่ไปซื้อแหวนให้ผู้หญิงคนนั้น และถ้าเป็นแหวนเพื่อน ทำไมไม่รีบเอาไปคืนสักที เก็บเอาไว้ทำไม” เกียวอารมณ์เริ่มขึ้น
“โอเคๆ ผมยอมรับ ผมเอาเงินพี่ไปซื้อแหวนวงนี้”
เกียวสะอึก..หน้าแดงกล่ำด้วยความโกรธ
“ผมบอกพี่แล้ว..ผมต้องเอาเงินไปลงทุนเพิ่ม แต่ผมไม่มีผมก็ยืมเพื่อนไปก่อน พอพี่ให้เงินมา ผมก็รีบไปคืนมัน มันก็เอาเงินไปซื้อแหวนวันนั้นเลย และตอนนี้มันก็ไปเมืองนอก เลยฝากแหวนไว้กับผม ถ้ามันกลับมาเมื่อไหร่ จะรีบนัดให้พี่สอบปากคำทันที จะได้เลิกวุ่นวายกับไอ้เรื่องแหวนนี่สักที”
กียวฟังแล้วยังสับสนว่ามันจริงหรือโกหกกันแน่
“ส่วนเรื่องแอ๊วพี่ไม่ต้องแปลกใจที่จะรู้สึกว่าเค้าเป็นคนดี เค้าแสดงบทนี้เก่งมาก ผมยังหลงคบยู่ตั้งหลายปี ผมทุ่มเทให้ทุกอย่าง อยากได้อะไร ผมก็ซื้อมาให้ ไม่มีเงินก็ยืมคนอื่นมาให้ เค้าก็ยังไม่พอ ยังรวมหัวกับเพื่อนให้ผมทำสัญญาเงินกู้อีกสี่แสน ทุกวันนี้ผมยังไม่มีปัญญาหามาใช้คืนเลย”
“สี่แสน”
เกียวตกใจ ปรานต์ตีหน้าอย่างคนนน่าสงสารสุดๆ

ปรานต์ส่งใบสัญญาเงินกู้ของสุพรรณิการ์ให้เกียวดู เกียวรับมาอ่านหน้าตาเคร่งเครียด
“พี่คิดดูแล้วกัน ตัวเองมีเรื่องต้องใช้เงิน แต่ขอร้องให้ผมทำเรื่องกู้กับเพื่อน ผมก็โดนทั้งขึ้นทั้งร่อง เงินก็ไม่ได้ใช้ แถมหนี้ก็ยังมีติดตัว ทุกวันนี้เค้ายังหาเรื่องโทร.หาผมตลอด ทำเป็นทวงเงินแล้วก็..ชวนไปทำอย่างอื่น”
เกียวปรี๊ดด้วยความหึงหวง
“ขนาดผมบอกว่าผมมีพี่แล้ว เค้าก็ยังจะตอแย แล้วก็เอาเรื่องเงินมาขู่”
“แล้วไปกับเค้าหรือเปล่า”
“ไม่เคย ผมจะไปได้ยังไง ผมมีพี่แล้ว ก็คือพี่คนเดียว ผมไม่ใช่คนสำส่อน..เหมือนแอ๊ว คบกับคนใหม่ แล้วยังจะไม่ทิ้งคนเก่า”
เกียวเริ่มคิดหนัก
“เค้าอาจจะทำให้พี่เชื่อว่าเค้าเป็นคนดีได้ในครั้งแรกที่เจอกัน แต่ถ้าพี่เป็นผมพี่จะรู้ว่าจริงๆแล้วเค้าเป็นคนยังไง แต่พี่จะเลือกเชื่อเค้ามากกว่าผม..ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง”
เกียวฟังแล้วก็คิด..คิดแล้วก็อ่านสัญญาเงินกู้อีกที แล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“ถ้าพี่ให้เงินสี่แสนไปใช้หนี้... กับคนเนี้ย..จะจบมั้ย”
ปรานต์ถึงกับช็อก อึ้ง ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ราวเสื้อผ้าของธีธัชถูกเข็นมาวางกลางห้อง กริชชัยกับวัชระที่นั่งเอาขาพาดโต๊ะเพราะยังเจ็บแผลอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ
“แกทำอะไรของแกวะไอ้ธี” กริชชัยถาม
“ฉันจะให้พวกแกช่วยเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปหาแม่เภา” ธีธัชว่า
วัชระกับกริชชัยถึงกับส่ายหัว ธีธัชไม่สนใจหันไปหยิบชุดหนึ่งมาถามเพื่อนๆ
“ชุดนี้เป็นไง ขรึมไปป่ะ เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าฉันเป็นคนซีเรียสไม่เอาดีกว่า ชุดนี้เป็นไง หรือว่ามันจะเล่นๆไป เดี๋ยวแม่เภาจะคิดว่าฉันเป็นคนไม่มีแก่นสาร เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ชอบทำตัวไร้สาระ”
“ชุดนี้แหละ” กริชชัยและวัชระพูดขึ้นพร้อมกัน
“อ้าว...เฮ้ย” ธีธัชอุทาน
“ไอ้ธี..แกไม่ต้องคิดมาก แต่งตัวตามปกติสไตล์แกก็ได้ ป้าจามจุรีเค้าไม่ถือ” กริชชัยว่า
“ใช่..แค่เรื่องเสื้อผ้า แกจะเครียดทำไมวะ เภาพาไปหาแม่ นี่ถือว่าพัฒนาก้าวกระโดด แกดูฉัน..รันทดแค่ไหน อยู่ๆฝ้ายก็ขอกลับมาตั้งต้นใหม่ .. ถอยมาซะไกลเลย สุดท้ายเค้าจะคบกับฉันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้..เฮ่อ”
“สมน้ำหน้า” กริชชัยบอก
“อ้าวเฮ้ย..ไอ้คุณกริช ไหงพูดเงี้ยะ นี่ขาไม่เจ็บ โดนเตะแน่”
“ก็จริงนี่หว่า แกดันไปทำข้ามขั้นตอนเอง คุณฝ้ายให้โอกาสเริ่มใหม่ก็บุญแล้ว”
“เออ..ใครจะเจ้าระเบียบ ทำทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างทั่นประธานหล่ะคร้าบ เริ่มตั้งแต่ แอบชอบ เฝ้ามอง สังเกตพฤติกรรม ค่อยๆ แสดงความรู้สึก ไม่เป็นมือที่สาม รอให้เค้าเลิกกันเอง แล้วก็ค่อยจีบ.. แล้วขั้นต่อไปอะไรต่อครับทั่น” วัชระถามประชด
“ขอแต่งงาน” กริชชัยเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจ
ธีธัชถึงกับวางมือจากราวเสื้อ วัชระอ้าปากค้าง พูดพร้อมกัน
“ขอแต่งงาน”
อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 22/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์